Skip to content

King of Gods 823

King Of Gods

บทที่ 823 ก้าวหน้าขึ้นอีกครั้ง

ใต้เงื้อมผา ข้างลำธารแห่งหนึ่ง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ สำรวมจิตใจอย่างแน่วแน่ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเล่นสร้อยคอสีทองเข้มรอบลำคอ เฝ้าเจ้านายด้วยท่าทีขี้เกียจอยู่ข้างกายเขา

“จิตนทีเทพ แก่นผลึกราชัน…”

ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏสมบัติสองสิ่ง แบ่งเป็นธาตุสองประเภทอย่างน้ำและวายุอัสนี

หนึ่งในนั้น แก่นผลึกราชันที่ภายในแฝงไปด้วยแก่นแท้วายุอัสนี เรียกได้ว่าแข็งแกร่งทรงพลัง สิ้นเปลืองไปเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่ทว่า จิตนทีเทพสิ้นเปลืองไปห้าหกส่วนแล้ว เหลือจำนวนไม่มากนัก

อีกทั้งในวันนี้ จ้าวเฟิงครอบครอง ‘บัวแก้วเวหา’ ที่เป็นสมบัติแขนงวารีในระดับสูงส่งยิ่งกว่า จึงไม่ต้องตระหนี่อีกต่อไป

ในเงื่อนไขที่ทรัพยากรเพียงพอแล้ว การพัฒนาของพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงราบรื่นและไม่มีอุปสรรคใดๆ

ดวงวิญญาณของเขาหรือกระทั่งสำนึกรู้ก็ล้วนแต่สูงส่งมากพอ

‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ใกล้ขั้นที่หกระดับสุดยอด ความชำนาญก็อยู่เหนือกว่าพลังฝึกตน

แต่ทว่า

สิ่งที่จ้าวเฟิงให้ความใส่ใจในตอนนี้คือคุณภาพและระดับความแข็งแกร่งของปราณที่แท้จริง ส่วนการเพิ่มพลังฝึกตนและขนาดของแก่นผลึกอยู่เป็นอันดับสองรองลงมา

ไม่นานนัก

ผลัวะ! แซ่ด!

อากาศเหนือศีรษะของจ้าวเฟิงปรากฏระลอกน้ำวนสีฟ้าเข้มขนาดใหญ่ วายุอัสนีร่ายระบำ พลังมหาศาลอย่างยิ่ง

ปรากฏการณ์จากการฝึกตนเช่นนี้อยู่เหนือขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงส่วนหนึ่ง หรือเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชันเป็นอย่างน้อย

ในขณะที่เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ

พลังของจิตนทีเทพก็สลายไปไม่หยุด

จ้าวเฟิงไม่เจ็บปวดใจแม้แต่น้อย และยังฝึกฝน หดเก็บปราณที่แท้จริงต่อไป แก่นผลึกภายในร่างเพียงขยายออกตามธรรมชาติ

หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป

แกรก! จิตนทีเทพในมือของจ้าวเฟิงแตกละเอียดกลายเป็นผุยผงในทันที

ในเวลานั้น

ขนาดแก่นผลึกของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ขีดจำกัดสูงสุดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ แต่ว่าคุณภาพและความแข็งแกร่งของปราณที่แท้จริงกลับเข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย

ขณะเดียวกันผลไม้จิตวิญญาณจากห้วงฝันภายในร่างของจ้าวเฟิงก็ถูกดูดซึมอยู่ มันสามารถเพิ่มความบริสุทธิ์ของปราณที่แท้จริง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายสายเลือด

ผลลัพธ์ของผลไม้จิตวิญญาณทำให้ปราณที่แท้จริงที่จ้าวเฟิงฝึกฝนค่อนข้างถึงแก่น และยังมีความดั้งเดิมที่มาจากยุคโบราณ

“ระดับความแข็งแกร่งของปราณที่แท้จริงในตอนนี้เข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย แต่อานุภาพที่แท้จริงกลับเข้าใกล้ครึ่งก้าวสู่ราชันเลยทีเดียว” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

ชั้นกายเนื้อภายนอก

กำลังรบของเขาแบ่งเป็น ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘วิชาวายุอัสนี’ บวกกับการเพิ่มขึ้นของสายเลือด

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แตะถึงขั้นสี่ระดับสุดยอดแล้ว ในฐานะที่เป็นพื้นฐานร่างกายที่แกร่งกล้า จึงพอจะประมือกับราชันทั่วไปในขั้นต้นได้

การต่อสู้ก่อนหน้านี้

จ้าวเฟิงใช้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นหลัก เสริมด้วยวิชาวายุอัสนี เพิ่มพลังสำนึกรู้ให้แข็งกล้า รวมทั้งการเคลื่อนไหวและความรวดเร็ว

“บัวแก้วเวหา!”

มือทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงแผ่ออก บนฝ่ามือผุดดอกบัวแสงสีขาวราวผลึก โปร่งใสชัดเจนดังผลึกมายา บัวแก้วชิ้นนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นก็ทำให้ไอสวรรค์ธาตุน้ำที่ปั่นป่วนสั่นสะเทือน

โครม!

บริเวณน้ำในพื้นที่ใกล้เคียง จู่ๆ ก็ปรากฏคลื่นมหึมาถาโถม ปีศาจสายวารีส่วนหนึ่งต่างสัมผัสได้กันหมด

นี่คือปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดจาก ‘บัวแก้วเวหา’

“เอ๊ะ!”

ขนาดสายเลือดเหมันต์วารีและหอกจักรพรรดิเหมันต์ภายในร่างกายจ้าวเฟิงยังสั่นสะเทือนด้วยความตื่นเต้น และมีท่าทีกระตือรือร้น

สายเลือดเหมันต์วารีของจ้าวเฟิงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากดวงตาเทพเจ้า

ก่อนนี้ สายเลือดประเภทนี้ป้องกันและช่วยส่งเสริมการรักษาเป็นหลัก อีกทั้งเพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไป ก็มีหน้าที่หลักคือโจมตี

ฟากหนึ่งป้องกัน อีกฟากโจมตี ในด้านสายเลือด จ้าวเฟิงสมบูรณ์พร้อมกว่าที่ผ่านๆ มา

แซ่ด! พรึ่บ!

พลังสองกลุ่มของบัวแก้วเวหาและแก่นผลึกราชันต่างก็ทะลักไปทางจ้าวเฟิง

ขณะนั้น

ขนาดของระลอกน้ำวนสีฟ้าที่หมุนวนเหนือศีรษะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มเมฆวายุอัสนีที่แน่นขนัด

ปีศาจวารีที่ถูก ‘บัวแก้วเวหา’ ดึงดูดมาล้วนแต่ถอยร่นไป ไม่กล้าลงมือแย่งชิง

เอ๋?

จ้าวเฟิงพลันจับสังเกตได้ถึงอาการเต้นระเร่าของหอกจักรพรรดิเหมันต์และสายเลือดเหมันต์วารีภายในร่างกาย

หอกจักรพรรดิเหมันต์ เดิมทีอยู่ในสภาวะของเหลวเย็นเยือกสีฟ้า หลอมเข้าไปภายในสายเลือดอย่างแนบแน่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน

หลังจากที่ดูดซึมพลังของ ‘บัวแก้วเวหา’ เข้าไปภายในร่างกายแล้ว ส่วนหนึ่งภายในนั้นทะลักเข้าในสายเลือดและถูกหอกจักรพรรดิเหมันต์ดูดซึมไป

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้จ้าวเฟิงตื่นตะลึงไปเล็กน้อย

แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน จ้าวเฟิงก็เข้าใจในเหตุผล

เพราะว่าบัวแก้วเวหาเป็นสมบัติวารีที่ควบระหว่างแขนงหินแร่และพฤกษา

ตัวของมันเองยังเป็นผนึกแขนงวารีที่สามารถสร้างอาวุธชั้นนภาและมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีมูลค่าควรเมือง

จ้าวเฟิงมองการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ และปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่ต้านทาน

ผลัวะ! ผลัวะ!

พลังของ ‘บัวแก้วเวหา’ หลอมรวมเข้าไปในร่างกายของจ้าวเฟิง แล้วจึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มหนึ่งในนั้นอ่อนโยนเย็นฉ่ำ เป็นดั่งสายน้ำไหลระเรื่อย ถูกแก่นผลึกและร่างกายของจ้าวเฟิงดูดซึม

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง ความหนาวเย็นรุนแรงกลายเป็นกลีบดอกบัวแก้วที่เป็นรูปธรรม ถูกสายเลือดเหมันต์วารีและหอกจักรพรรดิเหมันต์ดูดซึมไป

“ที่แท้เป็นเช่นนี้! ส่วนของแขนงพฤกษาเหมาะให้ร่างกายมนุษย์ดูดซึม ส่วนพลังแขนงหินแร่เหมาะที่จะใช้สร้างอาวุธวิเศษแขนงวารีและสมบัติมรดก”

จ้าวเฟิงกระจ่างแจ้งในฉับพลัน

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สัดส่วนในการใช้ ‘บัวแก้วเวหา’ เพิ่มขึ้นอย่างมาก

มิฉะนั้นหากจ้าวเฟิงใช้ฝึกตนโดยเฉพาะ สัดส่วนที่จะประสบความสำเร็จค่อนข้างต่ำ ไหนจะยังต้องขัดเกลา กำจัดส่วนที่ไม่เหมาะกับการดูดซึม

ครึ่งวันต่อมา

ขนาดของแก่นผลึกในร่างกายของจ้าวเฟิงขยายออกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นเหมือนบ่อน้ำที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง

“ไม่เสียทีที่เป็นสมบัติแขนงวารี ทำให้ข้าทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้รวดเร็วเช่นนี้”

จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงดัง

เมื่อใช้บัวแก้วเวหาร่วมกับแก่นผลึกวายุอัสนีขั้นราชัน การฝึกตนของจ้าวเฟิงไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใด

ในเวลาเดียวกัน

‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ของจ้าวเฟิงก็มาถึงขั้นที่หกระดับสุดยอด กระทั่งถึงขีดจำกัด

หากไปต่อถึงขั้นที่เจ็ดแล้ว ทั้งห้าธาตุจะสอดคล้องเข้าหากัน…น้ำทำให้เกิดไม้

ถึงครานั้น จ้าวเฟิงจึงจะมีปราณที่แท้จริงส่วนที่สองคือ…วายุอัสนีธาตุไม้

วายุอัสนีห้าสายทำให้ความสามารถของจ้าวเฟิงหลากหลาย ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนจำกัด

ข้อเสียคือค่อนข้างซับซ้อน ระดับความก้าวหน้าในการฝึกช้า

แต่ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ ที่ใช้วายุอัสนีห้าสายฝึกฝน หลังจากที่สำเร็จแล้วจะมีแรงต้านทานที่แกร่งกล้าต่อพลังต่างๆ ของธาตุทั้งห้าในฟ้าดิน

เรียกได้ว่าต้องมีได้มีเสีย

“ยินดีด้วย”

หนานกงเซิ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปเอ่ยยินดีปนยิ้ม

พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงที่ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นทีละขั้น ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขามาโดยตลอด

ในใจของหนานกงเซิ่งสับสนวุ่นวาย หนึ่งในนั้นมีแววรอคอย เขาอยากจะเห็น ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ที่อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ผู้นั้น

แน่นอนว่าพลังของหนานกงเซิ่งเพิ่มขึ้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากันนัก

ผลึกปีศาจและผลึกเซียนระดับล่างหลายสิบชิ้น ทำให้เขตแดนมิติของเขามีแนวโน้มค่อนไปทางรูปธรรม ความแข็งแกร่งก็อยู่เหนือกว่าเขตแดนมิติทั่วไปมากนัก

นอกจากนั้น

ในแหล่งกำเนิดแก่นผลึกของเขา ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมพลังผลึกปีศาจระดับสูงเข้าไป หากจะนับเรื่องคุณภาพและความแข็งแกร่งของปราณที่แท้จริง หนานกงเซิ่งอยู่เหนือราชันในระดับขั้นเดียวกันไปไกลมากแล้ว

แต่ทว่า การเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งของพลังทำให้หนานกงเซิ่งสังเกตพบว่า ตนเองได้รับผลกระทบจากพลังชั่วร้ายของ ‘ผลึกปีศาจ’

โชคดีที่เขาพก ‘มุกสะกดเทวะ’ เอาไว้ตลอดเวลา

มุกสะกดเทวะเป็นของวิเศษในตำนาน ส่งผลให้คงสภาพดวงวิญญาณและหล่อรวมพลัง ถึงขั้นยังสามารถต้านการโจมตีศาสตร์วิญญาณบางส่วนและกำจัดจิตมารได้

ถ้าหากไม่เช่นนั้นแล้ว พลังของหนานกงเซิ่งเพิ่มขึ้นรวดเร็วเช่นนี้ คงจะโดนพลังชั่วร้ายของผลึกปีศาจครอบงำจิตใจไปนานแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็น ‘มุกสะกดเทวะ’ ก็ไม่สามารถทำให้หนานกงเซิ่งหลับอย่างเป็นสุขได้ ด้วยไม่สามารถต้านทานพลังชั่วร้ายที่แทรกซึมเข้าสู่จิต ถึงอย่างไรผลึกปีศาจก็เป็นหินผลึกเซียน ว่ากันว่าเกิดจากพลังเซียนที่ชั่วร้ายจับตัวเป็นผลึก

“มุกวิญญาณวารี”

หนานกงเซิ่งถอนหายใจยาว ปรากฏมุกวารีกึ่งโปร่งแสงลูกหนึ่ง

มุกวิญญาณวารีเป็นสิ่งของที่เกิดในอุโมงค์ที่บัวแก้วเวหาอยู่ มันส่งผลในการหล่อเลี้ยง ชะล้าง สร้างความแข็งแกร่งให้ดวงวิญญาณ

จากมุกวิญญาณเม็ดนั้น ดวงวิญญาณของหนานกงเซิ่งได้รับการชะล้าง หรือกระทั่งเพิ่มความแข็งแกร่ง จิตใจก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น

“ยังดีที่ได้คำเตือนของจ้าวเฟิง”

หนานกงเซิ่งรวมพลัง โคจรปราณที่แท้จริง รับเอาแต่ส่วนสำคัญที่ทะลักออกมาจากในผลึกปีศาจ

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน

พลังแก่นแท้แขนงวารีของ ‘บัวแก้วเวหา’ หกส่วนถูกดูดซึมไปโดยหอกจักรพรรดิเหมันต์ ส่วนอีกสี่ส่วนถูกจ้าวเฟิงดูดซึมเก็บกักเอาไว้

กลิ่นอายของหอกจักรพรรดิเหมันต์ในสายเลือดเกือบจะเทียบเคียงได้กับมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในขั้นเดียวกันกับ ‘ธนูเหนือนภา’ หรือ ‘กระบี่ฟ้าดิน’ แล้ว

จ้าวเฟิงอดจะผงกศีรษะไม่ได้

หอกจักรพรรดิเหมันต์เป็นอาวุธวิเศษที่ความสามารถในการใช้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งยังเคยเพิ่มความแข็งแกร่งและปรับปรุงครั้งหนึ่งในเมืองเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์

ในครั้งนี้หลอมรวม ‘บัวแก้วเวหา’ ทรัพยากรสมบัติชั้นยอดในแขนงวารีเข้าไปอีก เรียกได้ว่ามีแนวโน้มใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ

แต่พลังของบัวแก้วเวหาอีกสี่ส่วนอ่อนโยนเย็นสบาย หลังจากถูกร่างกายของจ้าวเฟิงดูดซึมเข้าไปแล้ว ยังมีมากกว่าครึ่งที่เก็บสะสมอยู่ภายในร่างกาย

ในเวลานี้เอง

ขนาดแก่นผลึกของจ้าวเฟิงอยู่ในลักษณะของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงต้น แต่ คุณภาพและความแข็งแกร่ง รวมไปถึงพลังอยู่เหนือกว่าระดับขั้นเดียวกันหลายเท่าตัว

“ถ้าหากข้าดูดซึมพลังเย็นฉ่ำที่เหลืออยู่ของ ‘บัวแก้วเวหา’ ไปหมดแล้ว คุณภาพของปราณที่แท้จริงอย่างน้อยๆ จะเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน…” ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

ผ่านการสำรวมฝึกตนในหลายวันที่ผ่านมา ส่วนประกอบพลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ยามนี้

‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ของจ้าวเฟิงอยู่ในขั้นที่สี่ระดับสุดยอด และเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่กั้นขวางอยู่

‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ อยู่ในขั้นที่หกระดับสุดยอดอย่างเต็มที่สมบูรณ์แล้ว!

วิชาวายุอัสนีมีโอกาสทะลวงไปยังขั้นที่เจ็ดที่ต้องมีความชำนาญและมีองค์ประกอบบางส่วน

“ยังเหลือผลสุดท้ายอีกหนึ่งผล”

จ้าวเฟิงกินผลไม้จิตวิญญาณลงไปลูกหนึ่ง บนหอคอยพฤกษาในห้วงฝันบรรพกาลเหลือผลไม้จิตวิญญาณอีกแค่ผลเดียวเท่านั้น

ผลไม้จิตวิญญาณช่วยในการย้อนคืน เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและสายเลือด ซ้ำยังส่งผลเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับปราณที่แท้จริงด้วย

จ้าวเฟิงเตรียมผลไม้ลูกสุดท้ายเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ

ทันทีที่กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทะลวงผ่านถึงขั้นที่ห้าแล้ว พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นราวติดปีก ระดับขั้นดวงวิญญาณอาจอยู่เหนือขึ้นไปอีกขั้น แต่ทว่า สมบัติศาสตร์วิญญาณของจ้าวเฟิงในตอนนี้ยากที่จะเติมเต็ม ถึงแม้ว่าในมิติเทพลวงตาก็ยังยากจะหาเจออย่างง่ายดาย

ข้างลำธาร

กลิ่นอายบนร่างของจ้าวเฟิงค่อยๆ เก็บงำลงไป ในทุกส่วนของพลังฝึกฝนจนถึงขีดสุด ควบคุมได้ตามใจนึก

ยากที่จะคาดคิดได้ว่าเขาเพิ่งทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้ไม่นานนัก

ไม่นาน จ้าวเฟิงก็มองดูไปแล้วเป็นแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงธรรมดาคนหนึ่ง

ด้วยอายุของร่างนี้ พลังฝึกตนแตะถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสำนักสามดาวก็ยากจะมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่

“จ้าวเฟิง พื้นที่ในละแวกนี้เหมือนมีระลอกในฟ้าดินผิดปกติ และยังมีกลิ่นอายของเผ่าพันธุ์มนุษย์เข้ามาใกล้ด้วย…”

หนานกงเซิ่งเปิดปากเอ่ยขึ้นในฉับพลัน

จ้าวเฟิงเปิดดวงตา ผงกศีรษะเล็กน้อย หูเจ้าแมวขโมยตัวน้อยข้างกายกระดิกเบาๆ

เวลาเดียวกันนั้นเอง หน้าป้ายหลุมศพเก่าทรุดโทรมที่อยู่ไกลออกไป ไอทะมึนกัดกร่อนทะลวงขึ้นฟ้า

โครม——

ส่วนลึกของสุสานที่อยู่ใต้ดิน เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอย่างรุนแรง พร้อมด้วยเสียงคำรามกึกก้อง

“ซินอู๋เหิน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะหลอกล่อพวกข้าให้มาที่อันตรายแบบนี้!”

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

วูบ~

ในส่วนลึกของสุสาน กลิ่นอายชั่วร้ายที่น่ากลัวไร้ขอบเขตตื่นขึ้นในทันใด “พวกผู้มาเยือนทั้งหลาย รบกวนความสงบของผู้ตายจะต้องถูกฝังไว้ที่นี่”

สวบ สวบ สวบ!

ในอีกฟากที่อยู่ไกลออกไป กลิ่นอายน่าสะพรึงกลุ่มนี้ค่อยๆ เข้ามาใกล้กองกำลังที่แกร่งกล้าอย่างระแวดระวัง

“องค์ชายแปด ประสาทสัมผัสของ ‘หนูสื่อวิญญาณ’ ไม่น่าผิดพลาด ต้องเป็นที่นี่แน่…”

บุรุษหนุ่มคิ้วเข้มท่วงท่าองอาจในชุดดำเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

แซ่ด!

ในมือของเขามีหนูตัวเล็กสีเงินท่าทางปราดเปรียว หนวดของมันยาวมาก

“ลั่วจุน ท่านเข้ามาภายในมิติเทพลวงตาครั้งนี้ทำประโยชน์ไปไม่น้อย ไม่เสียทีที่ตัวข้าจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลช่วยให้เจ้าเข้ามา” องค์ชายแปดเอ่ยพลางยิ้มแย้ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!