บทที่ 944 หุบเขาวายุทมิฬ
“กระบวนท่านี้ทำไปเพื่อบีบบังคับให้เจ้าใช้ค่ายกลย้ายตำแหน่ง ครั้งต่อไปจะเป็นคราวตายของเจ้า!”
เซียนมารทมิฬยิ้มเจ้าเล่ห์ ยืนนิ่งอยู่ในโลกที่มืดมิดประหนึ่งจอมมารเพลิงทมิฬทรงอำนาจ
สีหน้าของจ้าวเฟิงหนักอึ้งเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าบนร่างของเซียนมารทมิฬจะมีสมบัติล้ำค่าที่สอดคล้องกับมิติบรรพกาล
การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทไม่ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันในตอนแรกเริ่มของมิติบรรพกาล
กลุ่มอำนาจชั้นยอดของแผ่นดินใหญ่น่าจะเคยศึกษาแผนรับมือนานแล้ว สมบัติที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับมิติบรรพกาลได้ น่าจะเพิ่งปรากฏในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทสองสามสมัยก่อนหน้า
หนำซ้ำไม่ใช่ว่ากลุ่มอิทธิพลใดก็มีมันได้
หากพูดแบบนี้ อัจฉริยะของกลุ่มอำนาจชั้นยอดอื่นๆ อย่างพวกตระกูลหยู ตระกูลเถี่ย คงจะมีสมบัติดังกล่าว ในหัวของจ้าวเฟิงมีเสียงเตือนดังขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนศาสตร์มารที่สามารถใช้พลังได้แปดส่วน ต่อให้จ้าวเฟิงเอาวิชาก้นหีบออกมามากมาย ผลแพ้ชนะก็ยังยากจะตัดสิน
ในมรดกสวรรค์ การต่อสู้ระหว่างเขาและเซียนไป่เลี่ยนใช้ปราณที่แท้จริงไปแล้วเป็นจำนวนมาก ต่อจากนั้นเมื่อบุกฝ่ามรดกสวรรค์ พลังดวงตาของจ้าวเฟิงก็สิ้นเปลืองไปมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ตื้นลึกหนาบางของวังเก้านิรยก็ไม่อาจมองข้ามไปได้
เซียนมารทมิฬจะต้องเตรียมแผนการเอาไว้มากมายอย่างแน่นอน อย่างเช่นสมบัติป้องกันวิญญาณบนศีรษะชิ้นนั้น หรือสมบัติที่ปรับตัวให้เข้ากับมิติบรรพกาล
ด้านล่าง กลุ่มของเซียนมารทมิฬยังมีปฐมเซียนชั้นยอดจำนวนสามคน
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้อประโยชน์ต่อจ้าวเฟิงนัก
เมื่ออยู่ในเงาโลกมิติส่วนตัวของเซียนมารทมิฬ ไม่อาจกำหนดจุดเคลื่อนย้ายมนตราอากาศได้
จ้าวเฟิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระตุ้นค่ายกลเร้นกายใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ วู้ม!
บนหยกมังกรคุ้มกัน ค่ายกลสลับซับซ้อนที่เสวียนอ้าวยากจะเข้าใจแผ่กระจายออกไปในพริบตา ทั่วร่างของจ้าวเฟิงปกคลุมด้วยเมฆแสงลวดลายมังกรชั้นหนึ่ง ร่างกายขยับวูบวาบแล้วหายวับไป
“เหอะ เจอข้าคราวหน้าจะเป็นวันตายของเจ้า”
เซียนมารทมิฬมีสีหน้าเย็นชา
คนทั้งสามบนทางเดินเก่าแก่ด้านล่างต่างรู้สึกเสียดายไปในเวลาเดียวกัน
เรื่องราวเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ในหยกมังกรคุ้มกันของทุกคนมีค่ายกลเช่นนี้ เป็นยันต์รักษาชีวิตที่ใช้ได้ครั้งเดียวในสุสานราชวงศ์
……
ณ สุสานราชวงศ์ ด้านนอกพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ มีเงาของคนสี่คนแอบซ่อนอยู่ในหินยักษ์ที่ลับตาคน
“เฒ่าอิง พวกเราทำอย่างไรดี?”
องค์ชายเก้าเอ่ยถาม
“ลมมืดในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬอ่อนกำลังลงอีกแล้ว!”
จิงข่ายใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณ
ในเวลาเดียวกัน เขายังรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มคนสามคนเข้ามายภายในที่แห่งนี้
ดวงตาเดียวที่ขุ่นมัวของตาเฒ่าอิงกวาดมองทุกคนอย่างอับจนปัญญา
ถึงแม้ว่าพวกเขาในวันนี้มีสมาชิกสี่คน แต่โจวซู่เอ๋อร์กำลังรบค่อนข้างต่ำ จิงข่ายดูไปแล้วหนักแน่น ทว่าสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเองไปภายใต้แรงกดดันมหาศาล
ดังนั้นองค์ชายเก้าจึงไม่สามารถตามเข้าไปกับพวกเขาได้ ถึงแม้ว่าองค์ชายจะใช้ ’พลังชะตามังกร’ เพิ่มพลังการต่อสู้ แต่ใน ’ตรารัชทายาทจำลอง’ ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อเอาชีวิตรอด
‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ทำได้เพียงติดต่อสื่อสารกับตำหนักไท่หวงที่โลกภายนอก
หากองค์ชายขอความช่วยเหลือและยอมรับความพ่ายแพ้ผ่าน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ สมาชิกทั้งหมดในสังกัดขององค์ชายจะไม่มีคุณสมบัติอยู่ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท และจะถูกส่งกลับพร้อมกันทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ ปกติแล้วองค์ชายจึงมักจะรวมหลายกลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อโจมตีคนที่เป็นคู่ต่อสู้ ขอแค่องค์ชายใช้ ’ตรารัชทายาทจำลอง’ ขอความช่วยเหลือ สมาชิกทั้งหมดจะต้องออกจากที่นั้นด้วย
“องค์ชายเก้า ท่านเข้ามาไม่ได้!”
ตาเฒ่าอิงรีบเอ่ยอย่างหนักแน่น
“จุดนี้ข้ารู้ดี!”
องค์ชายเก้าย่อมเข้าใจ ดูเหนื่อยหน่ายอยู่เล็กน้อย
องค์ชายเป็นตัวละครหลักใน ‘การทดสอบคัดเลือกรัชทายาท’ ครั้งนี้ มีความสามารถในการใช้พลังชะตามังกร และเป็นเป้าหมายโจมตีของกลุ่มอื่นเช่นเดียวกัน
ถ้าหากอยู่ในจุดที่คนน้อย เขาและกลุ่มของตาเฒ่าอิงลงมือต่อสู้ด้วยกันจะเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถทำลายให้ผู้อื่นแตกพ่ายไป
แต่ในสถานที่ที่คนเยอะๆ เขาจะกลายเป็นเป้าสายตาของคนมากมาย มีแต่จะดึงดูดความเกลียดชัง
“ถึงแม้ความเสี่ยงในพื้นที่ต้องห้ามของหุบเขาวายุทมิฬจะลดลง แต่ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ขององค์หญิงโจวซู่เอ๋อร์ถูกใช้ไปหมดแล้ว ไม่สามารถเข้าไปได้!”
ตาเฒ่าอิงแจกแจงอีกครั้ง
ค่ายกลรักษาชีวิตหนึ่งเดียวใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ หากใช้จนหมดแล้วเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ก็เท่ากับรนหาที่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นโจวซู่เอ๋อร์ยังเป็นแพทย์ผู้รักษาด้วย
“เช่นนั้นก็เหลือแค่ข้ากับตาเฒ่าอิงแล้ว!”
จิงข่ายมีสีหน้าเคร่งขรึมลงและหมดหวัง
พึ่งเพียงเขาและตาเฒ่าอิงสองคน กำลังรบต่ำเกินไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับมือกับอันตรายในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ กระทั่งเจอกองกำลังอื่นๆ ก็ยังไม่มีพลังจะรับมือ เช่นนั้นการเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามก็ไม่มีความหมายอะไร
“ไม่สู้พวกเราล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าไปในหุบเขาวายุทมิฬ ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงนี้!”
โจวซู่เอ๋อร์เอ่ยแนะนำ
ลมมืดในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬอ่อนแรงลงในฉับพลัน แต่ระดับของความเสี่ยงก็ยังผิดปกติอย่างยิ่ง พลังทั้งหมดของกลุ่มค่อนข้างอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้องค์ชายเก้าจึงไม่ควรจะแสดงตัว และในขณะที่คนทั้งหมดกระวนกระวายอยู่นั้นเอง
วิ้ง วูบ!
เบื้องหน้าขององค์ชายเก้าพลันปรากฏแสงเงามังกรเป็นประกายวูบไหว เงาค่ายกลสีทองไร้รูปแผ่ขยายออกกว้าง
ทุกคนเผยสีหน้าตึงเครียดเมื่อรู้ว่ามีคนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับมา
“จ้าวเฟิง?”
พวกตาเฒ่าอิงถอนหายใจเล็กน้อยอย่างโล่งอก
พวกเขารู้เรื่องที่กลุ่มของจ้าวเฟิงเจอกับกองกำลังวังเก้านิรยจากโจวซู่เอ๋อร์แล้ว
ถ้าหากคนที่ถูกส่งมาเป็นสมาชิกของกลุ่มเฉินจีจื่อ เช่นนั้นสถานการณ์ก็คงจะท่าไม่ดีแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าเองก็มาแล้ว ข้าถูกคนของวังเก้านิรยบีบให้ใช้ค่ายกล!”
โจวซู่เอ๋อร์รีบเอ่ย ความเกลียดชังพาดผ่านในดวงตา
วังเก้านิรยเป็นถึงขั้วอำนาจหนุนหลังองค์ชายสิบสาม
“อืม ข้าเองก็เจอกับเซียนมารทมิฬ ถึงใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย!” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เซียนมารทมิฬ!”
ตาเฒ่าอิงและคนที่เหลือชะงักไปพร้อมกัน
เซียนมารทมิฬเป็นอัจฉริยะในขอบเขตเทวาเร้นลับของวังเก้านิรย ความสามารถที่แท้จริงใกล้เคียงกับเซียนชั้นต้น เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการคัดเลือกครั้งนี้ หากเจอเขาแล้วจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์ถูกบีบให้ใช้ค่ายกล นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ถ้าหากเป็นกองกำลังของตาเฒ่าอิงเผชิญหน้ากับเซียนมารทมิฬ เกรงว่าต่อให้องค์ชายเก้ามี ‘พลังชะตามังกร’ เพิ่มขึ้น ก็ยังไม่มีโอกาสชนะเช่นกัน
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ทำไมพวกเจ้าจึงต้องไปที่มรดกอันตรายขนาดนั้นด้วย?”
จิงข่ายเห็นอกเห็นใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าจ้าวเฟิงหยิ่งยโสไปบ้าง
หากจ้าวเฟิงไม่ไปมีส่วนร่วมในมรดกสวรรค์ก็คงจะไม่เจอเรื่องเหล่านี้
ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์คนหนึ่งกับผู้รักษา ยังไปที่มรดกเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ?
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้แล้วกัน จ้าวเฟิง เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้?”
ตาเฒ่าอิงเอ่ยขัดคำพูดของจิงข่าย พลางมองที่จ้าวเฟิง
ตาเฒ่าอิงยังไม่สามารถคาดคะเนความสามารถของจ้าวเฟิงได้ แต่น่าจะไม่ด้อยไปกว่าปฐมเซียนทั่วไป อีกทั้งด้านอื่นๆ ของจ้าวเฟิงก็โดดเด่นอย่างมาก หากเขาและจิงข่ายบวกกับจ้าวเฟิง พลังทั้งหมดคงจะไม่ด้อยเท่าไหร่นัก
จ้าวเฟิงทอดสายตาไปที่ไกลๆ ฟ้าดินที่มีพายุสีดำสนิทโอบล้อม ในใจจึงเข้าใจกระจ่างแจ้งว่าภยันอันตรายในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬลดลงไป
เมื่อเป็นพื้นที่ต้องห้ามจึงเป็นจุดที่คนจำนวนน้อยนิดนักเคยสำรวจตรวจตรา โอกาสในนั้นก็ไม่อาจใช้คำพูดมาอธิบายได้
“พวกเราสามคนเข้าไป โจวซู่เอ๋อร์และองค์ชายเก้ารออยู่ด้านนอก แต่ที่แห่งนี้ไม่ลับตามากพอ!”
จ้าวเฟิงเสนอความคิดอย่างรวดเร็ว
แววตาของตาเฒ่าอิงเป็นประกายเล็กน้อย ความคิดของจ้าวเฟิงเหมือนกับเขา
ในขณะที่จ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์อยู่ด้วยกันก็เคยบุกเข้าไปในมรดกสวรรค์
ตอนนี้พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬอยู่ใกล้ๆ เขาย่อมไม่ยอมล่าถอยแน่
“ยังมีที่ที่ลับตากว่านี้หรือ?”
สายตาของตาเฒ่าอิงฉายแววสงสัย สถานที่แห่งนี้เขาหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงจะเจอ ในสายตาของตาเฒ่าอิงนับว่าปลอดภัยมากแล้ว
องค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ด้านนอก จำเป็นต้องหลบซ่อนอย่างปลอดภัยที่สุด
กำลังรบของโจวซู่เอ๋อร์ต่ำนัก ได้ว่าในขณะที่องค์ชายเก้าปกป้องตนเองอยู่ก็ต้องปกป้องโจวซู่เอ๋อร์ด้วย
“ใช่ ที่นั่นแหละ!” จ้าวเฟิงชี้ไปที่ไกลๆ
ตาเฒ่าอิงมองตามไป
“หืม! นับว่าเป็นสถานที่ที่ดี!”
ดวงตาที่ขุ่นมัวของตาเฒ่าอิงส่องเป็นประกายขึ้นในทันที
สถานที่ที่จ้าวเฟิงชี้เป็นชายขอบของพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ แต่สถานที่ที่เป็นหลุมแอ่งแห่งนั้นมีลักษณะภูมิประเทศพิเศษ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากลมมืดแม้แต่น้อย
หนำซ้ำที่แห่งนี้ยังอยู่ใกล้หุบเขาวายุทมิฬ คนทั่วไปจะไม่เข้าใกล้ที่ดังกล่าว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าที่นั่นจะมีคนซ่อนตัวอยู่ ลมมืดด้านนอกยังมีประโยชน์ในการกั้นขวางประสาทสัมผัส และยังเป็นสิ่งอำพรางตัวให้กับองค์ชายเก้าได้ มันจึงเป็นสถานที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยมาก!
ตาเฒ่าอิงมองไปที่จ้าวเฟิงด้วยแวววตาลึกล้ำมากขึ้น เขาคิดไม่ออกเลยว่าจ้าวเฟิงหาสถานที่ดังกล่าวเจอในทันทีได้อย่างไร
“ได้ ตกลงตามนี้แล้วกัน จิงข่ายกับจ้าวเฟิงเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬกับข้า องค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น!”
ตาเฒ่าอิงพูดถี่เร็ว
ในเมื่อเลือกเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ ย่อมต้องคว้าโอกาสอันดีเอาไว้โดยเร็วที่สุด
จิงข่ายออกจะลังเล เหมือนอยากพูดอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของตาเฒ่าอิงก็ชะงักไป
จากที่เขาดู มีปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ผู้หนึ่ง ก็ไม่ได้ทำให้กองกำลังทั้งหมดมีข้อได้เปรียบเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้มีความช่วยเหลือของนักฝึกสัตว์ ในเวลาเดียวกันพวกเขาเองก็ต้องคอยรักษาความปลอดภัยให้กับนักฝึกสัตว์ด้วย
“จ้าวเฟิง เอา ‘พลังชะตามังกร’ ในหยกมังกรคุ้มกันของเจ้ามอบให้องค์ชายเก้าก่อน!”
ตอนจะเริ่มเคลื่อนไหว ตาเฒ่าอิงเอ่ยขึ้นในฉับพลัน
“ได้!” จ้าวเฟิงไม่สนใจ
‘พลังชะตามังกร’ สำหรับเขาแล้วไม่มีประโยชน์มากนัก
ยกให้กับองค์ชายเก้าก็เพิ่มอัตรารอดชีวิตให้กับองค์ชายได้
“หืม? หยกมังกรคุ้มกันของข้า!” จิงข่ายตื่นตะลึงในฉับพลัน!
‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ในมือของจ้าวเฟิงเป็นประกายโปร่งใส ลวดลายมังกรขยับวูบวาบ แสดงออกชัดเจนว่า ‘พลังชะตามังกร’ อัดแน่นอย่างยิ่ง
ในขณะที่โจวซู่เอ๋อร์กลับมา คมแสงของหยกมังกรคุ้มกันบนร่างทำให้ตาเฒ่าอิงและพวกตื่นตะลึงอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าแสงบนหยกมังกรคุ้มกันของจ้าวเฟิงสว่างมากกว่า
“อืม เพียงดวงดีก็สามารถพิชิตมรดกของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นได้หลายแห่งแล้ว!”
จ้าวเฟิงหัวเราะ ตั้งแต่เข้ามาในสุสานราชวงศ์ เขายังไม่ได้ใช้ ‘พลังชะตามังกร’ มาก่อน จึงย่อมมีปริมาณ ‘พลังชะตามังกร’ มากกว่า ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของโจวซู่เอ๋อร์อยู่ส่วนหนึ่ง
เมื่อองค์ชายเก้ามองเห็นจ้าวเฟิง ในใจรู้สึกสงบขึ้น หยิบ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ออกมา และเคลื่อนย้าย ‘พลังชะตามังกร’ ไป
จิงข่ายสีหน้าเขียวคล้ำ เขาพิชิตมรดกสองแห่งอย่างราบรื่นกับตาเฒ่าอิง เดิมคิดว่าจะเก็บเกี่ยวได้มากที่สุดในกลุ่มทั้งสาม คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงที่เป็นนักฝึกสัตว์คนหนึ่งและโจวซู่เอ๋อร์จะพิชิตมรดกได้หลายแห่ง
ชักจะโชคดีไปแล้ว!
“ดี เริ่มลงมือได้!”
ตาเฒ่าอิงเดินนำจ้าวเฟิงและจิงข่าย ทะยานออกไปเป็นคนแรก เมื่อสำรวจบริเวณรอบๆ แล้วพบว่าไม่มีสมาชิกคนอื่น องค์ชายเก้าและโจวซู่เอ๋อร์จึงย้ายไปยังสถานที่ซ่อนตัวที่จ้าวเฟิงเอ่ยถึงในทันที
ครืน ครืน ครืน! พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬทั้งหมด พายุสีดำสนิทพัดถาโถมอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง
เมื่อเข้าไปภายในนั้น ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมืดมิดที่ไร้ขอบเขต ทั่วร่างหนักอึ้ง ฟ้าดินเหมือนถูกเปลี่ยน จากฟ้าที่สว่างสดใสกลายเป็นความมืดมิดทันที
“ลมมืดมีผลลัพธ์ในการกัดกร่อน โคจรปราณที่แท้จริงมาคุ้มกาย!”
ตาเฒ่าอิงรีบเอ่ย
หากไม่ตัดทอนกำลังของพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬให้อ่อนลงไป ลมมืดรอบนอกก็รุนแรงมากพอจะสังหารราชันในระดับสุดยอด ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ลมมืดก็ยิ่งแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นกายศักดิ์สิทธิ์ของเซียนก็แบกรับไว้ไม่ไหว