บทที่ 930 เริ่มต้นการแย่งชิง
“ยอดเยี่ยม เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!”
เถี่ยหงหนานเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี แววตาวาววับ รีบลุกขึ้นยืนทันใด พลังกดดันที่ร้อนแรงและน่าสะพรึงกลัวพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยหากไม่ใช่เพราะวังหลวงสร้างอย่างมั่นคง อีกทั้งมีการปกปักจากพลังชะตามังกร เกรงว่าตำหนักนี้คงทลายลงในพริบตาเป็นแน่ และด้วยคำพูดประโยคนี้ ทำให้กลุ่มอำนาจทั้งหลายมองมายังแสงสีแดงวาววับบนร่างจ้าวเฟิง สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ
เพลิงมารโลหิตสมบูรณ์แบบ! นั่นเป็นสายเลือดแข็งแกร่งที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อสายเลือดวิถีราชาได้ หากวันนี้ตระกูลเถี่ยสามารถกุมสายเลือดชนิดนี้ไว้อีกครั้ง เช่นนั้นก็จะสุดยอดยิ่งนัก ในอนาคตขึ้นเป็นระดับสี่ดาวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ผู้อาวุโสตระกูลต่งที่อยู่ด้านข้าง ใจราวกับแขวนอยู่กลางอากาศ
ขั้วอำนาจเล็กใหญ่ที่เหลือหน้าดำคร่ำเครียด บอกอารมณ์ไม่ได้
ชายผมแดงคนนั้นข้างกายเถี่ยหงหนาน เลือดในกายเดือดพล่าน
‘เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!’ ชายผมแดงเอ่ยขึ้นในใจ จับจ้องไปยังจ้าวเฟิง แววตาเปี่ยมไปด้วยความกระหายจะต่อสู้
สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเล็กน้อย เริ่มใช้ดวงตาทอง กลิ่นอายพลังดั้งเดิมสมัยบรรพกาลเคลื่อนออกจากลูกทรงกลมลึกลับสีทองในมิติดวงตาซ้าย
สายเลือดเพลิงมารโลหิตในกายของเขาพลันสั่นสะเทือนชั่วขณะ ก่อนจะกลับเป็นปกติ
“หืม?” เถี่ยหงหนานที่กำลังตื่นเต้นยินดีกับเพลิงมารโลหิตสมบูรณ์แบบ กลับพบว่าจ้าวเฟิงจัดการสยบพลังสายเลือดที่สูญเสียการควบคุมลง
สายตาของเถี่ยหงหนานกวาดไปยังดวงตาของจ้าวเฟิง แล้วจึงตกใจเล็กน้อย
ในกายของเด็กคนนี้ยังแฝงไว้ด้วยสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว!
อีกทั้งสายเลือดดวงตาชนิดนี้ เถี่ยหงหนานรู้สึกว่าไม่แพ้สายเลือดเนตรดาราม่วงของตระกูลจีเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขามองไม่ออก
ตระกูลเถี่ยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีสายเลือดแบบพิเศษนอกเหนือจากเพลิงมารโลหิตจำนวนไม่น้อย มีเพียงสายเลือดดวงตาเท่านั้นที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
‘นี่คงจะเป็นพลังสายเลือดเดิมของ ‘จ้าวเฟิง’!’ เถี่ยหงหนานคาดเดาในใจ
สามารถสะกดพลังสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบได้ ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่หากเปรียบกับรายชื่อสายเลือดวิถีราชาที่เพลิงมารโลหิตอยู่ในอันดับต้นๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีสายเลือดดวงตาประเภทนี้ หรือว่าจ้าวเฟิงจะมีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ?
สีหน้าของเถี่ยหงหนานพลันเปลี่ยน มีเพียงสาเหตุนี้เท่านั้น! เดิมทีเขาเพียงแค่วางแผนบังคับให้จ้าวเฟิงรั้งอยู่ที่ตระกูลเถี่ย มีลูกหลานให้กับตระกูลเถี่ยก็พอ แต่ตอนนี้สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงดึงดูดความสนใจของเขา
มีพลังสายเลือดที่สุดยอดสองชนิดในคราเดียว นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก
บุคคลเช่นนี้ หากไม่ตายไปเสียก่อน ในอนาคตจะต้องกลายเป็นบุคคลทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินทวีปอย่างแน่นอน
ตระกูลเถี่ยเลี้ยงดู ‘อัจฉริยะผู้มาจากภายนอก’ เช่นนี้ไว้คนหนึ่งก็สามารถทำได้
อีกทั้ง ในร่างจ้าวเฟิงมีสายเลือดสองชนิด นี่ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสายเลือดทั้งสองไม่ต้านกัน ผู้สืบทอดรุ่นหลังก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะสืบทอดสายเลือดทั้งสอง
สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบและสายเลือดดวงตาบรรพกาล!
หัวใจของเถี่ยหงหนานสูบฉีดวูบวาบ
หากสามารถรั้งให้สายเลือดดวงตาอันแข็งแกร่งที่ไม่แพ้ให้กับเนตรดาราม่วงอยู่ที่ตระกูลเถี่ยได้ ตระกูลเถี่ยต้องไปถึงระดับที่ยิ่งกว่าสุดยอดเป็นแน่ และจะต้องอยู่ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“จ้าวเฟิง เจ้ายินดีกลับมายังตระกูลเถี่ยของข้าหรือไม่?”
เถี่ยหงหนานน้ำเสียงอ่อนลง คำที่ใช้ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับผู้ใหญ่ปฏิบัติต่อลูกหลานตระกูลเถี่ยที่พลัดพรากจากหาย
“ข้าไม่ใช่คนตระกูลเถี่ย แล้วก็ไม่สนใจด้วย!”
จ้าวเฟิงไม่แม้แต่จะคิด ตอบออกไปโต้งๆ
จากแววตาของเถี่ยหงหนานเมื่อครู่ เขาก็รู้ได้ว่าตระกูลเถี่ยคิดอะไรบางอย่างกับตาซ้ายของเขา
หากเข้าร่วมกับตระกูลเถี่ย เช่นนั้นทั้งหมดก็จะไม่อยู่ในการควบคุมของเขา ความลับของเนตรเทพเจ้ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะถูกเปิดเผยออกไป ไม่สามารถการันตีได้เลยว่า หลังจากที่ตระกูลเถี่ยใช้ประโยชน์จากจ้าวเฟิงแล้วจะไม่คิดวางแผนทำอะไร
“จ้าวเฟิง แต่เลือดที่ไหลอยู่ในกายเจ้าเป็นของตระกูลเถี่ย วันนี้ ข้านำมารดาของเจ้ามาด้วย!”
สีหน้าของเถี่ยหงหนานอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้โมโหอะไร พูดขึ้นต่อไป
เขาพอจะเข้าใจนิสัยของจ้าวเฟิงจากเถี่ยหลีเทียนมาบ้าง ดังนั้นจึงเตรียมการอื่นไว้ก่อนแล้ว
“เฟิงเอ๋อร์ ข้าคือ…มารดาของเจ้า!”
เบื้องหลังของเถี่ยหงหนาน สตรีโฉมสะคราญนางหนึ่งก้าวมาข้างหน้าทันใด นางร่ำไห้สะอึกสะอื้น
นางรู้อยู่แล้วว่าบุตรชายจริงๆ ของตนไม่อยู่แล้วแต่ร่างนี้เป็นของลูกชายของนาง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว นางยอมที่จะเลอะเลือน ขอเพียงแค่ได้เห็น ‘จ้าวเฟิง’ ยังมีชีวิตอยู่ และได้ทำอะไรให้เขาบ้างก็พอ
“ขออภัยด้วย แต่มารดาของข้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงมองยัง ‘เถี่ยซิ่วหลี’ และเถี่ยหงหนาน แววตายืนยันแน่วแน่
ในเมื่ออดีตทอดทิ้งเขา วันนี้ไยจึงต้องทำเช่นนี้ มีเหตุย่อมมีผล!
“จ้าวเฟิง ร่างที่เจ้ายึดครองใช้อยู่ตอนนี้เป็นร่างของลูกหลานตระกูลเถี่ย!”
เถี่ยหงหนานแต่เดิมก็เป็นคนใจร้อนมุทะลุอยู่แล้ว เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่ไว้หน้ากันบ้าง วาจาจึงแข็งกระด้างขึ้นทันใด
“ไม่ใช่กระมังท่านเซียน เจ้าของเดิมของร่างนี้ชื่อ ‘จ้าวเฟิง’ ซึ่งก็คือคนของตระกูลจ้าว!”
สำหรับเหตุผลแบบนี้ของตระกูลเถี่ย จ้าวเฟิงเตรียมคำตอบเอาไว้นานแล้ว
บางคน ณ ตรงนั้นที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวของร่างกายจ้าวเฟิง ก็ค่อยๆ เข้าใจเหตุที่มาที่ไปจากคำพูดเหล่านี้ได้ น่าจะเป็นจ้าวเฟิงละสังขารเข้าใช้ร่างลูกหลานผู้ถูกทอดทิ้งของตระกูลเถี่ย แล้วเกิดกระตุ้นสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบขึ้นโดยบังเอิญ แต่จ้าวเฟิงในยามนี้ไม่ใช่ ‘จ้าวเฟิง’ คนเดิมอีกต่อไป อีกทั้งจ้าวเฟิงไม่มีความคิดจะเข้าร่วมกับตระกูลเถี่ยแม้แต่น้อย แต่ว่า ด้วยอิทธิพลอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเถี่ยที่กดดันลงมา จ้าวเฟิงปฏิเสธไปจะมีประโยชน์หรือ?
กลุ่มอิทธิพลสามดาวและตระกูลชั้นสูงในที่นั้นมีสีหน้าคร่ำเคร่ง
“จ้าวเฟิงมีประวัติความเป็นมาแบบนี้เองหรอกรึ!”
เซวียนหยวนเหวินรู้สึกเพียงปวดหัว
“ที่แท้แล้วคือสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบนี่เอง!”
ซินอู๋เหินนึกถึงมิติเทพลวงตาในวันนั้น เขาและจ้าวเฟิงประมือกันชั่วครู่ ในขณะที่สู้ระยะประชิด เขาก็ถูกดูดปราณแท้จริงไปอย่างน่าประหลาด
“นอกจากนั้น ในตอนนี้ข้ายังเป็นสมาชิกขององค์ชายเก้า ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ หากให้ข้าเข้าตระกูลเถี่ย มันออกจะไม่…”
จ้าวเฟิงยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยต่อ
ตามกฎของศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท การกระทำของเถี่ยหงหนานในตอนนี้เข้าข่ายผิดกฎแล้ว
เมื่ออยู่ในวังหลวง เถี่ยหงหนานก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
เถี่ยหงหนานหน้าเปลี่ยนสีทันที ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
เป็นเพียงแค่ราชันขอบเขตปราณเทวะ ไม่ใช่คนของตระกูลเถี่ย ปฏิเสธคำเชิญของเขา แถมยังใช้น้ำเสียงเช่นนี้อีก
เขาที่เป็นผู้อาวุโสในตระกูลเถี่ยยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
กลิ่นอายพลังความร้อนที่ไร้รูปร่างพลันเพิ่มอุณหภูมิขึ้น ทำให้ราชันและจักพรรดิทั้งหมดในโถงตำหนักกายใจร้อนรุ่ม ราวกับกำลังถูกแผดเผา
“ผู้อาวุโสหงหนาน โปรดอย่าได้ร้อนใจไป ศึกชิงตำแหน่งรายชื่อผู้ติดตามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว!”
องค์ชายสี่ลุกขึ้นทันใด รีบเดินเข้าไปพูดหยุดความเคืองแค้นของเถี่ยหงหนาน
หลังจากที่จ้าวเฟิงทำความเคารพแล้ว ก็เดินไปจากตำหนักขององค์ชายสี่
“ทุกท่านกลับไปเถิด ศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว!” องค์ชายสี่สงบจิตสงบใจลง
ทันใดนั้น สมาชิกทั้งสิบ ณ ตรงนั้นต่างลุกยืนขึ้น ทุกคนองอาจกล้าหาญ กลิ่นอายพลังไม่ธรรมดา
จูเก๋ออวิ๋น เซวียนหยวนเหวิน ซินอู๋เหิน อีกทั้งชายผมแดง ล้วนรวมอยู่ในนั้นด้วย
หลังจากที่จ้าวเฟิงเดินจากตำหนักไปแล้ว ก็มุ่งตรงไปเวทีประลองของลานฝึกทันที
เวทีประลองสร้างจากหินแร่ชั้นนภา แฝงไว้ด้วยค่ายกลมหาศาล ต่อให้เป็นเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นก็ทำความเสียหายได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น และทั้งสี่ด้านของเวทีประลองมีเขตแดนคุ้มกัน พลังชะตามังกรเข้าควบคุม ป้องกันไม่ให้กลิ่นอายพลังจากการต่อสู้แผ่กระจายออกไปข้างนอก
ในยามนี้ คนขององค์ชายเก้ามานั่งอยู่บนเวทีประลองแล้ว
รวมทั้งตาเฒ่าอิง โจวซู่เอ๋อร์ เฉินจีจื่อ และสืออวี่เหลย
ยังมีชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีกลิ่นอายลึกล้ำมั่นคง และสตรีเย็นชาสวมชุดคลุมดำ รูปร่างเพรียวบาง ผิวขาวเกลี้ยงเกลา นี่ก็คือสมาชิกกลุ่มของจ้าวเฟิงในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท
ทุกคนล้วนมีขอบเขตที่ตนเชี่ยวชาญชำนาญ มีพรสวรรค์เลิศล้ำที่เกินผู้คนทั่วไป
ในกลุ่มนี้ นอกจากโจวซู่เอ๋อร์แล้ว ที่เหลือแทบจะเป็นยอดฝีมือผู้อายุมากกว่า หรือแม้กระทั่งเป็นคนละรุ่นกัน
“จ้าวเฟิง ตระกูลเถี่ยมาหาท่าน ตกลงแล้วมีเรื่องอะไร?”
เพิ่งจะนั่งลง โจวซู่เอ๋อร์ก็ถามขึ้นทันที เซียนเถี่ยหงหนานแห่งตระกูลเถี่ยมาหาจ้าวเฟิงด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
สมาชิกคนอื่นๆ ข้างกายก็สงสัยเช่นเดียวกัน
บทสนทนาของจ้าวเฟิงและเถี่ยหงหนานถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก มีเพียงแค่สมาชิกในตำหนักเท่านั้นที่ได้ยิน
พวกเขาเห็นแค่เพียงสีหน้าท่าทางโมโหเป็นอย่างมากของเถี่ยหงหนาน อยากจะรู้เหลือเกินว่า ตกลงแล้วเป็นพราะเรื่องอะไรที่ทำให้ฝ่ายนั้นเดือดดาล
ส่วนจ้าวเฟิงตัวต้นเรื่องกลับมีทีท่าสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“อยากให้ข้าเข้าร่วมตระกูลเถี่ย!” จ้าวเฟิงตอบไปง่ายๆ
ฉับพลันทันใด นอกจากตาเฒ่าอิงและเฉินจีจื่อ สมาชิกทุกคนล้วนตาโตอ้าปากค้าง มองมายังจ้าวเฟิง จนถึงตอนนี้ พวกเขาล้วนเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงของจ้าวเฟิง แต่ยังไม่เคยเห็นความสามารถ
จ้าวเฟิงมีดีอะไรกันแน่ จึงทำให้เถี่ยหงหนานแห่งตระกูลเถี่ยออกโรงมาเชิญเขาเข้าตระกูลเถี่ยด้วยตนเอง?
“ไม่อยากเล่าก็ช่างเถอะ!”
โจวซู่เอ๋อร์เคืองอยู่บ้าง ใบหน้าแสดงออกว่าไม่เชื่อ คิดว่าจ้าวเฟิงไม่อยากพูดจึงหาเหตุผลแต่งเรื่องไป ส่วนคนอื่นก็คิดเช่นกันว่าจ้าวเฟิงกำลังล้อเล่น
“พูดจาไร้สาระ!”
สืออวี่เหลยแค่นเสียงเย็น ตระกูลเถี่ยเป็นถึงชั้นแนวหน้าในแปดตระกูลใหญ่ จะให้ผู้อาวุโสมาเชิญคนต่างสกุลไปได้อย่างไร
เมื่อสมาชิกทุกคนมาครบแล้วที่บนเวทีประลอง ศึกชิงตำแหน่งรายชื่อก็เริ่มต้นขึ้น
“ข้าน้อยโจวเหวินเหว่ยจากตำหนักชิงเฟิง (สายลมที่เย็นสบาย) อยากจะขอคำแนะนำจากความสามารถของผู้อาวุโสจิงข่ายเสียหน่อย!”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มวัยกลางคนตัวผอมบางเดินเข้ามา ดวงตาฉายแววมั่นใจ ท้าทายชายผู้มีกลิ่นอายล้ำลึกมั่นคงในกลุ่มคนนั้น
ตำหนักชิงเฟิงคือขั้วอำนาจสามดาวทั่วไปที่อยู่เบื้องหลังองค์ชายเก้า ไม่ได้รับตำแหน่งรายชื่อผู้ติดตาม
ข้างกายจ้าวเฟิง ชายผู้มีกลิ่นอายลึกล้ำหนักแน่นก้าวเท้ายาวเดินออกมา
ยามนี้ เวทีประลองอื่นเริ่มทยอยท้าชิง บ้างก็เริ่มลงมือสู้ บ้างก็ประลองค่ายกล บ้างก็วัดพลังวิญญาณ
จ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังดวงตาซ้าย ใช้มุมมองสามร้อยหกสิบองศาสังเกตการประลองทั้งหมดบนเวทีประลองสิบแห่ง
รู้เขารู้เรา เช่นนี้จึงมีความหวังที่จะชนะ จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบางออกมา
เมื่อปีครึ่งก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้สัตว์วิเศษจากรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณโจมตีปรมาจารย์นักฝึกสัตว์จนได้รับชัยชนะ เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในวังหลวงเช่นนี้ เชื่อว่าคงลือกันไปทั่วนานแล้ว ต่อแต่นี้ไป น่าจะไม่มีเรื่องอะไรกับเขาแล้ว
ครืน! ชั่วพริบตานั้น กลิ่นอายที่ก่อตัวรอบกายจิงข่ายแผ่กระจายออก แสงสีทองบาดตาราวกับจะแทงทะลุทุกสิ่ง หุ้มล้อมรอบกายของเขาไว้อย่างมีแบบแผน
ส่วนโจวเหวินเหว่ย ในมือปรากฏกระบี่สีดำเล่มยาว ตัวกระบี่เปล่งประกายเย็นเยือก ยามร่ายรำ วายุคลั่งโหมกระหน่ำ
ทั้งสองล้วนอยู่ในขั้นจักรพรรดิ พลันพุ่งเข้าปะทะกันทันที การโจมตีของจิงข่ายต่อเนื่องไม่หยุดพัก เส้นแสงสีทองปรากฏไปทุกที่
เมื่อย้อนมาดูโจวเหวินเหว่ย ถึงแม้ท่าทางจะคล่องแคล่วว่องไว ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นก็ถูกจิงข่ายคุมเชิงเอาไว้ได้ ทำได้เพียงป้องกันหลบหลีกเท่านั้น
“ทิ่มแทง!” แสงสีทองรอบกายจิงข่ายพลันรวมตัวกัน แปรเปลี่ยนเป็นตัวกระบี่โปร่งแสงสีทองวาววับบาดตา พุ่งแทงไปตรงๆ พร้อมด้วยพลังมหาศาล
ในชั่วขณะเดียวกัน พื้นด้านล่างพลันปรากฏเถาวัลย์เส้นใหญ่สามสี่เส้น ปิดกั้นทางหนีทุกทางของโจวเหวินเหว่ยเอาไว้
ตูม!
ร่างกายของโจวเหวินเหว่ยประหนึ่งโดนแสงสีทองนับหมื่นสายเสียบทะลุ ถูกซัดร่วงลงจากเวทีประลอง กระอักเลือดออกมา
“ขอบคุณผู้อาวุโสจิงที่ไว้ชีวิต!”
โจวเหวินเหว่ยถูกผู้อาวุโสของตำหนักชิงเฟิงหามลงไป
ในกลุ่มองค์ชายเก้า สมาชิกที่ไม่ค่อยเข้าใจตัวจิงข่าย พลันมั่นใจในพลังของเขาทันที
การโจมตีของธาตุทองคมกริบทรงพลัง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญธาตุไม้ สามารถควบคุมและเสริมกำลังได้อย่างฉับพลันทันใด เป็นสมาชิกหน่วยรบที่เยี่ยมยอดจริงๆ
‘ที่แท้เป็นผู้แข็งแกร่งธาตุไม้และธาตุทอง!’
จ้าวเฟิงพึมพำในใจ
อีกทั้งพลังทั้งสองชนิดของจิงข่ายสามารถควบคุมได้อย่างดีเยี่ยม ธาตุทองโจมตี ธาตุไม้เข้าช่วยรักษา พลังทั้งสองไม่ขัดแย้งกัน