Skip to content

King of Gods 907

King Of Gods

บทที่ 907 สีทอง

“ลองว่ามาซิ!”

ได้ยินคำว่า ‘รัชทายาท’ สองคำนี้ จ้าวเฟิงพอจะรู้ได้เลาๆ แต่รายละเอียดเป็นเช่นไรนั้นไม่รู้เลย

คนทั้งสามอีกฝั่งพลันมีสีหน้าแข็งกระด้าง เป็นราษฎรของราชวงศ์ต้าเฉียน แต่กลับไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘ตราแห่งองค์รัชทายาท’

ปี้ชิงเยวี่ยรับสถานการณ์ได้ค่อนข้างเร็ว เพราะนางใกล้ชิดกับจ้าวเฟิงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว รู้ดีว่าจ้าวเฟิงเป็นพวกคลั่งการฝึกบำเพ็ญ ถึงแม้ตัวจะอยู่ในหน่วยข่าวกรอง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องภายนอกอะไรเลย

ส่วนตาเฒ่าอิง ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาตาข้างเดียวที่ขุ่นมัวของเขาก็คอยสำรวจจ้าวเฟิงอยู่ตลอด ยิ่งสังเกตก็ยิ่งหวั่นเกรง ราวกับว่าเห็นในสิ่งที่หลายคนไม่อาจรู้สึก

หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจ้าวเฟิงย่ำแย่มาก เขาจะรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่องค์ชายเก้าขอความช่วยเหลือจากคนผู้นี้

“สัญลักษณ์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าเฉียนคือตราแห่งองค์จักรพรรดิ และก่อนที่จะเป็นตราจักรพรรดิ ก็คือตราแห่งรัชทายาท!”

องค์ชายเก้าจัดเรียงลำดับความคิด เอ่ยอย่างจริงจัง

ตราแห่งจักรพรรดิ สัญลักษณ์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ร่างประทับของพลังชะตาราชวงศ์ทั้งมวล จะครอบครองโชคชะตาที่มากมายไร้ขอบเขตของทั้งราชวงศ์

การแต่งตั้งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละสมัย จะเลือกจากเหล่าองค์ชายที่ต้องเผชิญบททดสอบอันแสนสาหัส

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะคือตราแห่งองค์รัชทายาท ตราประทับที่ยืนยันสถานะของรัชทายาท

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์รัชสมัยนี้ยังเหลืออีกสิบปีก็จะครบรอบกำหนด สี่ปีหลังจากนี้จะเกิดศึกแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทขึ้น”

ปี้ชิงเยวี่ยตะลึงงัน เมื่อลองคำนวณเวลาดูแล้วก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

ในช่วงนี้นางยุ่งอยู่กับการจัดการดูแลหอควันสมุทรจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น

‘การชิงตำแหน่งรัชทายาท’ คือศึกที่ตระกูลสูงศักดิ์และสำนักระดับสองสามดาวเกือบทั้งหมดในช่วงเฟื่องฟูของทั้งต้าเฉียนจะเข้าร่วม เป็นโอกาสในการล้างไพ่ครั้งยิ่งใหญ่

ก่อนหน้านี้ หอควันสมุทรเป็นกำลังเสริมให้กับวังเก้านิรย จึงไม่มีสิทธิ์จะเข้าร่วม แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานอีกต่อไป

“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกันกับข้า?” จ้าวเฟิงหาวขึ้นอย่างไม่ค่อยใสใจ

เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของจ้าวเฟิง ตาเฒ่าอิงมุมปากกระตุก “ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด องค์ชายทุกพระองค์ล้วนจะเข้าร่วมการแข่งขันในต่างมิติ ทุกพระองค์จะมีคนคอยช่วยเหลือเข้าไปด้วยได้ตามจำนวนที่จำกัด!”

“จ้าวเฟิง ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ช่วยข้าชิงตำแหน่งรัชทายาท!” สีหน้าขององค์ชายเก้าเคร่งเครียด แววตาจริงใจ

เรื่องราวต่างๆ ที่เผชิญในมิติเทพลวงตาฝังแน่นในความทรงจำขององค์ชายเก้า มารคู่ผมม่วงอาศัยกำลังคนเพียงสองคนรับมือกับกลุ่มอำนาจทั้งหมด ทำให้พวกเขาต่างทำอะไรไม่ได้ จนถึงขั้นเกิดความรู้สึกหวั่นเกรง

ณ คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล นอกจากหอกระบี่ฟ้าจะได้อาวุธเทพเก่าแก่ที่ชำรุดไปครอบครอง ส่วนใหญ่ก็ตกไปอยู่ที่มารคู่ผมม่วงมากที่สุด

หลายคนรอดจากกรงเล็บมารของมังกรวารีล้างโลกามาได้ ก็เพราะอาศัยพึ่งพิงมารผมม่วงคู่

องค์ชายเก้าครุ่นคิดมาอย่างดีแล้ว มารคู่ผมม่วงชื่อเสียงไม่ดีนัก หนึ่งในนั้นซึ่งก็คือหนานกงเซิ่งโดนพลังเทพปีศาจเข้าครอบงำ จนบัดนี้โดนกลุ่มอำนาจจำนวนไม่น้อยไล่สังหาร

จึงทำได้เพียงแค่ชักชวนจ้าวเฟิงเท่านั้น

จ้าวเฟิงลึกลับยากจะหยั่ง อีกทั้งในยามที่อยู่คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาลก็ได้อาวุธเทพชั้นรองอย่างมนตราอากาศมาครอบครองเชื่อว่าอาวุธเทพชั้นรองชิ้นนี้จะมีส่วนช่วยเหลือเขาอย่างมากในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท

อีกทั้งกำลังรบของจ้าวเฟิงก็ไม่อาจดูแคลน พลังสายเลือดดวงตาและชีวิตร่างกายแข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด แถมในตอนนี้ยังบรรลุถึงขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย คาดว่าน่าจะทำให้ทุกคนตื่นตกใจยิ่งขึ้น หากสามารถดึงเข้ามาเป็นพวกได้ จะต้องเป็นกำลังสำคัญมากทีเดียว

และเขายังรู้อีกว่าจ้าวเฟิงกับองค์ชายแปดไม่ลงรอยกัน องค์ชายสิบสามยิ่งออกจะดูแคลนจ้าวเฟิง ดังนั้นเขาจึงรีบเดินทางมา

ปี้ชิงเยวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงตื่นเต้นยินดี

ไม่คิดไม่ฝันว่านายของตนจะสามารถทำให้องค์ชายเดินทางมาหาด้วยตนเอง โอกาสที่ดีเช่นนี้ นายท่านต้องไม่ปล่อยผ่านแน่นอน

มิติต่างแดนแห่งนั้น เป็นสถานที่พักผ่อนอันเป็นนิรันดร์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้แข็งแกร่ง ในนั้นมีคลังสมบัติตกทอดอยู่นับไม่ถ้วน สมบัติเหล่านั้นอย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับปฐมเซียน

หลายคนคิดว่าในนั้นจะต้องมีสมบัติสืบทอดของผู้แข็งแกร่งและครึ่งเทพราชนิกุลในช่วงยุคต้นอย่างแน่นอน

ไม่รู้มีคนมากมายเท่าใดที่อยากมีโอกาสเข้าไปหาสมบัติล้ำค่าเหล่านั้น

ขอเพียงแค่จ้าวเฟิงสนับสนุนองค์ชายเก้า หากทำสำเร็จ จ้าวเฟิงก็จะได้รับชะตาราชวงศ์มหาศาล ทั้งยังได้รับการคุ้มครองจากฟ้าดินฟากหนึ่ง

เมื่อองค์ชายเก้าขึ้นครองราชย์ได้ในภายหลัง ก็อาจดึงจ้าวเฟิงเข้ามาอยู่ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกภายใน และก้าวเข้าสู่ชนชั้นสูงของตำหนักไท่หวง

อิทธิพลของจ้าวเฟิงก็จะพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วด้วยเหตุนี้

จากการอธิบายของตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้า จ้าวเฟิงพอจะเข้าใจเรื่องตราแห่งองค์รัชทายาทได้เลาๆ

สำหรับมรดกต่างมิติที่เอ่ยถึง จ้าวเฟิงไม่ได้คาดหวังอะไรสักเท่าไหร่

สมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ราชนิกุลผู้แข็งแกร่งทิ้งเอาไว้ ดังนั้นจึงต้องเป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เท่านั้นจึงจะได้มาครอบครองโดยง่าย

อีกอย่าง กายสายฟ้าปฐพีทองและวิชาวายุอัสนีห้าสายของจ้าวเฟิง เดิมทีเป็นเคล็ดวิชาแบบครึ่งเซียนคุนอวิ๋น แต่ภายหลังผสานและพัฒนาโดยเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ จนกลายเป็นเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าราชนิกุล เพราะมันแทบจะเกี่ยวพันถึงกลุ่มอำนาจที่ทรงพลังทั่วทั้งราชวงศ์

อำนาจสยบที่แลกมาได้อย่างยากเย็น ส่งผลให้เขาอยู่โดยสงบได้ชั่วระยะหนึ่ง เขาต้องการทุ่มเทแรงใจเพื่อฝึกบำเพ็ญและยกระดับพลังให้มากขึ้น

อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตระกูลตวนมู่เข้าฝักใฝ่กับองค์ชายคนใด

ตวนมู่ชิง เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง และจ้าวหยูเฟยล้วนแต่ต้องการจะฟื้นฟูตระกูลตวนมู่

จ้าวเฟิงย่อมไม่ปรารถนาจะยืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา

“ขอโทษด้วย แต่ข้ารับปากท่านไม่ได้!” จ้าวเฟิงปฏิเสธออกไปตรงๆ

ภายในห้องโถงเงียบงันโดยพลัน

องค์ชายเก้า ตาเฒ่าอิง อีกทั้งปี้ชิงเยวี่ยอ้าปากค้าง นึกสงสัยว่าตนเองได้ยินผิดหรือไม่

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจ้าวเฟิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราแห่งรัชทายาท จึงไม่กระตือรือร้น ไม่สนใจไยดี

หลังจากฟังทุกอย่างจนชัดแจ้งแล้ว พวกเขาล้วนแน่ใจว่าจ้าวเฟิงต้องตกลงรับปากอย่างแน่นอน

ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะปฏิเสธได้เด็ดขาดเพียงนี้!

“ทำไมกัน? สหายจ้าวไม่คิดว่าข้าจะมีความสามารถพอรึ?” แววตาขององค์ชายเก้าฉายแววผิดหวัง

ในบรรดาองค์ชาย ชาติกำเนิดของเขาธรรมดามากที่สุด ขั้วอำนาจที่สนับสนุนก็เทียบไม่ได้กับองค์ชายคนอื่น

ตอนนี้คนที่เขากำลังรวบรวม ก็ยังรวมได้ไม่ครบ

เขาแอบสืบข่าวมาได้ว่าองค์ชายหลายคนรวบรวมกำลังคนที่น่าพรั่นพรึงมาได้

“จ้าวเฟิง โอกาสดีๆ เช่นนี้เจ้าไม่คิดจะคว้าไว้รึ?” ตาเฒ่าอิงร้อนรน รู้สึกผิดหวังที่ไม่เป็นดังคาด

แต่เดิมเขาคัดค้านองค์ชายเก้าเรื่องเดินทางดั้นด้นมาพูดคุย แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธคำเชิญขององค์ชาย

“ก่อนอื่น ข้าไม่สนใจมรดกใดๆ ภายในนั้น ข้อสองคือข้าไม่คิดว่าท่านจะมีโอกาสชนะสักเท่าไหร่ หรือถ้าจะพูดอีกอย่างก็คือ ผลประโยชน์จากที่ข้าต้องเสี่ยงชีวิตช่วยท่านมันน้อยนิดนัก!” หากปฏิเสธโดยไม่ให้เหตุผล เชื่อว่าองค์ชายเก้าผู้นี้และตาเฒ่าอิงต้องพยายามหว่านล้อมเขาต่อไปอย่างแน่นอน ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้เหตุผลสองข้อแล้วค่อยปฏิเสธอีกครั้ง

องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

มีคนที่ไม่อยากได้มรดกครึ่งเทพด้วยหรือ

ผู้แข็งแกร่งในตำนานไม่ใช่มีเพียงเคล็ดวิชาการต่อสู้ แต่ยังรวมถึงของล้ำค่าและอาวุธเทพต่างๆ ในยามที่พวกเขามีชีวิตอยู่

จริงอยู่ที่ในตอนแรกตาเฒ่าอิงไม่ยอมรับจ้าวเฟิง หากแต่เมื่อเขาและองค์ชายเก้ามาหาด้วยตนเอง แต่กลับโดนปฏิเสธ ในใจของเขาจึงรู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างยิ่ง

“จ้าวเฟิง ข้อดีของการเข้าไปใน ‘สุสานเชื้อพระวงศ์’ มันไม่ใช่เพียงแค่นั้น!” แววตาขุ่นมัวของตาเฒ่าอิงไหววูบ

“สุสานเชื้อพระวงศ์ แต่เดิมเป็นซากมิติที่หลงเหลือมาแต่บรรพกาล ไม่เสถียรเป็นอย่างยิ่ง จนบัดนี้คนขั้นราชาแห่งเซียนขึ้นไปไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้ภายในจึงอาจเต็มไปด้วยสมบัติและความลับสมัยบรรพกาล อีกทั้งกลิ่นอายพลังบรรพกาลที่แอบแฝงอยู่ยังช่วยพัฒนาพลังชีวิตได้อย่างก้าวกระโดด คนภายนอกจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปในสุสานเชื้อพระวงศ์ ล้วนแต่อาศัยพลังในนั้นบรรลุขอบเขตเทวาเร้นลับได้” ตาเฒ่าอิงเอ่ยเนิบนาบ

ราชาแห่งเซียนคือชื่อเรียกขอบเขตเทวาเร้นลับที่ถึงระดับบริบูรณ์ เป็นขั้นที่อยู่ตรงกลางระหว่างครึ่งเทพและเซียน

สีหน้าของจ้าวเฟิงชะงักไปชั่วขณะ มิติที่หลงเหลือมาแต่บรรพกาล สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเขาได้บ้าง จึงเริ่มอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น

ตาเฒ่าอิงจับปฏิกิริยาเหล่านี้ได้ เขาจึงค่อนข้างลำพองใจ

“สหายจ้าว หากเจ้ายอมช่วย ข้าโจวจื่อหังจะยอมรับปากเจ้าสามข้อ ขอเพียงแต่ข้าทำได้ ต่อให้ได้ตำแหน่งรัชทายาทหรือขึ้นเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีผล!” แววตาของโจวจื่อหังเด็ดเดี่ยวเหนือสิ่งอื่นใด

จ้าวเฟิงและตาเฒ่าอิงมีสีหน้าตกตะลึงทันใด ไม่ใช่เพราะคำพูดนั้นเย้ายวนใจ หากแต่พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเด็ดเดี่ยวขององค์ชายเก้า

“องค์ชายเก้า ท่าน?” ตาเฒ่าอิงร้อนรนเล็กน้อย รู้สึกว่าองค์ชายวู่วามเกินไป เหตุใดจึงให้คำสัญญาเช่นนั้นโดยง่าย

คำสัญญาขององค์ชายเป็นเรื่องเล็ก แต่หากเปลี่ยนเป็นคำสัญญาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นี่สิเรื่องใหญ่

“ให้เวลาข้าคิดก่อน พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ!” เมื่อเห็นแววตามั่นคงเด็ดเดี่ยวขององค์ชายเก้า จ้าวเฟิงราวกับเห็นภาพสะท้อนของตนเองยามที่อยู่เมืองประกายอรุณและสำนักจันทร์สลาย จึงให้คำตอบไปเช่นนี้

“ได้ ยังมีเวลาอีกสี่ปี ข้าจะเก็บที่เอาไว้ให้กับสหายจ้าว!” องค์ชายเก้าเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

ตาเฒ่าอิงกลับส่ายหัว คิดว่าโอกาสที่จ้าวเฟิงจะตอบตกลงคงมีไม่มาก

ภายในหอ หลังจากที่องค์ชายเก้าจากไปแล้ว

“ปี้ชิงเยวี่ย ข่าวเรื่องต่างมิติที่ตาเฒ่าอิงพูดมาเป็นเรื่องจริงรึ? มีอะไรแอบซ่อนเอาไว้หรือไม่?” จ้าวเฟิงถามตรงๆ เพราะเขาไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าใดนัก

“นายท่านไม่รู้อะไร แต่เดิมตาเฒ่าอิงเป็นถึงคนระดับสูงใน ‘โครงข่ายราชวงศ์’ ส่วนองค์ชายเก้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ แน่นอนว่าย่อมรู้เรื่อง ‘สุสานเชื้อพระวงศ์’ ดีกว่าหอควันสมุทรอยู่แล้ว ในตอนนี้ข้ายังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ!” ปี้ชิงเยวี่ยตอบตามความจริง

“โครงข่ายราชวงศ์ ?” จ้าวเฟิงแอบรู้สึกตกใจ

โครงข่ายราชวงศ์คือหน่วยลับสืบข่าวสารอันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเฉียน เบื้องหลังคือเหล่าเชื้อพระวงศ์และตำหนักไท่หวง แทรกซึมอยู่แทบทั่วทุกมุม แม้กระทั่งในต่างเผ่าพันธุ์

“แต่ข้าขอแนะนำนายท่าน การเข้าร่วมศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทและสนับสนุนองค์ชายผู้นั้น ท่านตัดสินใจเองดีที่สุด” ปี้ชิงเยวี่ยพูดเสริมขึ้นอีกประโยค ในยามนี้จ้าวเฟิงคือผู้อาวุโสสูงสุดของหอควันสมุทร หากจะเข้าร่วมศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท จะต้องได้รับการยินยอมจากเขาเสียก่อน

ในโลกมนตราอากาศ เทพราตรีทมิฬนั่งขัดสมาธิอยู่ ณ มุมหนึ่ง พลังฝึกตนเสถียรมั่นคง เตรียมจะทะลวงถึงขั้นเซียน

“นายท่าน!” เทพราตรีทมิฬลืมตาแล้วลุกขึ้น

“ตอนนี้ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปทำ!”

“นายท่านโปรดสั่งมา!” สีหน้าของเทพมารราตรีฉายแววประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงมอบหมายงานให้เขา

“เจ้ากลับไปยังมุมมืดทมิฬ พาคนที่มีฝีมือดีทั้งหมดของเจ้ามา!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ได้ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” เทพมารราตรีฮึกเหิม ดูท่านายท่านคงจะเริ่มวางแผนก่อตั้งหน่วยลอบสังหารแล้ว นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมาโดยตลอด

ถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อยแล้ว จ้าวเฟิงก็ตกอยู่ในภวังค์

“ดูเหมือนว่าจะต้องไปยังตระกูลตวนมู่อีกรอบ!” จ้าวเฟิงพึมพำ

แต่ก่อนที่จะจากไป หอควันสมุทรจะต้องมีเซียนประจำอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่วางใจ

ตำหนักวิญญาณปฐพีอาจได้ข่าวเซียนถูกสังหาร ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือในช่วงนี้

แต่ถ้าจ้าวเฟิงเดินทางไปยังดินแดนทวีป และไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะได้กลับมา ในระหว่างนี้ตำหนักวิญญาณปฐพีอาจจะลงมือก็เป็นได้

ก็ต้องรอดูว่าเฒ่าประหลาดสวีจะบรรลุขั้นเซียนได้สำเร็จหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ต้องพึ่งเทพราตรีทมิฬแทน

“หืม สีทอง?” จ้าวเฟิงเหลือบตามองผมม่วงที่ปลิวมาด้านข้าง มีสองสามเส้นในนั้นที่เป็นสีทองสะดุดตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version