บทที่ 817 ราชามังกรฟ้าวารี
“เจ้าพวกชั่วเผ่าพันธุ์มนุษย์! กลับกล้าใช้เขตแดนจากพรสวรรค์ของข้าฝึกฝนร่างกาย…”
เว่ยจิ้งโมโหยิ่งกว่าเดิม ยิ้มหยันในใจ
เขาเว่ยจิ้งจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตัวเล็กจ้อยมาเอาเปรียบจากตนเองได้อย่างไร
พรึ่บ วูบ! เพียงชั่วความคิดของเว่ยจิ้งเท่านั้น สายฝนสีฟ้าเข้มเป็นดังพายุหมุนที่บ้าคลั่งปกคลุมทั่วร่างของพวกจ้าวเฟิงและพวกอย่างหนาแน่น
“แย่แล้ว!”
หนานกงเซิ่งรู้สึกได้ว่าเขตแดนมิติเผชิญหน้ากับการโจมตีและกัดกร่อนอย่างรุนแรง
ในครั้งนี้ เว่ยจิ้งตั้งใจควบคุมพลังของพื้นที่พรสวรรค์ตรงเข้าทำร้ายคนทั้งสอง พลังของมันมากพอที่จะสังหารราชันในขอบเขตปราณเทวะทั่วไปได้เลยทีเดียว
“เพียงอาณาเขตที่มาพร้อมกับสายเลือดก็มีพลังเช่นนี้…”
จ้าวเฟิงอดจะตกใจไม่ได้
ในช่วงชีวิตก่อน สายเลือด ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ ของเขาก็มีเขตแดนฉวนปิง เป้าหมายทุกสิ่งที่เข้าใกล้ต้องโดนแช่แข็งไปทั้งสิ้น
ชั้นแก่นแท้พลังที่เกิดขึ้นรอบกายของจ้าวเฟิง เมื่อถูกชะล้างจากสายฝนพร่างพราวราวพายุหมุน ก็เปล่งแสงระยิบระยับเลือนราง
เหมือนว่ามีธาตุทองที่ไร้รูปร่างปกคลุมป้องกันร่างกายทั้งหมดของจ้าวเฟิงเอาไว้
ถึงหยาดฝนทะลวงผ่านชั้นพลัง อานุภาพลดลงไปหลายส่วน ก็ไม่สามารถคุกคามกายสายฟ้าขั้นที่สี่ระดับสุดยอดของจ้าวเฟิงได้
และแน่นอนว่า แรงกดดันที่หนานกงเซิ่งแบกรับเอาไว้จึงนักหนากว่า ด้วยเขตแดนมิติของเขาถูกชะล้างจากฝนสีฟ้าไม่หยุด จนทำให้ไอสวรรค์ลดลงไปอย่างมากทุกเวลาทุกนาที
ขวับ! วูบ!
สายฝนที่บ้าคลั่งในรูปพายุหมุนดึงดันจะพันมัดเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งเอาไว้
“จ้าวเฟิง หากไม่หนีไปตอนนี้จะยุ่งยากแล้ว…”
หนานกงเซิ่งจะสูดลมหายใจยังลำบาก
เขาไม่เหมือนจ้าวเฟิงที่มีการป้องกันร่างกายแข็งแกร่งเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสามารถในการต้านทานการโจมตีในประเภทเหมันต์วารี
“พี่ชายทั้งสอง พอจะช่วยข้ารับมือกับศัตรูต่างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งนี้ได้หรือไม่?”
ในแววตาขององค์ชายเก้าฉายแววเทิดทูน มองไปที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งอย่างอ้อนวอน
“ตกลง!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อย
เมื่อองค์ชายเก้าได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าเผยแววยินดีออกมาอย่างอดไม่ได้ ได้ความช่วยเหลือจากคนทั้งสอง อย่างน้อยๆ เขาก็พอจะสามารถประมือกับเว่ยจิ้ง
“ทำลาย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ระลอกสายฟ้าจากแก่นแท้ร่างกายที่รุนแรงบ้าคลั่งก็ทะลักออกมาทั่วทิศทาง
เปรี้ยง!
เมื่อโดนโจมตีจากแก่นแท้ร่างกายที่แกร่งกล้า สายฝนสีฟ้ารอบบริเวณแตกละเอียดเป็นผุยผงหรือแยกออก
“ถอย!”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเปลี่ยนใจอย่างฉับพลัน บินหนีออกจากสายฝนไปภายใต้การปกคลุมจากแสงสีเงินม่วง
ในทั้งหมดนี้
จ้าวเฟิงกระตุ้นแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ กดดันและทำลายสายฝนสีฟ้ารอบบริเวณ เขารับผิดชอบเปิดทาง
“พวกเจ้า…” เหตุการณ์เช่นนี้เกือบจะทำให้ ‘องค์ชายเก้า’ ในชุดนักรบกระอักเลือดออกมา
แต่เดิมเขายังนับถือความกล้าของเด็กหนุ่มผมม่วงสองคนนั้น คิดไม่ถึงว่าสองฝ่ายเพิ่มพลังแล้วก็หนีไปทันที
ขนาดเว่ยจิ้งยังตะลึงไปเล็กน้อย
ตอนนี้จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งรวมพลังกัน ตรงดิ่งไปอีกทางหนึ่ง กำลังจะพุ่งออกจากเขตแดนสายฝน
“เฮอะ! คนเดียวก็อย่าคิดจะได้หนีออกไป!”
เว่ยจิ้งตะคอก เขตแดนสายฝนสีฟ้าที่ปกคลุมทั่วบริเวณแห่งหนึ่งอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
ทุกสรรพสิ่งในครรลองสายตาแข็งไปอย่างรวดเร็ว
แซ่ด!
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งที่กำลังหนีอยู่ เกล็ดน้ำค้างแข็งผุดขึ้นเกาะรอบกายเล็กน้อย
เวลานี้ แรงกัดกร่อนในเขตแดนสายฝนลดลง แต่พลังแช่แช็งกลับเพิ่มมากขึ้น จนเหมือนกับ ‘เขตแดนฉวนปิง’ ในช่วงชีวิตก่อนของจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี…”
สีหน้าของหนานกงเซิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีพรสวรรค์มิติ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากมายนัก
ก็ด้วยเพราะในตอนนี้คนทั้งสองอยู่ในเขตแดนสายเลือดของฝ่ายตรงข้าม จึงโดนจำกัดไปต่างๆ นานา
“หอกจักรพรรดิเหมันต์!”
สีหน้าจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง ของเหลวเย็นเยือกสีฟ้าชั้นหนึ่งหมุนวนออกไปหลายจั้ง ก่อนกลายเป็นลำแสงน้ำแข็งปกคลุมตนเองและหนานกงเซิ่งเอาไว้
หืม?
หนานกงเซิ่งรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไป ชั้นแสงเหมันต์ที่ปกคลุมโปร่งแสงแวววาว คล้ายคลึงกับสายฝนสีฟ้าภายนอกที่เย็นเป็นน้ำแข็ง
ที่จริงแล้ว จ้าวเฟิงใช้สายเลือดเหมันต์วารี ให้หอกจักรพรรดิเหมันต์กลายเป็นเกราะ
“เหมันต์วารีผันแปร!”
สายฝนแช่แข็งจากภายนอกปะทะใส่ชั้นแสงเหมันต์สีฟ้า ถึงขั้นปรากฏเหตุการณ์ที่หลอมรวมเข้าหากัน
“เจ้าเด็กผู้นั้นกลับชำนาญในเสวียนอ้าวเหมันต์วารี มีสายเลือดประเภทเหมันต์ด้วย”
เว่ยจิ้งรู้สึกประหลาดใจ
อีกทั้ง ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงก็สร้างสรรค์อย่างมาก มีสภาวะที่หลากหลาย
“วายุอัสนีธาตุน้ำ!”
มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ชั้นแสงเหมันต์เลือนรางบริเวณพื้นผิวผุดระลอกอัสนีวารีออกมา
เขากล้าฝึกฝนร่างกายภายในเขตแดนพรสวรรค์ของเว่ยจิ้ง ย่อมมีที่พึ่งอยู่หลายส่วน
อย่างแรก เป้าหมายหลักของเว่ยจิ้งคือองค์ชายเก้าที่พลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า
และอีกอย่าง แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ของเขา รวมไปถึงสายเลือดและพวกหอกจักรพรรดิเหมันต์ ล้วนแต่สามารถคลี่คลายพลังของเขตแดนพรสวรรค์นี้
ผัวะ!
ขณะนั้น ชั้นแสงอัสนีวารีที่เยียบเย็นปกป้องให้คนทั้งสองทะลวงผ่านออกมาจากแสงสายฝนน้ำแข็งนั้น
“ดียิ่งนัก!”
หนานกงเซิ่งผ่อนคลายลงไปมาก เขาโคจรแสงสีม่วงเงินสว่างเรืองรอง แล้วจึงออกจากอาณาเขตของสายฝนแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
“น่าสนใจ”
เว่ยจิ้งรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เขาไม่นึกเลยว่าพวกจ้าวเฟิงจะสามารถทำลายเขตแดนพรสวรรค์ของตนได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
“เจ้าสองคนนี้…”
องค์ชายเก้าที่อยู่ด้านหน้าทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด แต่กลับทำอะไรไม่ได้
ด้วยเพราะเป็นเขาที่พาเว่ยจิ้งผู้เป็นมหันตภัยมาหาพวกจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งย่อมไม่มีหน้าที่ใช้ชีวิตเสี่ยงภัย ช่วยเขาขัดขวางยอดฝีมือต่างเผ่าพันธุ์
ขวับ! แสงสีม่วงเงินชั้นหนึ่งนำจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งค่อยๆ ห่างออกจากสายฝนน้ำแข็งสีฟ้า ทิ้งระยะห่างกับเว่ยจิ้ง ไปอีกครั้ง
มุมปากขององค์ชายเก้ายกเป็นรอยยิ้มขมขื่น
ในตอนนี้ ยอดฝีมือในกลุ่มที่เขาอยู่บาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงและครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่งที่ยังประคับประคองค่ายกลอย่างยากลำบาก
“องค์ชายเก้า ถ้าหากว่าจะหนีเอาชีวิตรอดก็โบยบินไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้”
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในหัวขององค์ชายเก้า
“เจ้า…”
องค์ชายเก้าตกใจอย่างยิ่ง ปราดมองจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง
เขาเป็นถึงราชันระดับลึกซึ้ง ความชำนาญในศาสตร์วิญญาณของฝ่ายตรงข้ามแตะถึงระดับขั้นใดกัน จึงสามารถส่งเสียงไปถึงในดวงวิญญาณของเขาได้
“เด็กหนุ่มผมสีม่วงผู้นั้นใช้เขตแดนพรสวรรค์ของเว่ยจิ้งหล่อหลอมร่างกาย แล้วยังหนีไปอย่างง่ายดายอีก…”
องค์ชายเก้ายิ่งค้นพบความลึกซึ้งเกินจะคาดเดาของอีกฝ่าย และผู้ที่ให้ความรู้สึกทำนองเดียวกันแก่เขา ยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในอัจฉริยะรายชื่อจักรพรรดิ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ องค์ชายเก้าจึงตัดสินใจเชื่อคำพูดของจ้าวเฟิง
สวบ! สายฟ้าที่เกี่ยวกระหวัดบนร่างของเขากลายเป็นแสงกระบี่สว่างเจิดจ้า ตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ! โบยบินไปแล้วอย่างรวดเร็วเสียแล้ว…”
เว่ยจิ้งเผยแววประหลาด บนร่างปรากฏคลื่นแสงสีฟ้าแวววาว ไล่ตามองค์ชายเก้าอย่างไม่ลดละ
องค์ชายเก้าผู้นั้น ไม่ว่าจะสถานะหรือพลังล้วนแต่ไม่ใช่คนที่เด็กรุ่นเยาว์ในเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกสองคนจะเปรียบเทียบได้
ในทันทีที่บาดแผลขององค์ชายเก้าสมานตัวดีแล้ว และฟื้นฟูไอสวรรค์ ย่อมเป็นภัยคุกคามต่อเขาไม่น้อยอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ไม่นานจากนั้น เว่ยจิ้งจะรู้สึกเสียใจในภายหลังกับการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงยามนั้น ถ้าหากให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาย่อมต้องไล่ล่าจ้าวเฟิงไปแน่ๆ
สวบ!
องค์ชายเก้าทุ่มเทแรงโบยบินออกไปหลายพันลี้ เบื้องหน้ามองเห็นเงาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนราง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มาเยือนภายนอกที่เข้ามาในมิติเทพลวงตา
“ใครกัน!”
ป่าริมน้ำด้านหน้า กลิ่นอายของราชันในขอบเขตปราณเทวะหนึ่งถึงสองคนปรากฏขึ้น
“พี่เจียง พี่สือ”
องค์ชายเก้าจ้องมองเพียงปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นเจียงเฉินแห่งตระกูลเจียงกับอัจฉริยะราชันแห่งตระกูลสือ
“องค์ชายเก้า?”
เจียงเฉินและพวก เดิมทีกำลังไล่ตามแกะรอยของ ‘ขโมยผมม่วงสองคน’ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอองค์ชายเก้าที่ตื่นตกใจจนหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้
“อัจฉริยะต่างเผ่าพันธุ์ ‘เว่ยจิ้ง’ ไล่ล่าหมายจะสังหาร ขอทุกคนช่วยออกแรงช่วยเหลือข้าทีเถิด”
องค์ชายเก้าเอ่ยเสียงสูง
“เว่ยจิ้ง? ‘ราชามังกรฟ้าวารี’ ลำดับที่เก้าในรายชื่อจักรพรรดิ!”
เมื่อเจียงเฉินและพวกได้ยินเช่นนั้น หน้าจึงเปลี่ยนสีไป
แต่คนทั้งสองก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด ล้วงตราส่งข่าวมาบีบจนแหลกละเอียดอย่างรวดเร็ว กลุ่มแสงสว่างเจิดจ้าเปล่งประกายไปทั่วฟ้าดิน
“พวกมนุษย์ชั่วช้า ตายไปด้วยกันซะ!”
ราชามังกรวารีเว่ยจิ้งหัวเราะเสียงดัง หอบเอาแสงสายฝนสีฟ้าที่มืดฟ้ามัวดินทะยานไปที่พวกขององค์ชายเก้า
ฟุ่บ ฟุ่บ เปรี๊ยะ! ในทุกที่ที่คลื่นแสงสายฝนผ่านไป สรรพสิ่งนับหมื่นจับตัวแข็ง แหลกกลายเป็นธุลี
“ไม่เสียทีที่เป็นราชามังกรฟ้าวารี!”
เจียงเฉินและราชันอัจฉริยะของตระกูลสือหน้าถอดสีในทันใด ใจกายเลือดลมสั่นสะท้าน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดของมังกรเหมันต์โบราณ
การโจมตีของเขตแดนสายเลือดเพียงระลอกเดียว ก็ทำให้พวกของเจียงเฉินร่างกายค้างแข็ง สูดลมหายใจยากลำบาก
เจียงเฉินเป็นราชันระดับลึกซึ้ง จึงย่อมมีแรงต้านทาน
แต่รอบกายของอัจฉริยะราชันของตระกูลสือปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งชั้นหนึ่ง บางจุดบนร่างถูกแช่แข็งจนเปื่อย
“ช่วยข้าด้วย…”
อัจฉริยะราชันของตระกูลสือตกอยู่ในจุดอันตรายถึงตาย
ประสาทสัทสัมผัสของ ‘ราชามังกรฟ้าวารี’ เว่ยจิ้งแกร่งกล้า สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายทรงพลังเข้ามาใกล้บริเวณนี้ กลิ่นอายกลุ่มหนึ่งในนั้น ทำให้สายเลือดของเขาออกจะรู้สึกกระวนกระวาย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจยั้งมือได้อีกแล้ว
“คมดาบเก้าอัสนี!”
องค์ชายเก้าฝืนอาการบาดเจ็บ กระบี่อัสนีครามในมือลากแสงกระบี่สายฟ้าสีมืดมิดที่สะเทือนฟ้าดินออกมาหลายสาย ขณะส่งเสียงกึกก้องกัมปนาท ก็พุ่งปะทะไปยังเขตแดนสายเลือดของเว่ยจิ้ง
โครม——
คลื่นแสงสายฝนที่กระจายเต็มฟ้าถูกฟาดฟันจนปริร้าวเป็นรอยแยกขนาดใหญ่
ถึงแม้ว่าการโจมตีกระบี่ของดาบศักดิ์สิทธิ์ศาสตร์อัสนีขององค์ชายเก้า จะมีพลังพอๆ กับจักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะ แต่ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีและก้าวย่างของมังกรวารีสีฟ้าได้
ทั่วร่างของ ‘ราชามังกรวารี’ เว่ยจิ้งปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีฟ้าหนาแน่น เทียบเท่าได้กับกายของเผ่าพันธุ์มังกรบรรพกาล จนแทบมองข้ามการโจมตีของราชันระดับลึกซึ้งทั่วไปได้
หลังจากที่การโจมตีจากกระบี่ศาสตร์อัสนีขององค์ชายเก้าแบ่งระลอกแสงสายฝนสีฟ้าออก พลังที่เหลือไม่มากพอที่จะคุกคามเว่ยจิ้งแล้ว อีกทั้งสายเลือดของเว่ยจิ้งเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมากในพายุฝน เร็วเสมือนว่าย้ายที่ได้ในฉับพลัน
“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น อัจฉริยะราชันของตระกูลสือถูกกรงเล็บเหมันต์สีฟ้าใหญ่ยักษ์ฉีกทึ้งจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เพียงกรงเล็บเดียวก็สังหารอัจฉริยะราชันของตระกูลสือ
“เป็นราชามังกรวารีเว่ยจิ้ง!”
ในเวลานี้เอง องค์ชายสิบสาม ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยว รวมทั้งราชันและครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่งต่างรีบร้อนมาถึง
ขณะเดียวกัน ณ ที่ที่ห่างไกลออกไป
ตู้ม——
กลุ่มเงาวิจิตรสว่างแสบตาหอบระลอกไอสวรรค์มหาศาลน่าสะพรึงขวัญโบยบินมา
“กลิ่นอายน่ากลัวยิ่งนัก! สตรีนางนั้น…คือจ้าวหยูเฟยผู้มีสายเลือด ‘เผ่าพันธุ์วิญญาณ’? สตรีนางนี้คือภัยคุกคามที่ราชวงศ์จันทราทมิฬและลัทธิเมืองมืดจำต้องกำจัดทิ้งซะ!”
ราชามังกรฟ้าวารีเว่ยจิ้งปราดตามองเงาแสงพร่างพรายสีม่วง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ