บทที่ 807 กลุ่มหัวขโมยสองคน
เฉาอวิ๋นและพวกลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงมองส่งจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโบยบินไปยังซากเมืองโบราณ ตกตะลึงกันเล็กน้อย
ในซากเมืองปรักหักพังนั้นเป็นที่รวมตัวของอัจฉริยะชั้นยอดจากตระกูลชนชั้นสูงกลุ่มหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน
“จีหลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉาอวิ๋นมีสีหน้าห่วงใย มองไปยังดรุณีเรือนผมม่วงที่อยู่ข้างกาย
ร่างแบบบางของจีหลานยังสั่นสะท้านน้อยๆ วงหน้าละมุนซีดขาว ท่าทางราววิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง เหมือนว่านางยังไม่หาย ‘ตื่นตกใจ’ จากเหตุเมื่อครู่
อัจฉริยะยอดฝีมือพวกนั้นก็ยังตื่นตระหนกไม่หายเช่นกัน
จีหลานเป็นบุตรสาวของหนึ่งในแปดตระกูลชนชั้นสูง ฐานะสูงส่ง ทะนงอย่างยิ่ง และบวกกับมีสายเลือดดวงตาที่พิเศษ จึงเรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวผู้โดดเด่น
ที่ผ่านมา จีหลานไม่ใช่ว่าไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูมาก่อน แต่ทุกคนไม่เคยเห็นนางโดนโจมตีเช่นนี้
“สายเลือดดวงตาของเขาน่ากลัวที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในช่วงชีวิตนี้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”
จีหลานเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ทันทีที่เอ่ยออกมา พวกลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงตะลึงงัน
เพราะสกุลจีมีชื่อเสียงเรื่องมรดกสายเลือดดวงตา ในวงศ์ตระกูลก็เคยปรากฏดวงตาที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนหนึ่งมาก่อน
บางทีสายเลือดดวงตาของสกุลจีอาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่สายเลือดดวงตาชั้นยอดที่จีหลานเคยประสบพบเจอก็มีไม่มากนัก
“เฮอะ! ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับทายาทนัยน์ตาเทพเจ้าที่เคยปรากฏขึ้นในตำนานในทวีปอย่าง ‘เนตรสังสารวัฎ’ หรือ ‘เนตรมรณะ’ “ บุรุษหนุ่มในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งเอ่ย
เกือบพันปีที่ผ่านมาก็เคยปรากฏทายาทของแปดเนตรเทพเจ้าในราชวงศ์แห่งดินแดนทวีป
ในหมู่คนระดับสูงของขั้วอำนาจชั้นยอด นี่ไม่นับว่าเป็นความลับอะไร
“ข้าเองก็เคยเห็นทายาทผู้สืบทอดเนตรเทพเจ้า แต่ว่าแรงกดดันที่ดวงตาซ้ายของเขาส่งผลต่อ ‘เนตรดาราม่วง’ ของข้า โดดเด่นกว่านั้นมาก เหมือนกับมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีดวงตาใดจะเทียบเคียงได้” สกุลจีครุ่นคิด
ในเวลานี้ เนตรดาราม่วงของนางยังไม่อาจหลุดพ้นจากจากสภาวะหวาดกลัวได้เลย
เป็นศาสตร์วิญญาณเฉกเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ฮ่า ฮ่า จีหลาน เจ้าคิดมากไปแล้ว… หรือสายเลือดดวงตาของเจ้าเด็กนั่นจะเป็นหนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้า?”
เฉาอวิ๋นสั่นศีรษะพลางหัวเราะ
คนพวกนั้นหัวเราะกันหมด ไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้
สวบ สวบ!
อีกฟาก จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งที่อยู่ในแสงสีเงินลอยมายังข้างซากเมืองปรักหักพังโบราณ
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกลับเป็นสีปกติ มีเพียงเส้นผมที่ยังคงเป็นสีม่วงอยู่ เมื่อบวกกับใบหน้าหล่อเหลาในช่วงชีวิตนี้ของเขา จึงน่าดึงดูดอย่างยิ่งยวดต่อเพศตรงข้าม
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปราดมองทุกอย่างคร่าวๆ จากกลางอากาศ
ซากเมืองโบราณเบื้องหน้าของเขาแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่อย่างยิ่ง ไม่ด้อยไปกว่าเมืองใต้ดินเลยด้วยซ้ำไป
ขณะที่ยังไม่ชัดเจน จ้าวเฟิงตัดสินได้ว่าที่แห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางการค้าที่รุ่งเรืองมาก่อน แต่ละเผ่าพันธุ์ในมิติเทพลวงตาต้องเคยเดินทางมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน
ในเมืองสามารถมองเห็นโครงกระดูกของเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงรูปแบบสิ่งก่อสร้างที่ต่างกันของของแต่ละเผ่าพันธุ์ด้วย
ต่อมาไม่รู้ว่าเจอกับภัยพิบัติอะไร สิ่งมีชีวิตในเมืองสำคัญทางการค้าแห่งนี้ตายสิ้นไปในเวลาอันสั้น จนเหลือเพียงซากปรักหักพังนี้
คนทั้งสองเพิ่งมาถึงชานเมือง ก็รับรู้ได้ถึงไอสวรรค์ในฟ้าดินที่สะเทือนเลื่อนลั่น และปราณที่แท้จริงมหาศาลที่ปะทะเข้าหาอย่างรุนแรงในที่แห่งนี้
การฉกชิงต่อสู้ในซากเมืองนี้รุนแรงกว่าปกติ
“ที่แท้ ถึงแม้ว่าสรรพชีวิตในเมืองจะตายจากเคราะห์อย่างหนึ่ง แต่สมบัติล้ำค่าจำนวนมากยังคงถูกเก็บรักษาไว้”
จ้าวเฟิงเข้าใจที่มาที่ไปแล้ว
นี่เป็นเพียงแค่ผลที่ได้มาจากการสำรวจวิเคราะห์อย่างคร่าวๆ ผ่านดวงตาเทพเจ้าของเขา
ความจริงแล้ว
ในซากเมืองปรักหักพังแห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าโบราณจำนวนไม่น้อยจริงๆ
สวบ สวบ สวบ!
เฉาอวิ๋น จีหลาน และยอดฝีมือตระกูลชนชั้นสูงที่อยู่ด้านหลัง กลับไปยังซากเมืองปรักหักพังอีกครั้ง และเข้ารวมการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าอื่นๆ
“เหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไป”
หนานกงเซิ่งดูกระตือรือล้นเล็กน้อย ในสถานการณ์ชุลมุนเช่นนี้ พรสวรรค์มิติของเขาเหมาะจะอาศัยช่วงโอกาสนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
คนทั้งสองสบตากัน ไม่ลังเลที่จะเร้นกายเข้าไปในซากเมืองโบราณ
เพิ่งบินออกไปหลายสิบลี้ เบื้องหน้าก็มีการต่อสู้ของอัจฉริยะยอดฝีมือหลายสิบคน ในนั้นมีลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงและยอดอัจฉริยะของสำนักต่างๆ
“ไสหัวไป! อุกกาบาตโบราณเป็นของที่พวกเรา ‘หอแปดดารา’ เจอก่อน”
“ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ อุกกาบาตโบราณชิ้นนี้เป็นถึงของชั้นเยี่ยมในการหลอมสร้างอาวุธชั้นนภา สูญหายไปแล้วทวีป และเป็นทรัพยากรที่ผู้อาวุโสสูงสุดของสกุลจีต้องการ”
กองกำลังทั้งสองฝั่งล้วนมีราชันปราณเทวะเข้าร่วม
ครึ่งก้าวสู่ราชันที่กำลังสู้อยู่ส่วนหนึ่ง อาศัยเพียงเพียงข้อได้เปรียบจากวิชาหรือไม่ก็สายเลือดจนสามารถปลดปล่อยกำลังรบในขั้นราชันออกมาได้
บริเวณใกล้เคียงก็มียอดฝีมือในสำนักต่างๆ ส่วนหนึ่งลอบสำรวจ
สวบ! สวบ!
ในเวลานั้นเอง ปรากฏแสงสีเงินชั้นหนึ่งทะยานผ่านอากาศเหนือบริเวณที่คนทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่
“ใครกัน!”
กองกำลังทั้งสองอึ้งงันไปเล็กน้อย
ในกลุ่มผู้มาเยือนสองคน มีราชันในระดับลึกซึ้งคนหนึ่ง เหมือนจะมีความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชามิติ
“ก็แค่ทรัพยากรหินอุกกาบาตเท่านั้น” เด็กหนุ่มผมม่วงผู้อยู่ในแสงสีเงินเอ่ยเรียบๆ
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง ฝ่ายแรกครอบครอง ‘ธนูเหนือนภา’ ส่วนฝ่ายหลังก็มี ‘กระบี่ฟ้าดิน’ จึงไม่ใยดีในอาวุธวิเศษธรรมดาและทรัพยากรหลอมสร้างอาวุธเท่าไรนัก
ถึงแม้ว่า ‘อุกกาบาตโบราณ’ จะมีมูลค่าสูงส่ง ก็ยังไม่มากพอให้คนทั้งสองทุ่มเทแรงกายเข้าไปร่วมวงด้วย
ขวับ!
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโบยบินผ่านกลุ่มคนทั้งสองฝั่ง
“อ๊า! ‘จิตนทีเทพ’ ของข้า!”
ดรุณีผมฟ้าผู้งดงามร้องลั่น ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
ตู้ม! ขวับ
ใต้การปกคลุมของเคล็ดวิชามิติและแรงมหาศาลของร่างกาย นางไม่อาจโต้กลับแม้แต่น้อย ‘จิตนทีเทพ’ ที่เพิ่งจะครอบครองถูกฉกชิงเอาไป
“เด็กหนุ่มสองคนนั่นกล้าฉกเอาสมบัติล้ำค่าของ ‘เจียงเฟยเสวี่ย’ ผู้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของ ‘สกุลเจียง’”
ยอดฝีมือจากขั้วอำนาจสำนักที่ลอบสังเกตุการณ์อดจะตกใจไม่ได้
ในพื้นที่นี้สามารถขุดพบหินแร่ล้ำค่าชั้นยอดได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็มีอุกกาบาตโบราณซึ่งมีมูลค่าสูงสุด
อัจฉริยะยอดฝีมือของสกุลเจียงและหอแปดดารา ขั้วอำนาจทั้งสองกำลังเข้าร่วมการช่วงชิง
ไม่คาดคิดเลยว่าอัจฉริยะที่ดู ‘ไร้สมอง’ ทั้งสองคนจะเข้าร่วมวงด้วยอย่างอาจหาญเช่นนี้ และยังลงไม้ลงมือกับหญิงงามอันดับหนึ่งของสกุลเจียงด้วย
“น้องเฟยเสวี่ย! รอให้พวกเราช่วงชิงเอา ‘อุกกาบาตโบราณ’ มาให้ได้ก่อนแล้วจะเอาคืนให้เจ้า”
ราชันหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งของสกุลเจียงกวาดตามองไปทางที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหายไปด้วยสายตาย็นชา
ขวับ!
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งตรงดิ่งไปยังส่วนลึกของซากเมืองปรักหักพังโบราณ
“ไม่เลวเลย ‘จิตนทีเทพ’ นี้สามารถเพิ่มธาตุที่แก่นผลึกวายุอัสนีขาดไปได้”
จ้าวเฟิงระบายยิ้ม
สักพักคนทั้งสองก็พบกับกลุ่มยอดฝีมือจำนวนเกือบร้อย คงจะเป็นตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า…คิดไม่ถึงเลยว่าจะพบชิ้นส่วนอาวุธชั้นนภาถึงสองชิ้นในที่แบบนี้ แถมยังค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย”
เด็กหนุ่มชุดนักรบสีทองม่วงผู้หนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะ
เด็กหนุ่มผู้นี้มีพลังฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน ข้างกายมีผู้เฒ่าใบหน้าเหี่ยวย่นขั้นราชันระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งยืนอยู่
“องค์ชายสิบสาม นอกจากอาวุธชั้นนภา ที่นี่ยังมีไผ่เขียวที่ถูกปิดผนึกอยู่ด้วย…”
“เอ๋! ที่นี่มีเกราะอ่อนผุพังชิ้นหนึ่งที่กระทั่งอาวุธวิเศษยังทำลายไม่ได้”
ยอดฝีมือผู้อาวุโสและอัจฉริยะส่วนหนึ่งแถวนั้นต่างก็พบเจอ
คนเหล่านี้ยึด ‘องค์ชายที่สิบสาม’ ในชุดนักรบสีม่วงทองเป็นแกนนำ หนำซ้ำสำนักที่อยู่รอบๆ อย่างมากก็ทำแค่ลอบสังเกตการณ์ ไม่กล้าเข้ามาแย่งเอาซึ่งๆ หน้า
ขวับ!
ในเวลานี้เอง แสงสีเงินชั้นหนึ่งก็ลอยละลิ่วลงมาจากฟากฟ้า
“ราชันระดับลึกซึ้งแขนงมิติ!”
ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฉายแววระแวดระวัง
“คนที่มาเป็นคนของขั้วอำนาจใด พวกเราเป็นคนของเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน จงรีบถอยไปโดยเร็ว” ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งตะเบ็งเสียง
พรึ่บ!
แสงสีเงินดังกล่าวไม่ถอยแต่กลับรุกคืบเข้าไปใกล้ เพียงแวบเดียวก็เข้าไปในกลุ่มคนนั้น
“พลั่ก!”
พวกอัจฉริยะเชื้อพระวงศ์ส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันร่างกายราวขุนเขาเช่นนี้ก็กระอักเลือดออกมาหลายคน
“เจ้าคนชั่วโอหังนัก! หยุดมือซะ!”
ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวผู้นั้นตะโกน กลายร่างเป็นเสี้ยวแสงสีเหลืองเข้มตรงเข้าหาคนทั้งสอง
หนานกงเซิ่งหัวเราะเสียงเย็น พลิกฝ่ามือโต้กลับ แสงสีเงินม่วงหมุนวนเกี่ยวกระหวัด
โครม!
เพียงพริบตาเดียว เงาเขตแดนมิติกับพลานุภาพมหาศาลของราชันปะทะเข้าหากันกลางอากาศ ระลอกพลังที่เหลือแกร่งกล้า แต่กลับไม่ทำร้ายหรือเอาชีวิตยอดฝีมือเชื้อพระวงศ์ที่อยู่แถวนั้นแม้แต่น้อย
“ตาแก่หัวโบราณ! ทรัพยากรในมิติเทพลวงตา ทุกคนที่พบเห็นย่อมมีสิทธิ์!”
ในพื้นที่ของวิชาแขนงมิติ เด็กหนุ่มผมม่วงคนหนึ่งผลักกำปั้นออกไป แก่นแท้พลังของแรงหมัดที่แข็งกล้า ทะลักเพลิงโลหิตราวกับไฟสีแดงสดที่เผาไหม้ และเข้าปกคลุมเหนือศีรษะของราชันหน้าเหี่ยวย่น
พลั่ก!
ผู้เฒ่าหน้าแห้งถูกโจมตีซึ่งหน้าจนถอนร่นไป เขาทั้งตกใจทั้งโมโห แต่กลับไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ มิฉะนั้นจะทำร้ายกองกำลังของฝ่ายตัวเองมากยิ่งขึ้น
การโจมตีเมื่อครู่เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้เปรียบ แต่ยังเสียเปรียบอีกด้วย
ขวับ!
ในความชุลมุนวุ่นวาย แสงสีเงินชั้นหนึ่งนั้นวนเวียนเป็นเวลาหลายช่วงลมหายใจ แล้วจึงลอยละล่องจากไป
“องค์ชาย แย่แล้ว ‘พฤกษาไร้ขอบเขต’ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าในแขนงพฤกษาชิ้นนั้น เมื่อครู่ถูกคนทั้งสองฉกชิงไปแล้ว!”
“‘ผลึกหินแร่’ หลายชิ้นที่ข้าขุดเจอเมื่อครู่ก็ถูกฉกชิงไปเช่นกัน”
ลูกหลานเชื้อพระวงศ์หลายคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“มีอย่างนั้นที่ไหนกัน! เป็นหัวขโมยจากที่ไหน กล้าหยามเกียรติเชื้อพระวงศ์อย่างข้า?”
เด็กหนุ่มชุดม่วงทองผู้นั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
“กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”
องค์ชายสิบสามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ปรากฏกระบี่สีทองเปล่งแสงเรืองรองในมือ ไอกระบี่ลายมังกรหลายสายหมุนวน พลังจักรพรรดิที่กระเทือนฟ้าดินทำให้สิ่งมีชีวิตในซากเมืองโบราณหัวใจสั่นสะท้าน
“ขอองค์ชายยั้งมือด้วย!”
ผู้เฒ่าหน้าเปลี่ยนสี ละล่ำละลั่กเอ่ยปากห้าม “ ‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ นี้ไม่อาจจะปลดปล่อยพลังได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่มิใช่เขตแดนของราชวงศ์ต้าเฉียน…”
“ฉกชิงเอาทรัพยากรของข้าผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ จะให้ปล่อยไปได้อย่างไร”
องค์ชายสิบสามโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
ผู้เฒ่าคนดังกล่างฝืนยิ้มเจื่อนๆ และพยายามเอ่ยห้าม
มิติเทพลวงตาแห่งนี้รวบรวมยอดฝีมืออัจฉริยะในสำนักที่แข็งแกร่งรอบดินแดนทวีปจำนวนนับไม่ถ้วน เชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนยากที่จะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
อีกอย่าง สิ่งที่คนทั้งสองชิงไปเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งที่ขุดออกมาได้
หากส่งคนไปไล่ตามหรือว่าสู้รบเกรงว่าจะเป็นการไล่ตามสิ่งเล็กๆ จนทำให้เสียการใหญ่ ไม่แน่ว่าสำนักอื่นๆ อาจอาศัยโอกาสนี้มาซ้ำเติมด้วย
ชวิ้ง!
แสงสีเงินมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกยิ่งขึ้นของซากปรักหักพัง
“เฮอะ เฮอะ ‘พฤกษาไร้ขอบเขต’ นี่เป็นของล้ำค่าในแขนงพฤกษา สามารถช่วยข้าได้อย่างมากในการฝึก ‘วายุอัสนีธาตุไม้’ ที่เป็นวายุอัสนีห้าสายลำดับที่สอง”
จ้าวเฟิงหัวเราะเบาๆ
ถัดจากนั้น
แสงสีเงินที่คนทั้งสองอยู่ก็ใช้วิธีราวกับสายฟ้าที่สว่างวาบอย่างรวดเร็ว เพื่อชิงเอาทรัพยากรและสมบัติของผู้อื่นตามตำแหน่งต่างๆ
แต่ทว่า กองกำลังหลายแห่งที่ไปแย่งชิงต่อจากนั้นไม่มีราชันในขอบเขตปราณเทวะ มีเพียงคนที่มีกำลังรบเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน จึงไม่ได้อะไรมามากนัก
“จ้าวเฟิง พวกเราทำเช่นนี้จะไปกระตุ้นโทสะอัจฉริยะของราชวงศ์แห่งดินแดนทวีปหรือไม่…”
หนานกงเซิ่งเอ่ยอย่างร้อนใจเล็กน้อย
เพิ่งจะสองชั่วยาม คนทั้งสองก็ฉกชิงของไปสี่ห้ากลุ่มแล้ว
“ชิงเสร็จแล้วก็จากไป พวกเราสองคนร่วมมือกัน ราชันทั่วไปไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำไป” จ้าวเฟิงพูดเสียงเรียบ
กลุ่มของเขาและหนานกงเซิ่งนับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก
คนทั้งสองหารือกันเล็กน้อย ตัดสินใจที่จะไปชิงของของกองกำลังอื่นอีกสักหน่อย
ช่วยไม่ได้ เขาทั้งสองมาช้าไป จึงทำได้เพียงใช้วิธีฉวยโอกาสเช่นนี้ขโมยเอาทรัพยากรล้ำค่ามา
และในเวลานั้นเอง
โครม! วูบ วูบ——
ในส่วนลึกของซากปรักหักพัง การต่อสู้น่ากลัวจนอกสั่นขวัญหาย ระลอกเสวียนอ้าวปราณที่แท้จริงอันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งไหลทะลักมาจนหนานกงเซิ่งตกใจ
บริเวณกลางอากาศเหนือตำหนักผุพังหลังหนึ่ง
“แม่นางหยูเฟย พลังของท่านทำให้พวกข้าต้องศิโรราบ แต่ด้วยพลังอำนาจของสกุลตวนมู่เพียงฝ่ายเดียว เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือกับพวกข้าทั้งหมดได้”
ชายหนุ่มหัวล้านร่างสูงใหญ่ในชุดนักรบสีดำเอ่ยเรียบๆ
ในฟากของเขามีราชันในขอบเขตปราณเทวะสามคนที่ร่วมใจกันต่อสู้กับสตรีชุดม่วงผู้เป็นเลิศเหนือใครตรงหน้านี้