บทที่ 906 ตราแห่งองค์รัชทายาท
เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา เผ่าพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัวอันดับเก้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เกิดมาเพื่อทำลายล้างโดยเฉพาะ
ระหว่างการเติบโตของมังกรวารีทุกตัว ล้วนแต่ผ่านการทำลายล้างมานับไม่ถ้วน
พวกมันเรียนรู้จากการทำลาย อาศัยการทำลายล้างรับแหล่งกำเนิดพลังทำลายล้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
แหล่งกำเนิดพลังทำลายล้าง เป็นต้นกำเนิดพลังทุกอย่างของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา
“แย่แล้ว! พลังทำลายล้างดั้งเดิม!” ผู้อาวุโสใบหน้ากลมหูยาวร้องด้วยความตกใจ พลังเซียนในร่างสั่นระรัว
ทั้งร่างของมังกรวารีแผ่กระจายแสงเทพเพลิงทมิฬที่ไม่ดับสลาย พลังกดดันที่บดทำลายทุกสิ่งส่งผลกระทบไปนับหมื่นลี้
อากาศทั่วบริเวณสั่นไหวอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนค่อยๆ บิดโค้งภายใต้พลังกดข่มนั้น และเกิดเป็นไฟทมิฬที่ไม่มีวันมอดดับขึ้น
เพลิงทมิฬเหล่านี้เผาทำลายไปทั่วทั้งฟ้า ค่อยๆ กินบริเวณไปเรื่อยๆ
“ทำไมถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?” ซงไท่หวงใจสั่นสะท้าน
แหล่งกำเนิดพลังทำลายล้าง เป็นต้นกำเนิดพลังทุกอย่างของมังกรล้างโลกา
ซึ่งนั่นหมายความว่า หากต้องการทำให้พลังของมังกรวารีล้างโลกาลดลง ก็จะต้องทำให้พลังทำลายล้างจากแหล่งกำเนิดลดลง
มังกรวารีล้างโลกาในขณะนี้ยังมีกำลังรบไม่ถึงขั้นครึ่งเทพด้วยซ้ำ แต่พลังทำลายล้างดั้งเดิมที่ปะทุออกมากลับสามารถกดดันผู้คนที่อยู่ตรงนั้นได้ แม้กระทั่งอาวุธเทพชั้นรองโซ่เทวาทองก็เอาไม่อยู่
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนคาดไม่ถึง
“มันกำลังอาศัยมิติภายในร่างกายดึงพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา!” ดวงตาสุกสกาวของผู้อาวุโสตัวผอมแห้งราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุ เขาพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
ภายในร่างของมังกรวารีล้างโลกาจะมีโลกที่สร้างขึ้นเองอีกใบหนึ่ง นี่คือพรสวรรค์ที่มีเพียงมังกรวารีล้างโลกาเท่านั้นที่ทำได้
โลกใบนั้นแฝงไว้ด้วยต้นกำเนิดพลังทำลายล้างของมังกรวารี ทั้งสองจะส่งผลซึ่งกันและกัน ภายในมิติเฉพาะของมังกรวารีล้างโลกากระทั่งสามารถสร้างธาตุพิฆาตขึ้นเองได้
เหตุที่มังกรวารีทำลายรากฐานพลังของตนในตอนนี้ก็เพราะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ผนึกอีก คลื่นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงทำให้ผู้แข็งแกร่ง ณ ตรงนั้นใจสั่นสะท้าน
เซียนทางด้านหลังรู้สึกได้ว่าพลังทั้งร่างกายถูกกดข่ม กระทั่งเงาโลกมิติส่วนตัวก็ไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้
“อะไรกัน เจ้าปลาหนีชิวนี่!” ผู้อาวุโสในชุดคลุมลายมังกรทองอีกคนหนึ่งมีใบหน้าราบเรียบดั่งน้ำนิ่ง
“พวกเจ้าทั้งหลาย จงลงนรกไปพร้อมกับข้าเสียเถอะ!” มังกรวารีล้างโลการ้องคำราม เสียงกึกก้องฟ้า ระบายความโกรธแค้นของตนออกมา ไฟทมิฬในดวงตาลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง
กลิ่นอายพลังทำลายล้างระเบิดออกทันใด เกล็ดดำบนร่างของชายคนนั้นมีรอยแตกเกิดขึ้นเส้นหนึ่ง ตามรอยแตกมีแสงดำแห่งการล้างผลาญสาดส่องออกมา
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่มีสีหน้าเคร่งเครียดเกินจะเปรียบ และเริ่มติดต่อกันผ่านกระแสจิต
ในยามนี้ หากพวกเขาเลือกผนึกต่อไป ไม่เพียงแต่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บหนัก ผนึกจากโซ่เทวาทองก็เริ่มอ่อนกำลัง ขั้นเซียนทั้งสิบสองที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะต้องร่วงลงสู่เบื้องล่างอย่างแน่นอน
ขั้นเซียนตกลงไปข้างล่างเป็นเรื่องเล็ก แต่ข่าวที่พวกเขาบาดเจ็บหนักจะเป็นเรื่องใหญ่ หากเพียงแค่ราชวงศ์จันทราทมิฬได้ข่าว เช่นนั้นสงครามระหว่างสองราชวงศ์ใหญ่ก็ปะทุได้ทุกเมื่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ราชวงศ์ล่มสลายก็เป็นได้
แต่หากเลือกถอย ก็อาจทำให้มังกรวารีล้างโลกาหนีรอดไปได้
พลังช่วงสุดยอดของมังกรวารีล้างโลกา เพียงแค่นิดเดียวก็สามารถถล่มราชวงศ์ต้าเฉียนได้สิ้น
ทั้งสี่คนตัดสินใจได้ในทันใด
“ถอนกำลัง!”
“รีบถอนกำลังเร็ว!”
ซงไท่หวงรีบเก็บอาวุธเทพชั้นรองกลับ “โซ่เทวาทอง!”
ฟุ่บ ครืน!
ทั้งร่างของมังกรวารีพลันระเบิดออก กลิ่นอายพลังโบราณที่แข็งแกร่งแผ่กระจาย แสงเทพเปลวไฟทมิฬนับไม่ถ้วนปะทุออกไป ลอยผ่านที่ใดทุกสิ่งก็สลายเป็นเถ้าธุลี
ทั้งเขาเจ็ดคีรีตกอยู่ภายใต้การลุกลามทำลายของแสงเทพไฟทมิฬ
แสงเทพทั้งสี่กลุ่มหลบหนีออกมานอกเขาเจ็ดคีรีอย่างเร็วรี่
หากแต่เหล่าเซียนไม่โชคดีกันขนาดนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าอยู่ๆ เหล่าผู้อาวุโสจะถ่ายทอดคำสั่งลงมาแบบนี้
แค่สัมผัสเข้ากับพลังทำลายล้างดั้งเดิมเพียงเล็กน้อย เพลิงมังกรก็ดูดกลืนพลังในร่างเซียนและยิ่งเผาไหม้ลุกโชนมากขึ้น
บาดแผลที่เกิดขึ้นมีคุณสมบัติเหมือนกับพลังที่ไม่มอดดับของอัสนีเทวะไม่ผิดเพี้ยน
ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งทั้งสี่ยืนอยู่บริเวณสี่ทิศของเขาเจ็ดคีรี ดวงตามีแสงหม่นส่องประกาย ปลดปล่อยประสาทสัมผัสวิญญาณ แต่กลับไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปยังพายุเพลิงทมิฬที่แฝงด้วยพลังทำลายล้างดั้งเดิมได้เลย
ทันใดนั้น ท่ามกลางพายุแสงเทพเพลิงทมิฬ มีเงาร่างเล็กจ้อยของมังกรวารีล้างโลกาบินออกมานับไม่ถ้วน หากมองเพียงผ่านๆ ก็เหมือนกับรังมด
เงาร่างเล็กบางของมังกรวารีล้างโลกาคล่องแคล่วว่องไวเหนือสิ่งอื่นใด มันมุ่งหน้าหลบหนีไปทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง
“สังหารมันให้สิ้น!” เสียงทรงอำนาจดังมาจากซงไท่หวง
เซียนทั้งหมดลงมือทันที เพียงแค่ยกมือขึ้น พลังเซียนเทวาเร้นลับก็ปกคลุมกดดันฝั่งหนึ่ง มังกรวารีล้างโลกานับร้อยนับพันสลายเป็นเถ้าถ่าน
ผู้อาวุโสทั้งสี่ไม่ได้ลงมือใดๆ ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังส่วนลึกในพายุที่ก่อตัวจากเพลิงทำลายล้างของมังกร แต่เพียงทั้งสี่แผ่พลังมหาศาลออกไป ก็ทำให้มังกรวารีล้างโลกาตัวเล็กๆ ที่วิ่งผ่านข้างกายดับสูญทันที
“เจ้าพวกมนุษย์ไร้ยางอาย!” เสียงร้องสุดแรงของมังกรวารีล้างโลกาดังก้องมาจากโลกอันดำมืด
ทันใดนั้น มังกรวารีล้างโลกาเกล็ดดำมะเมื่อมยาวราวสี่ห้าร้อยจั้งบินออกมาจากภายใน ดวงตาทั้งสองข้างของมันแดงก่ำ บาดแผลนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ทั่วร่าง เลือดสดๆ ไหลริน!
“บุก!” แสงเทพไร้ลักษณ์สาดซัดจากร่างของผู้อาวุโสทั้งสี่ ก่อนจะไล่รุกโจมตี พลังฟ้าดินไร้รูปร่างราวกับกรงขัง พุ่งเข้าล้อมทุกสิ่งเอาไว้
ไม่มีใครสังเกตเห็น ในชั่วพริบตาที่มังกรวารีล้างโลกาตัวยักษ์บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
มังกรวารีทมิฬตัวน้อยตัวหนึ่งมุดลงลึกใต้พิภพ
“วันใดที่ข้ากลับมา วันนั้นคือวันตายของพวกเจ้า!”
………..
เมื่อกลับมายังหอควันสมุทร จ้าวเฟิงก็รีบปิดด่านฝึกตนทันที
บาดแผลของเขาฟื้นฟูกลับมาได้เพียงหกส่วนเท่านั้น ยังคงต้องปรับให้เสถียร
เขาโคจรวิชาหมื่นห้วงคิดเซียน แบ่งหนึ่งใจใช้หลากหลาย พร้อมเพ่งจิตรักษาบาดแผล
ตราผนึกในทะเลวิญญาณสีม่วงค่อยๆ แบ่งออกเป็นอีกหนึ่งส่วน ก่อนเข้าหลอมรวมกับวายุอัสนีธาตุไฟในแก่นผลึก
สามวันหลังจากนั้น บาดแผลของจ้าวเฟิงฟื้นฟูมากขึ้น ทะเลวิญญาณสีม่วงฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า
เช่นนี้แล้วจ้าวเฟิงก็สามารถฝึกฝนร่างกายและพลังวิญญาณได้
เขาแบ่งความคิดออกเป็นหลายส่วน ฝึกฝนวายุอัสนีธาตุไฟ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ และหมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีพร้อมกัน รวมทั้งดูดซับพลังอัสนีเทวะจากกะโหลกอำนาจเทวะ
พลังอัสนีเทวะยิ่งง่ายต่อการประทับตราในทะเลวิญญาณสีม่วง อีกทั้งยามตีตรายังสามารถหลอมฝึกพลังวิญญาณได้อีกด้วย ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่กลัวว่าจะยุ่งยาก หลังจากที่ขับเคลื่อนพลังไปสองรอบก็ตีตราอัสนีเทวะลงบนวายุอัสนีธาตุไฟ
หลังจากนั้นห้าวัน
กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงสั่นกระตุก หลังจากที่ส่องประกายอัสนีทองแล้วก็เลือนหายเข้าไปในร่าง
กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าระดับสุดยอด! ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายวูบไหว
แค่เพียงดื่มวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนหลังจากนี้ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะถึงขีดสุดขั้นห้า
“ผ่อนคลายสักพักหนึ่งก่อน รอให้พลังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์คงที่!” จ้าวเฟิงครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า
แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหลายวัน กลิ่นอายของจ้าวเฟิงสูงขึ้นอีกระดับอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ถึงขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย
ขณะเดียวกัน ในมิติแก่นผลึก วายุอัสนีธาตุไฟคงที่อยู่ในขอบเขตระดับต่ำเช่นเดียวกัน
ส่วนภายในปราณแท้จริงสีแดงที่ไหลเอ่อล้นมีตราอัสนีเทวะนับร้อยสาย
……..
ในวันนี้ ที่ดินแดนเกาะหมอกจันทร์มีเงาร่างสองเงาปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่ ที่ช่วงเอวมีกระบี่โบราณอัสนีคราม ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กลับบรรลุถึงขั้นจักรพรรดิปราณเทวะแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสอีกท่านสวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่มีรอยยับไปทั่วทั้งตัว ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ชวนให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“องค์ชายเก้า ท่านต้องการพบจ้าวเฟิงจริงๆ รึพ่ะย่ะค่ะ?” ผู้อาวุโสตาเดียวมิอาจเข้าใจได้
“การกระทำทั้งหลายในมิติเทพลวงตาของมารคู่ผมม่วง ล่วงเกินผู้มีอิทธิพลในราชวงศ์ต้าเฉียนไปกว่าครึ่ง เมื่อคราวอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ องค์ชายสิบสามก็กล่าวถึงมารคู่ผมม่วงในทางไม่ดีมากมาย โดยเฉพาะกับจ้าวเฟิง เหล่าเชื้อพระวงศ์ทุกคนล้วนมีภาพจำเลวร้ายของพวกเขา…” ผู้อาวุโสตาเดียวพูดออกมาเป็นฉากๆ
“ตาเฒ่าอิง ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่!” องค์ชายเก้ามองไปยังผู้อาวุโสตาเดียว แววตาเด็ดเดี่ยว พูดขึ้นอย่างจริงจัง
ตาเฒ่าอิงส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ความเร็วของทั้งสองไปถึงขั้นสุดยอด ไม่นานก็มาถึงยังหอควันสมุทร
“หอควันสมุทรนี่เป็นที่ที่ดีจริงๆ พลังในฟ้าดินและตำแหน่งที่ตั้งล้วนเหมาะสม!” แววตาของตาเฒ่าอิงสั่นระริก
องค์ชายเก้าเองก็หยุดมองไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุ่ยวานแห่งนี้
“เชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์ต้าเฉียนมาเยือน จ้าวเฟิง ยังไม่ออกมาต้อนรับอีกรึ!” ตาเฒ่าอิงพลันตะโกนขึ้น พลังมหาศาลไร้รูปร่างกระจายปกคลุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุ่ยวาน
ครืน!
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุ่ยวานมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น เหล่านกและสัตว์ล้วนแตกตื่น คลื่นทะเลถาโถมสาดซัด
ค่ายกลในม่านละอองน้ำลอยขึ้นมา เกิดอาการปั่นป่วนยุ่งเหยิง
ภายในหอควันสมุทร สมาชิกทั้งหมดต่างเลือดลมพลุ่งพล่านเพราะเสียงนี้ ไร้ซึ่งกำลังจะขัดขืน
“พลังนี้แข็งแกร่งเสียจริง!” ปี้ชิงเยวี่ยมีสีหน้าตื่นตระหนก
ฟุ่บ!
เงาฟ้าครามสายหนึ่งบินออกมาปรากฏต่อหน้าองค์ชายเก้า กล่าวอย่างเคารพนอบน้อมว่า “ข้าน้อยคือเจ้าหอควันสมุทร เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์ชายเก้ามาเยือน เดินทางมาไกลเช่นนี้ โปรดเข้ามาดื่มชาก่อน หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ ปรึกษากัน!”
“จ้าวเฟิงอยู่ที่ไหน? ให้มันออกมาเร็วเข้า องค์ชายเก้า…” ตาเฒ่าอิงเอ่ยด้วยเสียงต่ำทุ้มอย่างยโส
“เฒ่าอิง ข้าเจรจาเอง!” องค์ชายเก้าขัดขึ้น ก่อนจะบินไปด้านล่าง
ใบหน้าของตาเฒ่าอิงเรียบนิ่ง ทำได้เพียงตามไปเท่านั้น เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าจ้าวเฟิงมีดีอะไรถึงทำให้องค์ชายเก้าต้องมาด้วยตนเองแบบนี้!
วู้ม!
ทันใดนั้น ภายในกลุ่มตำนักของหอควันสมุทรมีพลังวิญญาณน่าเกรงขามกระจายออกมาปกคลุมไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุ่ยวานแห่งนี้
พลังมหาศาลที่สะเทือนไปทั่วฟ้าดินของตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้าสูญเสียการควบคุมทันทีเพราะถูกพลังวิญญาณกลุ่มนี้เข้าทานอำนาจ
ยามพลังวิญญาณกลุ่มนี้พัดผ่าน ทั้งสองเสียวสันหลังวูบ ทั่วทั้งร่างราวกับโดนจ้องเสียจนทะลุ
“นี่มัน พลังวิญญาณแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!” ตาเฒ่าอิงใจสะท้าน เก็บงำความรู้สึกดูแคลน และเกิดความรู้สึกประหลาดใจแทน
ในห้องลับ จ้าวเฟิงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองขึ้น น้ำวนสีม่วงในดวงตาซ้ายค่อยๆ สงบลง ก่อนจะหายไปในที่สุด ความเหนื่อยล้าค่อยๆ ถาโถมมาจากดวงตาซ้าย
“พลังจักรพรรดิถึงขีดสุด ใกล้เคียงขั้นเซียนยิ่งนัก!”
วินาทีที่พลังวิญญาณล่วงเข้าไป จ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญนอกหอควันสมุทร
มาอยู่ในที่ของเขาแต่ยังกล้าอวดดีถึงเพียงนี้ นี่คือสิ่งที่จ้าวเฟิงเตือนพวกเขา
ภายในห้องโถง
“องค์ชายเก้า ไยจึงมีเวลาว่างมาหาข้าไกลถึงเพียงนี้” จ้าวเฟิงจิบชา พูดอย่างไร้พิธีรีตอง
องค์ชายเก้ามองมายังจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง ความตระหนกในใจยังไม่หายไป ก่อนที่จะออกจากมิติเทพลวงตา จ้าวเฟิงยังอยู่เพียงแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงปลายเท่านั้น ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปีก็บรรลุมาถึงขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายได้ ความเร็วในการพัฒนาช่างน่าหวาดกลัวนัก เขาเลือกมาหาคนไม่ผิดจริงๆ
องค์ชายเก้ารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของจ้าวเฟิงดี นั่นก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นกัน
“ความเร็วในการพัฒนาของสหายจ้าวช่างไร้ผู้เทียมทานจริงๆ ข้ามาในครั้งนี้ก็เพื่อขอให้เจ้าช่วยเหลือข้าอีกแรงหนึ่ง!” แววตาขององค์ชายเก้าลุกโชน เอ่ยปากเข้าสู่ประเด็นทันที
เห็นการพูดอ้อมค้อมจอมปลอมของพวกมีอำนาจมาจนชิน จ้าวเฟิงจึงค่อนข้างจะชื่นชมคำพูดที่ตรงไปตรงมาขององค์ชายเก้า
แต่เขาก็ยังคงมีข้อสงสัย ผู้อาวุโสตาเดียวข้างกายองค์ชายเก้าก็มีพลังถึงระดับปฐมเซียน หนำซ้ำไม่ได้ไร้ฝีมือเหมือนที่แสดงออกอีกด้วย
นอกจากนี้องค์ชายแห่งต้าเฉียนที่ยิ่งใหญ่ เบื้องหลังมีทั้งเชื้อพระวงศ์และตำหนักระดับจักรพรรดิ ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน
แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขากัน?
“ไม่รู้ว่าสหายจ้าวเคยได้ยินเรื่อง ‘ตราแห่งองค์รัชทายาท’ มาบ้างหรือไม่” สีหน้าขององค์ชายเก้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที