บทที่ 838 จำนวนมหาศาล
“ปีศาจวารี! มอบ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ ครึ่งหนึ่งกับ ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ มา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
คำพูดคุกคามที่เผด็จการและตรงประเด็นของจ้าวเฟิง ทำให้ทุกคนตรงนั้นตื่นตกใจ
ขณะนี้ กลุ่มของจิวอู๋จี้กับจีหลานผนึกกำลัง ทุ่มเทแรงแทบตาย เพิ่งจะได้บัวฟ้าวารีครามมาหนึ่งต้นกับอีกครึ่ง
จ้าวเฟิงกลับทำง่ายดาย อ้าปากก็ต้องการบัวฟ้ากับรากบัวหิมะครึ่งสระ จำนวนที่เพิ่มขึ้น มากกว่าหลายร้อยเท่าเป็นอย่างน้อย
เพิ่งกล่าวจบ
ผัวะ! กลางสระ ระลอกน้ำพร้อมแสงเขียวครามหมุนตลบขึ้น คลื่นสาดซัดจากทั่วทิศ ประหนึ่งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวและดูแคลนของปีศาจวารี
“หึ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเยาะหยัน สายเลือดดวงตาซ้ายเปิดออก แสงในแววตาดุจสายฟ้าสีม่วง มันขับพลังดวงตาวิญญาณที่น่าสะพรึงออกมา ก่อนรวมตัวถึงขีดสุด จนกลายเป็นหนามแหลมจิตวิญญาณไร้ลักษณ์ พุ่งเข้าใส่สระน้ำ
วินาทีนั้น อัจฉริยะบริเวณใกล้เคียงรู้สึกในชั้นวิญญาณถูกกดข่มและทิ่มแทง
ทว่านี่เป็นเพียงควันหลงที่รั่วไหลออกจากพลังดวงตาวิญญาณโดยไม่ตั้งใจ
‘เนตรดาราม่วง’ ของจีหลานสั่นไหวไม่สงบ พลังดวงตาวิญญาณในนั้นโดนกดถึงขีดจำกัด
ยอดฝีมืออาวุโสที่แข็งแกร่งเยี่ยงจิวอู๋จี้ จิตใจยังหนาวเหน็บ กระวนกระวายอย่างประหลาด
“อ๊าก…” เสียงกรีดร้องแหลมดังมาจากในสระมรกต
โครม! หนามแหลมนั้นพุ่งทะลุชั้นวิญญาณของมัน ราวกับกำลังเผชิญด่านเคราะห์หมื่นอัสนี ฟ้าร้องกึกก้อง ระเบิดปะทุเข้ามา
ในตอนนี้ พลังจักพรรรดิของจ้าวเฟิงตื่นขึ้นในขั้นต้น อัสนีเทวะที่แฝงอยู่ในวิญญาณส่งผ่านมาได้ไม่น้อย
ช่วงชีวิตก่อน พลังดวงตาวิญญาณของเขาผ่านการหล่อหลอมจากอัสนีเทวะแล้ว ต่อให้สำแดง ‘หนามจิตวิญญาณ’ แบบธรรมดา ก็มีเสวียนอ้าวกับอานุภาพของอัสนีเทวะอยู่หลายส่วน
คลื่นยักษ์โหมซัดขึ้นลงในสระ ระลอกน้ำสาดกระเซ็น เสียงโหยหวนจากชั้นวิญญาณดำเนินอยู่นาน
เพียงแค่ ‘หนามจิตวิญญาณ’ ที่ก่อตัวจากพลังดวงตา จิตสำนึกและสติปัญญาของปีศาจวารีก็บาดเจ็บหนัก
“รอดูข้าทำลายจิตสำนึกและปัญญาของเจ้า…”
จ้าวเฟิงร้องเสียงกร้าว เขามองสภาวะที่แท้จริงของมันออกนานแล้ว
ปีศาจวารีมีพลังแก่กล้าหาใดเปรียบ ซึ่งเป็นผลจากสภาพแวดล้อมแต่กำเนิด
ครั้นผ่านวันเวลานับไม่ถ้วน มันจึงมีความคิดและความรู้สึก สระน้ำมรกตนี้คือร่างกายของมัน ทว่า การถือกำเนิดของสองสิ่งนี้ค่อนข้างเชื่องช้า ปีศาจวารีไม่รู้วิธีเสริมสร้างชั้นวิญญาณให้แข็งแกร่ง อาศัยเพียงสะสมตามกาลเวลาทั้งสิ้น หากกล่าวเรื่องพลัง ปีศาจวารีตัวนี้เทียบได้กระทั่งจักรพรรดิ เพียงแต่ไม่อาจแยกออกจากอาณาเขตสระ
ชั้นวิญญาณของมันใกล้เคียงจักรพรรดิในด้าน ‘ขนาด’ ที่กว้างใหญ่ แต่เรื่องคุณภาพ ระดับความแกร่ง และทักษะ ยังไม่ถึงชำนาญเท่าราชันศาสตร์วิญญาณ
ดังนั้น แหนมจิตวิญญาณธรรมดาจึงสร้างอาการบาดเจ็บให้ความคิดและความรู้สึกของมัน
ยามนี้ สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปรากฏเพลิงวายุอัสนีโปร่งใส นี่คือการโจมตีที่มุ่งแต่ระดับขั้นวิญญาณ เป็นกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ธาตุของเพลิงวายุอัสนีข่มปีศาจวารีได้พอดี
“เพลิงเนตรวิญญาณแกร่งกล้านัก…”
จีหลานรู้สึกได้ถึงพลานุภาพน่าเกรงขามของเพลิงเนตร หากเป็นราชันทั่วไป เกรงว่าจะโดนโจมตีพลังวิญญาณ สังหารในเสี้ยววินาที แม้แต่โอกาสเปลี่ยนร่างเกิดใหม่ยังไม่มี
จ้าวเฟิงมั่นใจว่า เพลิงเนตรอัสนีครานี้ต้องทำให้จิตสำนึกกับสติปัญญาปีศาจวารีเจ็บหนักได้แน่ ดีไม่ดีกระบวนการคิดของมันอาจล้มเหลว
ผัวะ! ผัวะ!
ภายในสระ ระลอกน้ำสั่นไหว คลับคล้ายแสดงถึงความหวาดกลัวขั้นสุดของปีศาจวารี
ต่อให้ชั้นกายเนื้อมีกำลังมากมายกว่านี้ ก็ต้านทานเพลิงเนตรชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงได้ไม่มากนัก
“นายท่านโปรดไว้ชีวิต!”
กลางสระที่มีระลอกน้ำแวววาว รวมตัวขึ้นเป็นเทพวารีคลื่นครามดุจปทุมผลิบาน แผ่แรงคุกคามวิญญาณวารีออกมามหาศาล
ยอดฝีมืออัจฉริยะริมสระน้ำต่างกดดันจนหายใจลำบาก
“นายท่าน! ข้าจะมอบ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ กับ ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ ให้แก่ท่าน”
เทพวารีคลื่นครามท่วงท่าสง่าเหนือสามัญ งดงามน่าหลงใหล ใบหน้านางเว้าวอน ท่าทางน่าสงสารยิ่ง
ภาพนี้ยังผลให้พวกจิวอู๋จี้และจีหลานมึนงง ปากอ้าตาเบิกโต
จ้าวเฟิงเพิ่งลงสนามรบ ก็สยบปีศาจวารีไว้ได้ทันที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมมอบ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ กับ ‘รากบัวหิมะ’ ให้เองอย่างว่าง่าย
เมื่อนึกว่าพวกตนสองฝ่ายลงแรงเอาเป็นเอาตาย ทว่าเพิ่งได้บัวฟ้าวารีมาหนึ่งต้นครึ่ง
คนทั้งหลายถึงเข้าใจ เหตุใดจ้าวเฟิงไม่คิดจะช่วงชิงบัวฟ้าที่เพิ่งนำมาได้เหล่านั้น
“เก็บของมา!”
ตาซ้ายจ้าวเฟิงตรึงเป้าหมายอยู่ที่เทพวารีคลื่นครามผู้งดงามดั่งบัวผลิบาน
เทพวารีก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างจากน้ำในสระ
“ง่ายดายเพียงนี้ก็…”
หนานกงเซิ่งเหม่อลอย ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
คำสั่งของจ้าวเฟิงพลันเรียกสติเขาคืนมา จึงรีบทะยานเข้าไปเก็บบัวฟ้าวารีครามกับรากบัวหิมะหลอมกายา
เมี้ยว เมี้ยว! เส้นสีเทาเงินวูบวาบ แมวตัวตัวหนึ่งร่อนลงบนสระน้ำมรกตก่อน จากนั้นเก็บพืชมีค่าทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว
จ้าวเฟิงไม่ได้ลงมือ ภายในตาซ้ายมีแสงเย็นเยือกสีฟ้าหม่นเอ่อล้น ส่งผลให้เทพวารีรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง
พรึ่บ! พรึ่บ!
หนานกงเซิ่งกับแมวขโมยตัวน้อยเก็บของรางวัลในสระมารวดเร็วปานสายฟ้า
พวกจิวอู๋จี้ที่อยู่ริมน้ำมองจนงงงัน อิจฉาตาร้อน ในใจไม่ยินยอมอย่างถึงที่สุด และอยากจะบ้าคลั่ง
บัวฟ้าวารีครามในสระมรกตมีอยู่ทั่ว จำนวนจะต้องมากขนาดไหน
ผ่านไปไม่นานนัก
บัวฟ้าวารีครามกับรากบัวหิมะหลอมกายาในสระถูกหนานกงเซิ่งและแมวขโมยเก็บไปครึ่งหนึ่ง
“พอแล้ว”
จ้าวเฟิงโบกมือเบาๆ ให้ทั้งสองหยุด
เขามองออกว่า บัวฟ้าวารีครามกับรากบัวหิมะเกี่ยวข้องกับแหล่งกำเนิดรากฐานของปีศาจวารี
ในเมื่ออีกฝ่ายยอมศิโรราบร่วมมือ จ้าวเฟิงก็ยินดีจะไว้ชีวิต
เมื่อจัดระเบียบของที่ได้มา จำนวนบัวฟ้าวารีครามกับรากบัวหิมะรวมกันแล้วมากถึงเจ็ดร้อย
“จ้าวเฟิง ของรางวัลพวกนี้ควรคืนให้เจ้า”
หนานกงเซิ่งเก็บบัวฟ้าวารีครามไว้เพียงสิบต้น เอารากบัวหลอมกายาไปไม่กี่ท่อน
ความจริงแล้ว จากระดับของหนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิง เก็บบัวฟ้าไว้ไม่กี่ต้นก็เห็นผล มีมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์มากนัก
ผู้แข็งแกร่งที่ไปถึงขั้นครึ่งเซียนหรือเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับอย่างแท้จริง ทรัพยากรที่ใช้ไม่เพียงแต่มหาศาล เมื่อเข้าสู่ช่วงปลาย ‘คุณสมบัติ’ ที่ต้องการจะสูงยิ่งกว่า
หากทรัพยากรมีระดับสูงไม่มากพอ ต่อให้จำนวนมากเท่าไหร่ ก็สร้างจักรพรรดิปราณเทวะไม่ได้
“บัวฟ้าวารีครามเหล่านี้ หากนำไปที่โลกภายนอกจะสร้างราชันปราณเทวะได้กลุ่มใหญ่”
จ้าวเฟิงคาดคะเน
บัวฟ้าวารีครามแบ่งเป็นกลีบดอก เม็ดบัว และใบบัว ประสิทธิภาพทุกด้านของมันให้ผลไม่เลว ทั้งกับพลังวิญญาณ ร่างกาย ไปจนถึงการรักษา สำหรับคนต่ำกว่าขั้นราชันลงไป มันเป็นสมบัติหายากอย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวเฟิงใช้เองหลายต้น ช่วยให้พลังฝึกตนกับพลังจักรพรรดิที่เพิ่งตื่นขึ้นมั่นคงได้
“แต่ ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ นี้มีข้อดีมากมายยิ่ง…”
มุมปากเขายกยิ้มบาง
รากบัวหิมะหลอมกายาสามารถสร้างร่างกายที่มีคุณสมบัติชั้นยอด ซึ่งไม่ใช่เรือนร่างเลือดเนื้อธรรมดา
โชคดีที่จ้าวเฟิงฝึก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จึงแบ่งความคิดไปทำหลายๆ อย่างได้
คาดการณ์ว่า ถ้ามีทรัพยากรมากพอ ต้องย่นเวลาสร้าง ‘ร่างแยกจากรากบัว’ จำนวนมากได้แน่ เมื่อสำแดงผ่าน ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ จะสามารถใช้มันโจมตี ล่อลวงศัตรู กระทั่งเป็นระเบิดมนุษย์
ภายใต้สภาพการณ์เหล่านี้ ยังใช้ร่างแยกจาก ‘รากบัวหิมะ’ เป็นร่างชั่วคราวได้
สภาวะที่เป็นอุดมคติที่สุดคือ จ้าวเฟิง ‘เปลี่ยนร่างนับพัน’ ได้จริง
ถึงเวลานั้น ไม่ว่ากายเนื้อร่างใดก็เป็นแค่ร่างชั่วคราวของเขา มีเพียงวิญญาณที่ไม่ดับสลาย!
แน่นอน นี่เป็นแค่จินตนาการชั่วแวบเดียวกับความคิดจากประสบการณ์ของเขาหลังเจอ ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ เท่านั้น
“มารคู่ผมม่วง! พวกเจ้าฮุบทรัพยากรมหาศาลไว้คนเดียว ช่างไม่กลัวเผือกร้อนลวกมือ…”
แววตาจิวอู๋จี้มืดทะมึน อัจฉริยะของตระกูลจีและวังเก้านิรย แต่ละคนตาแดงก่ำไม่ก็เขียวปัด จ้องจ้าวเฟิงไม่วางตา
จ้าวเฟิงคนเดียวครอบครองทรัพยากรมากเช่นนี้ พวกเขายินยอมไม่ได้
บัวฟ้าวารีครามทุกต้นหรือรากบัวหนึ่งท่อน ล้วนเป็นของล้ำค่าหายาก ณ โลกภายนอก ต่อให้เป็นหนึ่งต้น หนึ่งท่อน สำหรับครึ่งก้าวสู่ราชันและราชันทั่วไปคือสิ่งเย้ายวนใจถึงที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจ้าวเฟิงได้สิ่งล้ำค่าทั้งสองไปมากมายเลย
“ทำไม พวกเจ้าอยากลงมือรึ?”
มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นน้อยๆ มีแววหยอกล้อส่วนหนึ่ง
คนทั้งหมดใจกายแข็งทื่อ
สิ่งที่จ้าวเฟิงเอ่ย สื่อถึงความในใจพวกเขาไม่ผิด
หากเปลี่ยนเป็นอัจฉริยะคนอื่นใด เห็นสิ่งของที่จ้าวเฟิงได้ไป เกรงว่ามีแต่จะคิดอยากช่วงชิง เพียงแต่มารคู่ผมม่วงเก่งกาจชั่วร้าย จ้าวเฟิงลึกล้ำจนคาดเดาไม่ได้ พวกจิวอู๋จี้หวาดหวั่นยิ่งกว่าอะไร
หากลงมือจริง กำลังคนของพวกเขาต้านมารคู่ผมม่วงไม่อยู่แน่
ถ้าจ้าวเฟิง ‘เอาจริง’ อาจทำให้คนทั้งสองฝั่งพ่ายแพ้ย่อยยับ ถึงขั้นมีผลพวงร้ายแรง
จุดสำคัญคือ กลวิธีและความสามารถของจ้าวเฟิงช่างยากจะคาดเดา
เด็กหนุ่มในสายตาผู้นั้นมีผมสีม่วง ตาซ้ายสีเดียวกัน แย้มยิ้มเหมือนไม่ใช่ยิ้ม เป็นเหมือนมหาสมุทรเงียบวังเวง ผู้ใดก็ไม่อาจหยั่งถึง
“ทุกท่าน ไว้พบกันคราวหน้า”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหายวับจากไปไกลภายใต้แสงสีเงินม่วง
มีอย่างนี้ที่ไหน! เสียงยั่วเย้าก่อนจากไป แทบทำให้จิวอู๋จี้ระเบิดโทสะ
“เอ๊ะ! เหตุใดตรงนี้มีเศษของบัวฟ้าวารีครามด้วย! ยังมีรากบัวหิมะอีก!”
อัจฉริยะผู้หนึ่งพลันร้องตกใจ
จุดเดิมของจ้าวเฟิงมีเศษชิ้นส่วนบัวฟ้า รวมทั้งรากบัวหิมะที่เหี่ยวเฉาโรยราบางส่วน
สรุปคือ นี่คือของเหลือมีตำหนิ
“รีบแย่งมา!”
ฉับพลันนั้น เหล่าอัจฉริยะยอดฝีมือตรงเข้าชกต่อยแย่งชิงกันอุตลุต
กำลังคนสองฝั่งชุลมุนวุ่นวาย ของเหลือที่ทิ้งไว้เหล่านี้จำนวนไม่น้อยทีเดียว มีมากมายหลายอย่าง
หลังช่วงชิงกันจนหมดเกลี้ยง สีหน้าจิวอู๋จี้ดำทะมึนอย่างยิ่ง กัดฟันเอ่ย “จ้าวเฟิงผู้นี้จงใจแน่”
จ้าวเฟิงเก็บของล้ำค่าสองอย่างไปมหาศาล จากนั้นทิ้งของเหลือมีตำหนิพวกนี้ไว้ให้พวกเขายื้อแย่งกัน เปรียบได้กับเศรษฐีทิ้งเศษอาหารให้เหล่าขอทานแย่งชิง
“จะรังแกกันเกินไปแล้ว…”
พลังมารบนร่างจิวอู๋จี้สั่นไหว ใกล้คลุ้มคลั่งสติแตกเต็มที
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหาโอกาสเฉือนแกะตัวอ้วนพวกนั้นเป็นชิ้นๆ ให้จงได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า….” ท่ามกลางแสงสีเงินม่วง สองโจรทะยานไปด้านหน้าพร้อมเสียงหัวเราะลั่น
สองชั่วยามต่อมา
ทั้งสองมาที่ภูเขาจำลองลับตาคน ก่อนหยิบ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ ออกมาใช้
“จ้าวเฟิง มีบัวฟ้าวารีครามนี้แล้ว ข้าจะทะลวงปราณเทวะช่วงปลายได้เร็วยิ่ง”
หนานกงเซิ่งมั่นใจมาก
“ดี”
จ้าวเฟิงนำบัวฟ้าต้นหนึ่งใส่ปาก จากนั้นโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้วทำให้พลังจักรพรรดิที่เพิ่งตื่นไม่นานมั่นคงขึ้น!