Skip to content

King of Gods 801

King Of Gods

บทที่ 801 เก็บผลึกเซียน

“แก่นผลึกราชันมาอยู่ในมือแล้วหรือ?”

ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

หนานกงเซิ่งตรงไปตรงมานัก ในมือของเขาปรากฏแก่นผลึกสีม่วงสีเข้มลึกล้ำไร้ก้นบึ้งชิ้นหนึ่ง มีขนาดประมาณไข่ห่าน

“ถูกต้อง” จ้าวเฟิงรับแก่นผลึกราชันชิ้นนั้นมาดู และผงกศีรษะติดๆ กันด้วยสีหน้ายินดี

ยอดฝีมืออัจฉริยะของทั้งสามสำนักที่อยู่ใกล้เคียง ในแววตาปรากฏความอิจฉาอยู่ส่วนหนึ่งเมื่อ มองเห็นแก่นผลึกชิ้นนั้น

อย่าคิดว่าแก่นผลึกชิ้นนี้เล็กจ้อยเช่นนั้น ภายในของมันมีมิติปราณที่แท้จริงแห่งหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นเอง เทียบเท่าได้กับแก่นผลึกของราชันในขอบเขตปราณเทวะ

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น แก่นผลึกที่มีธาตุสายลมและสายฟ้า สอดคล้องกับวิชาวายุอัสนีที่จ้าวเฟิงฝึกฝนอยู่อย่างยิ่ง

มีแก่นผลึกดังกล่าว พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งยวด

มีเพียงอย่างเดียวที่แก่นผลึกนี้ขาดไปคือพลังธาตุน้ำ หากไม่เป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็สามารถเพิ่มระดับได้แล้ว

“หนานกงเซิ่ง ข้ารักษาสัญญาของข้าแน่…จะทุ่มเทแรงกายทั้งหมดช่วยเจ้าช่วงชิงเอา ‘ผลึกปีศาจ’!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างซื่อตรง

หนานกงเซิ่งผงกศีรษะน้อยๆ เขาและจ้าวเฟิงเคยทำการแลกเปลี่ยนกัน จึงเชื่อมั่นในเกียรติของอีกฝ่าย

เมื่อเอ่ยจบ คนทั้งสองก็เดินไปยังด้านข้างของบ่อเลือด ดวงตาจ้องมองไปที่ผลึกปีศาจที่อยู่ด้านบนเสาสีเงิน

ผลึกปีศาจสีม่วงลึกล้ำทั้งชิ้น บริเวณพื้นผิวแผ่คลื่นแสงสีแดงสดชั้นหนึ่ง สาดพลังชั่วร้ายของเลือดและวิญญาณที่เย้ายวนออกมา

“หนานกงเซิ่ง ก่อนจะเริ่มข้ามีอะไรต้องพูด” จ้าวเฟิงเอ่ยปากในทันที

“ว่ามา” ดวงตาสองข้างของหนานกงเซิ่งจ้องผลึกปีศาจเขม็ง และไม่ได้ปกปิดไฟลุกโชนในแววตา

ผลึกปีศาจไม่ใช่ผลึกเซียนระดับล่างในโลกมนุษย์ มันยังแฝง ‘พลังเซียน’ ของขอบเขตเซียนสวรรค์ด้วย

จุดต่างเดียวก็คือ ผลึกปีศาจชิ้นนี้ให้กำเนิดความชั่วร้ายและยังส่งผลกระทบต่อพลังของโลกภายนอก

จ้าวเฟิงเอ่ยเตือน “อย่างแรก การช่วงชิงเอาผลึกปีศาจมาจะมีความเสี่ยงมาก อย่างที่สอง ระดับขั้นพลังของผลึกเซียนสูงส่งเกินไป มันมีความสามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและแทรกแซงโลกภายนอกที่แกร่งกล้า พลังชั่วร้ายที่มันโอบอุ้มอยู่มากมายจนเกินจะคาดคะเน…”

ในข้อแรก หนานกงเซิ่งเข้าใจอย่างชัดเจน

ทว่าจุดที่สองที่จ้าวเฟิงอธิบายทำให้เขาครุ่นคิดหนัก

หากจะพูดอีกที ถึงเขาได้ครอบครอง ‘ผลึกปีศาจ’ ก็อาจโดนพลังและความชั่วร้ายของมันส่งผลกระทบให้จิตใจบิดเบี้ยวไป

ในเวลาดังกล่าว ‘กูเจาจื้อ’ แห่งตำหนักวิญญาณปฐพีก็มาถึงเมื่อได้ข่าว

“หนานกงเซิ่งได้แก่นผลึกวายุอัสนีไปก่อนจนได้ แต่ทว่าข้าไม่ได้เสียโอกาสไปเสียทีเดียว”

กูเจาจื้อยืนสังเกตุการณ์เงียบๆ ในมุมหนึ่ง

เขาเองก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่า ‘ผลึกปีศาจ’ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะควบคุมได้ อย่างน้อยๆ ในช่วงนี้จ้าวเฟิงก็ไม่อยากได้เผือกร้อนที่ลวกมือชิ้นนี้

“ข้าตัดสินใจแล้ว!”

หนานกงเซิ่งสูดหายใจลึก แววตาแน่วแน่

การตัดสินใจนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของจ้าวเฟิง เพราะจากมุมมองของหนานกงเซิ่ง เขามองเห็นการมุ่งมั่นไขว่คว้าในพลัง

“จ้าวเฟิง เจ้าล้ำหน้าข้าไปมาก กระทั่งครั้งหนึ่งทำได้เพียงเฝ้ามองแต่ละก้าวที่เป็นตำนานของเจ้า แต่ผลึกปีศาจเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตข้า”

ในดวงตาของหนานกงเซิ่งปรากฏจิตต่อสู้ที่แกร่งกล้าขึ้น

ใจเขาสับสนวุ่นวายเรื่องจ้าวเฟิง ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามเดินขึ้นไปสู่ระดับสุดยอดของชางไห่ทีละก้าวๆ กลายมาเป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่จักรพรรดิ ขนาดเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับยังต้องหวาดกลัวส่วนหนึ่ง

ทันทีที่เอ่ยจบ

กูเจาจื้อ ข่งเฟยหลิง และพวกเด็กหนุ่มชุดม่วงผู้เป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดต่างๆ ในพื้นที่แห่งนี้ล้วนแต่ใจสั่นระรัว

“จ้าวเฟิงผู้นี้…ดำรงอยู่อย่างไรกันแน่?”

“แข็งแกร่งอย่างหนานกงเซิ่งยังทำได้เพียงจ้องมองก้าวย่างในตำนานของเขางั้นหรือ?”

ยอดฝีมือของสามสำนักใจเต้นแรง

ความสามารถของหนานกงเซิ่งที่แสดงออกมาพอจะอยู่ในร้อยอันดับแรกของรายชื่อจักรพรรดิต้าเฉียน

แต่อัจฉริยะเช่นนี้ยังทำได้เพียงจ้องมองก้าวย่างของจ้าวเฟิงเท่านั้น

ในเวลานั้น เด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในบ่อเลือดก็เหมือนมีหมอกควันหนาทึบหมุนวนรอบตัว

“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร?”

ผู้เฒ่าเฟ่ย ข่งเฟยหลิง หลิ่วเทียนฝาน และหวงอวิ๋นหูจากสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเหมือนสติหลุดลอยออกไป

ขนาดกูเจาจื้อแห่ง ‘ตำหนักวิญญาณปฐพี’ ที่เป็นสำนักสามดาว บนหน้าผากยังมีเหงื่อเย็นไหลซึม

ในวินาทีนี้ เขารู้สึกว่า‘จ้าวเฟิงคนนี้ลึกลับและน่ากลัวอย่างยิ่ง

กูเจาจื้ออดรู้สึกโชคดีไม่ได้ที่ตนเองไม่ลงมือทำร้าย ‘จ้าวเฟิง’ ตอนก่อนหน้านี้

“ข้าทำได้เพียงรับรองว่าจะพยายามทุ่มเทสุดกำลังช่วยเจ้าช่วงชิงผลึกปีศาจ” จ้าวเฟิงถอนหายใจเบาๆ

“ศิษย์น้องจ้าว ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้! ว่ากันว่าขนาดครึ่งเซียนคุนอวิ๋นคนนั้นยังได้เจ้าคืนชีวิตให้”

หนานกงเซิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง

“อะไรนะ! ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น? เขาปรากฏตัวรวดเร็วเช่นนี้เลยรึ?”

ในครั้งนี้กลับเป็นจ้าวเฟิงที่ตกใจ

หนานกงเซิ่งผงกศีรษะพลางเอ่ย “ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นฟื้นคืนชีวิต ควบคุมทั้ง ‘อุทยานครึ่งเซียน’ อีกทั้งยังมีข้อตกลงกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่”

เดิมทีเขาคิดจะหยั่งเชิงจ้าวเฟิง เพราะเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตของครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเป็นแค่เพียงเรื่องเล่าเท่านั้น

และจ้าวเฟิงก็เหมือนไม่ได้ยอมรับเรื่องนี้

“ครึ่งเซียน!”

บรรดายอดฝีมือและลูกศิษย์สามสำนักที่อยู่รอบนอกอดสูดหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอดไม่ได้ ฟังจากความหมาย เหมือนว่าจ้าวเฟิงได้ชุบชีวิตให้กับครึ่งเซียนผู้หนึ่ง ช่างน่าตื่นตกใจเสียนี่กระไร

“ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น!”

ความตกใจปรากฏขึ้นบนหน้าของผู้เฒ่าเฟ่ย เหมือนเขาล่วงรู้เรื่องเล่าส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับครึ่งเซียนคุนอวิ๋น

ยอดฝีมือในระดับขั้นครึ่งเซียน คล้ายจะเคยปรากฏร่องรอยเพียงในสำนักสี่ดาวและสามดาวเท่านั้น

‘ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น’ คนนั้นในวันก่อนไม่ได้แข็งแกร่งธรรมดา แต่ชื่อเสียงของเขายังกระจายไปถึงสำนักสามดาวสี่ดาวในดินแดนทวีปด้วย

แต่บุคคลในตำนานเช่นนี้เหมือนจะได้จ้าวเฟิงคืนชีพให้

ถัดจากนั้น ห้วงคิดเซียนของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสื่อสารแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สื่อสารกัน จ้าวเฟิงถึงล่วงรู้ว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นผู้นั้นใช้วิชาพิเศษเข้าไปภายในอุทยานครึ่งเซียน และได้รวมเข้ากับพลังของครึ่งเซียนในอุทยาน

ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็ยากจะทะลวงเข้าไปได้

และแน่นอนว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นยังอยู่ระหว่างพักรักษาตัว คิดจะฟื้นฟูพลังของครึ่งเซียนในระดับสุดยอด เกรงว่ายังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

เมื่อฟังมาจนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงถึงค่อยผ่อนลมหายใจ

ในตอนนี้ เด็กน้อยครึ่งเซียนย่อมยังไม่มีทางล่วงรู้เรื่องที่จ้าวเฟิงเปลี่ยนร่างเกิดใหม่อีกครั้ง ถึงกระทั่งยังเตรียมตัวป้องกัน ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ในระยะสุดยอดด้วย

ด้านข้างบ่อเลือด ณ แท่นบูชาปีศาจ

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกไม้คทาในมือ ผลึกปีศาจที่อยู่บนเสาสีเงินปลดปล่อยลำแสงเซียนโลหิตสีม่วงที่ผิดปกติออกมา

“ให้เจ้าลงมือแล้วกัน”

จ้าวเฟิงที่เพิ่งเตรียมพลังมหาศาลของปราณเทวะก็ถอดใจ ด้วยรู้สึกว่าหนานกงเซิ่งถนัดในด้านมิติมากกว่า

พรึ่บ!

หนานกงเซิ่งโบกมือ แสงสีเงินมากมายบิดเบี้ยวจนกลายเป็นช่องน้ำวน ดูดเอาเลือดบริสุทธิ์ในบ่อเลือดไปอย่างรวดเร็ว

เลือดบริสุทธิ์เหล่านี้มีประโยชน์ในตอนนี้ ต่อไปหนานกงเซิ่งจะมอบให้แก่จ้าวเฟิง

“ขั้นตอนแรกลุล่วงแล้ว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะอมยิ้ม

พวกเขาเอาเลือดบริสุทธิ์ในบ่อเลือดออกมา เพื่อปิดกั้นและตัดขาด ‘ผลึกปีศาจ’ อีกขั้นหนึ่ง

ในขั้นตอนนี้ต้องการไต้ซือปีศาจอย่างเจ้าแมวขโมยตัวน้อยสื่อสารกับผลึก

ถ้าหากไม่เช่นนั้นแล้ว ในขณะที่โดนผลกระทบจากผลึกปีศาจก่อกวน บ่อเลือดก็จะปั่นป่วน ก่อให้เกิดความยุ่งยากไม่น้อย

เปรี้ยง!

ในกลุ่มละอองหมอกควัน หนานกงเซิ่งลงมือทำลายแท่นบูชาอย่างถอนรากถอนโคน

ยามนั้นเอง

‘ผลึกปีศาจ’ นั้นลอยตัวขึ้นกลางอากาศดังต้นไม้ที่ไร้ราก พลังชั่วร้ายที่จะส่งผลกระทบต่อโลกภายนอกก็ถูกเก็บกักไว้เป็นจำนวนมาก

ในเวลาดังกล่าว

ยอดฝีมือและลูกศิษย์ของทั้งสามสำนักล้วนแต่จับจ้องเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าสายตา

ถ้าหากว่าเป็นไปได้ พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะมีส่วนร่วม

แต่ในตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่งการร่วมมือระหว่างจ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลึกลับของจ้าวเฟิงที่ทำให้กูเจาจื้อและคนอื่นสำรวมกิริยาวาจาไว้มั่น

“มาถึงจุดที่สำคัญแล้ว” สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม

ขั้นต่อไปคือพันธนาการและเก็บผลึกปีศาจ

ในขั้นนี้อันตรายมากที่สุด

ความยากมันอยู่ที่ วิธีการอันเป็นเจตนาร้ายต่อ ‘ผลึกปีศาจ’ ทั้งหมดล้วนต้องเผชิญกับการต่อต้าน

ข้อดีเพียงอย่างเดียวของจ้าวเฟิงอยู่ที่ ‘คทาปีศาจ’ ในมือของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย จึงมีความสามารถสื่อสารกับผลึกปีศาจ

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกกรงเล็บ เพื่อแสดงว่ามันไม่สามารถขัดขวางการตอบโต้กลับของผลึกปีศาจ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงขัดขวางเล็กน้อยเท่านั้น

“เก็บ!”

หนานกงเซิ่งแบกมือออกในทันที ปรากฏน้ำวนขนาดเล็กที่เกิดจากแสงสีเงินค่อยๆ ขยายใหญ่ออก

ในอากาศกระจายพลังลี้ลับกลุ่มหนึ่งเพื่อต้านทานผลึกปีศาจไว้

พรึ่บ~

ผลึกปีศาจระเบิดพลังอันชั่วร้ายแกร่งกล้าออกมาในฉับพลัน ลำแสงโลหิตสีม่วงที่แปลกประหลาดตรงดิ่งไปหาหนานกงเซิ่ง

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกคทา เพียงแค่ลดทอนพลังการโต้กลับของผลึกปีศาจลงไปหลายส่วน

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงผุดลำแสงมายาสีม่วงราวกับหมอกเลือนรางชั้นหนึ่ง ภายในยังปรากฏแสงเย็นเยือกสีฟ้าเข้มด้วย

เรือนผมสีม่วงของเด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาในครรลองสายตาโบกสะบัด

“ไม่นึกเลยว่าจ้าวเฟิงผู้นี้ยังซุกซ่อนสายเลือดดวงตาที่แข็งกล้าเช่นนี้ไว้”

บรรดาลูกศิษย์และยอดฝีมือทั้งสามสำนักที่อยู่รอบๆ ตกใจกันไม่น้อย

ชั่วเวลานั้น พลังแก่นแท้จิตวิญญาณเหมันต์ในระดับสุดยอดเกาะกลุ่มปกคลุม ‘ผลึกปีศาจ’ โดยปกติแล้ว หากเกิดจากพลังของไอสวรรค์ผลึกปีศาจก็จะแตกละเอียดไปในทันที แต่ทว่าเนตรจิตวิญญาณเหมันต์ในครั้งนี้ของจ้าวเฟิงเป็นการแช่แข็งดวงวิญญาณเพียงอย่างเดียว

สิ่งที่แช่แข็งไม่ใช่ตัวของหินผลึก แต่เป็น ‘ความชั่วร้าย’ ที่อยู่ใจกลางของมันต่างหาก

ความชั่วร้ายก็เป็นลักษณะของพลังวิญญาณอย่างหนึ่ง

พรึ่บ ~

ผลึกปีศาจสาดลำแสงเซียนโลหิตสีม่วงตรงดิ่งไปยังจ้าวเฟิง แต่รอบกายจ้าวเฟิงกลับปรากฏแก่นพลังกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้รูปร่าง พลังที่ผลึกเซียนปลดปล่อยออกมามีระดับขั้นที่สูงส่งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแรงกดดันที่มีต่อพลังบนพื้นฐานไอสวรรรค์

แต่ว่า พลังแก่นแท้ร่างกายของจ้าวเฟิงมีความพิเศษมาก แรงต้านทานก็แข็งแกร่ง

ระดับในการตอบโต้ของผลึกปีศาจเองก็ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งในการคุกคามและความเป็นศัตรูของเป้าหมาย

โครม! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งยังทนต่อไปได้ไม่ถึงสองช่วงลมหายใจ ก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกล ยังดีที่มีการสื่อสารของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยจากคทาในมือ จึงลดทอนแรงตอบโต้ของผลึกไปได้หลายส่วน

“ได้ผล!”

จ้าวเฟิงเพ่งพินิจครู่หนึ่ง ก็ปรากฏน้ำค้างแข็งสีฟ้าเข้มกึ่งโปร่งแสงขึ้นบริเวณภายนอกของผลึกปีศาจ

ไม่ว่าพลังของผลึกเซียนจะแข็งแกร่งเท่าไร ก็ปรากฏเพียงในชั้นกายเนื้อภายนอก

‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงเป็นการแช่แข็งและควบคุมอย่างหนึ่งในชั้นวิญญาณ

ดูจากท่าทางแล้ว พลังแก่นแท้จิตวิญญาณเหมันต์ส่งผลควบคุมขัดขวาง ‘ความชั่วร้าย’ ที่อยู่ในผลึกปีศาจ

หนานกงเซิ่งเผยสีหน้ายินดี และในเวลาเดียวกันก็มองเห็นความหวังรำไร

เขาสูดหายใจลึก ล่องลอยอยู่ด้านหน้าของผลึกปีศาจ มือสองข้างวาดไปมา

ในระลอกอากาศ พื้นที่ว่างเปล่าที่คนทั้งหมดอยู่ปรากฏเงามิติว่างเปล่าเงียบงันสีเงินเข้มเส้นหนึ่ง

นั่นก็คือเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่ง

วิ้ง! มิติว่างเปล่าบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่สีเงินแวววาวแห่งหนึ่ง หลุมสีเงินทะลักแรงดึงดูดที่รุนแรงอย่างยิ่งออกมา

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!”

พลังดวงตาของจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ทำให้น้ำค้างแข็งสีฟ้าเข้มแผ่ขยายออก ณ บริเวณภายนอกของผลึกปีศาจ

เมี้ยว! คทาในมือของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกไหวๆ แล้วโยนลงไปในหลุมสีเงินดังกล่าว

เพชรโลหิตสีม่วงบนคทาและผลึกปีศาจมีความสัมพันธ์ราวมารดากับบุตร

อีกทั้ง ในเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งยังมีเลือดบริสุทธิ์ของบ่อเลือดด้วย

จากแรงดึงดูดมหาศาล ผลึกปีศาจส่งเสียงดัง ‘วูบ’ แล้วจึงเข้าไปในเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่ง

“สำเร็จแล้วรึยัง?” หนานกงเซิ่งที่ต้องแบกรับแรงต่อต้านมหาศาลกระอักเลือด แต่ทั้งใบหน้าระบายความยินดี

แต่ในเวลานี้เอง เสียงแก่ชราดังกังวานขึ้น

“ยั้งมือก่อน! เอาผลึกปีศาจไปไม่ได้ มิฉะนั้นจะนำพาภัยพิบัติมาสู่เมืองใต้ดินรวมไปถึงมิติเทพลวงตา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!