Skip to content

King of Gods 807

King Of Gods

บทที่ 807 กลุ่มหัวขโมยสองคน

เฉาอวิ๋นและพวกลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงมองส่งจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโบยบินไปยังซากเมืองโบราณ ตกตะลึงกันเล็กน้อย

ในซากเมืองปรักหักพังนั้นเป็นที่รวมตัวของอัจฉริยะชั้นยอดจากตระกูลชนชั้นสูงกลุ่มหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน

“จีหลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉาอวิ๋นมีสีหน้าห่วงใย มองไปยังดรุณีเรือนผมม่วงที่อยู่ข้างกาย

ร่างแบบบางของจีหลานยังสั่นสะท้านน้อยๆ วงหน้าละมุนซีดขาว ท่าทางราววิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง เหมือนว่านางยังไม่หาย ‘ตื่นตกใจ’ จากเหตุเมื่อครู่

อัจฉริยะยอดฝีมือพวกนั้นก็ยังตื่นตระหนกไม่หายเช่นกัน

จีหลานเป็นบุตรสาวของหนึ่งในแปดตระกูลชนชั้นสูง ฐานะสูงส่ง ทะนงอย่างยิ่ง และบวกกับมีสายเลือดดวงตาที่พิเศษ จึงเรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวผู้โดดเด่น

ที่ผ่านมา จีหลานไม่ใช่ว่าไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูมาก่อน แต่ทุกคนไม่เคยเห็นนางโดนโจมตีเช่นนี้

“สายเลือดดวงตาของเขาน่ากลัวที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในช่วงชีวิตนี้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”

จีหลานเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวน

ทันทีที่เอ่ยออกมา พวกลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงตะลึงงัน

เพราะสกุลจีมีชื่อเสียงเรื่องมรดกสายเลือดดวงตา ในวงศ์ตระกูลก็เคยปรากฏดวงตาที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนหนึ่งมาก่อน

บางทีสายเลือดดวงตาของสกุลจีอาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่สายเลือดดวงตาชั้นยอดที่จีหลานเคยประสบพบเจอก็มีไม่มากนัก

“เฮอะ! ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับทายาทนัยน์ตาเทพเจ้าที่เคยปรากฏขึ้นในตำนานในทวีปอย่าง ‘เนตรสังสารวัฎ’ หรือ ‘เนตรมรณะ’ “ บุรุษหนุ่มในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งเอ่ย

เกือบพันปีที่ผ่านมาก็เคยปรากฏทายาทของแปดเนตรเทพเจ้าในราชวงศ์แห่งดินแดนทวีป

ในหมู่คนระดับสูงของขั้วอำนาจชั้นยอด นี่ไม่นับว่าเป็นความลับอะไร

“ข้าเองก็เคยเห็นทายาทผู้สืบทอดเนตรเทพเจ้า แต่ว่าแรงกดดันที่ดวงตาซ้ายของเขาส่งผลต่อ ‘เนตรดาราม่วง’ ของข้า โดดเด่นกว่านั้นมาก เหมือนกับมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีดวงตาใดจะเทียบเคียงได้” สกุลจีครุ่นคิด

ในเวลานี้ เนตรดาราม่วงของนางยังไม่อาจหลุดพ้นจากจากสภาวะหวาดกลัวได้เลย

เป็นศาสตร์วิญญาณเฉกเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ฮ่า ฮ่า จีหลาน เจ้าคิดมากไปแล้ว… หรือสายเลือดดวงตาของเจ้าเด็กนั่นจะเป็นหนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้า?”

เฉาอวิ๋นสั่นศีรษะพลางหัวเราะ

คนพวกนั้นหัวเราะกันหมด ไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้

สวบ สวบ!

อีกฟาก จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งที่อยู่ในแสงสีเงินลอยมายังข้างซากเมืองปรักหักพังโบราณ

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกลับเป็นสีปกติ มีเพียงเส้นผมที่ยังคงเป็นสีม่วงอยู่ เมื่อบวกกับใบหน้าหล่อเหลาในช่วงชีวิตนี้ของเขา จึงน่าดึงดูดอย่างยิ่งยวดต่อเพศตรงข้าม

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปราดมองทุกอย่างคร่าวๆ จากกลางอากาศ

ซากเมืองโบราณเบื้องหน้าของเขาแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่อย่างยิ่ง ไม่ด้อยไปกว่าเมืองใต้ดินเลยด้วยซ้ำไป

ขณะที่ยังไม่ชัดเจน จ้าวเฟิงตัดสินได้ว่าที่แห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางการค้าที่รุ่งเรืองมาก่อน แต่ละเผ่าพันธุ์ในมิติเทพลวงตาต้องเคยเดินทางมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน

ในเมืองสามารถมองเห็นโครงกระดูกของเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงรูปแบบสิ่งก่อสร้างที่ต่างกันของของแต่ละเผ่าพันธุ์ด้วย

ต่อมาไม่รู้ว่าเจอกับภัยพิบัติอะไร สิ่งมีชีวิตในเมืองสำคัญทางการค้าแห่งนี้ตายสิ้นไปในเวลาอันสั้น จนเหลือเพียงซากปรักหักพังนี้

คนทั้งสองเพิ่งมาถึงชานเมือง ก็รับรู้ได้ถึงไอสวรรค์ในฟ้าดินที่สะเทือนเลื่อนลั่น และปราณที่แท้จริงมหาศาลที่ปะทะเข้าหาอย่างรุนแรงในที่แห่งนี้

การฉกชิงต่อสู้ในซากเมืองนี้รุนแรงกว่าปกติ

“ที่แท้ ถึงแม้ว่าสรรพชีวิตในเมืองจะตายจากเคราะห์อย่างหนึ่ง แต่สมบัติล้ำค่าจำนวนมากยังคงถูกเก็บรักษาไว้”

จ้าวเฟิงเข้าใจที่มาที่ไปแล้ว

นี่เป็นเพียงแค่ผลที่ได้มาจากการสำรวจวิเคราะห์อย่างคร่าวๆ ผ่านดวงตาเทพเจ้าของเขา

ความจริงแล้ว

ในซากเมืองปรักหักพังแห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าโบราณจำนวนไม่น้อยจริงๆ

สวบ สวบ สวบ!

เฉาอวิ๋น จีหลาน และยอดฝีมือตระกูลชนชั้นสูงที่อยู่ด้านหลัง กลับไปยังซากเมืองปรักหักพังอีกครั้ง และเข้ารวมการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าอื่นๆ

“เหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไป”

หนานกงเซิ่งดูกระตือรือล้นเล็กน้อย ในสถานการณ์ชุลมุนเช่นนี้ พรสวรรค์มิติของเขาเหมาะจะอาศัยช่วงโอกาสนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์

คนทั้งสองสบตากัน ไม่ลังเลที่จะเร้นกายเข้าไปในซากเมืองโบราณ

เพิ่งบินออกไปหลายสิบลี้ เบื้องหน้าก็มีการต่อสู้ของอัจฉริยะยอดฝีมือหลายสิบคน ในนั้นมีลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงและยอดอัจฉริยะของสำนักต่างๆ

“ไสหัวไป! อุกกาบาตโบราณเป็นของที่พวกเรา ‘หอแปดดารา’ เจอก่อน”

“ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ อุกกาบาตโบราณชิ้นนี้เป็นถึงของชั้นเยี่ยมในการหลอมสร้างอาวุธชั้นนภา สูญหายไปแล้วทวีป และเป็นทรัพยากรที่ผู้อาวุโสสูงสุดของสกุลจีต้องการ”

กองกำลังทั้งสองฝั่งล้วนมีราชันปราณเทวะเข้าร่วม

ครึ่งก้าวสู่ราชันที่กำลังสู้อยู่ส่วนหนึ่ง อาศัยเพียงเพียงข้อได้เปรียบจากวิชาหรือไม่ก็สายเลือดจนสามารถปลดปล่อยกำลังรบในขั้นราชันออกมาได้

บริเวณใกล้เคียงก็มียอดฝีมือในสำนักต่างๆ ส่วนหนึ่งลอบสำรวจ

สวบ! สวบ!

ในเวลานั้นเอง ปรากฏแสงสีเงินชั้นหนึ่งทะยานผ่านอากาศเหนือบริเวณที่คนทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่

“ใครกัน!”

กองกำลังทั้งสองอึ้งงันไปเล็กน้อย

ในกลุ่มผู้มาเยือนสองคน มีราชันในระดับลึกซึ้งคนหนึ่ง เหมือนจะมีความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชามิติ

“ก็แค่ทรัพยากรหินอุกกาบาตเท่านั้น” เด็กหนุ่มผมม่วงผู้อยู่ในแสงสีเงินเอ่ยเรียบๆ

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง ฝ่ายแรกครอบครอง ‘ธนูเหนือนภา’ ส่วนฝ่ายหลังก็มี ‘กระบี่ฟ้าดิน’ จึงไม่ใยดีในอาวุธวิเศษธรรมดาและทรัพยากรหลอมสร้างอาวุธเท่าไรนัก

ถึงแม้ว่า ‘อุกกาบาตโบราณ’ จะมีมูลค่าสูงส่ง ก็ยังไม่มากพอให้คนทั้งสองทุ่มเทแรงกายเข้าไปร่วมวงด้วย

ขวับ!

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโบยบินผ่านกลุ่มคนทั้งสองฝั่ง

“อ๊า! ‘จิตนทีเทพ’ ของข้า!”

ดรุณีผมฟ้าผู้งดงามร้องลั่น ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ

ตู้ม! ขวับ

ใต้การปกคลุมของเคล็ดวิชามิติและแรงมหาศาลของร่างกาย นางไม่อาจโต้กลับแม้แต่น้อย ‘จิตนทีเทพ’ ที่เพิ่งจะครอบครองถูกฉกชิงเอาไป

“เด็กหนุ่มสองคนนั่นกล้าฉกเอาสมบัติล้ำค่าของ ‘เจียงเฟยเสวี่ย’ ผู้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของ ‘สกุลเจียง’”

ยอดฝีมือจากขั้วอำนาจสำนักที่ลอบสังเกตุการณ์อดจะตกใจไม่ได้

ในพื้นที่นี้สามารถขุดพบหินแร่ล้ำค่าชั้นยอดได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็มีอุกกาบาตโบราณซึ่งมีมูลค่าสูงสุด

อัจฉริยะยอดฝีมือของสกุลเจียงและหอแปดดารา ขั้วอำนาจทั้งสองกำลังเข้าร่วมการช่วงชิง

ไม่คาดคิดเลยว่าอัจฉริยะที่ดู ‘ไร้สมอง’ ทั้งสองคนจะเข้าร่วมวงด้วยอย่างอาจหาญเช่นนี้ และยังลงไม้ลงมือกับหญิงงามอันดับหนึ่งของสกุลเจียงด้วย

“น้องเฟยเสวี่ย! รอให้พวกเราช่วงชิงเอา ‘อุกกาบาตโบราณ’ มาให้ได้ก่อนแล้วจะเอาคืนให้เจ้า”

ราชันหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งของสกุลเจียงกวาดตามองไปทางที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหายไปด้วยสายตาย็นชา

ขวับ!

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งตรงดิ่งไปยังส่วนลึกของซากเมืองปรักหักพังโบราณ

“ไม่เลวเลย ‘จิตนทีเทพ’ นี้สามารถเพิ่มธาตุที่แก่นผลึกวายุอัสนีขาดไปได้”

จ้าวเฟิงระบายยิ้ม

สักพักคนทั้งสองก็พบกับกลุ่มยอดฝีมือจำนวนเกือบร้อย คงจะเป็นตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

“ฮ่า ฮ่า…คิดไม่ถึงเลยว่าจะพบชิ้นส่วนอาวุธชั้นนภาถึงสองชิ้นในที่แบบนี้ แถมยังค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย”

เด็กหนุ่มชุดนักรบสีทองม่วงผู้หนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะ

เด็กหนุ่มผู้นี้มีพลังฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน ข้างกายมีผู้เฒ่าใบหน้าเหี่ยวย่นขั้นราชันระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งยืนอยู่

“องค์ชายสิบสาม นอกจากอาวุธชั้นนภา ที่นี่ยังมีไผ่เขียวที่ถูกปิดผนึกอยู่ด้วย…”

“เอ๋! ที่นี่มีเกราะอ่อนผุพังชิ้นหนึ่งที่กระทั่งอาวุธวิเศษยังทำลายไม่ได้”

ยอดฝีมือผู้อาวุโสและอัจฉริยะส่วนหนึ่งแถวนั้นต่างก็พบเจอ

คนเหล่านี้ยึด ‘องค์ชายที่สิบสาม’ ในชุดนักรบสีม่วงทองเป็นแกนนำ หนำซ้ำสำนักที่อยู่รอบๆ อย่างมากก็ทำแค่ลอบสังเกตการณ์ ไม่กล้าเข้ามาแย่งเอาซึ่งๆ หน้า

ขวับ!

ในเวลานี้เอง แสงสีเงินชั้นหนึ่งก็ลอยละลิ่วลงมาจากฟากฟ้า

“ราชันระดับลึกซึ้งแขนงมิติ!”

ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฉายแววระแวดระวัง

“คนที่มาเป็นคนของขั้วอำนาจใด พวกเราเป็นคนของเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน จงรีบถอยไปโดยเร็ว” ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งตะเบ็งเสียง

พรึ่บ!

แสงสีเงินดังกล่าวไม่ถอยแต่กลับรุกคืบเข้าไปใกล้ เพียงแวบเดียวก็เข้าไปในกลุ่มคนนั้น

“พลั่ก!”

พวกอัจฉริยะเชื้อพระวงศ์ส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันร่างกายราวขุนเขาเช่นนี้ก็กระอักเลือดออกมาหลายคน

“เจ้าคนชั่วโอหังนัก! หยุดมือซะ!”

ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวผู้นั้นตะโกน กลายร่างเป็นเสี้ยวแสงสีเหลืองเข้มตรงเข้าหาคนทั้งสอง

หนานกงเซิ่งหัวเราะเสียงเย็น พลิกฝ่ามือโต้กลับ แสงสีเงินม่วงหมุนวนเกี่ยวกระหวัด

โครม!

เพียงพริบตาเดียว เงาเขตแดนมิติกับพลานุภาพมหาศาลของราชันปะทะเข้าหากันกลางอากาศ ระลอกพลังที่เหลือแกร่งกล้า แต่กลับไม่ทำร้ายหรือเอาชีวิตยอดฝีมือเชื้อพระวงศ์ที่อยู่แถวนั้นแม้แต่น้อย

“ตาแก่หัวโบราณ! ทรัพยากรในมิติเทพลวงตา ทุกคนที่พบเห็นย่อมมีสิทธิ์!”

ในพื้นที่ของวิชาแขนงมิติ เด็กหนุ่มผมม่วงคนหนึ่งผลักกำปั้นออกไป แก่นแท้พลังของแรงหมัดที่แข็งกล้า ทะลักเพลิงโลหิตราวกับไฟสีแดงสดที่เผาไหม้ และเข้าปกคลุมเหนือศีรษะของราชันหน้าเหี่ยวย่น

พลั่ก!

ผู้เฒ่าหน้าแห้งถูกโจมตีซึ่งหน้าจนถอนร่นไป เขาทั้งตกใจทั้งโมโห แต่กลับไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ มิฉะนั้นจะทำร้ายกองกำลังของฝ่ายตัวเองมากยิ่งขึ้น

การโจมตีเมื่อครู่เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้เปรียบ แต่ยังเสียเปรียบอีกด้วย

ขวับ!

ในความชุลมุนวุ่นวาย แสงสีเงินชั้นหนึ่งนั้นวนเวียนเป็นเวลาหลายช่วงลมหายใจ แล้วจึงลอยละล่องจากไป

“องค์ชาย แย่แล้ว ‘พฤกษาไร้ขอบเขต’ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าในแขนงพฤกษาชิ้นนั้น เมื่อครู่ถูกคนทั้งสองฉกชิงไปแล้ว!”

“‘ผลึกหินแร่’ หลายชิ้นที่ข้าขุดเจอเมื่อครู่ก็ถูกฉกชิงไปเช่นกัน”

ลูกหลานเชื้อพระวงศ์หลายคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“มีอย่างนั้นที่ไหนกัน! เป็นหัวขโมยจากที่ไหน กล้าหยามเกียรติเชื้อพระวงศ์อย่างข้า?”

เด็กหนุ่มชุดม่วงทองผู้นั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

“กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”

องค์ชายสิบสามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ปรากฏกระบี่สีทองเปล่งแสงเรืองรองในมือ ไอกระบี่ลายมังกรหลายสายหมุนวน พลังจักรพรรดิที่กระเทือนฟ้าดินทำให้สิ่งมีชีวิตในซากเมืองโบราณหัวใจสั่นสะท้าน

“ขอองค์ชายยั้งมือด้วย!”

ผู้เฒ่าหน้าเปลี่ยนสี ละล่ำละลั่กเอ่ยปากห้าม “ ‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ นี้ไม่อาจจะปลดปล่อยพลังได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่มิใช่เขตแดนของราชวงศ์ต้าเฉียน…”

“ฉกชิงเอาทรัพยากรของข้าผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ จะให้ปล่อยไปได้อย่างไร”

องค์ชายสิบสามโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง

ผู้เฒ่าคนดังกล่างฝืนยิ้มเจื่อนๆ และพยายามเอ่ยห้าม

มิติเทพลวงตาแห่งนี้รวบรวมยอดฝีมืออัจฉริยะในสำนักที่แข็งแกร่งรอบดินแดนทวีปจำนวนนับไม่ถ้วน เชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนยากที่จะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

อีกอย่าง สิ่งที่คนทั้งสองชิงไปเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งที่ขุดออกมาได้

หากส่งคนไปไล่ตามหรือว่าสู้รบเกรงว่าจะเป็นการไล่ตามสิ่งเล็กๆ จนทำให้เสียการใหญ่ ไม่แน่ว่าสำนักอื่นๆ อาจอาศัยโอกาสนี้มาซ้ำเติมด้วย

ชวิ้ง!

แสงสีเงินมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกยิ่งขึ้นของซากปรักหักพัง

“เฮอะ เฮอะ ‘พฤกษาไร้ขอบเขต’ นี่เป็นของล้ำค่าในแขนงพฤกษา สามารถช่วยข้าได้อย่างมากในการฝึก ‘วายุอัสนีธาตุไม้’ ที่เป็นวายุอัสนีห้าสายลำดับที่สอง”

จ้าวเฟิงหัวเราะเบาๆ

ถัดจากนั้น

แสงสีเงินที่คนทั้งสองอยู่ก็ใช้วิธีราวกับสายฟ้าที่สว่างวาบอย่างรวดเร็ว เพื่อชิงเอาทรัพยากรและสมบัติของผู้อื่นตามตำแหน่งต่างๆ

แต่ทว่า กองกำลังหลายแห่งที่ไปแย่งชิงต่อจากนั้นไม่มีราชันในขอบเขตปราณเทวะ มีเพียงคนที่มีกำลังรบเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน จึงไม่ได้อะไรมามากนัก

“จ้าวเฟิง พวกเราทำเช่นนี้จะไปกระตุ้นโทสะอัจฉริยะของราชวงศ์แห่งดินแดนทวีปหรือไม่…”

หนานกงเซิ่งเอ่ยอย่างร้อนใจเล็กน้อย

เพิ่งจะสองชั่วยาม คนทั้งสองก็ฉกชิงของไปสี่ห้ากลุ่มแล้ว

“ชิงเสร็จแล้วก็จากไป พวกเราสองคนร่วมมือกัน ราชันทั่วไปไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำไป” จ้าวเฟิงพูดเสียงเรียบ

กลุ่มของเขาและหนานกงเซิ่งนับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก

คนทั้งสองหารือกันเล็กน้อย ตัดสินใจที่จะไปชิงของของกองกำลังอื่นอีกสักหน่อย

ช่วยไม่ได้ เขาทั้งสองมาช้าไป จึงทำได้เพียงใช้วิธีฉวยโอกาสเช่นนี้ขโมยเอาทรัพยากรล้ำค่ามา

และในเวลานั้นเอง

โครม! วูบ วูบ——

ในส่วนลึกของซากปรักหักพัง การต่อสู้น่ากลัวจนอกสั่นขวัญหาย ระลอกเสวียนอ้าวปราณที่แท้จริงอันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งไหลทะลักมาจนหนานกงเซิ่งตกใจ

บริเวณกลางอากาศเหนือตำหนักผุพังหลังหนึ่ง

“แม่นางหยูเฟย พลังของท่านทำให้พวกข้าต้องศิโรราบ แต่ด้วยพลังอำนาจของสกุลตวนมู่เพียงฝ่ายเดียว เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือกับพวกข้าทั้งหมดได้”

ชายหนุ่มหัวล้านร่างสูงใหญ่ในชุดนักรบสีดำเอ่ยเรียบๆ

ในฟากของเขามีราชันในขอบเขตปราณเทวะสามคนที่ร่วมใจกันต่อสู้กับสตรีชุดม่วงผู้เป็นเลิศเหนือใครตรงหน้านี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version