Skip to content

King of Gods 932

King Of Gods

บทที่ 932 สวรรค์ไร้เทียมทาน

การปรากฏกายของคนชุดดำ ทำให้การแย่งชิงตำแหน่งรายชื่อที่กำลังดุเดือดสงบลง

อำมหิตน่าสะพรึง ไม่แยแสต่อพลังอำนาจของ ‘ลัทธิมารพิภพ’ แต่อย่างใด สังหารยอดฝีมือระดับปฐมเซียนในทันที การกระทำเช่นนี้สร้างความหวาดกลัวต่อสมาชิกกลุ่มขององค์ชายต่างๆ ที่ไม่คิดจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท พลังของตัวพวกเขาเองไม่นับว่าเยี่ยมยอดอะไร หากเผชิญหน้ากับคนชุดดำในสุสานราชวงศ์คงต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น อัจฉริยะที่เตรียมจะแย่งชิงตำแหน่งผู้ติดตามเหล่านั้นก็หยุดชะงักฝีเท้าลงทันใด

สุสานราชวงศ์เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ของเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และเป็นที่ที่รัชทายาททุกสมัยถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน

สัดส่วนการตายที่เกิดจาก ‘การคัดเลือกรัชทายาท’ ค่อนข้างต่ำ หากทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กัน กลุ่มอำนาจเบื้องหลังไม่มีความแค้นอะไร จะไม่ลงมือสังหารกันอย่างรุนแรง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างสำนัก อีกทั้งความเสี่ยงที่องค์ชายต้องเผชิญจากการทดสอบจะต่ำยิ่งกว่า แต่คนชุดดำผู้นี้ลงมือสังหารอย่างอำมหิต ราวไม่ได้คิดไตร่ตรองและไม่สนสิ่งใด แม้กระทั่งลัทธิมารพิภพสำนักใหญ่สามดาวก็ยังไม่ใส่ใจ จัดการปลิดชีพถังเจ๋อจนตายบนเวทีประลอง แค่พลังของคนชุดดำ ก็ทำให้เซียนที่อยู่ตรงนั้นเกิดความหวาดกลัว

อัตราการตายจาก ‘การคัดเลือกรัชทายาท’ เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ในโถงตำหนักขององค์ชายสิบสาม ชายท่าทางทรงอำนาจด้านหลังองค์ชายสิบสามฟื้นจากอาการตะลึงงัน และเอ่ยทันที “เฉินเอ๋อร์ นี่คือสมาชิกที่เจ้าเรียกมางั้นรึ?”

“ท่านลุง เขาไม่เลวเลยใช่ไหม!” สีหน้าขององค์ชายสิบสามลำพองใจ คนชุดดำเป็นสมาชิกกำลังรบหลักที่เขาพึงพอใจอย่างมาก

“แข็งแกร่งมาก แต่เจ้าเองก็ต้องระวังคนผู้นี้เอาไว้ให้ดี!” ชายผู้น่าเกรงขามครุ่นคิดอย่างรอบคอบ สีหน้าบึ้งตึงเกินหยั่งถึง

ชายชุดดำน่ากลัวและลึกลับแบบนี้ แม้กระทั่งพลังอำนาจของลัทธิมารพิภพยังไม่หวาดกลัว เหตุใดจึงเข้ามาช่วยโจวเฉิน?

สำหรับท่านลุงแล้ว องค์ชายสิบสามไม่คิดจะอธิบายความจริงอะไร มองไปที่จ้าวเฟิงด้วยสายตาเฉียบคมเย็นชา ’การคัดเลือกรัชทายาทครั้งนี้ ข้าจะฝังเจ้าไปพร้อมกัน!’

จากการเริ่มประลองของเวทีประลองอื่นๆ จุดสนใจของทุกคนจึงเริ่มเคลื่อนออกจากชายชุดดำ

อย่างไรเสียคนที่อยู่ณ ตรงนั้นต่างก็มีอายุหลายร้อยปีไปจนถึงมากกว่าพันปี เป็นอัจฉริยะชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนมีพลังที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง หันกลับมามองที่เวทีประลองขององค์ชายเก้า ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีใครกล้ามาท้าประลอง

คนทั้งหลายนิ่งเงียบพอควร

การสำแดงพลังจากพรสวรรค์ด้านวิญญาณของซูชิงหลิง ทำให้สมาชิกขององค์ชายเก้าตื่นเต้นยินดี แต่คนชุดดำที่ตามหลังมา กลับทำให้พวกเขาใจดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดอีกครั้ง พลังวิญญาณแห่งความตายที่ชายชุดดำแสดงออกมา อยู่เหนือกว่าพลังวิญญาณของซูชิงหลิงโดยสิ้นเชิง

ผู้แข็งแกร่งอย่างจิงข่ายยังรู้สึกว่า เมื่อตนเองอยู่เบื้องหน้าคนชุดดำก็มีแต่ตายสถานเดียว

“ทุกคนอย่าโดนหลอกลวงจากรูปลักษณ์ภายนอก ในเมื่อพลังวิญญาณคนผู้นี้สูงส่ง เช่นนั้นแล้วจุดอ่อนจะต้องเป็นชั้นกายเนื้ออย่างแน่นอน ขอแค่พวกเราทิ้งระยะห่างเอาไว้ และโจมตีจากระยะไกลๆ ก็ได้แล้ว!”

ตาเฒ่าอิงสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

คำพูดของเขาคล้ายช่วยสงบอารมณ์ ทำให้ความหวาดหวั่นในใจทุกคนลดต่ำลง

สิ่งที่ตาเฒ่าอิงพูดมาเป็นวิธีการรับมือผู้แข็งแกร่งด้านวิญญาณ อีกอย่าง ในขณะที่ยอดฝีมือแขนงวิญญาณเรียกเคล็ดวิชาวิญญาณออกมา ช่องโหว่จะเห็นได้ชัดขึ้น ง่ายต่อการโดนลอบสังหาร

เคล็ดวิชาพลังดวงตาที่แข็งแกร่งอย่างเช่น ‘โซ่ตรึงวิญญาณ’ ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ ที่จ้าวเฟิงเรียกใช้ การเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างน้อย แทบจะไม่สามารถทำเรื่องอื่นได้ มิฉะนั้นแล้วเคล็ดวิชาพลังดวงตาจะถูกขัดจังหวะ เหมือนกับเมื่อครู่ที่คนชุดดำสำแดงเคล็ดวิชาเสวียนอ้าวแห่งความตายสังหารถังเจ๋อ ที่จริงแล้วมีขั้นตอนอยู่

ในช่วงเวลานี้ ถ้าหากมีคนลอบทำร้าย ก็จะสามารถทำร้ายคนชุดดำจนบาดเจ็บสาหัสหรืออาจช่วยชีวิตถังเจ๋อได้ ด้วยเหตุนี้ ‘การคัดเลือกรัชทายาท’ ครั้งนี้ การร่วมมือในหมู่คณะจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงยิ้มแย้ม ความสนใจย้ายไปยังเวทีประลองที่องค์ชายแปดอยู่

“ตระกูลเฉา เฉาหลิง ท้าประลองอัจฉริยะตระกูลหยู หยูเทียนฮ่าว!”

เห็นเพียงชายวัยกลางคนร่างกายเหยียดตรงได้สัดส่วนผู้หนึ่งบนเวทีประลอง แววตาฉายความต้องการจะต่อสู้ มองไปยังบุรุษหนุ่มท่วงท่าองอาจที่นั่งหลับตาอยู่ด้านหน้า

“หยูเทียนฮ่าวกำลังจะเข้าร่วมประลองแล้ว!”

“ในบรรดาสมาชิกขององค์ชายแปด ตระกูลเฉามีเพียงรายนามเดียวเท่านั้น แต่ตระกูลหยูกลับมีสองตำแหน่ง ดูจากสถานการณ์แล้วต้องมีการแย่งชิงเกิดขึ้น

“ในร่างของหยูเทียนฮ่าวมีสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน ตระกูลหยูได้มาสองรายชื่อก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล!”

“หรือว่าจะเป็นสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน?”

บนชั้นเมฆเกิดเสียงถกกัน

สำหรับเรื่องที่หยูเทียนฮ่าวมีสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน เป็นเพียงแค่ข่าวที่ลือกันอย่างลับๆ เท่านั้น ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ด้วยเหตุนี้ ในสายตาของทุกคน เมื่อเปรียบกับตำแหน่งของสมาชิกคนอื่นแล้ว ตำแหน่งของหยูเทียนฮ่าวแย่งชิงได้ง่ายกว่าด้วยเพราะเขาอายุค่อนข้างน้อยนัก แต่เพราะชื่อเสียงของแปดตระกูลใหญ่ จึงไม่มีใครกล้าแย่งชิง ถึงแม้ว่าตระกูลเฉาตกต่ำลงเล็กน้อย ทว่ามีคุณสมบัติช่วงชิงได้เหมือนกันกับแปดตระกูลใหญ่

หยูเทียนฮ่าวยืนขึ้นในฉับพลัน ดวงตาที่สว่างเป็นประกายเปิดออก จิตต่อสู้ที่รุนแรงมากขึ้นทะลักออกจากดวงตาสองข้าง รอบทิศเวทีประลอง คนทั้งหมดสัมผัสได้เพียงจิตต่อสู้น่าสะพรึงที่พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ความกระหายจะสู้รบในร่างเขาเหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

เฉาหลิงหัวเราะอย่างพออกพอใจ ดูไปแล้วหยูเทียนฮ่าวเองก็ไม่ใช่คนปวกเปียกที่เอาแต่ที่พึ่งอำนาจของตระกูล

ตุบ! เฉาหลิงพลันเหยียบเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทั่วร่างปั่นป่วน กลายเป็นเงาสีดำสนิทสายหนึ่ง หอบเอาอานุภาพราวพายุฝนบ้าคลั่งพุ่งทะลวงเข้าไป

“ไร้พ่ายใต้ปฐพี!” บนร่างของหยูเทียนฮ่าวทะลักเจตจำนงตั้งมั่นที่แข็งแกร่งรุนแรง และลงมือในทันที เห็นเพียงลำแสงฝ่ามือไร้เทียมทานที่วิจิตรงดงาม คล้ายแสงลึกลับทะลวงไปสี่ทิศ พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของหยูเทียนฮ่าว

“หมัดวายุ!” ในวินาทีถัดมา เงาหมัดสีดำสนิททรงพลังของเฉาหลิงก็ปะทะเข้ากับฝ่ามือของหยูเทียนฮ่าว

โครม! คนทั้งสองต่างถอยร่นไปหลายก้าว และยันร่างเอาไว้

ฟุ่บ!

ร่างของเฉาหลิงกลายเป็นลำแสงดำสนิทสายหนึ่งอีกครั้ง ก่อนปรากฏกายขึ้นเหนือหยูเทียนฮ่าว ขาข้างหนึ่งเหยียบลงไป

“เหยียบย่ำภูผา!”

พลานุภาพสำนึกรู้นับไม่ถ้วนพร้อมแรงกดดันในฟ้าดินสำแดงบนขาของเขา ดุจเขาไท่ซานกดทับลงมา ทำให้คนจำนวนมากในที่นั้นพากันหายใจไม่ออก ต้องรีบโคจรปราณที่แท้จริงมาปกป้องร่างกายเอาไว้

“ฝ่ามือไร้เทียมทาน!”

บนร่างของหยูเทียนฮ่าวแผ่พลังแกร่งกล้าที่อยู่เหนือทุกสิ่งออกมา

บึ้ม… ลำแสงฝ่ามือยักษ์ที่ลึกลับส่องแสงเจิดจ้า ประกายแวววาวสีส้มโอบล้อม สะท้อนกับพลานุภาพไอสวรรค์มหาศาล ก่อนพวยพุ่งขึ้นสู่ด้านบน คมแสงโค้งสีส้มที่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างในทุกที่ที่มันผ่านไป

โครม! การโจมตีดุจสายฟ้าของเฉาหลิงถูกทำลายจนแตกกระจายทันใด แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของเฉาหลิง

“ฝ่ามือแหวกนภา!”

เฉาหลิงปรากฏขึ้นข้างกายหยูเทียนฮ่าวราวอัสนีบาต ลมทรงพลังจากฝ่ามือกวาดผ่านอย่างอุกอาจ พัดเอาฝุ่นธุลีทั่วทั้งสี่ทิศกระจายออกไปนับไม่ถ้วน

“ไม่เสียทีที่เป็นตระกูลเฉา ลงมือราวอัสนี โจมตีราวขุนเขา”

“ได้ยินมาว่าเงื่อนไขต่ำที่สุดสำหรับลูกศิษย์คนสำคัญของตระกูลเฉา คือต้องฝึกฝนกลยุทธ์วิชาชั้นพิภพขั้นกลางสิบอย่างให้ถึงระดับสุดยอด!”

“พูดได้ว่าตระกูลเฉาเป็นตระกูลชั้นสูงที่ฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิด และยังฝึกฝนร่างกายในระดับหนึ่งด้วย!”

คนทั้งหมดชมการโจมตีราวสายฟ้าและสำนึกรู้วิชาที่แกร่งกล้าของเฉาหลิงไม่ขาดปาก

“ดัชนีเพลิงทอง!”

“ฝ่ามือรวมศูนย์เบิกฟ้า!”

กลยุทธ์การต่อสู้ระยะประชิดของเฉาหลิง ปรากฏขึ้นไม่มีสิ้นสุด!

……

“ไม่เสียทีที่เป็นแปดตระกูลใหญ่ หากไม่เอาจริงคงไม่ได้แล้ว!”

แววตาของหยูเทียนฮ่าวเป็นประกายวิบวับ สายเลือดภายในร่างถูกกระตุ้นและเผาผลาญขึ้นมา

วูบ~

เห็นเพียง ‘เงาเย็นเยือก’ ที่เก่าแก่ลึกลับปรากฏขึ้นในรูปลักษณ์มนุษย์ ก่อนทับซ้อนกับร่างกายของหยูเทียนฮ่าว ฉับพลันทันใด แสงสีส้มที่มืดหม่นลงบนร่างของหยูเทียนฮ่าวพลันเปล่งประกายจ้าตา จิตวิญญาณในการต่อสู้ที่ทะยานขึ้นสู่ฟ้าลุกโหมบนร่าง ท่วงท่าของหยูเทียนฮ่าวสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงาทึบเย็นยะเยียบเบื้องหลัง ทุกการกระทำของเขาล้วนแต่มีจิตต่อสู้ที่น่าเกรงขามกลุ่มหนึ่ง กำราบพลังในอากาศโดยรอบทั้งหมดลงไป เมื่อเฉาหลิงอยู่เบื้องหน้าเขา รู้สึกราวกับถูกเทพยดามองลงมา พลังทั่วร่างเหมือนถูกกดข่มเอาไว้

จักรพรรดิและราชันส่วนหนึ่ง ณ ตรงนั้นราวกับโดนโจมตีอย่างรุนแรง ทั่วร่างหนักอึ้งจนหายใจไม่ออก รีบใช้พลังทั้งหมดโคจรปราณที่แท้จริงมาต้านทานในทันที

บนเวทีประลอง เขตแดนมิติและพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงปะทะเข้าหากันเต็มแรง

เซียนเก่าแก่ผู้หนึ่งของตระกูลหยูพลันปลดปล่อยกำลังรบออกมาทันที ภายในเขตแดนของเวทีประลองปรากฏเส้นแบ่งขึ้นอีกครั้ง ปกป้องคนทั้งหมดเอาไว้

และในเวลาเดียวกัน เขามองไปยังเงาเยียบเย็นเบื้องหลังหยูเทียนฮ่าวผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้มบาง พลันเกิดเลือดลมปั่นป่วน

“สวรรค์ เป็นสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานจริงๆ ด้วย!”

“ว่ากันว่าสายเลือดประเภทนี้จัดอยู่ในสิบลำดับต้นของสายเลือดวิถีราชาได้เลยทีเดียว!”

“เป็นจิตต่อสู้ที่แข็งแกร่งเหลือเกิน เกรงว่าหากให้ข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คงทนไม่ได้!”

บนฟากฟ้า ยอดฝีมือจำนวนมากใจสั่นระรัวอย่างหวาดกลัว

พวกเขาอยู่ไกลออกไปพันลี้ แต่สัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

ภายในตำหนักขององค์ชายสี่ เถี่ยหงหนานและคนตระกูลเถี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย

ตระกูลเถี่ยและตระกูลหยู ต่างเป็นตระกูลนักรบที่ปกปักดูแลชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างตระกูลใหญ่ทั้งสองจึงเกิดการปะทะกระทบกระทั่งกันไม่หยุด

สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานของตระกูลหยูเป็นรองสายเลือดเพลิงมารโลหิต

ทว่าสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานในข่าวลือกลับเหนือใครในใต้หล้า ทรงพลังเกินจะเปรียบ แม้กระทั่งเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบยังด้อยลงไปขั้นหนึ่ง

ในวันนี้ ตระกูลหยูปรากฏสายเลือดไร้เทียมทานเช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง แต่เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบของตระกูลเถี่ยกลับตกอยู่ในมือของคนต่างสกุล

ในตำหนักองค์ชายแปด สีหน้าของกลุ่มอำนาจต่างๆ แดงเรื่อเล็กน้อย

ตระกูลหยูเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเบื้องหลังองค์ชายแปด สายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานของหยูเทียนฮ่าวเป็นสมาชิกกำลังรบหลักที่แข็งแกร่ง

องค์ชายแปดมองไปที่เวทีประลอง ในใจพลันรู้สึกฮึกเหิมตื่นเต้น

เขาเองก็ชักจูงตระกูลหยูได้สำเร็จเป็นลำดับสุดท้าย และบวกกับการเข้าร่วมอย่างคาดคิดไม่ถึงของตระกูลจี จึงทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพุ่งพรวดในพริบตา

บนเวทีประลอง!

เมื่อเผชิญหน้ากับหยูเทียนฮ่าวที่พลังแท้จริงพุ่งสูง จิตต่อสู้สะเทือนฟ้า

เฉาหลิงยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่แสดงท่าทีอ่อนแอแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยพลังสำนึกรู้ฟ้าดินชั้นหนึ่ง ฝืนต้านทานการกดดันจากพลังของหยูเทียนฮ่าว

“ฤทธิ์หมัดอหังการ!” เฉาหลิงหยิบยืมพลังไร้รูปร่างในฟ้าดิน โบยบินกลางอากาศ รุกคืบเข้าไปใกล้หยูเทียนฮ่าวอย่างรวดเร็ว ในฝ่ามือรวบรวมพลังปราณที่แท้จริงไร้ขีดจำกัด พุ่งเข้าปะทะอย่างจังในทันที

“ไร้พ่ายใต้ปฐพี!”

หยูเทียนฮ่าวปลดปล่อยวิชานี้อีกครั้ง เมื่อมีสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานมาเพิ่ม พลานุภาพจึงพุ่งสูงหลายเท่าตัว เงาเย็นยะเยียบเบื้องหลังส่งฝ่ามือออกมาตามการลงมือของหยูเทียนฮ่าว มองเห็นเพียงลำแสงสีส้มที่ทรงพลังอหังการทะลุทะลวงทุกทิศทาง ทำลายล้างทุกสิ่งจนแหลกละเอียด กระแทกเฉาหลิงออกไปนอกพื้นที่ทันที

พู่ว~ การต่อสู้จบลงแล้ว!

กำลังรบสายเลือดที่แกร่งกล้าเช่นนี้ ทำให้สมาชิกของเวทีประลองทั้งสิบแห่งอกสั่นขวัญแขวน บนเวทีประลองขององค์ชายเก้า สีหน้าของสืออวี่เหลยเคร่งขรึม จิงข่ายก้มศีรษะลงน้อยๆ

เงาเบื้องหลังหยูเทียนฮ่าวค่อยๆ อับแสงลงไป เขามองไปที่เวทีประลององค์ชายเก้า กล่าวด้วยแววตาฮึกเหิมจริงจัง “ระหว่างเจ้ากับข้า มาประลองกันอีกสักครั้งในการคัดเลือกรัชทายาท!”

ชั่วขณะหนึ่ง แววตามากมายของคนตรงนั้นมองไปที่เวทีประลองขององค์ชายเก้า

เป็นใครกันแน่ ที่ทำให้ผู้ครอบครองสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานแห่งตระกูลหยูเอ่ยปากท้าสู้ด้วยตนเองเช่นนี้!

ฟากขององค์ชายเก้า มีสมาชิกกำลังหลักสายต่อสู้ที่ประมือกับเขาได้หรือ?

คนขององค์ชายเก้าตื่นตระหนกทันใด มองกันไปมาอย่างฉงนสงสัย หยูเทียนฮ่าวกำลังท้าประลองกับใครกัน?

โดนหยูเทียนฮ่าวผู้มีกำลังรบน่ากลัวเช่นนี้หมายหัวอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่!

สืออวี่เหลยและจิงข่ายรีบส่ายหน้า เพื่อบอกว่าไม่เคยพบหยูเทียนฮ่าวมาก่อน

โครม! การต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึงเมื่อครู่เพิ่งจบลง คนทั้งหมดยังไม่ทันหายจากอาการตื่นเต้น ทางฟากขององค์ชายสิบสาม อัจฉริยะอาวุโสซีเผิงจากวังเก้านิรยและผู้ท้าประลองอีกคนของจวนกงก็เปิดฉากต่อสู้ สถานการณ์การรบดุเดือดรุนแรง

บนเวทีประลองขององค์ชายสิบสอง ศึกประลองพลังของปรมาจารย์ค่ายกลและปรมาจารย์กลไกทั้งสองก็เริ่มขึ้น!

ศึกชิงตำแหน่งรายชื่อทั้งหมดดุเดือดลุกเป็นไฟ มีสมาชิกจำนวนน้อยนิดนั่งดูอย่างสงบด้วยสีหน้าเย็นชา ตรวจตราทั้งหมด ทั้งในตำหนักรอบด้านและบนชั้นเมฆ กลุ่มอำนาจจำนวนมากต่างสัมผัสได้เป็นนัยๆ แล้วว่า การแย่งชิงตำแหน่งรายชื่อผู้ติดตามกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!

ในตำหนักใหญ่ องค์ชายทั้งสิบชันกายลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ใจเต้นระรัวรุนแรง!

จิงข่ายที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความเหน็บชาที่เกิดขึ้นทั่วสรรพางค์กาย เขามองไปที่จ้าวเฟิง แต่กลับไม่ค้นพบอะไรที่แปลกออกไป

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย ในใจลอบยินดี “คิดไม่ถึงว่าพลังสายฟ้าบรรพกาลยังสามารถหลอมรวมเข้าไปใน ‘กายวิญญาณอัสนีเทวะ’ ได้ด้วย ดูแล้วดวงวิญญาณของข้าน่าจะเรียกว่า ‘กายวิญญาณอัสนี’ ได้แล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!