บทที่ 927 หนี้บุญคุณ
“เทวาเร้นลับ…ชั้นสูง!”
หนานเฟิงอ๋องเอ่ยคำสะดุด
ไม่คิดเลยว่าเมื่อเซียนโม๋ยวนออกจากปิดด่านมาอีกครั้ง ก็บรรลุขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงแล้ว หากเป็นดังนี้ ต่อให้เขาร่วมมือกับเซียนหอควันสมุทรทั้งสอง ก็ไม่อาจสู้เซียนโม๋ยวนได้อยู่ดี
เมื่อเซียนราตรีทมิฬและเฒ่าประหลาดสวีคุมเชิงเซียนโม๋ยวนอยู่นั้น พลันรู้สึกถึงพลังมหาศาลโหมซัดพุ่งตรงมา ร่างเซียนพลันสั่นสะท้าน พลังเทวาเร้นลับโดนพลังบีบอัดไร้รูปร่างเข้ากดดันจนแม้แต่หายใจยังยากลำบาก
เซียนโม๋ยวนในครรลองสายตาราวกับเซียนศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่ง ไม่อาจจะขัดขืนได้
“เทวาเร้นลับชั้นสูงเชียวรึ!”
ใบหน้าของเฒ่าประหลาดสวีเต็มไปด้วยหวาดหวั่น นิ่งอึ้งตะลึงงัน
เขากับเซียนราตรีทมิฬเพิ่งจะบรรลุขั้นเซียนได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เทียบกับเซียนชั้นแรกเริ่มธรรมดาก็ยังห่างชั้นอยู่บ้าง อีกทั้งเซียนราตรีทมิฬเป็นมือสังหารสายลอบฆ่า การต่อสู้ซึ่งหน้าจะจำกัดฝีมือของเขาไปอย่างมาก แต่ว่า ต่อหน้าเซียนเทวาเร้นลับชั้นสูง ต่อให้พวกเขาทั้งสองแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ในด้านขอบเขตพลัง เซียนโม๋ยวนจะต้องบดขยี้พวกเขาได้อย่างแน่นอน
คนหอควันสมุทรทั้งหลายที่ถอยออกไปไกลนับพันลี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ พลังอำนาจของเซียนโม๋ยวนสูงขึ้นทันทีทันใด จนถึงขั้นที่พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้ แม้พวกเขายืนอยู่ที่นี่ก็ยังรู้สึกกลัวจนเนื้อตัวสั่น
หนานเฟิงอ๋องก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงอยู่ลึกๆ เช่นกัน
ฟู่ บึ้ม!
รยางค์ลำแสงมารนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากทั่วร่างของเซียนโม๋ยวน พลันสยายออกไปทุกด้าน ก่อนพุ่งไปยังเซียนราตรีทมิฬและเฒ่าประหลาดสวีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ไม่ต่างกับปีศาจหิวกระหายที่เจอเหยื่อ
เซียนราตรีทมิฬแปลงกายเป็นปีกแสงสีดำสายหนึ่ง แล้วพลันแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งหลบหลีกการโจมตีจากรยางค์แสง อีกส่วนเลือนหายไปในอากาศ
เฒ่าประหลาดสวีใช้แรงทั้งหมดขับเคลื่อนพลังเซียนเทวาเร้นลับ ขณะลอยถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่รยางค์ลำแสงนั่นเหมือนยืดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อโจมตีออกไปแล้วมันก็เปลี่ยนทิศทางทันที จากนั้นบุกเข้าโจมตีต่อ ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย พุ่งพันรัดคนทั้งสองด้วยพลังที่ไม่มีวันดับสลาย
เซียนโม๋ยวนยืนอยู่ที่เดิม มองดูทั้งหมดอย่างเย็นชา ประหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ในฟ้าดิน
“ฝ่ามือสวรรค์สยบมาร!”
เมื่อเห็นว่าใกล้จะโดนรยางค์ลำแสงมารไล่ทัน พลังเซียนทั่วทั้งร่างเฒ่าประหลาดสวีแผ่กระจาย มือหนึ่งซัดแสงตราประทับฝ่ามือสีขาวสะเทือนฟ้าออกไป กลิ่นอายพลังศักดิ์สิทธิ์คล้ายมีอานุภาพสังหารมารได้
ตูม! ฝ่ามือแสงเซียนของเฒ่าประหลาดสวีปะทะเข้ากับรยางค์ลำแสงมารหลายเส้น
บึ้ม… ภายใต้พลังเซียนเทวาเร้นลับที่แข็งแกร่ง เคล็ดวิชาลับของเฒ่าประหลาดสวีระเบิดออกทันที รยางค์ลำแสงมารทะลุผ่านฝ่ามือแสงเซียนไป พุ่งเข้าโจมตีเฒ่าประหลาดสวีต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกัน เซียนราตรีทมิฬที่ล่องหนซ่อนอยู่ในอากาศพลันปรากฏอยู่เบื้องหลังเซียนโม๋ยวน กระบี่คลื่นเงาในมือส่องประกายสีดำประหลาด แทงเข้าไปยังหลังของเซียนโม๋ยวน
“ฮึ!”
เซียนโม๋ยวนแค่นเสียงเย็น สำหรับการลอบโจมตีของเซียนราตรีทมิฬ เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ด้านหลังเซียนโม๋ยวน มวลอากาศบิดเบี้ยว พลังเซียนสายมารไหลทะลักออก รยางค์ลำแสงมารเส้นหนึ่งพลันยื่นออกมาจากในนั้น พุ่งตรงไปยังเซียนราตรีทมิฬพร้อมด้วยกลิ่นอายพลังทรงอำนาจ
วูบ! ในชั่วขณะที่เคล็ดวิชาลอบฆ่าของเทพราตรีทมิฬปะทะเข้ากับรยางค์ลำแสงมาร ร่างกายของเขาก็แบ่งปีกแสงสีดำออกมาอีกหนึ่ง แล้วล่องหนหายไปอีกครั้ง
ฉัวะ! ร่างแยกของเทพราตรีทมิฬและรยางค์ลำแสงมารเข้าปะทะกัน ทั้งสองต่างระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
เซียนราตรีทมิฬโจมตีโดยสละร่างส่วนหนึ่ง ก็ทำลายรยางค์ลำแสงมารได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย ระหว่างเข้าปะทะกันเพียงแค่ชั่วครู่ เซียนโม๋ยวนแทบไม่ได้ขยับอะไรเลย แต่กลับบีบจนเซียนทั้งสองใกล้จะจนมุม
หนานเฟิงอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตา ในใจนึกหวั่นเกรง
“ข้าจะยืนดูอยู่เช่นนี้ไม่ได้!”
ลำแสงลายมังกรทั่วร่างหนานเฟิงอ๋องพลันเพิ่มสูงขึ้น พลังที่เกินกว่าขีดจำกัดของตัวเองระเบิดปะทุออกมา
ฟิ้ว… ในขณะที่หนานเฟิงอ๋องกำลังจะลงมือ
เคร้ง วิ้ง! จิตกระบี่อมตะที่ตัดผ่านฟากฟ้าพุ่งตรงเข้ามา
กระบี่โบราณสีครามเล่มหนึ่งลากประกายดาบแวววาวราวสายรุ้งฟาดฟันลงมา
ฟึ่บ! รยางค์ลำแสงมารที่หวังจะทะลวงเฒ่าประหลาดสวี ถูกประกายดาบสีครามอันคมกริบฟันขาดสะบั้นในพริบตา
เห็นเพียงกระบี่ครามโบราณที่ชำรุดเล่มหนึ่งบินวนรอบก่อนตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ คมกระบี่ทรงพลังสะเทือนไปทั่วทั้งผืนฟ้า
เบื้องหลังกระบี่เก่าปรากฏประกายดาบสีขาวกระจ่างระยิบระยับ ในนั้นมีเค้าเงาร่างของชายชราไว้หนวดยาวปรากฏอยู่รางๆ พร้อมแผ่พลังกระบี่วิญญาณที่ไม่ดับสูญ ทำเอารยางค์ลำแสงมารที่หมายจะพุ่งโจมตีสะเทือนจนล่าถอยไป
“อันตรายจริง!”
ใจของเฒ่าประหลาดสวีเต้นระรัว หวาดกลัวสุดกำลัง จ้องไปยังกระบี่เก่าโบราณที่แผ่จิตกระบี่มหาศาลออกมา ไม่ค่อยแน่ใจในสถานการณ์
“นี่คือ…ศาสตราเทพเก่าแก่!”
สีหน้าของเซียนโม๋ยวนตื่นตระหนก
สามารถทำลายรยางค์แสงมารของเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ทั้งยังมีจิตกระบี่อมตะจากตัวกระบี่ และแสงขาวที่แฝงเสวียนอ้าวกระบี่วิญญาณเบื้องหลังนั่นอีก
มันคือกระบี่เทพเก่าแก่ของหอกระบี่ฟ้า
ศาสตราเทพเก่าแก่เพียงชิ้นเดียวที่ปรากฏขึ้นในมิติเทพลวงตา
อีกทั้งเซียนกระบี่กู่เยวี่ยได้รับการยอมรับจากศาสตราเทพเก่าแก่ ใช้กายตนแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่วิญญาณ หลอมรวมเป็นหนึ่งกับศาสตราเทพ และกลายเป็นจิตของกระบี่เทพเก่าแก่
เพราะเรื่องนี้ ข่าวลือจึงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ หอกระบี่ฟ้ามีความหวังจะกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองของสำนักสี่ดาวระดับสุดยอด
“เหตุใดศาสตราเทพเก่าแก่จึงมาปรากฏอยู่ที่นี่?”
หนานเฟิงอ๋องตระหนกและสงสัย พลังของศาสตราเทพเก่าแก่ช่างน่าพรั่นพรึงเสียจริง
“ผู้อาวุโสเซียนกระบี่!”
สตรีชุดดำค่อยๆ บินมาจากที่ไกลๆ นางคือโม่ตงเหยา ความภาคภูมิใจรุ่นหนุ่มสาวของหอกระบี่ฟ้า
สีหน้าของเซียนโม๋ยวนเคร่งเครียด
เหตุใดหอกระบี่ฟ้าจึงเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้?
อีกทั้งเซียนโม๋ยวนยังรู้สึกลึกๆ อีกว่า ไม่ไกลจากนี้มีจิตกระบี่ที่น่าสะพรึงแอบซ่อนอยู่
นี่ทำให้เขาหยุดลงมือชั่วขณะ
ในยามนี้เอง เงาเซียนกระบี่ในแสงขาวสูงเสียดฟ้าเบื้องหลังกระบี่เทพส่งเสียงออกมา “ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ข้าติดค้างหนี้บุญคุณจ้าวเฟิงเอาไว้ เรื่องนี้ข้าจะนิ่งดูดายไม่ได้!”
ได้ยินประโยคนี้ เซียนโม๋ยวนแทบจะพ่นไฟออกมาเสียให้ได้
เป็นเพราะจ้าวเฟิงอีกแล้ว!
ในมิติเทพลวงตา จ้าวเฟิงทำอะไรไว้กันแน่ ถึงขนาดให้เซียนกระบี่กู่เยวี่ยติดหนี้บุญคุณได้
“ศาสตราเทพเก่าแก่เล่มหนึ่ง เจ้าที่เป็นจิตของอาวุธ จะสามารถใช้พลังได้สักเท่าใดกัน?”
เซียนโม๋ยวนพูดเสียงเย็น โม่ตงเหยาโดนเขาเมินไปอย่างสิ้นเชิง เพราะระดับพลังต่ำเกินไป และจิตใจหลักของเขาเพ่งสมาธิไปยังจิตกระบี่น่าสะพรึงที่แอบซ่อนอยู่ในที่มืด
หอกระบี่ฟ้า ไม่มีทางปล่อยให้อัจฉริยะของสำนักและศาสตราเทพเก่าแก่ออกมาเดินเพ่นพ่านภายนอกเช่นนี้ จะต้องมียอดฝีมือศาสตร์กระบี่แอบคุ้มกันอยู่
แต่ว่า เมื่อคิดให้ละเอียดแล้ว เรื่องนี้เหมือนจะเป็นความต้องการของเซียนกระบี่ที่อยู่ในกระบี่เทพ ซึ่งก็หมายความว่า หากตนไม่ทำร้ายโม่ตงเหยา และไม่มีความคิดจะลงมือกับศาสตราเทพโบราณ เช่นนั้นเซียนเบื้องหลังหอกระบี่ฟ้าก็จะไม่ลงมือแน่นอน
“เช่นนั้นก็จัดการง่าย!”
เซียนโม๋ยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย มองมายังเฒ่าประหลาดสวีและเซียนราตรีทมิฬ จิตสังหารแผ่ซ่าน ต่อให้มีศาสตราเทพโบราณขัดขวาง เขาก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย จะต้องฆ่าพวกหอควันสมุทรให้จงได้
แต่ทันใดนั้นเอง!
กระบี่เทพโบราณลากประกายดาบงามระยิบระยับมา หมุนคว้างกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงสู่มือของหนานเฟิงอ๋อง
วิ้ง เคร้ง! หนานเฟิงอ๋องตกตะลึง เข้าใจความหมายของเซียนกระบี่ทันที
วู้ม ครืน! หนานเฟิงอ๋องที่มีรัศมีลายมังกรโอบล้อมทั่วร่าง ในมือกุมศาสตราเทพเก่าแก่ ปะทุแสงกระบี่ที่น่าสะพรึงออกมาในฉับพลัน ประกายกระบี่สีครามพุ่งขึ้นชั้นฟ้า ฟาดฟันทุกสรรพสิ่ง ภายใต้การพุ่งโจมตีของจิตกระบี่อมตะที่แข็งแกร่ง พลังมหาศาลของเซียนโม๋ยวนพังทลายลงทันที
ด้านหลังหนานเฟิงอ๋อง ท่ามกลางประกายแสงสีขาววาววับนับร้อยจั้ง เงาของคนหนวดเคราขาวแผ่เสวียนอ้าวกระบี่ที่พุ่งผ่านวิญญาณออกมา ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง ผืนฟ้าเปลี่ยนสี ราวกับเป็นเซียนกระบี่ทรงอำนาจเหนือใคร
“อะไรกัน…นี่?”
เซียนโม๋ยวนอึ้งตะลึง
แบบนี้ก็ได้รึ?
หนานเฟิงอ๋องเพิ่มพลังคุ้มกันชะตามังกร เดิมทีเขาก็มีกำลังรบเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นอยู่แล้ว หากรวมเข้ากับอาวุธเทพเก่าแก่
แน่นอนว่ากำลังรบจะต้องแซงหน้าเทวาเร้นลับชั้นสูงอย่างแน่นอน สามารถคุกคามถึงชีวิตของเขาได้อย่างแน่นอน
เซียนราตรีทมิฬและเฒ่าประหลาดสวีที่อยู่ไกลๆ ในใจฮึกเหิมเป็นอย่างมาก
หนานเฟิงอ๋องในยามนี้ ทั่วทั้งร่างแผ่พลังทรงอำนาจสะเทือนฟ้าสะท้านดิน
“สมกับที่เป็นศาสตราเทพเก่าแก่จริงๆ!” เฒ่าประหลาดสวีทอดถอนใจ
“ท่านเซียน ข้าเพียงแต่ชดใช้หนี้บุญคุณให้กับจ้าวเฟิงเท่านั้น ไม่คิดอยากเป็นศัตรูกับท่าน!”
ในเงาประกายสีขาว เสียงชราน่าเกรงขามของเซียนกระบี่สั่นสะเทือนเข้าไปในวิญญาณ
“เซียนโม๋ยวน ศึกชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ขั้วอำนาจทั้งหมดของราชวงศ์ต้าเฉียนล้วนเข้าร่วมด้วยทั้งนั้น ต่อไปในภายหลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้!”
หนานเฟิงอ๋องท่าทางทรงอำนาจล้นฟ้า เอ่ยเสียงราบเรียบ
เซียนโม๋ยวนมองยังหนานเฟิงอ๋อง เข้าใจความหมายในคำของเขา
เพื่อจะจัดการกับมารคู่ผมม่วง วังเก้านิรยสูญเสียกำลังรบชั้นกลางไปมากมาย แม้กระทั่งเซียนยังตายไปเสียหนึ่ง หากตนเองบาดเจ็บเพราะผู้เยาว์ในขอบเขตปราณเทวะ ข่าวลือที่ออกไปก็ไม่น่าฟัง กระทั่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจที่จะแผ่ขยายต่อไปของวังเก้านิรย
ในยามนี้ สำนักสามดาวระดับสุดยอดหอกระบี่ฟ้าได้รับพลังจากศาสตราเทพเก่าแก่ สถานการณ์ทั้งหมดพลิกผันเกินประมาณ
“ได้ เห็นแก่หน้าของหนานเฟิงอ๋องและหอกระบี่ฟ้า วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป!”
เสียงของเซียนโม๋ยวนดังกระจ่างชัด หาทางลงให้ตนเองจนได้
“หึ!” รยางค์ลำแสงมารในท้องฟ้าหดกลับไปทั้งหมด กลายเป็นแสงมารทมิฬเข้าล้อมเซียนโม๋ยวนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ จากไปไกล แรงกดดันมหาศาลจากเซียนสายมารสลายหายไปทีละน้อย!
“ขอบคุณหอกระบี่ฟ้าที่ช่วยเหลือ!”
หอควันสมุทรทุกคนเอ่ยขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง
“หนี้บุญคุณของจ้าวเฟิง ข้าใช้คืนให้แล้ว หากไม่มีอะไรอีก ข้าขอตัวลา!”
กระบี่เทพเก่าแก่แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงครามสายหนึ่ง ร่วงลงสู่มือของโม่ตงเหยา แล้วจึงจากไป
…….
ยามนี้ ในห้วงฝันบรรพกาล
อากาศสดใสท้องฟ้าปลอดโปร่ง แต่ป่าลึกแห่งหนึ่งกลับถูกปกคลุมด้วยพายุคลั่งฟ้าคะนอง
“โครงร่างโลกมิติส่วนตัวขั้นแรกสำเร็จแล้ว!”
จ้าวเฟิงนั่งอยู่กลางมิติส่วนตัว ท้องฟ้ารอบด้านมีเมฆฝนแผ่ไปทั่ว วายุอัสนีพัดหวีดหวิว แต่ไม่ส่งผลอะไรกับเขา ปราณที่แท้จริงในมิติแก่นผลึกค่อยๆ หลั่งไหลออกไปทั่วทุกทิศของมิติส่วนตัว ราวกับเลือดลมที่ไหลเวียนไปทั่วสรรพางค์กาย
เขาสามารถสัมผัสได้ว่า ในโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ เขาคือนายเหนือหัวผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่ง แม้กระทั่งพลังกฎเกณฑ์ของมิติบรรพกาลก็สามารถควบคุมได้บ้าง
การใช้โลกมิติส่วนตัว คือการทำให้มันทับซ้อนไปกับมิติความจริง จากนั้นจะควบคุมพลังกฎเกณฑ์ของมิติความจริงได้ในระดับหนึ่ง และในยามนี้ โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงมีขนาดเพียงแค่ร้อยจั้งเท่านั้น เทียบกับเงามิติส่วนตัวพันลี้ของเจ้าลัทธิมารเก้านิรยในตอนนั้นแล้ว แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
“พลังของโลกมิติส่วนตัวยังไม่เพียงพอ ดูท่าทางแก่นผลึกและเขตแดนวายุอัสนีจะยังเชื่อมต่อกันไม่แนบสนิทนัก!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสังเกตทุกสรรพสิ่ง โครงสร้างพื้นฐานของโลกมิติส่วนตัวจะต้องมั่นคงสมบูรณ์ มิฉะนั้นหากต้องปรับแก้ในวันหลังจะยากลำบากนัก
ในวันหนึ่ง!
ท้องฟ้าในห้วงฝันบรรพกาล มวลเมฆดำลอยต่ำลงมา ท้องฟ้ามืดครึ้มทันใด สายฟ้าปรากฏขึ้นวูบวาบ
“จะมาแล้วรึ?” จ้าวเฟิงลืมตาทั้งสองขึ้น