Skip to content

King of Gods 884

King Of Gods

บทที่ 884 ฟื้นฟูพลัง

มนตราอากาศ ท่ามกลางธรรมชาติในโลกมิติส่วนตัว

จ้าวเฟิงสำรวจสถานการณ์การเติบโตของผึ้งเบญจพิษ ก็ไปตรวจดูสภาพของ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ อีกครั้ง

ปกติแล้วเมื่อ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ไม่ได้อยู่ในการต่อสู้จะมีขนาดประมาณหัวแม่โป้ง เล็กกว่าเจ้าแมวขโมยตัวน้อย เหมือนกับตัวหนอนของผึ้งเบญจพิษ

แต่จ้าวเฟิงไม่กล้าดูแคลนผีเสื้อนี้แม้แต่น้อย

ถ้าหากฟื้นฟูไปสู่สภาวะสุดยอดแล้ว กำลังรบและแรงส่งเสริมของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ตัวนี้ก็มากพอจะสร้างความยุ่งยากให้กับเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

ในเวลานี้

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเข้าไปในมนตราอากาศได้ไม่นาน สัญญาณชีวิตอาจอ่อนแอ แต่เมื่ออยู่กับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยแล้วต่างสนิทสนมกลมกลืน

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและแปลกประหลาด เหมือนว่ามีพลังสื่อสารและความเป็นมิตรที่เกินจะคาดคิดกับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตในสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย การสื่อสารกับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ ดวงตาราวเพชรสีม่วงที่เบิกออกบางคราว ในแววตาฉายแววประหลาดใจออกมาหลายส่วน

สำหรับการฟื้นฟู ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ จ้าวเฟิงมีแนวทางของตัวเองเช่นกัน

อย่างแรกคือ ละอองน้ำของเหลวในห้วงฝันบรรพกาล คล้ายมีผลลัพธ์หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์ในสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

ต่อมาคือส่วนสำคัญของพฤกษาที่มีชีวิตส่วนหนึ่ง รวมไปถึงละอองเกสรที่ผึ้งเบญจพิษเก็บสะสมไปจนกระทั่งน้ำผึ้งที่หมักบ่มไว้

จ้าวเฟิงก็ใช้น้ำผึ้งไป่หยวนเล็กน้อยทำการผสม

‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ที่อยู่ในระดับสูงส่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงยังไม่คิดจะหยิบออกมา ในตอนนี้ตัวเขาก็ยังไม่ได้ใช้เช่นกัน

“ถ้าหากว่ามอบ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ จำนวนหนึ่งให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถพัฒนาการเจริญเติบโตของพวกมันไปอีกขั้น จนเลื่อนระดับขึ้นเป็นเซียนใน ‘ขอบเขตเทวาเร้นลับ’ ถึงเวลานั้น หนานเฟิงอ๋องมีแรงช่วยเหลือเช่นนี้ ก็แทบจะเมินเฉยต่อราชวงศ์ของดินแดนทวีปได้แล้ว…”

ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

แต่เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำเช่นนั้น

หนึ่ง สิ่งนี้อยู่เกินกว่าผลตอบแทนที่หนานเฟิงอ๋องมอบให้

สอง เขาและหนานเฟิงอ๋องรู้จักกันได้ไม่นานนัก ความสัมพันธ์ยังไม่ถึงขั้นเชื่อมั่นได้ทั้งหมด

สถานการณ์ของราชวงศ์ต้าเฉียนซับซ้อนยุ่งเหยิง

ในอนาคตจ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ยากจะยืนยันได้

ดังนั้น สิ่งที่จ้าวเฟิงต้องทำก็เพียงปฏิบัติภารกิจที่ตนเองให้คำสัญญาและมีค่าตอบแทน ทำให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนฟื้นฟูทั้งหมดภายในระยะเวลาสั้นยิ่งขึ้น

ขอแค่หนานเฟิงอ๋องสามารถทะลวงผ่านขอบเขตเทวาเร้นลับ และมีแรงช่วยเหลือของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ที่มีกำลังรบในระดับสุดยอด ก็จะยืนอยู่ตำแหน่งสูงสุดในราชวงศ์ต้าเฉียนอย่างแน่นอน

ครึ่งชั่วยามต่อมา

จวนอ๋องโหว ภายในหอคอยที่งามสง่าแห่งหนึ่ง

จ้าวเฟิงเก็บห้วงคิดของตนเองกลับมา ปิดเปลือกตาลงและเริ่มฝึกตนบ้าง

สำหรับการฝึกฝน ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘วิชาวายุอัสนี’ ทั้งสองเพิ่งผ่านระดับได้ไม่นาน จ้าวเฟิงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งคงทน

หนำซ้ำ ใน‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ และ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ยังมีเคล็ดวิชากลยุทธ์ที่ไม่เลวนักส่วนหนึ่ง จ้าวเฟิงยังฝึกไม่สำเร็จลุล่วง

การเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนร่างกาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพลังพื้นฐาน

อานุภาพที่ต้องการจะปลดปล่อยสำแดง เคล็ดวิชากลยุทธ์ส่วนหนึ่งก็ขาดไปไม่ได้

หนึ่งในนี้

หลังจากที่‘ กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ไปแตะขั้นที่ห้าแล้ว จะมี ‘หมัดศักดิ์สิทธ์อัสนี’ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ และ ‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์วิชาลับต่างๆ ที่ฝึกฝนได้

‘หมัดศักดิ์สิทธ์อัสนี’ เป็นกลยุทธ์ในประเภทโจมตี ขณะอยู่ขั้นที่สี่ก็สามารถฝึกฝนในระดับต้นได้

เพียงแต่ว่าจ้าวเฟิงอยู่ในมิติเทพลวงตา เวลากระชั้น มีกลยุทธ์วิชาลับจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทันฝึกฝน

‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ หลังจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถึงระดับขั้นหนึ่งแล้ว จะสามารถค่อยๆ ฝึกฝนให้มีคุณสมบัติที่เป็นอมตะ ต้องฝึกฝนเป็นระยะเวลาหลายเดือนปลายปี ยากที่จะทำให้สำเร็จได้โดยเร็ว

เหมือนอย่างมังกรวารีล้างโลกาตัวนั้น คุณสมบัติร่างกายก็เป็นอมตะ การสร้างอาการบาดเจ็บทั่วไปไม่อาจทำอะไรได้

ร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะมีคุณสมบัติดำรงอยู่อย่างไม่ดับสลาย พลังที่ฟ้าดินมีในขณะนี้ยากที่จะลงมือสังหารได้ จึงต้องใช้วิธีปิดผนึก

ตามที่จ้าวเฟิงรู้มา

เมื่อเริ่มขั้นหกของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ถึงขั้นที่ว่าสามารถฝึก ‘ใช้เลือดคืนชีวิต’ ที่ลึกล้ำสูงส่ง เพียงแต่จ้าวเฟิงไม่มีวิชาที่สอดคล้องกัน แต่ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นมีอยู่

‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ เป็นเคล็ดวิชาป้องกันร่างกายที่ผสานกับวิชาวายุอัสนีและกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แรงป้องกันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และยังมีความสามารถต้านการโจมตีประเภทพลังไอสวรรค์ต่างๆ

จ้าวเฟิงคาดเดาว่า ถ้าหากตนเองสามารถฝึกฝน ‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ ได้สำเร็จ จะมองข้ามการโจมตีของคนขั้นต่ำกว่าเซียนลงไปได้เลย

ต่อให้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็อย่าคิดจะสังหารเขาได้ในเวลาสั้นๆ

“ข้าควรจะฝึกฝน ‘หมัดศักดิ์สิทธ์อัสนี’ และ ‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ ก่อน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการโจมตีและการต้านทาน อีกทั้ง ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ ยากจะฝึกฝนให้สำเร็จโดยเร็ว…”

จ้าวเฟิงตัดสินใจ

แน่นอนว่ากลยุทธ์วิชาลับเหล่านี้เป็นแบบฉบับเท่านั้น ทั้งวิชาสองยังมีกลวิธีและความสามารถเล็กๆ น้อยๆ อีกมาก

จ้าวเฟิงใส่ใจกลยุทธ์วิชาลับที่เกี่ยวข้องกับ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ เป็นหลัก

สำหรับกลยุทธ์วิชาลับใน ‘วิชาวายุอัสนี’ ‘มรดกวายุอัสนี’ ที่จ้าวเฟิงฝึกฝนในช่วงชีวิตก่อน แตะถึงขั้นที่สูงส่งอย่างยิ่ง กลวิธีความสามารถเหล่านั้นเพียงสะบัดมือก็เค้นออกมาได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนมากมายนัก

เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปเป็นครึ่งเดือนกว่า

จ้าวเฟิงเข้าใจพื้นฐานและฝึกฝน ‘หมัดศักดิ์สิทธ์อัสนี’ กับ ‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ จนสำเร็จ

‘วายุอัสนีคุ้มกาย’ ในนั้นเปรียบไปแล้วค่อนข้างง่าย มันหลอมรวมพลังวายุอัสนีและแก่นแท้พลังอัสนีศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน ผิวกายกลายเป็น ‘เกราะอัสนีคุ้มกาย’ ที่แข็งแกร่งชั้นหนึ่ง

แซ่ด! รอบกายของจ้าวเฟิงพลันผุดริ้วลายสายฟ้าเก่าแก่ราวกับเป็นรูปธรรม สายฟ้าสีทองเป็นประกาย มาพร้อมกับเสียงกึกก้องกัมปนาทของอัสนีบาต

‘เกราะอัสนีคุ้มกาย’ นี้ไม่ใช่วิธีใช้ปราณที่แท้จริงป้องกันกายทั่วไป มันหลอมรวมพลังรุนแรงที่ดั้งเดิมอย่างยิ่งของแก่นพลังสายฟ้าอัสนี สามารถโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว

ขอบเขตปราณเทวะในทั่วไป ถ้าหากโจมตี ‘เกราะอัสนีคุ้มกาย’ ของจ้าวเฟิงได้ เกรงว่าจะโดนแรงสะท้อนกลับจนกระอักเลือดและบาดเจ็บสาหัส

“การป้องกันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เกรงว่าไม่อาจทดสอบได้ในเวลาสั้นๆ และก็ไม่อาจทดสอบได้ตามใจ”

‘เกราะอัสนีคุ้มกาย’ ที่ปกคลุมบนร่างของจ้าวเฟิง ดูเผินๆ เป็นดังเกราะริ้วสายฟ้าวาววับสมจริง กลายเป็นการป้องกันร่างที่สมบูรณ์ไร้จุดบอด

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็จะซักซ้อมกลยุทธ์การต่อสู้อย่าง ‘หมัดศักดิ์สิทธ์อัสนี’ ชุดนี้วนไปมา

ความจริงแล้ว หมัดสายฟ้าประเภทดังกล่าวจ้าวเฟิงก็เคยเห็นเด็กน้อยครึ่งเซียนปลดปล่อยมาก่อน สำนึกรู้ของเขาทรงพลังลึกล้ำเกินจะเปรียบ

สำนึกรู้ของจ้าวเฟิงไม่ใช่ธรรมดา แต่ก็ยังต่างจากสำนึกรู้ของครึ่งเทพเซียนไม่น้อยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ เขาต้องลึกซึ้งและฝึกฝนท่าหมัดชุดนี้ แล้วยังโคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จำลองภาพขึ้นในหัวของเขาเสมอ

ดีที่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงชำนาญการเรียนรู้และการวิเคราะห์แจกแจงเป็นอย่างยิ่ง

ในจวนอ๋องโหว

จ้าวเฟิงสงบจิตใจฝึกฝน เวลาส่วนมากจะใช้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แบ่งความคิดเป็นหลายกลุ่ม

จ้าวเฟิงใช้เวลาไปเดือนกว่ากับกลยุทธ์วิชาลับเป็นหลัก

หลังจากนั้น ความคิดของเขาก็ใช้ไปกับพลังฝึกตนรวมไปถึงในชั้นวิญญาณ

ในมิติดวงตาซ้าย ตรงขอบของทะเลวิญญาณสีม่วงมีกะโหลกสีดำสนิทลอยอยู่ บางคราบนพื้นผิวของมันจะปรากฏริ้วสายฟ้าอัสนีเทวะที่เล็กน้อยจนสัมผัสไม่ได้

‘กะโหลกอำนาจเทวะ’ นี้ได้มาตั้งแต่การฝึกตนในช่วงชีวิตก่อนจนถึงตอนนี้

ในวันนี้ พลังจักรพรรดิของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับมาแล้วไม่น้อย และจึงเริ่มดูดซึมพลังอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ใน ‘กะโหลกอำนาจเทวะ’

โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลิ่นอายอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ในกะโหลกกำลังค่อยๆ สูญสลายและรั่วไหลออกไป

‘ดูดซึมพลังอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ในกะโหลกอำนาจเทวะไปแล้วสามสี่ส่วน และยังมีอีกห้า หกส่วน เกรงกว่าจะอยู่ต่อไปได้ไม่นานนัก’

จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ

หากจะครอบครองพลังอัสนีเทวะและลึกซึ้งในแก่นสาระของมัน จะให้พึ่งพาเพียงแค่พลังอัสนีเทวะที่อยู่ในกะโหลกอำนาจเทวะก็ยังไม่เพียงพอ

อีกด้านยังต้องการการฝึกฌานสมาธิของจ้าวเฟิง อีกด้านหนึ่งก็ยังต้องหาร่างประทับอัสนีเทวะร่างอื่นด้วย

แซ่ด! ในทะเลวิญญาณสีม่วง บางครั้งอณูเล็กๆ ของพลังอัสนีเทวะที่หลอมรวมเข้าไปยังถูกทะเลวิญญาณดูดซึมไว้ด้วย

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ของจ้าวเฟิงแบ่งห้วงความคิดส่วนหนึ่งออกมาดูดซึมพลังอัสนีเทวะโดยเฉพาะ และใช้พลังอัสนีกลุ่มนี้มาฝึกฝนดวงวิญญาณให้แข็งแกร่งอีกขั้นหนึ่ง

ยามนี้ ระดับขั้นดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงยังไม่ถึงจักรพรรดิปราณเทวะโดยสมบูรณ์ กำลังอยู่ระหว่างฟื้นฟูพลังของจักรพรรดิเท่านั้น

แต่กลับเป็นพลังจักรพรรดิที่ใกล้จะฟื้นคืนถึงระดับสุดยอดของช่วงชีวิตก่อนภายใต้การชะล้างและการกระตุ้นของอัสนีเทวะ

“พลังอัสนีเทวะที่ข้ากำลังดูดซึมในตอนนี้ จำนวนกำลังจะเกินไปกว่าช่วงชีวิตก่อน ขอเพียงแค่รอให้พลังวิญญาณฟื้นฟูจนหมด ความสามารถของร่างนี้ก็จะอยู่เหนือช่วงชีวิตก่อน”

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย เต็มไปด้วยความคาดหวัง เสียงดายก็เพียงแต่ สมบัติล้ำค่าศาสตร์วิญญาณที่เขาครอบครองค่อนข้างจะมีจำกัด

พลังวิญญาณทมิฬที่แฝงอยู่ใน ‘หินสะกดวิญญาณ’ ก็ถูกสกัดดูดซึมไปมากกว่าครึ่งแล้ว

ตามการฟื้นคืนพลังจักรพรรดิของจ้าวเฟิง พลังวิญญาณทมิฬในหินสะกดวิญญาณคงอยู่ไม่นานนักก็สูญสายกลายเป็นความว่างเปล่า

แน่นอน ตัวหินสะกดวิญญาณที่เป็นของวิเศษศาสตร์วิญญาณสามารถเก็บห้วงคิดดวงวิญญาณประเภทต่างๆ ไปจนถึงขั้นใช้เพื่อกดข่มและสะกดภูติผีที่แกร่งกล้าส่วนหนึ่ง

ครึ่งเดือนต่อมา

ในมนตราอากาศของจ้าวเฟิง สมบัติล้ำค่าศาสตร์วิญญาณถูกใช้จนหมดเกลี้ยง ส่วนมากแล้วแค่เก็บมาให้ครบ แต่ไม่มีระดับอะไร

สุดท้ายแล้ว ระดับขั้นดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงก็ฝืนพยายามฟื้นฟูจนถึงขั้นจักรพรรดิได้

ในมิติดวงตาซ้าย ทะเลวิญญาณของจ้าวเฟิงขยายออกจนมีขนาดแปดเก้าร้อยจั้ง

ถึงแม้ว่าจะไม่มีขนาดพันจั้งเท่ากับช่วงชีวิตก่อน แต่หากพูดเรื่องระดับความแข็งแกร่งก็ยังอยู่เหนือกว่าเล็กน้อย ด้วยเพราะพลังอัสนีเทวะที่ดูดซึมมามีจำนวนมากกว่า

พู่! จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว เอ่ยพึมพำ “ในที่สุดพลังของช่วงชีวิตก่อนก็ฟื้นคืนมาพอประมาณแล้ว”

ขณะนี้ พลังฝึกตนของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่เทียบเท่ากับขอบเขตปราณเทวะช่วงกลางของชีวิตก่อน ระดับขั้นดวงวิญญาณก็ด้อยกว่าเล็กน้อย แต่พลังของทั้งร่างก็ฟื้นฟูแล้ว

อย่างไรเสียชีวิตนี้ของจ้าวเฟิงก็ฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายและชีวิตแข็งแกร่ง

สายเลือดเพลิงมารโลหิตและผลลัพธ์การป้องกันของเขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะสู้สายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ไม่ได้ แต่พลังโจมตีแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น

พูดโดยรวมก็คือ จ้าวเฟิงฟื้นฟูพลังของ ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ในช่วงสุดยอดได้แล้ว

พลังอำนาจเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในราชวงศ์ของดินแดนทวีป ขอแค่ไม่ทำผิดต่อบุคคลต้องห้ามส่วนหนึ่ง ก็สามารถยึดครองผงาดไปทั่วแผ่นดินที่กว้างใหญ่ได้

จวนอ๋องโหว ภายในห้องลับฝึกบำเพ็ญตนในหอคอยสูงสง่า

เวลาส่วนมากของจ้าวเฟิงหมดไปกับการฝึก ‘วิชาวายุอัสนี’ และใช้ไปกับการหล่อหลอมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

แกรก!

ในช่วงเวลาหนึ่ง แก่นผลึกวายุอัสนีขั้นราชันในมือจ้าวเฟิงกลายเป็นฝุ่นธุลี

แก่นผลึกวายุอัสนีขั้นราชันเม็ดนี้ที่ได้มาจากมิติเทพลวงตา จนถึงตอนนี้ก็เดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว

ถึงแม้ว่าในแก่นผลึกวายุอัสนีจะแฝงพลังส่วนสำคัญของวายุอัสนีมากมายกว่าราชันระดับลึกซึ้งทั่วไป แต่ในขั้นตอนการดูดซึมต้องสกัดให้บริสุทธิ์ซ้ำไปมา ส่วนที่ถูกดูดซึมไปเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง ฝึกตนต่อไป

ในตอนนี้ วิชาวายุอัสนีขั้นที่เจ็ดเป็นวายุอัสนีธาตุไม้ สมบัติล้ำค่าประเภทพฤกษาที่เขาครอบครองเรียกได้ว่ามหาศาล

ทรัพยากรล้ำค่าในศาสตร์อัสนีอื่นๆ ก็มีส่วนหนึ่ง

ทรัพยากรจำนวนมหาศาลบวกกับความสูงส่งของพลังในขั้นจักรพรรดิ ความเร็วในการฝึกตนของจ้าวเฟิงน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

กลางดึกของคืนนี้

พรึ่บ! สวบ! สวบ!

เงาร่างกลิ่นอายหลายเส้นสายที่ขมุกขมัวปรากฏขึ้นกลางดึกด้านนอกจวนอ๋องโหว

“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงคนนั้นจะมีกำลังรบของจักรพรรดิชั้นยอด อีกทั้งยังเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่มาอีกด้วย”

“ตอนนี้เขาอยู่ในจวนอ๋องโหว ต่อให้ข้ามีโอกาสชนะ ก็ไม่สามารถลงมืออย่างอุกอาจ ทำได้เพียงลอบทำเท่านั้น”

ในผืนราตรีนั้น มองเห็นเป็นชายสี่คนและหญิงคนหนึ่งรางๆ

ชายสี่หญิงหนึ่งนี้มีกลิ่นอายลึกล้ำ เหมือนกลายเป็นแสงจันทร์สลัว หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนนภาที่มืดมิด หากไม่อยู่ในระยะที่ใกล้มากจะไม่อาจสังเกต

ห้วงคิดเซียนของจักรพรรดิและราชันหลายคนที่ดูแลจวนอ๋องโหวกวาดผ่านพื้นที่ทั้งหมดเป็นครั้งคราว แต่กลับไม่สังเกตเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!