Skip to content

King of Gods 861

King Of Gods

บทที่ 861 ฆ่าล้างบาง

หนานกงเซิ่งที่เห็นในสายตามีร่างกายสูงใหญ่กว่าที่ผ่านมา

ดวงตานิ่งลึกสีม่วงอมเงิน เรือนผมม่วงโลหิตงดงาม บนผิวเห็นลวดลายสีแดงสดได้รางๆ มุมปากเขายกยิ้มเหี้ยมโหดชั่วร้าย พร้อมด้วยกลิ่นอายน่าสะพรึงเหนือใคร ขู่ขวัญเหล่าอัจฉริยะทั้งหลาย

อัจฉริยะทุกคนตรงนั้นหายใจลำบาก ปราณที่แท้จริงของราชันบางคนจับตัวและสั่นเทา ถูกสะกดจนยากจะเคลื่อนไหว

ดีที่กลิ่นอายโฉดชั่วนั้นปรากฏแค่ชั่วครู่เดียว ก่อนจะเก็บงำไปมากกว่าครึ่ง

ฮู่~ เหล่ายอดฝีมืออัจฉริยะนอกหอค่ายกลเทพถึงค่อยถอนใจโล่งอก มองตามหนานเข้าไปในหอด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ทุกท่านระวังด้วย!” ‘จิวอู๋จี้’ จากวังเก้านิรยกล่าวเสียงต่ำ “กลิ่นอายบนร่างเด็กผู้นี้ประหลาด คล้ายเศษเสี้ยวพลังเทพเซียนในหอคอยปีศาจมาก เกรงว่าเขาคงถูกพลังนั้นกลืนกิน จิตใจบิดเบี้ยวไปแล้ว…”

กล่าวจบ ผู้มากฝีมือหลายกลุ่มในที่นั้นส่งเสียงฮือฮา พากันชำเลืองมอง เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูและเตรียมพร้อมป้องกันหนานกงเซิ่ง

จิวอู๋จี้แววตาเป็นประกาย ใบหน้าบึ้งตึงเย็นชาอยู่แวบหนึ่ง

เขาเคยเข้าไปในหอคอยปีศาจ คาดการณ์ว่าหนานกงเซิ่งคงรับสืบทอดพลังที่หลงเหลือของเทพบรรพกาลมา

“ไม่ผิด! ข้าก็เคยเข้าไปในหอคอย…”

“มิน่าล่ะ กลิ่นอายเขย่าขวัญในนั้นถึงหายไปแล้ว”

ด้านนอกหอค่ายกลเทพ เหล่าผู้นำราชันพากันเห็นพ้อง ในสายตาที่มองหนานกงเซิ่งเปี่ยมด้วยความละโมบ ไม่ว่าอย่างไร หนานกงเซิ่งได้สัมผัสกับขอบเขตของเทพ กระทั่งรับพลังเทพเสียหยางมา จะไม่ให้พวกเขาริษยาได้อย่างไร?

อีกอย่าง ก่อนหน้านี้มารคู่ผมม่วงล่วงเกินผู้คนไว้มากมายด้วย

“ทุกคนร่วมมือกันจับเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วซักถามความลับของเทพเสียหยาง”

จิวอู๋จี้ส่งเสียงแนะนำ

ราชันปราณเทวะที่รวมตัวอยู่หน้าหอค่ายกลเทพมีอย่างน้อยราวสามสิบคน

ถ้าราชันมากเพียงนี้ร่วมมือกัน ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ต้องถอยหนีสักสามส่วน นับประสาอะไรกับหนานกงเซิ่งที่พลังฝึกตนเพิ่งเพิ่มสูงถึงราชันระดับสุดยอด

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! ชั่วพริบตา เงาร่างคนขยับวูบไหว ราชันระดับสุดยอดหนึ่งและราชันระดับลึกซึ้งหกคนซึ่งนำโดยจิวอู๋จี้ลงมือก่อน โดยเฉพาะจิวอู๋จี้ ตอนยังไม่ทะลวงถึงราชันระดับสุดยอด กำลังรบของเขาก็รับมือคนต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิได้

“หัตถ์เวหามาร!” จิวอู๋จี้ตะเบ็งเสียงร้อง แขนข้างหนึ่งพลันลุกไหม้และขยายออก กลายเป็นมือยักษ์สีดำที่ลึกซึ้งในฟ้าดิน ก่อให้เกิดเพลิงเมฆดำหมุนตลบ เข้าปกคลุมไปทางหนานกงเซิ่ง

โครม——

มือใหญ่ยักษ์ดำทะมึนมีเพลิงมารลุกโชน ยาวหลายสิบจั้ง ยื่นออกจากน้ำวนลึกขนาดมหึมา อานุภาพมากกว่าเมื่อก่อนเกินเท่าตัว

“คิดไม่ถึงว่า ‘วิชาเวหามาร’ ของจิวอู๋จี้จะฝึกฝนจนถึงนภาที่สิบหกแล้ว อานุภาพของหัตถ์เวหามารสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง”

อัจฉริยะจากสำนักหลายแห่งตื่นตกใจ

นี่ยังเพราะมีอำนาจพลังหลายอย่างในคฤหาสน์เสียหยางจำกัดไว้สูงสุด หากเป็นที่โลกภายนอก ฝ่ามือนี้ต้องสะเทือนฟ้าดินเป็นแน่

ไม่ต้องสงสัยเลย จิวอู๋จี้ในตอนนี้ต่อกรกับจักรพรรดิปราณเทวะได้ในขั้นต้นแล้ว

โครม! เปรี้ยง เปรี้ยง!

คนที่ลงมือพร้อมกันยังมีราชันระดับลึกซึ้งอีกหกคน มีไม่น้อยที่กำลังรบเทียบเท่าราชันระดับสุดยอด

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไปสังหารหัวขโมยนั่นด้วยกัน!”

ราชันส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้กันอดลงมือไม่ได้ ระบายความโกรธแค้นที่ถูกมารคู่ผมม่วงปล้นชิงออกไป

โครม! วูบ วูบ ฟึ่บ!

ทันใดนั้น การโจมตีจากราชันทุกคนที่มีจิวอู๋จี้อยู่ด้วยปะทะเข้าใส่ร่างหนานกงเซิ่ง

“เจ้า…พวก…มด…ปลวก!”

ใบหน้าหนานกงเซิ่งเผยความโฉดชั่วอำมหิต น้ำเสียงเยียบเย็นกล่าวเน้นทีละคำ

เขายืนตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง ปล่อยให้การโจมตีเหล่านั้นตกลงบนร่างตน

“อึก…”

ชั้นแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินม่วงบิดโค้ง ลากเงาชั่วร้ายเลือนรางหลายชั้นออกมาโดยมีหนานกงเซิ่งเป็นศูนย์กลาง มันดูราวกับปีศาจจากยุคโบราณร้องคำรามอย่างดุดัน และกวาดล้างทั่วแปดทิศ

แกรก!

‘หัตถ์เวหามาร’ ที่มีไฟลอยอบอวลของจิวอู๋จี้แตกร้าวไปทีละชุ่น การโจมตีของราชันที่เหลือประหนึ่งกาวเหนียว

ถัดจากนั้นจึงได้ยินเสียงตะโกนด่าอยู่ทั่ว เสียงร้องโหยหวนดังไม่ขาดสาย

วูบ! วูบ! วูบ!

เจ็ดยอดราชันซึ่งนำโดยจิวอู๋จี้ ถูกพลานุภาพมหาศาลที่กดข่มฟ้าดินกระแทกกระเด็นออกไป

“เป็นได้อย่างไร…”

สีหน้าจิวอู๋จี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว กระอักเลือดกลางอากาศ ไม่เหลือหนทางตอบโต้กลับแม้แต่น้อย พลังน่าพรั่นพรึงสายนั้นบดขยี้โดยสมบูรณ์

อึก อึก! ราชันหลายคนกระอักโลหิต ถูกปะทะจนกระเด็น ล้มลงลุกขึ้นไม่ไหว ก่อนจะหมดสติไป

“อ๊าก อ๊าก….”

ยังมีราชันสองสามคน ครึ่งก้าวสู่ราชันอีกสิบกว่าคน ตายอนาถคาที่ภายใต้ควันหลงและการทะลวงผ่านของพลังดังกล่าว และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในสองห้วงลมหายใจเท่านั้น

เฮือก! อัจฉริยะชั้นหัวกะทิหลายคนพากันสูดลมหายใจเย็น ยืนตะลึงงันอยู่กับที่

“นี่มันพลังระดับขั้นใดกัน แค่แรงสะท้อนกลับจากกำลังปราณที่แท้จริงก็ทำจิวอู๋จี้ลอยกระเด็น ทั้งยังสังหารราชันหลายคน ครึ่งก้าวสู่ราชันสิบกว่าคน…”

ผู้มากฝีมือบางคนที่อยู่รอบนอกมีเหงื่อไหลอาบแผ่นหลัง

“เจ้า…”

จิวอู๋จี้ล้มลงกองกับพื้นราวทั้งร่างแหลกลาญ ดวงตาเปี่ยมด้วยความตกใจกลัว ยากจะเชื่อได้

“ผู้ใดระรานข้า ตายตกไม่ละเว้น!”

มุมปากหนานกงเซิ่งยกยิ้มโหดเหี้ยมอำมหิต แววตาเย็นชากวาดผ่านจิวอู๋จี้และคนวังเก้านิรยด้านหลังอีกฝ่าย

“ทุกคนระวังตัว!”

จิวอู๋จี้มีสีหน้าตึงเครียด ปราณที่แท้จริงสายมารทั้งร่างปั่นป่วนพลุ่งพล่าน

“กลุ่มพลังเวหามาร!”

จิวอู๋จี้ยืนตระหง่านกลางอากาศ ที่ว่างรอบตัวปรากฏกลุ่มพลังดำมืดที่บิดโค้ง

กลุ่มพลังเวหารมารนี้เป็นถึงไม้ตายป้องกันของจิวอู๋จี้ สามารถรับมือกับการต่อสู้แบบกลุ่ม ลดแรงปะทะและดูดซับพลังได้สูงสุด

ทว่าวิชาของเขาเพิ่งก่อรูป การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นฉับพลัน

“ตาย!”

เงาพร่าเลือนสีม่วงเงินที่มีระลอกโลหิตกระเพื่อมไหว สั่นสะเทือนบนร่างจิวอู๋จี้หลายต่อหลายสาย

“อ๊าก…” เสียงหวีดร้องดังขึ้น ก่อนหยุดลงทันใด

ตรงจุดเดิม ร่างของจิวอู๋จี้กลายเป็นกองเลือดไปแล้ว แม้แต่วิญญาณดั้งเดิมยังแหลกสลายในพริบตา

“จิวอู๋จี้!”

“ผู้อาวุโสจิว!”

ยอดฝีมือและอัจฉริยะที่เหลือของวังเก้านิรยตกตะลึงจนไร้เสียง

กลุ่มขั้วอำนาจบางส่วนใกล้กันขนลุกชัน รู้สึกเพียงความเย็นเยียบกระจายจากฝ่าเท้าสู่ทั่วร่าง

พวกที่เคยลงมือกับหนานกงเซิ่งก่อนหน้านี้หน้าซีดเผือดยิ่งขึ้น

“น่ากลัวเกินไปแล้ว! โจมตีสังหารจิวอู๋จี้ในกระบวนท่าเดียว!”

“นี่เป็นพลังเช่นไรกันแน่? หรือว่าหนานกงเซิ่งรับสืบทอดพลังของเทพชั่วมาแล้วจริง…”

หลังจากทั้งที่แห่งนั้นตื่นตระหนก ก็ตกเข้าสู่ความเงียบงันถึงขีดสุด

เหตุการณ์นี้ยังกระทบถึงแกนนำส่วนหนึ่งของวังลอยฟ้าและเชื้อพระวงศ์ด้านในหอค่ายกลเทพ

“พลังน่าสะพรึงนัก เหมือนกับในหอคอยปีศาจ…”

เซวียนหยวนเหวินมีสีหน้าหวาดกลัว

พวกจ้าวเฟิงกับซินอู๋เหินก็มองไปด้านนอก ต่อจากนั้น พวกเขาจึงได้ประจักษ์กับฉากฆ่าล้างนองเลือด

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”

ราชันและครึ่งก้าวสู่ราชันที่เหลือของวังเก้านิรยหวีดร้องไม่ขาด ถูกขบวนเงาทับซ้อนพร่าเลือนบดขยี้จนกลายเป็นกองเลือด

วิธีโจมตีของหนานกงเซิ่งพิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง มันทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ ไม่ว่าเป็นกายเนื้อหรือกายจิตวิญญาณก็จัดการสิ้นซาก

“เป็นไปได้อย่างไร! นี่มันลักษณะพิเศษของพลังที่มีใน ‘เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ’ เท่านั้น…”

สายเลือดและปราณที่แท้จริงขององค์ชายเก้าสั่นระริก

ซินอู๋เหินกับเซวียนหยวนเหวินเผยสีหน้าเคร่งขรึม หนานกงเซิ่งในยามนี้มีกลิ่นอายพลังน่ากลัวยิ่งนัก อยู่เหนือกว่าหลักเหตุผลทั่วไป

ในสองห้วงลมหายใจ

กลุ่มยอดฝีมือของวังนิรยทั้งหมดถูกหนานกงเซิ่งกำจัดแบบถอนรากถอนโคน

จากนั้นหนานกงเซิ่งเลียริมฝีปาก ยกยิ้มร้ายกาจเย็นชา สายตาเหลือบมองเหล่าราชันที่ลงมือเมื่อครู่

“อ๊าก!” ราชันเหล่านั้นตกใจจนวิญญาณหลุดลอย หนีกันอลหม่านโดยไม่สนใจบาดแผลสาหัส

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

หนานกงเซิ่งยกมือขึ้นกลางอากาศ สังหารราชันพวกนั้นราวกับบี้มดปลวก และกระเทือนไปถึงครึ่งก้าวสู่ราชันบางคน

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

พวกราชันเช่นสตรีชุดแดงฝ่ายวังลอยฟ้า ลั่วจุน องค์ชายเก้า และผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวฝ่ายเชื้อพระวงศ์พากันเข้าขัดขวาง

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

ราชันผู้เก่งกล้าองอาจหลายคนยังไม่ทันเข้าใกล้ คลื่นโลหิตทับซ้อนพร่ามัวสีม่วงเงินก็ซัดจนลอยกระเด็น

“กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”

องค์ชายเก้าแผดเสียงร้อง ในมือปรากฏดาบล้ำค่าสีทองระยิบระยับเล่มหนึ่ง

“อ๊าก!” เขายังไม่ทันลงมือ เงาเลือนรางที่มีระลอกโลหิตชั่วร้ายลอยล่องก็เข้าปะทะจนกระเด็นออกไป

ด้านนอกหอค่ายกลเทพสับสนอลหม่าน

วิ้ง! ขณะเดียวกัน ‘กรอบประตูสีขาว’ ของหอค่ายกลเทพสูญเสียพลังที่พวกราชันส่งเข้าไป กำลังจะปิดลงอย่างรวดเร็ว

“ช้าก่อน!”

เซวียนหยวนเหวินยื่นมือข้างหนึ่งไป ประคองกรอบประตูขาวไว้ให้มั่น พลังจักรพรรดิที่สะเทือนถึงสวรรค์สายหนึ่งพุ่งตรงไปทางหนานกงเซิ่ง

หนานกงเซิ่งชะงักฝีเท้า เลียริมฝีปาก ก่อนมองไปทางเซวียนหยวนเหวินผู้เป็น ‘จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ’ เพียงคนเดียวในที่นี้

การโจมตีกดดันจากพลังจักรพรรดิสายนั้นไม่ส่งผลใดกับเขา ตรงกันข้าม มันกลับกระตุ้นจิตต่อสู้กับความเหี้ยมโหดของหนานกงเซิ่ง แสงเงินม่วงเรืองรองบนกายแสบตายิ่งขึ้น ลวดลายโลหิตม่วงบนผิวยิ่งชัดเจนและชั่วร้ายกว่าเดิม กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงขวัญกดดันจนทุกคนตรงนั้นหายใจลำบาก

คนต่ำกว่าขั้นราชันแทบใช้ปราณที่แท้จริงไม่ได้ ขนาดพลังสายเลือดยังถูกสะกดไว้อย่างแน่นหนา

“พลังกลุ่มนี้…”

เซวียนหยวนเหวินรู้สึกถึงการสั่นสะท้านของปราณที่แท้จริงในกาย ยากจะโคจรมันตามใจนึก

ความแตกต่างมากที่สุดระหว่างจักรพรรดิปราณเทวะกับราชันธรรมดา คือความสมบูรณ์ดั่งใจนึกของชั้นวิญญาณ แต่ด้านแก่นแท้ของพลังไม่ต่างกันมากนัก หรือกล่าวได้ว่า พลานุภาพของเซวียนหยวนเหวินผู้แข็งแกร่งกำลังถูกกดข่ม

“จ้าวเฟิง! เหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดเขา!”

ขณะที่หวาดวิตก ศิษย์พี่จูเก๋อนึกบางอย่างขึ้นได้

หนานกงเซิ่งในตอนนี้แทบไม่มีใครหยุดยั้งได้ ต่อให้เป็นเซวียนหยวนเหวินก็ยังไม่มีหวังจะชนะ

หากสู้กันถึงที่สุดจริงๆ ต้องพินาศย่อยยับแน่

โม่ตงเหยาที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเย็นชา ชำเลืองมองจ้าวเฟิงคราหนึ่ง ความหมายนั้นราวกับพูดว่า นี่คือหายนะที่เจ้าเป็นต้นเหตุ

“โชคดีที่หนานกงเซิ่งยังไม่สูญเสียตัวตนและสติปัญญา คนที่เขาสังหารล้วนเป็นพวกที่เคยไล่ฆ่าหรือเป็นศัตรูกัน”

จ้าวเฟิงกล่าวพลางพยักหน้าน้อยๆ

โชคดี…นี่เรียกว่าโชคดี?

พวกของศิษย์พี่จูเก๋อและองค์ชายเก้าเกือบสำลัก

การระเบิดกำลังรบของหนานกงเซิ่งไปถึงขั้นที่ไร้คู่ต่อสู้ เทพเข้าขวางฆ่าเทพ พระเข้าขัดฆ่าพระ

ผ่านไปครู่หนึ่ง

เหล่าราชันหน้าหอค่ายกลเทพหวาดกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง

หนานกงเซิ่งก็รู้สึกเบื่อหน่าย เขาเลียริมฝีปาก และพากลิ่นอายน่าพรั่นพรึงตรงเข้าใกล้เซวียนหยวนเหวินทีละก้าว

ใบหน้าเซวียนหยวนเหวินมีไฟโทสะ แสงศักดิ์สิทธิ์ในดวงตารวมตัวถึงจุดสูงสุด เขายกมือหนึ่งขึ้น อากาศรอบด้านปรากฏริ้วแสงโปร่งใสแวววาว กลิ่นอายต้องห้ามกระจายออกมา

“รีบลงมือเร็ว!”

เหล่ายอดฝีมือเช่นศิษย์พี่จูเก๋อ ซินอู๋เหิน และเหล่าราชนิกุลเปลี่ยนสีหน้า

หากจัดการจริงจังเมื่อใด ผลหลังจากนี้คงไม่อาจจินตนาการได้ ดูจากขั้นพลังที่หนานกงเซิ่งสำแดง ถ้าไม่ผนึกกำลังคนทั้งหมดก็แทบเอาชนะไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงเซิ่งไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่เขาเป็นเพียงหนึ่งในมารคู่ผมม่วง

“พอได้แล้ว”

ภายใต้สถานการณ์บีบคั้นถึงขีดสุดนี้ เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น

เสียงนี้ทำลายเงาดำมืดของกลิ่นอายน่าสะพรึงที่กดข่มและสะกดที่แห่งนี้ แรงต้านที่มีต่อทุกคนพลันลดลงมาก

หนานกงเซิ่งฝีก้าวแข็งทื่อ ในดวงตาเขาปรากฏแววขัดขืน ความโหดเหี้ยมกระหายเลือดค่อยๆ จางหาย

เฮ้อ~

ศิษย์พี่จูเก๋อและคนอื่นๆ เหมือนยกภูเขาออกจากอก พวกเขาถอนหายใจยาว แววตาอดมองไปทางเด็กหนุ่มผมม่วงที่ขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้

คนที่คุ้นเคยต่างรู้ดี ในกลุ่มมารคู่ผมม่วง เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นผู้นำมาโดยตลอด

มีเพียงเขาเท่านั้นที่หยุดยั้งหนานกงเซิ่งในตอนนี้ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!