บทที่ 821 ดูดเลือดคืนปราณ
ในสถานการณ์ปกติ ราชันทั้งสองและบุรุษชุดเหลืองค่อนข้างยากที่จะไล่ตามพวกของจ้าวเฟิงได้ทัน
แต่คนทั้งสามมีอุปกรณ์อย่างพาหนะเพลิงวายุที่เก่าแก่ หลังจากทุ่มเทพลังส่งปราณที่แท้จริงเข้าไป ความเร็วก็อยู่เหนือกว่าปราณเทวะทั่วไปอย่างมาก
“เจ้าหัวขโมยทั้งสอง ส่งสมบัติแขนงวารีนั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิต!”
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองตะโกนเสียงดัง
ในขณะที่ร่างยังไม่มาถึง เงาเขตแดนสีน้ำตาลเหลืองที่ปรากฏขึ้นรอบกาย อากาศฟากหนึ่งหนักอึ้งไปอย่างประหลาด
อัจฉริยะในขั้นราชันอีกสองคน เด็กหนุ่มชุดแดงและคนหนุ่มชุดขาวมีจิตต่อสู้ฮึกเหิม
ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนจะมีความสามารถที่พิเศษอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดแล้วก็มีราชันคนเดียวเท่านั้น หนำซ้ำพวกเขายังมีกองกำลังของสามสำนักที่กำลังจะมาถึง
แต่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือ คนทั้งสองที่กำลังโบยบินพลันชะงักหมุนกายกลับมารอราชันทั้งสาม
“เฮอะ เฮอะ ข้าคนแซ่จ้าวถูกใจพาหนะของพวกเจ้าเสียแล้ว” เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นั้นมีสีหน้าเย้าแหย่
เมื่อเอ่ยออกมาแล้ว ราชันทั้งสามก็อึ้งไป เกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งทันที
“เจ้าหัวขโมย อย่าทำอะไรบ้าๆ!”
“ก็แค่ขอบแขตแก่นก่อกำเนิดเท่านั้น อย่าปากดีให้มากนัก”
บุรุษชุดเหลืองและพวกเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว
สมบัติล้ำค่าในแขนงวารีที่ถูกพวกเขาเล็งเอาไว้ ถูกสองคนนั้นฉวยโอกาสแย่งชิงไป
ในตอนนี้ เจ้าหัวขโมยทั้งสองคนนี้ละโมบโลภมาก บ้าบิ่นแล้วยังจะหมายตา ‘พาหนะเพลิงวายุ’ ของพวกเขาอีก
ตูม!
ในระยะเวลาสั้นๆ ภายใต้ความเกรี้ยวกราด ทำให้พลานุภาพของราชันทั้งสามทะลวงมากดดันทั่วทั้งบริเวณ แต่ทว่า คนทั้งสองในครรลองสายตากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและพวกไม่อยากจะเชื่อ
หนานกงเซิ่งก็แล้วไป อย่างไรก็เป็นราชันในระดับลึกซึ้งของแขนงมิติ และตัวของเขาเองก็มีกายจิตว่าง กายจิตวิญญาณฟ้า สอดคล้องกับฟ้าดินอย่างมาก
แต่ว่าเจ้าหัวขโมยในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตัวเล็กๆ กลับสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้
“ไป! ” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งกลายเป็นลำแสงสองสายตรงไปสังหารราชันทั้งสาม
วูบ!
รองเท้าโบราณของจ้าวเฟิงปลดปล่อยแสงควันสีฟ้า บวกกับแรงปะทะของร่างกายที่แกร่งกล้า โบยบินเข้าไปใกล้ราชันทั้งสาม
“เฮอะ!” บนใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนมีแววเยาะเย้ย เงาสีน้ำตาลเหลืองที่แทรกซึมอากาศรอบด้านจับตัวกันหลายส่วนในทันที
โครม!
ร่างกายของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง แบกรับแรงดึงดูดมหาศาลที่ไร้รูปร่าง เหมือนว่ามาจากอีกฝั่งฟากฟ้าหนึ่ง
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป เกรงว่าคงจะกระอักเลือดตายไปแล้ว
แต่จ้าวเฟิงร่างกายแข็งกล้า สำนึกรู้สูงส่ง และยังมีการผลักดันพลังจากรองเท้าโบราณสีเขียวต้านทานเอาไว้โดยตรง
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองสีหน้าเคร่ง
เขาระลึกถึงภาพเหตุการณ์ที่สายเลือดดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มผมม่วงส่งผลควบคุม ‘มัจฉากลืนธาร’ ในคราวก่อน
“เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้ มอบมาให้ข้า!”
บุรุษวัยกลางคนตะโกนเสียงกร้าว แขนสองข้างโบกสะบัดออก เบื้องหลังปรากฏเงาแสงมังกรสีเหลืองเรืองรองสองตัว มันส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือดลม
สายเลือดแขนงดิน!
สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผู้นี้ไม่เพียงแต่มีเขตแดนแขนงดิน ยังมีสายเลือดแขนงดินด้วยเช่นกัน
แต่ที่โชคไม่ดีคือสายเลือดแขนงดินนี้ ข่มสายเลือดแขนงวารีและวายุอัสนีธาตุน้ำของเขาพอดี
นอกเสียจากจ้าวเฟิงจะสามารถทะลวงผ่านวิชาวายุอัสนีขั้นที่เจ็ด มีวายุอัสนีธาตุไม้ จึงจะข่มสายเลือดแขนงดินได้
หากจะพูดเรื่องพลัง บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองด้อยกว่าจิวอู๋จื้อด้วยซ้ำ
“ให้ข้าเอง!”
เงามิติสีม่วงเงินกดดันมา ปะทะกันอย่างเข้าจังกับเขตแดนแขนงดินของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลือง
โครม——
กำลังคนทั้งสองฝั่งถอยร่นติดๆ กันไปภายใต้การปะทะเข้าหากันของเขตแดนมิติ
การโจมตีของหนานกงเซิ่งรุนแรงอย่างยิ่ง ราชันทั้งสามที่อยู่ตรงข้ามกระเด็นออกไปทันที
พู่ว~
ผมสีม่วงของหนานกงเซิ่งโบกสะบัด ตราประทับโลหิตม่วงตรงหว่างคิ้วสว่างวูบวาบ สาดซัดพลังที่ชั่วร้ายและแกร่งกล้าออกมาจากในเขตแดนและปราณที่แท้จริงของตนเอง
“พลังช่างแข็งแกร่งนัก! ในแหล่งกำเนิดพลังของบุรุษหนุ่มผู้นี้มีกลิ่นอายกลุ่มหนึ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง…”
สีหน้าของบุรุษชุดเหลืองหวั่นกลัว
เดิมทีเขาคิดจะลงมือจัดการเด็กหนุ่มผมม่วงที่ลึกลับด้วยตนเอง แต่กลับโดนหนานกงเซิ่งผู้อยู่ในแขนงมิติขัดขวางเอาไว้
ราชันในแขนงมิติที่อยู่ระหว่างต่อสู้ มีสิทธิ์ในการเป็นฝ่ายรุกสูงมาก สามารถยื่นมือและโบยบินไปได้ตลอดเวลา
“บนร่างของข้ามี-ของป้องกันชิ้นหนึ่ง ยกเด็กผู้ชายคนนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”
เด็กหนุ่มชุดแดงเลียริมฝีปากเล็กน้อย บนร่างจึงปรากฏแสงเมฆสีแดงชั้นหนึ่ง ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผงกศีรษะเล็กน้อย เขาสามารถมองออก สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงอยู่ในแขนงวิญญาณ
หนานกงเซิ่งที่มีพลังและกลิ่นอายน่ากลัวก็ได้เขาและคนหนุ่มชุดขาวอีกคนร่วมมือกันรับมือ
เปรี้ยง! โครม——
หนานกงเซิ่งโคจรท่าร่างมิติ แสงสีเงินม่วงชั่วร้ายวาดกลางอากาศเป็นวงโคจรประหลาด จากนั้นเข้าปะทะกับราชันปราณเทวะทั้งสองคน
หากว่าเปลี่ยนเป็นตอนเพิ่งเข้าไปภายในมิติเทพลวงตา หนานกงเซิ่งรับมือกับบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผู้นั้นก็ยังหืดขึ้นคออยู่บ้าง
แต่ในวันนี้ จากการฟูมฟักของการหลอมรวมผลึกปีศาจและพวกผลึกเซียนระดับล่างทำให้พลังของเขาระเบิดออกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การหลอมรวมระหว่างแขนงมิติและผลึกปีศาจ เกิดเป็นพลังที่คาดไม่ถึงและไม่ธรรมดา
“พลังแฝงของหนานกงเซิ่งแข็งแกร่งอย่างยิ่ง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อย โคจรแก่นแท้กายสายฟ้าเพื่อโจมตี ‘เด็กหนุ่มชุดแดง’ ผู้นั้น
เด็กหนุ่มชุดแดงเป็นราชันหน้าใหม่ อีกทั้งภายในร่างกายก็ยังมีสายเลือดแขนงไฟที่สูงส่งกลุ่มหนึ่งด้วย
“เมฆอัคคีเทพ!”
เด็กหนุ่มชุดแดงปรบมือทั้งสองข้างติดๆ กัน พลังฝ่ามือแสงอัคคีราวเมฆแดงทับซ้อนกับอากาศ การโจมตีในทุกระลอก ล้วนแต่ทิ้งควันไฟรูปเห็ดลอยละล่องขึ้น
สามารถเรียกได้ว่า แรงโจมตีของเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นกับคนในระดับเดียวกัน
“ปีกวายุอัสนี” เบื้องหลังของจ้าวเฟิงเกิดปีกวายุอัสนีที่เกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นดังระลอกสายน้ำ ให้ความรู้สึกเลือนรางอย่างภาพมายาสีฟ้า
แซ่ด! โครม!
วายุอัสนีธาตุน้ำเพิ่มพลังร่วมกันกับแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ จ้าวเฟิงประมือเด็กหนุ่มชุดแดงอย่างสบายๆ
ต่อให้ประมือกันอย่างซึ่งๆ หน้าจริงๆ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงเองก็เหนือกว่าอยู่ดี
โครม ตูม!
ปีกวายุอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดด้วยความรวดเร็ว แก่นแท้พลังที่รุนแรงไร้รูปร่างโจมตีเด็กหนุ่มชุดแดงเป็นระลอกๆ
“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน…”
เด็กหนุ่มชุดแดงร่างกายและจิตใจพลันหนักอึ้ง ใบหน้าออกสีแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย รู้สึกถึงความอัดอั้นและกดดัน
หากพูดถึงพลังโจมตีที่แท้จริง เขาถึงขั้นยังมีข้อได้เปรียบอีก
แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้ การปลดปล่อยพลังของเขาราวกับว่าจำกัดเอาไว้ ถูกควบคุมไปต่างๆ นานา
ความรู้สึกเช่นนี้ก็เคยปรากฏมาก่อนบนร่างของซินอู๋เหิน
“ย้าก!”
เด็กหนุ่มผมม่วงตะเบ็งเสียง ทั่วร่างล้อมรอบด้วยแสงสีเงินฟ้าสว่างเจิดจ้า ราวกับเป็นร่างเหล็กสำริดที่ทำจากโลหะอย่างนั้น
กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง มีเพียงเข้าใกล้ถึงจะสามารถสำแดงข้อได้เปรียบออกมาได้
ตุบ ตุบ! หลังจากที่จ้าวเฟิงเข้าไปใกล้ การโจมตีเกิดขึ้นติดต่อกันไม่หยุดหย่อน
ในความเป็นจริง จ้าวเฟิงจงใจฝึกฝนความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวของเขา
ช่วงชีวิตก่อน จุดหลักของเขาคือการโจมตีในระยะไกล รวมไปถึงโจมตีในแขนงวิญญาณ การสังหารแบบประชิดตัว จ้าวเฟิงนับว่าธรรมดาเท่านั้น
“ดูซิว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ จะระเบิดพลังออกมาได้นานเท่าไหร่เชียว…”
เด็กหนุ่มชุดแดงหัวเราะเสียงเย็น
เขาและจ้าวเฟิงปะทะเข้าหากันแล้ว!
ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาสู้จ้าวเฟิงไม่ได้ แต่ว่าปราณที่แท้จริงได้เปรียบมากกว่า และสายเลือดระเบิดออกมาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อแข็งกับแข็งปะทะเข้าหากัน เขาเองก็ไม่หวาดกลัวจ้าวเฟิง อีกทั้งยังยืนหยัดในระยะยาวได้ยอดเยี่ยมกว่า
จ้าวเฟิงมองข้อนี้ออกเช่นกัน
อีกฟากหนึ่ง หนานกงเซิ่งต้านทานราชันทั้งสองคน ยากที่จะแบ่งผลแพ้ชนะได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เมื่อเห็นช่นนี้แล้ว
จ้าวเฟิงตัดสินใจทดสอบสายเลือดเพลิงมารที่แปลกประหลาดของตนเองอีกครั้ง
การทดสอบในคราวก่อน มีสายธารอุ่นไหลวนไปมาอย่างประหลาด เขามักจะรู้สึกว่าพลังสายเลือดของตนมีบางส่วนที่ยังไม่ถูกขุดออกมา
“เปิดออก!”
หมัดของจ้าวเฟิงพุ่งออกไป ทั่วร่างผุดไอเพลิงสว่างราวกับอาทิตย์แดงชั้นหนึ่ง และยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเผาไหม้ที่ร้อนแรง
สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่จ้าวเฟิงโคจรในครั้งนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อนที่จงใจเก็บงำพลังเอาไว้
“เปรี้ยง!”
หมัดและฝ่ามือของคนทั้งสองปะทะเข้าหากันอย่างจัง เพลิงโลหิตและแสงเมฆสีแดงเกี่ยวกระหวัด ระเบิดออกอย่างรุนแรง เกิดคลื่นเพลิงที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งออกมา
พลังที่กล้าแกร่งนั้น แม้กระทั่งราชันทั้งสามในการต่อสู้ที่รุนแรงยังต้องเหลือบมองดู
“เป็นสายเลือดศาสตร์อัคคีที่น่ากลัวเหลือเกิน…”
ร่างกายของเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นถูกกระแทกจนกระเด็นถอยไป บนร่างเต็มหมุนวนด้วยควันเพลิงโลหิต และยังมีแนวโน้มว่าจะลุกลามไปทั่ว
สายเลือดเพลิงโลหิตที่พิสดารช่างรุนแรงทรงพลัง มีผลในการกัดกร่อนและเผาไหม้ด้วย
ดีที่เด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้ก็ครอบครองสายเลือดศาสตร์อัคคี คุณลักษณะของสายเลือดมีแรงต้านทานที่ค่อนข้างรุนแรงต่อเพลิงมารโลหิต
“หืม? ไม่ใช่สิ…”
เด็กหนุ่มชุดแดงสังเกตได้ว่า ในขณะที่รับมือเมื่อครู่ ปราณและเลือดลมของตนเองต้องเชิญหน้ากับการสูญเสียและโดนกัดกร่อน
สายเลือดของเพลิงโลหิตมารที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ไม่ได้มีเพียงแต่แรงระเบิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการกัดกร่อนเผาผลาญอย่างรุนแรงด้วย
“เฮอะ!”
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกระแสอุ่นๆ ที่แปลกประหลาด ในการต่อสู้เมื่อครู่ มันไหลวนกลับเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกายของตน
ในธารอุ่นนั้นมีปราณเลือดลมของขั้นราชัน
“หรือว่าจะเป็น…”
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าไอสวรรค์และแรงกายของตนเอง กระทั่งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนหนึ่ง กำลังได้รับการฟื้นฟู
การค้นพบที่คาดคิดไม่ถึงนี้ ทำให้เขายินดีอย่างยิ่ง
“ย้าก!”
จ้าวเฟิงจิตใจฮึกเหิม โคจรสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง ไอเพลิงโลหิตสว่างไสวปะทุออกสะเทือนไปทั่ว ก่อนปะทะเข้ากับเด็กหนุ่มชุดแดง
เปรี้ยง!
เด็กหนุ่มชุดแดงส่งเสียงขึ้นจมูก ร่างของเขาโบยบินออกไป ผิวกายปกคลุมไปด้วยกลุ่มเพลิงมารโลหิตอีกครั้ง และแผ่ขยายทั่วตัว
นี่ก็คือผลลัพธ์การเผาผลาญของเพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไป
เปลี่ยนเป็นคนธรรมดา เกรงว่าจะกลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา
ที่ทำให้เด็กหนุ่มชุดแดงรู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิมก็คือ ในขณะที่ปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ปราณเลือดลมภายในร่างของเขาล้วนแต่สูญสลายไปทีละน้อย
แต่กลับเป็นจ้าวเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใบหน้าแดงก่ำ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ยากที่จะคาดคิดได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามผู้เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ สายเลือดปราณที่แท้จริงจะสามารถรับมือกับราชันอย่างจังๆ ได้นานเท่าไหร่
“ฮ่า ฮ่า…คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไปยังมีการดูดซึมเอาปราณเลือดลมของคนอื่น มาเพิ่มเติมพลังไอสวรรค์ของตนเอง”
จ้าวเฟิงยินดีเป็นที่สุด
สามารถพูดได้ว่านี่คือ ‘ผลลัพธ์การดูดซึมเลือด’ ที่หาได้ยากยิ่ง
พลังสายเลือดของจ้าวเฟิง ในทุกครั้งที่โจมตีและสังหารจะสามารถดูดกลืนเลือดบริสุทธิ์ของเป้าหมายมาเพิ่มเติมไอสวรรค์ของตนเอง มีผลในการรักษาบาดแผลในระดับหนึ่ง
พลังแบบนี้เคยปรากฏขึ้นกับจักรพรรดิแห่งความตาย
‘รยางค์กลืนวิญญาณ’ ของจักรพรรดิแห่งความตาย ก็ใช้วิชาต้องห้ามทรงอำนาจฝืนดูดกลืนปราณชีวิตของคนอื่น มาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง และเติมเต็มไอสวรรค์อย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการดูดซึมและฟื้นฟูของมัน รวดเร็วและรุนแรงกว่าผลลลัพธ์ในการดูดซึมของจ้าวเฟิงในตอนนี้
แต่ไอสวรรค์ที่เพิ่มเติมจาก ‘รยางค์กลืนวิญญาณ’ ผสมปนเปไม่บริสุทธิ์ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ในเวลาเดียวกันยังทิ้งแผลที่มองไม่เห็นและอาการบาดเจ็บข้างเคียงไว้อย่างง่ายดาย
จ้าวเฟิงค้นพบว่า สายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง ผลลัพธ์ทั้งในการย้อนดูดซึมเลือดกลับ ความเร็วและจำนวน ยังนับว่าไม่มากนักในตอนนี้ แต่ว่าปราณเลือดลมที่ถูกดูดซึมไปผ่านการเผาผลาญขัดเกลา ขจัดสิ่งเจือปน ถือได้ว่าบริสุทธิ์อยู่
โดยรวมแล้ว ความสามารถประเภทนี้ของจ้าวเฟิง ผลข้างเคียงเล็กน้อยอย่างมาก แต่ก็ไม่เหมาะจะใช้อย่างไม่จำกัด
ตุบ ตุบ!
ปีกวายุอัสนีเบื้องหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด โคจรสายเลือดที่เปลี่ยนไปและแก่นแท้ร่างกายเข้าโรมรันกับเด็กหนุ่มชุดแดง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
ยิ่งเด็กหนุ่มชุดแดงต่อสู้ก็ยิ่งอ่อนแรงลงไป บาดแผลไฟไหม้นร่างกายที่เกิดขึ้นยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นทุกที
ถึงขั้นว่าเขาค่อยๆ มีแนวโน้มว่าจะอ่อนแอลงเล็กน้อย
ย้อนกลับกัน จ้าวเฟิงทั่วใบหน้าเปล่งปลั่ง ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เหมือนกับว่าจงใจที่จะวุ่นวายอยู่กับเขา
“พอประมาณแล้ว พลังของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ประเภทนี้ จะได้ผลก็ต่อเมื่อต่อสู้ประชิดตัว และยิ่งถ้ามีการสัมผัสกันของร่างกายก็จะยิ่งส่งผลดีมากขึ้นกว่าเดิม”
จ้าวเฟิงได้ข้อสรุปจากการทดสอบในการรบจริง
ในตอนนี้ ความสามารถที่พลังสายเลือดได้สำแดงให้เห็นตรงหน้า พอๆ กับสายเลือดเกล็ดมังกรเหมันต์ในช่วงชีวิตก่อน หรือกระทั่งว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ที่สำคัญคือสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ สอดคล้องกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างยิ่ง