Skip to content

King of Gods 939

King Of Gods

บทที่ 939 โจมตีดุจสายฟ้า

“ผู้เฒ่าอิง พวกเราพิชิตมรดกอีกสองแห่งได้แล้ว!”

องค์ชายเก้าตื่นเต้นเล็กน้อย ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ในมือแผ่รัศมีสีทองสว่าง ด้านบนยังปรากฏโครงร่างลายมังกรสีทองอ่อน ระหว่างทางไม่เจอฝูงสัตว์อสูรใด และไม่ได้เผชิญหน้ากับกองกำลังอื่นๆ

จากข้อมูลและการวิเคราะห์ของตาเฒ่าอิง จึงสามารถพิชิตด่านมรดกต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

จิงข่ายจับจ้องปฏิกิริยาของตาเฒ่าอิงตลอดทาง รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวคนผู้นี้เป็นที่สุด

จิงข่ายรู้สึกได้ว่า ถ้าหากเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกสักนิด ความเร็วในการทะลวงด่านน่าจะไวกว่านี้

ดังนั้นเขาจึงใช้ทรัพยากรที่ได้มาเพิ่มพลังให้กับตนเองในยามที่มีเวลาว่าง

“ไม่รู้ว่าอีกสองกลุ่มจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

จิงข่ายกังวลอยู่ส่วนหนึ่ง

อย่างไรเสีย กลุ่มของเขาก็มีผู้อาวุโสที่เพียบพร้อมทั้งประสบการณ์ ข้อมูลข่าวสาร และพลังอย่างตาเฒ่าอิง

“ไม่แน่ว่ากลุ่มของเฉินจีจื่ออาจจะเก็บเกี่ยวได้มากกว่า!”

ตาเฒ่าอิงเอ่ยตรงๆ

ไม่อาจประมาทนักทำนายที่พยากรณ์ชะตาชีวิตได้ ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจีจื่อก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยในด้านวิชากลไก บวกกับซูชิงหลิงและสืออวี่เหลยแล้วเหมาะสมจะพิชิต ‘มรดกเหลิ่งเหมิน’ อย่างมาก

ความน่าจะเป็นที่จะเจอกองกำลังอื่นในมรดกเหลิ่งเหมินค่อนข้างต่ำ

ด้วยเหตุนี้กองกำลังของเฉินจีจื่อน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว

แต่กับกลุ่มของจ้าวเฟิง จากคำขององค์ชายแปดและรายงานส่วนหนึ่ง ตาเฒ่าอิงจึงเชื่อมั่นในความสามารถของจ้าวเฟิง ทว่าเขาก็ยังไม่อาจมองจ้าวเฟิงปรุโปร่งได้สักที

“ข้าคิดว่าจ้าวเฟิงคงไม่ไปบุกมรดก น่าจะไปกำราบสัตว์อสูรแล้ว คงได้รับพลังชะตามังกรเช่นกัน และยังสามารถเพิ่มกำลังรบได้ด้วย!”

จิงข่ายครุ่นคิดครู่หนึ่งพลางเอ่ย

กลุ่มที่เขาไม่คาดหวังที่สุดย่อมเป็นจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์

“หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ดี มีสัตว์อสูรจำนวนมาก เมื่อถึงลำดับต่อไปของการทดสอบรัชทายาทจะมีประโยชน์ยิ่ง!”

จุดที่สำคัญคือจ้าวเฟิงคงไม่ซื่อสัตย์เช่นนี้เป็นแน่!

การให้โจวซู่เอ๋อร์ที่ไร้บทบาทในช่วงต้นอยู่กับจ้าวเฟิง สร้างความลำบากใจให้กับเขาจริงๆ

ตาเฒ่าอิงเผยรอยยิ้มที่นานทีจะเห็นออกมา

ในตอนนี้ยังไม่มีสมาชิกใช้ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ตาเฒ่าอิงคาดเดาเอาไว้ ขอแค่เดินทางอย่างระมัดระวังต่อไปเรื่อยๆ องค์ชายเก้าใช่ว่าจะไม่มีหวัง

ในมรดกสวรรค์ จ้าวเฟิงเดินทอดน่อง ในเวลาเดียวกันก็โคจรดวงตาซ้ายสำรวจรอบบริเวณ โลกมิติมรดกขนาดเล็กแห่งนี้ แตกต่างกับโลกมิติมรดกขนาดเล็กของเซียนชั้นแรกเริ่มเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดที่นี่ให้ความรู้สึกที่สมจริงมาก

อีกทั้งจ้าวเฟิงเดินเข้ามาหลายลี้ แต่กลับยังคงอยู่ในโลกมิติส่วนตัวเช่นเดิม ทางเบื้องหน้าอาจจะยังมีอีกหลายสิบหลายร้อยลี้

นี่เพียงพอแล้วจะพิสูจน์แล้วว่า เซียนผู้นี้ผสานกฎเกณฑ์มิติเข้าไปในโลกมิติส่วนตัว นำมาใช้งานได้ชาญฉลาดยิ่ง เสียดายก็เพียงจ้าวเฟิงไม่เข้าใจในเสวียนอ้าวมิติแม้แต่น้อย

“หืม? ความเร็วเริ่มช้าลงแล้ว!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองเห็นสถานการณ์ของคนทั้งสามด้านหน้า

รูปร่างของสัตว์ประหลาดหินกรวดใหญ่กว่าตอนเริ่มต้นหลายส่วน น่าจะเปลี่ยนจากขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันไปเป็นราชันระดับต่ำแล้ว

“มีคน!” จ้าวเฟิงเปลี่ยนสีหน้า

ดวงตาซ้ายของเขาเห็นเพียงเงาคนสี่ร่างตรงทางเข้ามรดกสวรรค์ เพราะอิทธิพลของกฎโลกมิติส่วนตัว ต่อให้เป็นดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใคร แต่สามารถจับได้ว่าเป็นกลุ่มสี่คน แสดงว่ารายชื่อผู้ติดตามขององค์ชายคนดังกล่าวมีจำนวนมาก เป็นไปได้ว่าเป็นกองกำลังขององค์ชายในห้าลำดับต้น

ถ้าหากเป็นกองกำลังขององค์ชายแปดพอดี เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว

“เมื่อเป็นเช่นนั้น คงทำได้เพียงจัดการสามคนด้านหน้านี้ก่อน!”

แววตาของจ้าวเฟิงแน่วแน่ เขาจะต้องยึดครองมรดกของเทวาเร้นลับชั้นสูงแห่งนี้ให้ได้ หนำซ้ำพื้นที่มรดกแห่งนี้ถูกเขาบุกมาจนถึงที่นี่ ก็คงจะอยู่ไม่ไกลจากปลายทางแล้ว

เบื้องหลังจ้าวเฟิงปรากฏปีกแสงอัสนีสีชาดยาวหลายจั้ง ความเร็วเพิ่มขึ้นในฉับพลัน และกลายเป็นคมแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งกวาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตูม ตูม ตูม!

“หมัดนภาเพลิง!”

“ดัชนีจักรพรรดิ!”

มีเซียนไป่เลี่ยนเป็นแกนนำหลัก จีเติงเทียนและจีไป๋เป็นผู้ช่วย

กองกำลังสามคนรุกคืบเข้าไปด้วยความเร็วสูง แต่ยิ่งไปถึงด้านหลังเท่าไหร่ พลังของสัตว์ประหลาดหินกรวดเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้เป็นพวกเขาสามคน หากสิ้นเปลืองพลังไปเรื่อยๆ ความเร็วในการเดินหน้าก็จะค่อยๆ ช้าลงไป

“ดูเหมือนเราจะดูแคลนมรดกแห่งนี้ไป!”

จีไป๋ขมวดคิ้วเอ่ย

สัตว์วิเศษที่เขาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่โลกภายนอก ยามนี้ล้มตายไปแล้วส่วนหนึ่ง

หนำซ้ำถึงแม้สัตว์อสูรที่นี่จะแข็งแกร่ง แต่ระดับความยากในการกำราบให้เชื่องก็มากด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่มีผู้แข็งแกร่งให้ความช่วยเหลืออยู่ข้างๆ โอกาสสำเร็จก็จะยิ่งน้อยลง แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้ทุกคนเสียเวลามาก

ดังนั้นกลุ่มของเซียนไป่เลี่ยนจึงมีเป้าหมายหลักอยู่ที่พื้นที่มรดก

“นี่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะพวกเราไม่ชำนาญการโจมตีกายเนื้อเท่าไหร่นัก!”

จีเติงเทียนเอ่ยอย่างจนปัญญา ถึงตอนนี้เขามีประโยชน์น้อยที่สุด

หากพวกเขาสองคนเป็นสมาชิกฝ่ายต่อสู้ที่โจมตีวัตถุ ไม่แน่ว่าอาจจะพิชิตมรดกแห่งนี้ได้นานแล้ว

ดีที่เซียนไป่เลี่ยนมีกำลังรบแข็งแกร่งมาก เป็นประหนึ่งพายุดำทะมึน ในทุกที่ที่ผ่านไป หินกรวดจะร่วงกระจายลงบนพื้น

“หืม? ด้านหลัง!”

จีไป๋สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงหันกลับไปมอง

เห็นเพียงคมแสงสีแดงสายหนึ่ง หอบเอาพลังที่น่าสะพรึงขวัญพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว

“จ้าวเฟิง? รวดเร็วเหลือเกิน…เป็นไปได้อย่างไร!”

จีไป๋ชะงักค้าง ความเร็วในตอนนี้ของจ้าวเฟิงอาจจะอยู่เหนือเซียนไป่เลี่ยนด้วยซ้ำไป

“จ้าวเฟิงมาแล้ว ผู้อาวุโสเฉาจาง ทำตามแผนได้เลย!”

จีเติงเทียนลอบส่งเสียง

“จ้าวเฟิง เจ้า…”

จีไป๋กำลังเตรียมจะเดินไปกล่าวทักทาย กลับค้นพบสิ่งผิดปกติบางอย่างในทันใด

ความเร็วของจ้าวเฟิงไม่ลดลงแม้แต่น้อย อีกทั้งยังรีบเร่งตรงมาที่เขา ระลอกปราณแท้จริงที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณว่ากำลังจะลงมือ

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

จีไป๋ชะงักงันไปชั่วขณะ สภาพของจ้าวเฟิงในตอนนี้คือกำลังเตรียมตัวจะโจมตีเขา!

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ช่างแตกต่างจากแผนการที่เขาคิดไว้เหลือเกิน!

เหตุใดจ้าวเฟิงจึงกล้าลงมือกับเขาก่อน?

ชั่วเวลานั้น แผนการที่คนทั้งสามวางเอาไว้ถูกก่อกวนจนวุ่นวายไปหมด คนทั้งหมดจึงไม่ค่อยรู้จะทำอย่างไรกันแน่ ด้วยปฏิกิริยาป้องกันตัวเองโดยสัญชาตญาณ จีไป๋รีบควบคุมงูเหลือมหยกตัวยักษ์ส่วนหนึ่ง เปลี่ยนการโจมตีมาที่จ้าวเฟิง

“จ้าวเฟิง เจ้าหมายความว่าอะไรกัน?”

จีไป๋เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว!

“เหอะๆ!” มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น

“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”

ขณะที่โบยบิน ร่างกายของจ้าวเฟิงพลันขยายใหญ่ขึ้น ผุดลวดลายอัสนีสีฟ้าทองเป็นประกายจากแก่นแท้ร่างกาย ก่อนเปลี่ยนเป็นลำแสงสายฟ้าสีทองกลุ่มหนึ่งปะทะไปยังจีไป๋ บนพื้น งูเหลือมหยกยังไม่ทันได้เข้าใกล้จ้าวเฟิง ก็ถูกแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังกระแทกกลับไปนอนแน่นิ่ง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

จีไป๋เผยสีหน้าตื่นตะลึง

เขาทุ่มเทเงินเก็บจำนวนมากหาซื้องูเหลือมหยกยักษ์เหล่านี้ไปทั่ว งูเหลือมหยกทุกตัวเป็นสัตว์อสูรที่มีอยู่น้อยนิดในขั้นราชันระดับสูงทั้งสิ้น ร่างกายแข็งแกร่งอย่างมาก

ในวันนี้เพียงแค่จะเข้าใกล้จ้าวเฟิงกลับยังทำไม่ได้ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งถึงสองช่วงลมหายใจ เมื่อเห็นจ้าวเฟิงต้องการลอบโจมตี จีไป๋ยื่นมือคลายถุงสัตว์วิเศษ

ขวับ! ‘สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา’ ตนหนึ่งปรากฏบนทางเก่าแก่ ขวางเส้นทางที่ดำมืดเอาไว้ทั้งหมด จ้าวเฟิงและจีไป๋ถูกแยกออกจากกัน

ตัวของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขามีบางส่วนเป็นผลึก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นปีศาจที่เปลี่ยนรูปไป สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาประสานมือเข้าหากัน สะบัดไปทางจ้าวเฟิง

“หมัดอัสนีศักดิ์สิทธิ์!”

จ้าวเฟิงผลักหมัดออกไป ลำแสงกำปั้นที่มีสายฟ้าทองเกี่ยวกระหวัดหลายสาย รูปร่างเหมือนภูเขาอัสนีธาตุทองสว่างเรืองรอง ปะทะเข้ากับการโจมตีราว ‘ค้อนยักษ์’ ของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา!

โครม! มือทั้งสองข้างของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนแหลกกระจาย

พู่ว~

จ้าวเฟิงชูกำปั้นขึ้นอีกครั้ง โจมตีเข้าไปที่ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาอย่างพอดิบพอดี เห็นเพียงหมัดที่เปล่งแสงสายฟ้าทองหลายเส้นสาย ตรงดิ่งเข้าไปโจมตีโดยไม่แยแสสิ่งใด

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นแท่งแสงอัสนีเพลิงพุ่งขึ้นไปพร้อมสีแดงและขาวที่สอดประสาน

บึ้ม! เดิมทีจีไป๋คิดว่าเอา ‘สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา’ ออกมาแล้ว จ้าวเฟิงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย กลับคิดไม่ถึงเลยว่า วินาทีต่อมากะโหลกศีรษะของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาเบื้องหน้าเขาจะระเบิดออกทันที

แสงทองอัสนีสีชาดบินออกมาจากภายใน พุ่งตรงมาปะทะร่างเขา

ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ตัว แรงกดดันจากร่างกายที่ทรงพลังกับสายฟ้าก็ทำเอาจีไป๋หน้าซีดเผือด วิกฤตความตายที่จีไป๋ไม่เคยเจอมาก่อนแผ่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว จีไป๋ยืนแข็งค้างอยู่กับที่ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ผู้เยาว์ เจ้าบ้าคลั่งไปแล้ว!” เสียงต่ำทุ้มของเซียนไป่เลี่ยนลอยมา

เดิมทีเซียนไป่เลี่ยนทำตามแผนของจีไป๋ คือมองข้ามจ้าวเฟิงไปเรื่อยๆ แต่จ้าวเฟิงกลับเป็นฝ่ายลงมือโจมตีอย่างฉับพลันเสียก่อน

ในตอนแรกเขาเองก็อึ้งตะลึงไป ด้วยเพราะพวกเขาสามคนวางแผนชิงไหมเมฆาผีเสื้อเซียนจากจ้าวเฟิงไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่อาจให้โอกาสจ้าวเฟิงใช้ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ หนีไปได้

ตอนนี้จีไป๋เผชิญหน้ากับภัยอันตรายถึงชีวิต ถึงแม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุใดเรื่องถึงลงเอยแบบนี้ แต่ก็จำต้องเข้าขัดขวาง

วูบ! ฝีก้าวของเซียนไป่เลี่ยนแปลกประหลาด เหมือนมีแสงสีดำสนิทบิดเบี้ยวไปมาที่ข้างกายของจีไป๋

“หมัดนภาเพลิง!”

พลังอำนาจสายหนึ่งระเบิดออก หมัดเพลิงดำมืดที่สามารถฉีกฟ้าทำลายดินพุ่งออกมาทันที

“เกราะอัสนีคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงหลอมรวมพลังวายุอัสนีเข้ากับแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ผิวร่างปรากฏเกราะสายฟ้าโบราณเกาะกลุ่มกันเสมือนจริง เปล่งแสงทองประกายเจิดจ้า มาพร้อมกับเสียงดังโครมครามของวายุอัสนี

โครม! แซ่ด~

ลำแสงหมัดเพลิงปะทะกับร่างจ้าวเฟิง แต่กลับโดนเกราะอัสนีคุ้มกายต้านทานเอาไว้ เสียงสายฟ้าดังกัมปนาท ลำแสงวิ่งตัดกันไปมา

ไม่เพียงเท่านั้น

แกรก! เกราะคุ้มกายลายสายฟ้าโบราณ แผ่อัสนีสีทองที่วิจิตรตระการออกมา กระแทกลำแสงหมัดเพลิงสะเทือนฟ้าดินนั้นสลายไป

จ้าวเฟิงเดาว่าในตอนนี้เซียนไป่เลี่ยนสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้สี่ส่วน

พึ่งเพียงแค่กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และเคล็ดวิชาป้องกันของตนเอง ก็ต้านทานการโจมตีนี้ได้เหลือเฟือ

“อะไร? ผู้เยาว์คนนี้!” เซียนไป่เลี่ยนตะลึงตาค้าง

คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะฝึกฝนเคล็ดวิชาป้องกันที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ และยังหลอมรวมแก่นแท้พลังกับเกราะอัสนีเข้าด้วยกัน จนต้านทานการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์

นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!

กลยุทธ์การโจมตีของขั้นเซียนกลับถูกเคล็ดวิชาป้องกันของผู้เยาว์ขอบเขตปราณเทวะต้านไว้ได้จนหมดสิ้น

“เขตแดนมายาดาราม่วง!”

ดวงตาสองข้างของจีเติงเทียนผู้อยู่ด้านหลังจีไป๋เปล่งประกายแสงดาราม่วงขมุกขมัว พลังดวงตาวิญญาณที่แกร่งกล้าพุ่งไปที่จ้าวเฟิง

ในวินาทีนั้น! รอบตัวจ้าวเฟิงปรากฏกำแพงสูงใหญ่สีม่วงมากมาย ผืนฟ้ามืดมิดไปหมด จันทร์เสี้ยวสีม่วงลอยขึ้นกลางอากาศ หมอกควันปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ดวงตาของจ้าวเฟิงยังคงสงบนิ่งโดยตลอด เหมือนว่าทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นทั่วร่าง แต่ไม่อยู่ในสายตาเขา

พลังอำนาจของจ้าวเฟิงไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย ตรงเข้าไปปะทะกำแพงสูงใหญ่ด้านหน้าเข้าอย่างจัง

ตูม โครม! กำแพงล้อมรอบพังครืนลงทันที หอคอยใหญ่หลังหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงยิ้มมุมปากน้อยๆ

มาสำแดงวิชาลวงตาต่อหน้าเขา ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ

ในสายตาคนภายนอก นี่คือหอคอยหลังหนึ่ง แต่ในตาซ้ายของจ้าวเฟิง นี่ก็คือจีไป๋!

ตูม! จ้าวเฟิงหอบแสงสายฟ้าแก่นแท้พลังที่น่าสะพรึงพุ่งปะทะเข้าไป

เห็นจ้าวเฟิงอมยิ้มเข้าโจมตีในฉับพลัน จีไป๋รีบโคจรปราณที่แท้จริงทันที

วิ้ง!

ค่ายกลซับซ้อนที่เสวียนอ้าวไม่ชัดเจนในหยกมังกรคุ้มกันกระจายออกทันใด ทั่วร่างจีไป๋ตกอยู่ในกลุ่มแสงลายมังกร ร่างกายกลายเป็นเงาสว่างวาบหนึ่งและหายวับไป

“เจ้าจะเป็นคนไปเอง หรือจะให้ข้าส่งเจ้าไป!”

การโจมตีของจ้าวเฟิงไม่โดนศัตรู เขานิ่งอยู่กลางอากาศ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางมองไปที่จีเติงเทียน แต่จีเติงเทียนในเวลานี้ยังไม่ได้สติเท่าไหร่นัก

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมวิชาลวงตาศาสตร์วิญญาณของตนเองที่เห็นๆ กันอยู่ว่าสำแดงบนร่างของจ้าวเฟิง กลับไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เป็นไปได้อย่างไร! ร่างติดอยู่กลางวิชาลวงตา แต่กลับมองทั้งหมดออก!

“จ้าวเฟิง เจ้ายั่วโทสะข้าเสียแล้ว ข้าจะส่งเจ้าลงหลุมเอง!”

เซียนไป่เลี่ยนที่อยู่ด้านล่างเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด แววตาลึกล้ำ จิตสังหารแผ่พวยพุ่ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!