Skip to content

King of Gods 905

King Of Gods

บทที่ 905 แลกเปลี่ยนสำเร็จ

การต่อสู้กับชั้นเซียนในครั้งนี้ จ้าวเฟิงได้ผลประโยชน์อย่างมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เสียดายศรสังหารเทพ ศรอีกดอกหนึ่งที่เหลือในตอนนี้ หากไม่ถึงคราวขับคันจริงๆ จ้าวเฟิงจะไม่นำมันออกมาใช้โดยง่าย เพราะนี่คือไพ่ตายสุดยอดของเขาในตอนนี้

ถึงแม้จะเสียดาย แต่การเผชิญหน้ากับเซียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องปะทะกันอยู่ดี

เขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในจวนอ๋องโหวได้ตลอดไป แบบนั้นเท่ากับว่าเขาติดหนี้บุญคุณหนานเฟิงอ๋อง อัตราความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็จะยิ่งลดลง

อีกทั้งไม่ใช่เพียงแต่วังเก้านิรยเท่านั้นที่เตรียมจะจัดการกับจ้าวเฟิง ตำหนักวิญญาณปฐพีที่อยู่ริมมหาสมุทรแถวนี้ก็อาจส่งขั้นเซียนมาเช่นเดียวกัน

เขาล่วงเกินผู้มีอิทธิพลในมิติเทพลวงตาจำนวนไม่น้อย เพียงแต่อยู่ห่างไกลกันมากก็เท่านั้น เชื่อได้ว่ามีเหล่ากลุ่มอำนาจไม่น้อยที่อยู่ระหว่างทางในตอนนี้

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงต้องการอำนาจสยบ!

เพียงแต่ว่าเจ้าลัทธิมารเก้านิรยมาเร็วเกินไป กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงยังไม่ทันบรรลุถึงขั้นที่หก ดังนั้นจึงไม่มีทางงัดข้อขั้นเซียนได้

จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจตั้งแต่แรกเริ่ม จะใช้ศรสังหารเทพดอกหนึ่ง ใช้ชีวิตของเจ้าลัทธิมารเก้านิรย แลกมาซึ่งพลังสยบ!

เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ จุดสูงสุดของยุคสมัย ต่อให้เป็นสำนักระดับสามดาวก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ใครว่าเยอะกัน

แต่ทว่า การสร้างความเกรงกลัวนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วขณะเดียวเท่านั้น มีเพียงแค่การฝึกตนเพิ่มขึ้น และยกระดับพลังจนไม่อาจมีใครผู้ใดมาเทียบเทียมได้เท่านั้น จึงจะสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้

………..

ภายในจวนอ๋อง หนานเฟิงอ๋องนั่งไม่ติดที่ หน่วยสอดแนมที่เขาส่งออกไปยังไม่มีข่าวคราวใดๆ กลับมาทั้งสิ้น

“จ้าวเฟิง!” จู่ๆ หนานเฟิงอ๋องก็รู้สึกได้ถึงจ้าวเฟิง ในขณะเดียวกันก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังมหาศาล

“ท่านอ๋อง รบกวนท่านแล้ว!” จ้าวเฟิงเดินเข้ามายังตำหนักที่หนานเฟิงอ๋องอยู่

“จ้าวเฟิง เจ้าไม่เป็นไรรึ? เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ไปก่อนแล้วกัน หากเจ้าลัทธิมารเก้านิรยมาอีก ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้มันทำอะไรเจ้าได้แน่!” ดูเหมือนว่าจ้าวเฟิงจะบาดเจ็บไม่น้อย ในใจหนานเฟิงอ๋องรู้สึกติดค้าง เขาตบอกพูด

“ท่านอ๋องโปรดวางใจ เจ้าลัทธิมารเก้านิรยจะไม่มาอีกแล้ว หากแต่ข้าคงต้องพักรักษาตัวที่จวนของท่านสักวันสองวัน” จ้าวเฟิงยิ้มพูด

ใบหน้าของหนานเฟิงอ๋องฉายแววสงสัย เจ้าลัทธิมารเก้านิรยจะไม่มาอีก? หมายความว่าอย่างไรกัน?

จากนั้นเขาก็มองไปที่เฒ่าประหลาดสวี นึกประหลาดใจเล็กน้อย ‘ที่แท้เฒ่าประหลาดสวีร่วมมือกับจ้าวเฟิงสู้กับเจ้าลัทธิมารเก้านิรย?’

อย่างไรเฒ่าประหลาดสวีก็นับว่าเป็นคนประหลาดที่มีชีวิตอยู่มานับร้อยปี เรื่องฝีมือไม่อาจดูแคลนได้

เฒ่าประหลาดสวีที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นหนานเฟิงอ๋องเป็นห่วงเป็นใยจ้าวเฟิงถึงเพียงนี้ ในใจก็ตื่นตระหนก ‘ดูเหมือนว่าหนานเฟิงอ๋องเองก็ต้องการวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนของจ้าวเฟิงมากเช่นกัน’

“หนานเฟิงอ๋อง ตัวข้าคิดว่าจะอยู่ที่จวนของท่านไปสักระยะ ท่านคงไม่รังเกียจตาเฒ่าคนนี้หรอกกระมัง!”

…………..

ภายในห้อง จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิรักษาตัว แก่นแท้ชีวิตที่ขาดหายไป จ้าวเฟิงใช้ของวิเศษหายากจากในมิติเทพลวงตาบางส่วน

จากนั้นก็โคจรวายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้ ให้มันไหลวนเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งร่าง และกระตุ้นสรรพคุณของยาเพื่อรักษากายภายนอก

เมื่อทำครบทุกกระบวนการแล้ว จิตใจจ้าวเฟิงก็ดำดิ่งสู่โลกวิญญาณ

หากชั้นวิญญาณได้รับบาดเจ็บหนักจะต้องยุ่งยากเป็นแน่

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงพบเจอกับการใช้พลังวิญญาณจนหมดสิ้น

ในเวลานี้ โลกทะเลวิญญาณมีเพียงไอหมอกสีม่วงลอยอยู่บางเบา พลังอัสนีเทวะก็กำลังค่อยๆ ฟื้นฟู ทะเลสาบสีฟ้าตรงใจกลางยังทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกว่าผิดจากปกติ

ทะเลสาบสีฟ้าอยู่ในมิติดวงตาซ้ายมาตลอด จ้าวเฟิงจะสัมผัสได้ถึงความผิดแผกแตกต่างจากเดิมได้ทันที

หากแต่เมื่อค้นหาแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดแอบซ่อน จ้าวเฟิงจึงใช้ทรัพยากรวิเศษที่ช่วยรวบรวมพลังวิญญาณ ดูดซับพลังอัสนีจากกะโหลกอำนาจเทวะ และในขณะที่รวบรวมพลังวิญญาณ ก็ถือโอกาสสำรวจสภาพการฟื้นฟูของโลกทะเลวิญญาณไปด้วย

กลางดึก

เงาดำสายหนึ่งรุดเข้ามาในตำหนักหลังหนึ่ง

“รายงานท่านอ๋อง ร่องรอยการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและเจ้าลัทธิมารเก้านิรยกินพื้นที่ไปนับแสนลี้ ในตอนนี้ยังไม่สามารถค้นหาร่องรอยของเจ้าลัทธิมารเก้านิรยพบ” เงาดำคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

“มีกลิ่นอายพลังที่เข้าต่อสู้กี่คน” หนานเฟิงอ๋องถามขึ้น หากระหว่างนั้นระดับปฐมเซียนอย่างเฒ่าประหลาดสวีลงมือด้วยย่อมสัมผัสได้แน่นอน

“สองคนขอรับ!” เงาดำยืนยัน

“แต่ว่าหนึ่งในจุดที่เกิดการต่อสู้ มีพลังการทำลายล้างสูงเกินจินตนาการ แถมยังหลงเหลือกลิ่นอายธาตุทองที่น่าสะพรึงอีกด้วย” เงาดำอธิบายเพิ่ม

หนานเฟิงอ๋องแววตาลุกวาวขึ้นทันใด ก่อนจะกลับมาสงบนิ่ง “เจ้าออกไปได้!”

“ขอรับ!”

“กลิ่นอายของธาตุทอง? ดูเหมือนว่าข่าวของทางฝั่งเชื้อพระวงศ์จะไม่ผิด จ้าวเฟิงได้อาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพมาจากคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล” หนานเฟิงอ๋องทอดถอนใจ ในใจรู้สึกสั่นสะท้าน

อาวุธเทพชั้นรองคือพลังต้องห้ามของผู้ปกครองอย่างแท้จริง ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นจะสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของราชวงศ์และเหล่าสำนักต่างๆ

อาวุธเทพชั้นรองที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าใดนัก

“กลิ่นอายของเจ้าลัทธิมารเก้านิรยหายไป หาร่องรอยไม่เจอ เห็นทีคงตายด้วยอาวุธเทพชั้นรองเสียแล้ว!”

การตายของเจ้าลัทธิมารเก้านิรยทำให้หนานเฟิงอ๋องรู้สึกหวั่นใจ แต่มากกว่านั้นคือรู้สึกเสียดายอาวุธเทพชั้นรองที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง

แต่หนานเฟิงอ๋องเองก็เข้าใจ การตายของเซียนผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะปิดข่าวอย่างไร เครือข่ายข่าวสารของกลุ่มอำนาจทั้งหลายก็สามารถสืบพบจนได้

จ้าวเฟิงได้รับพลังสยบที่ทรงอำนาจโดยไม่รู้ตัว ช่วยให้ปลอดภัยได้ในชั่วขณะหนึ่ง

สามวันหลังจากนั้น ที่ห้องของจ้าวเฟิง

เขาทำข้อตกลงกับเฒ่าประหลาดสวีสำเร็จ

“อย่าคิดขัดขืน!” จ้าวเฟิงพูดเสียงราบเรียบ จากนั้นดวงตาซ้ายก็ปรากฏหุบเหวสีม่วงที่ลึกสุดหยั่ง เจตจำนงดวงตาที่น่าสะพรึงก่อตัวและแผ่ซ่านออกมา

‘เป็นพลังดวงตาวิญญาณที่แข็งแกร่งนัก เกือบจะถึงขั้นเซียนอยู่แล้ว!’ เฒ่าประหลาดสวีตกตะลึง พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงรุดหน้าไปมากจากครั้งที่ประมือกันคราวก่อน

ตราสายฟ้าสีม่วงที่ไม่เสถียรค่อยๆ รวมกลุ่มขึ้น ประทับลงลึกในวิญญาณของเฒ่าประหลาดสวีทีละน้อยพร้อมระลอกกลิ่นอายอัสนีเทวะ

หลังจากนั้นอีกครู่หนึ่ง

“นี่คือวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่ง เป็นโอกาสในการบรรลุขอบเขตเทวาเร้นลับครั้งสุดท้ายของเจ้า!” จ้าวเฟิงเสียงเอ่ยราบเรียบ

“ขอรับ นายท่าน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” ดวงตาของเฒ่าประหลาดสวีเป็นประกาย ใบหน้าฉายแววกระตือรือร้นและจริงใจ

“เฒ่าประหลาดสวี จากนี้ไปสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นจะต้องเป็นกำลังเสริมให้กับข้า ทำงานให้ข้า ข้าต้องการให้เจ้าจัดการให้เป็นระบบระเบียบ เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น

เจ้าต้องเลือกผู้มีพรสวรรค์ด้านข่าวกรอง การลอบสังหาร และการจัดดูแล จากนั้นก็คอยอบรมบ่มเพาะ รายละเอียดต่างๆ เจ้าสามารถปรึกษาเจ้าหอควันสมุทรได้” จ้าวเฟิงออกคำสั่ง

หากต้องการสร้างกลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง หนึ่งคือต้องมีกำลังพลมหาศาล สองคือต้องมีอัจฉริยะที่มากไปด้วยความสามารถ สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นในระดับสองดาวขั้นสุดยอดเป็นตัวเลือกที่ดีในตอนนี้

เพียงแค่เฒ่าประหลาดสวีบรรลุถึงขั้นเซียนเทวาเร้นลับ สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็จะเป็นสำนักสามดาวได้

ในพื้นที่ริมมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ สำนักที่ถึงสามดาวก็นับเป็นที่สุดแล้ว

“ขอรับ นายท่าน!” เฒ่าประหลาดสวีตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ในใจยิ่งรู้สึกนับถือจ้าวเฟิง

หลังจากที่เฒ่าประหลาดสวีจากไปแล้ว จ้าวเฟิงก็มายังนอกตำหนักของหนานเฟิงอ๋อง

“จ้าวเฟิง เจ้าจะไปแล้วรึ?” เสียงก้องกังวานของหนานเฟิงอ๋องลอยมา

“ในช่วงที่ผ่านมาต้องให้ท่านอ๋องช่วยดูแลแล้ว”

“เรื่องไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ข้าคิดดีแล้ว!” ร่างหนานเฟิงอ๋องพลันมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง

ดวงตาของจ้าวเฟิงไหววูบ หากแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย

แท้จริงแล้ว จ้าวเฟิงมารักษาตัวอยู่ที่จวนอ๋องโหวก็เพื่อรอการตอบกลับจากหนานเฟิงอ๋อง

เขาเชื่อว่าหนานเฟิงอ๋องคงสืบได้ข่าวการตายของเจ้าลัทธิมารเก้านิรยมาพอสมควรแล้ว แต่เดิมคิดไว้ว่าก่อนไปจะมาถามอีกสักรอบ จ้าวเฟิงไม่คาดคิดเลยว่าหนานเฟิงอ๋องจะเป็นผู้เปิดปากเอง

“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตัดสินใจเช่นไรหรือ?” จ้าวเฟิงไม่แอบซ่อนมิตรไมตรีใดๆ

“จ้าวเฟิง ข้ายอมแลกเปลี่ยนไหมเมฆาผีเสื้อเซียนกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะดูแลมันอย่างดี!”

แววตาของหนานเฟิงอ๋องฉายแววเด็ดเดี่ยว พลางโบกมือนำไหมเมฆาผีเสื้อเซียนออกมา

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเห็นจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยก็ออกอาการดีใจ ปีกขยับไปมา กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนหวั่นเกรงหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยทำให้สมหวัง!” จ้าวเฟิงตื่นเต้นยินดี นึกว่าหนานเฟิงอ๋องจะต่อรองอะไรเพิ่มเสียอีก

“ในนี้คือวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน แล้วก็หินแร่ในตำนานสำหรับสร้างอาวุธเทพชั้นรองอีกเล็กน้อย” จ้าวเฟิงยื่นแหวนเก็บของวงหนึ่งให้

หนานเฟิงอ๋องสำรวจดูอยู่ชั่วครู่ ในใจตื่นเต้นยินดี

ในขณะเดียวกัน เมื่อมองไปยังไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่เกาะติดเจ้าแมวขโมยน้อย รอยยิ้มมุมปากของเขาก็ฝืดเฝื่อน ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีความหมายกับเขามาก แต่ดูแล้วเหมือนว่ามันจะชอบนายใหม่มากกว่าเขา

จ้าวเฟิงยื่นข้อเสนอนี้ เขาก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ประเด็นสำคัญก็คือ ในอนาคตหากจ้าวเฟิงไม่ถูกสังหารไปเสียก่อน ศักยภาพของเขาจะไม่มีขีดจำกัด

“จ้าวเฟิง หากในวันหน้าเจ้าไม่ต้องการไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอีกต่อไป หวังว่าเจ้าจะยอมทำข้อแลกเปลี่ยนกับข้า!” ขณะมองอีกฝ่ายจากไป หนานเฟิงอ๋องส่งเสียงไล่หลังจ้าวเฟิง

จากนั้น หนานเฟิงอ๋องก็กลับห้อง เตรียมตัวที่จะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ

ณ แผ่นดินดินแดนทวีป มณฑลเฟิง เขาเจ็ดคีรี!

เขาเจ็ดคีรีเป็นพื้นที่อันตรายที่ขึ้นชื่อของมณฑลเฟิง ยอดเขาทั้งเจ็ดที่ทอดยาวสลับซับซ้อนได้รับพลังจากดาวเหนือ ทำให้ปราณจิตวิญญาณเข้มข้น ต้นไม้สูงเสียดฟ้า สัตว์ปีศาจดุร้ายตั้งถิ่นฐาน เป็นสถานที่ฝึกฝนของลูกศิษย์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงของสำนักแถวนั้น

ทว่าเขาเจ็ดคีรีในขณะนี้ถูกล้อมไปด้วยแสงสีทั้งห้า บนยอดเขาทั้งเจ็ดเป็นที่ราบ พลังอำนาจที่แข็งแกร่งสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่ว ต่อให้เป็นจักรพรรดิปราณเทวะก็ไม่กล้าเข้าใกล้ที่แห่งนี้ในรัศมีหมื่นลี้

ใจกลางเขาเจ็ดคีรี ชายที่มีผิวเป็นเกล็ดสีดำผู้หนึ่ง ทั่วทั้งร่างถูกพันธนาการด้วยโซ่โปร่งใสสีทอง ในเนื้อของโซ่ตรวนมีอักขระทองประหลาดปรากฏวูบวาบ

“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย บังอาจซุ่มโจมตีเผ่าพันธุ์มังกรวารีล้างโลกา!” ชายเกล็ดดำเงยหน้าร้องคำราม หลังมาถึงยังมิติรูปธรรมแห่งนี้ เขาก็ระวังตัวอย่างดี ที่ผ่านมาก็คอยลอบสังหารและฟื้นฟูพลังมาโดยตลอด

ทุกครั้งที่อักขระในโซ่ตรวนสีทองส่องประกาย พลังเทพแก่กล้าจะคอยดูดซับพลังของมังกรวารีล้างโลกาไม่หยุด

ร่างมังกรที่ไม่มีวันดับสูญของมังกรวารีล้างโลกา ถึงแม้จะฟื้นฟูต่อเนื่อง ก็ไม่มีทางฟื้นคืนได้สมบูรณ์ภายใต้การทรมานจากพลังเทพสีทอง

นอกค่ายกลสี่เหลี่ยมที่พันธนาการมังกรวารีล้างโลกา มีผู้อาวุโสยืนอยู่ตามมุมทั้งสี่ ร่างของทั้งสี่แผ่แสงแห่งพลังเทพมากมายมหาศาลออกมา ภายใต้กลุ่มแสง สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่ามีคนหนึ่งผอม คนหนึ่งอ้วน และผู้เฒ่าสองคนที่สวมใส่เสื้อคลุมสีทองลายมังกร

ในมือของพวกเขามีโซ่สีทองพันอยู่

ด้านหลังกลุ่มแสงเทพทั้งสี่ แต่ละจุดมียอดฝีมือผู้ทรงพลังลอยอยู่สามคน ภายในมือล้วนจับโซ่สีทองเส้นเล็กๆ เช่นกัน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีพลังมหาศาลสาดกระจายออก

หากจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่จะต้องหวั่นวิตกอย่างแน่นอน เพราะผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ลอยอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายที่กระจายออกมาแข็งแกร่งกว่าเจ้าลัทธิมารเก้านิรยหลายสิบเท่า

“รีบผนึกเถอะ ซงไท่หวง!” ภายในกลุ่มแสง ผู้อาวุโสหน้ากลมหูยาวส่งเสียงบอก

“ทำต่อไป ผลาญพลังของเราให้มากขึ้น วางใจเถอะ หากโซ่เทวาทองเสียหาย พวกเราวังลอยฟ้าจะชดใช้ให้ส่วนนึง!” ผู้อาวุโสร่างผอมรีบตอบ

แววตาของซงไท่หวงมีประกายเด็ดขาด รีบตะโกนก้อง “เริ่มผนึก!”

เขาเจ็ดคีรีสั่นไหวไปทั่ว พลังมหาศาลของแสงเทพไหลลงสู่เบื้องล่าง กดจนพื้นที่ด้านล่างกลายเป็นหลุมยักษ์ในทันที

ผู้ทรงพลังหลังกลุ่มแสงเทพทั้งสี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม พลังของโลกมิติส่วนตัวเข้าปกคลุม กำลังทั้งหมดกระตุ้นพลังเทวาเร้นลับ

“ข้ายอมตายเสียดีกว่าจะถูกพันธนาการอิสรภาพอีกครั้ง!” ดวงตาทั้งคู่ของชายร่างเกล็ดดำส่อแววบ้าคลั่ง พลังไฟทมิฬลุกโหม กระจายออกจากโซ่เทวาทองที่พันรัดหลายชั้น

วู้ม วู้ม!

ร่างของมังกรวารีล้างโลกพลันสาดพลังโบราณทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แสงไฟทมิฬนับไม่ถ้วนปะทุออกอย่างบ้าคลั่ง

ท้องฟ้าโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยวภายใต้พลังเทพล้างโลกา

ค่ายกลสี่มุมระยิบระยับที่เฝ้าระวังแสงเทพระเบิดออกเป็นชิ้นๆ กลางท้องฟ้า

โซ่เทวาทองในมือของพวกเขาสั่นจนส่งเสียงเบาๆ

“แย่แล้ว พลังทำลายล้างดั้งเดิม!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version