บทที่ 937 ฝูงสัตว์
หลังจากมาถึงบนพื้นดินแล้ว ทั้งสองก็เดินทางไปยังดินแดนมรดกอีกแห่งหนึ่ง
ตอนนี้ สิ่งที่จ้าวเฟิงเล็งเอาไว้มีแต่มรดกของขอบเขตเทวาเร้นลับช่วงแรกเริ่ม
ทำลายมิติส่วนตัวที่สร้างขึ้นเป็นบททดสอบของมรดกทิ้งไป ก็จะเก็บรวบรวม ‘พลังชะตามังกร’ รวมไปถึงทรัพยากรสมบัติล้ำค่าได้ง่ายดายขึ้น
วันนี้มีพื้นที่มรดกขอบเขตเทวาเร้นลับช่วงแรกเริ่มถูกจ้าวเฟิงทำลายและเก็บทรัพย์สมบัติไปแล้วสามแห่ง
‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของโจวซู่เอ๋อร์เปล่งแสงอุ่นเป็นประกายเรืองรอง ลวดลายมังกรปรากฏขึ้นรางๆ ด้านบน เห็นได้ชัดว่าพลังชะตามังกรเต็มขีดกำจัดแล้ว
ในระหว่างนั้น ยังมีกลุ่มคนสามคนถูกจ้าวเฟิงปล้นชิงไป แม้กระทั่งเวลาจะกระตุ้นค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ก็ยังไม่มี ถูกจ้าวเฟิงคุมไว้อย่างสิ้นเชิง และโดนปล้นชิงทรัพย์ไปหมดสิ้น
เมื่อเป็นดังนี้ จ้าวเฟิงจึงมี ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ถึงเจ็ดชิ้น
“ต่อไปคิดจะ ‘ปล้นชิง’ ก็ไม่ง่ายดายเช่นนั้นแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ
เวลาในสุสานราชวงศ์ผ่านไปแล้วสองวัน
สมาชิกจำนวนมากค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับในสถานที่แห่งนี้ช้าๆ จนสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาได้
จ้าวเฟิงคิดจะกำราบผู้อื่นในฉับพลันก็ค่อนข้างลำบาก ขอแค่มีช่องโหว่เล็กๆ พวกเขาก็สามารถใช้ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ หนีเอาตัวรอดไป
มีเรื่องมีราวกับผู้อื่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
บึ้ม…
จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับมิติส่วนตัววายุอัสนี ทำลายพื้นที่มรดกแห่งหนึ่งอีกครั้ง อกากาศทั่วบริเวณ ฟ้าดินมืดมิดอึมครึม อัสนีบาตลั่นปลาบแปลบ ลมพายุปั่นป่วนไม่หยุด
“พวกเราสามารถรุกคืบเข้าไปส่วนกลางได้แล้ว!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องไปยังที่ไกลๆ มองเห็นภาพที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
ทรัพยากรสมบัติของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม ไม่อาจเติมเต็มความต้องการของจ้าวเฟิงได้
ในบรรดาของเหล่านั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อจ้าวเฟิงมีน้อยนิดนัก
“ได้ แถบรอบนอกเองก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว!”
โจวซู่เอ๋อร์เห็นด้วยอย่างมาก
จ้าวเฟิงพูดไม่ออก คนที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันผู้นี้นั่งบนงูลายตัวยักษ์ ไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่กลับรู้สึกว่าไม่น่าสนใจเสียอย่างนั้น ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางของสุสานราชวงศ์เท่าไหร่ อันตรายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น มรดกที่อยู่ค่อนไปภายในแทบจะเป็นขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นหรือชั้นสูง จ้าวเฟิงต้องบุกเข้าไปตามระเบียบแบบแผนด้วย
หนำซ้ำสัตว์อสูรที่เติบโตในพื้นที่นั้นอาบ ‘พลังชะตามังกร’มากกว่า พลังความสามารถคุกคามได้น้อย
หลายแห่งในนั้นถูกจัดให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม และมีอัตราการตายค่อนข้างสูง
“เป้าหมายคือ ‘มรดกสวรรค์’ เป็นพื้นที่มรดกเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทคราวก่อน มีองค์ชายค้นพบแต่ไม่ถูกพิชิต!”
จ้าวเฟิงตรวจสอบแผนที่ใต้พื้นดิน
พื้นที่มรดกซึ่งถูกค้นพบในการคัดเลือกรัชทายาทรุ่นก่อน ถึงแม้ไม่ถูกพิชิต แต่ไม่ได้แสดงว่ามีระดับความยากมาก มีพื้นที่มรดกบางส่วนยังคงดำรงอยู่แม้ผ่านการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทเป็นหลายสิบครั้ง มรดกเหล่านั้น โดยปกติแล้วมีคนจำนวนน้อยนิดนักจะได้สัมผัสแตะต้อง
เมื่อเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ ทั้งสองจึงออกเดินทาง
การเดินทางไปที่มรดกสวรรค์ น่าจะต้องใช้เวลาประมาณห้าวัน ในระหว่างนั้นมักจะค้นพบวัตถุดิบยาและทรัพยากรล้ำค่า โจวซู่เอ๋อร์รับผิดชอบเก็บสะสมทั้งหมด
วัตถุดิบยาทั่วไปในมิติบรรพกาล ผลลัพธ์ของยาอยู่เหนือกว่ายาที่โลกภายนอกหลายเท่าตัวนัก หากเป็นวัตถุดิบยายุคบรรพกาลที่สาบสูญไป ก็สามารถเรียกได้ว่าสมบัติล้ำค่าแล้ว นอกเหนือจากวัตถุยาหายาก สัตว์อสูรที่พบเจอก็ดุร้ายมากยิ่งขึ้นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงเผยกลิ่นอายจักรพรรดิออกมา ทว่าสัตว์อสูรขั้นราชันบางส่วนยังไม่ยอมจากไป
“ฝูงหมาป่าสายลม ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้?”
สีหน้าของโจวซู่เอ๋อร์ตื่นตะลึง ร้องขึ้นเบาๆ
เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังมรดกสวรรค์ เป็นเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงฝูงหมาป่าสายลมได้
บนแผนที่ที่ตาเฒ่าอิงให้มามีตรากำกับอยู่ หมาป่าสายลมมีมากมาย และหมาป่าจำนวนมากอยู่ในขั้นราชันช่วงแรกเริ่ม หนึ่งในนั้นมีราชาหมาป่าสายลมตัวหนึ่งด้วย
ภายใต้การนำของราชาหมาป่าสายลม กำลังรบของที่ฝูงหมาป่าสายลมสำแดงออกมายิ่งน่ากลัวมากขึ้น
“กลัวอะไร ข้าเป็นนักฝึกสัตว์!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
ในวินาทีที่เข้าใกล้ฝูงหมาป่าสายลม หมาป่าสายลมนับไม่ถ้วนก็เริ่มล้อมไปทั่วทิศทาง
โครม!
จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในฉับพลัน พลานุภาพในฟ้าดินของจักรพรรดิระเบิดกระจายออกไปพร้อมแรงกดดันของกายสายฟ้า ทันใดนั้น กระบวนทัพของฝูงหมาป่าก็แตกกระเจิง หมาป่าสายลมที่ขอบเขตต่ำกว่าขั้นราชันส่วนหนึ่งล้มลงบนพื้นทันที ร่างสั่นสะท้าน ถอยร่นไปไม่หยุด
ในเวลานี้เอง เสียงกรีดร้องแหลมชวนประหวั่นพรั่นพรึงดังขึ้น
เสียงหอนของหมาป่าดังลอดเข้าไปในโสตประสาทของหมาป่าสายลม พวกมันราวกับถูกปลุกระดม ดวงตาสองข้างของหมาป่าสายลมฉายแววดุร้ายเย็นชา และไม่ถอยหนีไปอีก พวกมันค่อยๆ เกาะกลุ่มรวมตัวกัน จนต้านทานพลานุภาพขั้นจักรพรรดิของจ้าวเฟิงได้ทั้งหมด ถึงขั้นที่ว่าถ้าหากจ้าวเฟิงเผยจุดอ่อนอะไร พวกมันก็จะกรูเข้าไปทันที
เวลาเดียวกัน พายุสีดำฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้าด้านบน หมาป่าสีดำสูงราวห้าจั้งปรากฏขึ้นต่อหน้าจ้าวเฟิง
ดวงตาดุร้ายของสัตว์อสูรเป็นประกายวาววับ สองกรงเล็บแหลมที่เปล่งแสงเงินพุ่งไปยังจ้าวเฟิง พร้อมคมมีดที่ฉีกทึ้งทุกสรรพสิ่ง รวดเร็วอย่างมากจนไม่อาจจะโต้ตอบได้ทัน
“หนามจิตวิญญาณ!” สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปลดปล่อยหนามที่ไร้รูปร่างราวผลึกแก้วเย็นยะเยียบ แทงเข้าไปในชั้นวิญญาณของราชาหมาป่าสายลม
โฮก! ราชาหมาป่าสายลมร้องเสียงแหลมทันที หนามจิตวิญญาณมหาศาลเกาะกลุ่มกันจนถึงขีดสุด วาววับดุจผลึก อีกทั้งยังมีเจตจำนงดวงตาของหมื่นอัสนีเทวะที่ไม่ดับสลาย
ราชาหมาป่าสายลมสูญเสียกำลังควบคุมร่างกาย ล้มลงด้านข้างทันที
แต่มันก็ลุกขึ้นทันใด ทั้งร่างดิ้นรน ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่จ้าวเฟิงอย่างโหดเหี้ยม ทั้งโกรธแค้นและไม่ยินยอม
“เอ๋?” จ้าวเฟิงอุทานเบาๆ
ยามนี้การโจมตีวิญญาณของเขามีพลังทำลายจากอัสนีเทวะด้วย
คิดไม่ถึงเลยว่าราชาหมาป่าสายลมโดนหนามจิตวิญญาณของเขาแล้ว กลับสามารถยืนขึ้นได้ทันที ไม่ผิดคาด สัตว์อสูรที่อยู่ในมิติบรรพกาลไม่สามารถใช้ตรรกะทั่วไปมาตัดสินได้
จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่า พลังของราชาหมาป่าสายลมตัวนี้แข็งแกร่งมั่นคงผิดปกติ ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่สามารถควบคุมฝูงหมาป่าสายลมขนาดมโหฬารเช่นนี้ หากนำสัตว์อสูรแบบนี้มาใช้งาน ต้องมีกำลังรบที่แข็งแกร่งอย่างมากเป็นแน่
มิน่าล่ะ กองกำลังขององค์ชายทุกคนถึงต้องมีนักฝึกสัตว์อยู่ผู้หนึ่ง แต่ต่อให้เป็นปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ คิดจะควบคุมสัตว์อสูรที่นี่ก็ลำบากยิ่งนัก
โฮก! ราชาหมาป่าสายลมแหงนหน้าหอนอย่างฉับพลัน
หมาป่าสายลมที่เหลือในรอบทิศทางกลายเป็นสายลมสีดำหลายต่อหลายเส้น แล้วพุ่งเข้าโจมตีโดยไม่ลังเล
“เหอะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น โลกมิติส่วนตัววายุอัสนีสำแดงออก แล้วหลอมรวมเข้าไปในความว่างเปล่า ฟ้าดินพลันมืดทะมึนลง วายุอัสนีเกี่ยวประสาน
เมื่ออยู่ในมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง ความเร็วของหมาป่าสายลมทั้งหมดลดลงไป พลังก็ด้อยตามลงไปเช่นกัน หากเข้าใกล้จ้าวเฟิงในระยะหนึ่ง จะมีพลังวายุอัสนีปะทะเข้าที่ร่าง
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งมอง ทะลักเพลิงพลังดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
โครม ตูม! เพลิงเนตรสีม่วงเข้มกึ่งโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งพร้อมกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง แผดเสียงแหลมพุ่งปะทะเข้าศีรษะของราชาหมาป่าสายลม
พลั่ก! ราชาหมาป่าสายลมล้มลงกับพื้นอีกครั้ง เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้าส่งผลกับทั้งกายเนื้อและวิญญาณ อีกทั้งยังมีผลลัพธ์เผาผลาญไม่หยุดหย่อน บวกกับพลังอัสนีเทวะ จึงทำให้ระเบิดพลังน่ากลัวมากขึ้น
“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!”
ขณะราชาหมาป่าสายลมเสียสมาธิระหว่างดิ้นรน เจตจำนงดวงตาที่จ้าวเฟิงโคจรค่อยๆ ตีตราผนึกดวงใจทมิฬลงไปในวิญญาณของราชาหมาป่าสายลม
วูบ! จ้าวเฟิงเก็บมิติวายุอัสนีไป
ยามนี้ ราชาหมาป่าสายลมยืนอยู่ข้างกายจ้าวเฟิงอย่างว่าง่าย หมาป่าสายลมตัวอื่นก็หยุดการโจมตีไป แค่ควบคุมราชาหมาป่าสายลมได้ ก็จะสามารถควบคุมหมาป่าสายลมทั้งหมดที่นี่
จ้าวเฟิงหยิบ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ขึ้นมา
ฉับพลัน ‘พลังชะตามังกร’ จำนวนมากในร่างของราชาหมาป่าสายลมก็หลั่งไหลเข้าไปในหยกมังกรคุ้มกัน เวลาเดียวกัน ในฝูงหมาป่าสายลม ’พลังชะตามังกร’ บนร่างหมาป่าสายลมทุกตัวก็ค่อยๆ รวมตัวกันขึ้นมา บนร่างของสัตว์อสูรก็มีพลังชะตามังกร เพียงแต่ว่าค่อนข้างจะน้อยนิด เมื่อบวกกับความดุร้ายผิดปกติธรรมดาของสัตว์อสูรที่นี่ ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงไม่สามารถช่วงชิงพลังชะตามังกรมาได้โดยการสังหารสัตว์อสูร และทุ่มเทแรงใจไปกับมรดกมากขึ้นแทน แต่วิธีการเช่นที่จ้าวเฟิงทำ ไม่เปลืองเวลาและก็ไม่เปลืองแรง เพียงแค่ต้องทำให้ราชาหมาป่าสายลมมาเป็นทาสรับใช้ ก็จะได้รับ ‘พลังชะตามังกร’ ในร่างของฝูงหมาป่าสายลมทั้งหมดมา
จำนวนทั้งหมดของพลังชะตามังกร ใกล้เคียงกับพลังชะตามังกรในพื้นที่มรดกของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม
จ้าวเฟิงยังมีกำลังรบเพิ่มขึ้นอีกฝูงหนึ่งด้วยในเวลาเดียวกัน
ฝูงหมาป่าสายลมที่นำโดยราชาหมาป่า สามารถคุกคามจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะที่มีพลังขั้นจักรพรรดิไร้เทียมทาน
ขวับ! จ้าวเฟิงสะบัดมือขวา แล้วหมาป่าสายลมทั้งหมดก็เข้าไปในในมนตราอากาศ
โจวซู่เอ๋อร์มองดูทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ข้างๆ อย่างตื่นตะลึง
นับว่านางได้เห็นความสามารถในการฝึกสัตว์ของจ้าวเฟิงด้วยตาตนเองแล้ว
ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ที่อายุน้อยเช่นนี้ แต่ความสามารถในการควบคุมสัตว์ของเขากลับน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นปรมาจารย์นักฝึกสัตว์อาวุโสในราชวงศ์ เกรงว่าคงไม่อาจควบคุมราชาหมาป่าสายลมตัวหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
สัตว์อสูรในมิติบรรพกาลดุร้ายโหดเหี้ยม ย่อมไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรทั่วไปสามารถเทียบได้
พร้อมกันนั้น โจวซู่เอ๋อร์เผยรอยยิ้มออกมา
“จ้าวเฟิง ข้าต้องการเปลี่ยนพาหนะ!”
เสียงอ่อนหวานของโจวซู่เอ๋อร์ดังขึ้นทันที
จ้าวเฟิงปรายตามองโจวซู่เอ๋อร์เล็กน้อย จากนั้นจึงปล่อยราชาหมาป่าสายลมออกมา
เวลาผ่านไปพักหนึ่ง ราชาหมาป่าสายลมก็ให้โจวซู่เอ๋อร์นั่งบนหลังของมันอย่างไม่เต็มใจ
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการทำตัวอ่อนแอล่อเสือ ทั้งสองดูไปแล้วอ่อนแอนัก กลายเป็นทำให้ฝ่ายตรงข้ามคลางแคลงใจ
เมื่อเดินทางไปเป็นเวลาห้าวัน
จ้าวเฟิงเดินทางคดเคี้ยวไปหาฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ในเส้นทางใกล้เคียง เวลาเดียวกันก็ยังหลบเลี่ยงสมาชิกในกองกำลังที่อาจจะเจอในระหว่าทางได้ด้วย
พูดโดยสรุปแล้ว เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้มหาศาล แถมจ้าวเฟิงยังประสบความสำเร็จในการควบคุมฝูงสัตว์อสูรสองฝูง แบ่งเป็นฝูงงูเหมันต์หัวแดงและฝูงแมงป่องพิษริ้วดำ เพียงแค่ควบคุมผู้นำในฝูงสัตว์อสูรได้ ก็สามารถควบคุมฝูงสัตว์อสูรทั้งหมด และยังได้ ‘พลังชะตามังกร’ ของพวกมันด้วย แต่ไม่ใช่ว่าฝูงสัตว์อสูรทั้งหมดจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ฝูงสัตว์อสูรบางส่วน เมื่อตัวที่แข็งแกร่งที่สุดพ่ายแพ้ สัตว์อสูรที่เหลือจะหวาดกลัวและหนีไป
ฝูงสัตว์อสูรแบบนี้ จ้าวเฟิงจะละทิ้งไม่ใยดี นอกเหนือจากฝูงสัตว์อสูรทั้งสองแล้ว จ้าวเฟิงยังได้สัตว์อสูรวิเศษที่มีกำลังรบแข็งแกร่งมากอีกสองตัวมาเป็นข้ารับใช้
ตลอดทางที่ผ่านมา โจวซู่เอ๋อร์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยตาของตนเอง
ไร้ความรู้สึกไปแล้ว นางกำลังครุ่นคิด หากว่าตัวไหนทะเลอทะล่าเข้ามายั่วโทสะจ้าวเฟิง จะมีจุดจบอย่างไรกัน
“มรดกสวรรค์!”
คนทั้งสองผ่อนฝีเท้าลง มองไปที่ตำหนักใหญ่โอ่อาด้านหน้า ตำหนักใหญ่หลังนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นมิติส่วนตัวแห่งหนึ่ง
การเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของมิติส่วนตัว สรรสร้างเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่สมจริงเช่นนี้ จ้าวเฟิงเคยเห็นเป็นครั้งแรก
จากเสียงพูดคุยและเสียงต่อสู้ที่เข้ามาในโสตประสาท ดูแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มาถึงที่นี่
“ฝีมือของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงไม่เหมือนใครจริงๆ ด้วย!”
จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย
คนทั้งสองเตรียมจะเข้าไป ก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยจากด้านหลัง
“จ้าวเฟิง?”
จ้าวเฟิงหันกลับมา เห็นเพียงชายผมม่วงสองคนและชายร่างกำยำชุดดำเดินมาอย่างสบายๆ
แววตาของชายผมม่วงสองคนทอประกายสีม่วงวาววับ เหมือนสามารถล่อลวงของผู้คนได้ มองไปที่จ้าวเฟิงอย่างประเมิน
คนที่เอ่ยนชื่อจ้าวเฟิงออกมาเป็นชายผมสั้นสีม่วงคนตรงกลาง
“พวกเจ้าไปได้เลย พวกข้ายึด ‘มรดกสวรรค์’ แห่งนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว!”
ชายผมม่วงที่ค่อนข้างสูงวัยอีกคนหนึ่ง ดวงตาสีม่วงเป็นประกาย เผยรอยยิ้มนึกสนุกออกมา แต่ชายผมสั้นสีม่วงกลับออกจะสนใจในราชาหมาป่าสายลมที่โจวซู่เอ๋อร์นั่งอยู่ จึงมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ภายหลังชายชุดดำร่างกำยำค่อยๆ เดินมา กลิ่นอายกดดันที่ทรงพลังทำให้ขนสีดำของราชาหมาป่าสายลมลุกชันขึ้นมา ถอยร่นไปอย่างอดไม่ได้
ชายรูปร่างกำยำปรายตามองจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์แวบหนึ่ง แล้วจึงเดินตรงไปในมรดกสวรรค์
เห็นได้ชัดว่ามองข้ามพวกจ้าวเฟิงทั้งสองไป