Skip to content

King of Gods 949

King Of Gods

บทที่ 949 เสาสัมฤทธิ์

วังหลวงต้าเฉียน

ยามนี้ทั้งตำหนักและบนชั้นเมฆเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังองค์ชายเก้าและองค์ชายสองในม่านแสง ตำแหน่งขององค์ชายสองอยู่ใกล้กับหุบเขาวายุทมิฬมากกว่า

“นะ…ในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬแห่งนี้มีสมบัติอะไรกันแน่!”

“แสงสว่างเช่นนี้ ที่พวกเราเห็นเกรงว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น!”

“น่าเสียดาย กลุ่มคนส่วนมากกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละมุมของสุสานราชวงศ์ มีไม่น้อยที่มาถึงพื้นที่ใจกลางแล้ว มิเช่นนั้นหากร่วมแรงร่วมใจ ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชิงสมบัตินั้นมา!”

ขณะนั้น ระดับความสนใจที่ทุกคนมีต่อสมบัติล้ำค่า เกรงว่าจะอยู่เหนือกว่าศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทเสียอีก ถ้าหากได้สมบัติเช่นนั้นมาครอบครอง ต่อให้พ่ายแพ้ยับเยินในศึกนี้แล้วจะอย่างไร

แปดตระกูลใหญ่ สำนักต่างๆ รวมไปถึงผู้อาวุโสของวังลอยฟ้าที่อยู่ในตำหนักด้านล่างต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก มองไปที่ม่านแสงกลางอากาศ

สีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยดูเสียดาย สมาชิกในสำนักของตนไม่ปรากฏกายขึ้นที่หุบเขาวายุทมิฬ

“ในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ เหตุใดจึงมีแสงสมบัติที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้? เฮ้อ เฉินเอ๋อร์อยู่ไกลจากหุบเขาวายุทมิฬมากนัก!”

ลุงขององค์ชายสิบสามมีสีหน้าตระหนก พลางตบที่หน้าผากตนเองเบาๆ ออกจะหงุดหงิดรำคาญใจ!

แต่ฝ่ายที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นตำหนักองค์ชายเก้า องค์ชายห้า และองค์ชายสอง

จากสถานการณ์ที่เห็นในม่านแสงตอนนี้ มีเพียงคนของทั้งสามฝ่ายนี้เท่านั้นที่เข้าไปในหุบเขาวายุทมิฬ

“จ้าวเฟิงเป็นคนที่มีโชควาสนาดีดังคาด!”

หนานเฟิงอ๋องทอดถอนใจกับตัวเอง

ภายในตำหนักหลักด้านหลัง เงาคนหลายร่างส่งเสียงสื่อสารกันไปมา

“แปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน เหตุใดพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬจึงปรากฏแสงสมบัติสว่างเรืองรองได้?”

ชายอ้วนหูใหญ่หน้าอวบคนหนึ่งส่งเสียง

“ราชสำนักที่ผ่านมามีข้อมูลเกี่ยวข้องกับหุบเขาวายุทมิฬน้อยนิดนัก ในมือของพวกเจ้าต่างก็มีหยกมังกรคุ้มกัน ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่!”

ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งเอ่ยตอบ อีกทั้งบรรดาองค์ชายต่างไม่มีใครเข้าไปภายในด้วย

“หากมีสมาชิกคนใดเอาสมบัติออกมาได้จริงๆ เช่นนั้นก็จะเป็นโชคอย่างมหาศาลต่อราชวงศ์ต้าเฉียนของข้า!”

เงาร่างเบื้องหลังเอ่ยขึ้น

……

ใจกลางของพื้นที่ต้องห้าม คนทั้งหมดเข้าไปภายในอุโมงค์หมดแล้ว เหยียบไปตามขั้นบันได เดินลึกลงไปเรื่อยๆ

“ทางเดินใต้ดินแห่งนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะทอดยาวไปหาสถานที่เก็บสมบัติ!”

แววตาผู้เฒ่าชุดม่วงฉายแสงประกาย

ลมมืดในอุโมงค์ทางเดินหนาแน่นกว่าโลกภายนอก เส้นทางแทบจะมืดสนิท

หนำซ้ำวัสดุกำแพงหินยังพิเศษอย่างมาก ทั้งคงทนและหนาแน่นจน ประสาทสัมผัสของทุกคนถูกจำกัดไปด้วย

ในความมืดมิด พลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนเย็นเยือก เงาสีดำใหญ่ยักษ์ร่างหนึ่งกลายเป็นพายุมืดมิดหมุนตรงดิ่งมาที่กลุ่มคน

“แย่แล้ว เป็นปีศาจลมมืดในขั้นจักรพรรดิ!”

สีหน้าของทุกคนหนักอึ้งลงไป

ไม่ผิดคาด สถานที่แห่งโอกาสย่อมต้องมีภัยอันตรายตามมาด้วย ทุกคนสำรวจโลกภายนอกมานาน ตัวที่เคยเจอมาล้วนเป็นปีศาจลมมืดในขั้นราชันทั้งสิ้น เพิ่งจะเข้ามาในอุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ ก็เจอกับปีศาจลมมืดในขั้นจักรพรรดิ เห็นได้ว่าพวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว

“ไป!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงโจมตีอย่างดุดัน พลังวิญญาณชวนเขย่าขวัญทะลักออกมา

ผู้เฒ่าชุดม่วงสะบัดฝ่ามือ ลำแสงประกายสีม่วงที่แฝงการทำลายกายเนื้อและวิญญาณตรงดิ่งไปที่ปีศาจลมมืด

เหลยทงเองก็พลันหยิบเอามุกสายฟ้าสีเข้มออกมา พลังวิญญาณดำดิ่งหลอมรวมลงไป สายฟ้าวิญญาณสายหนึ่งพุ่งทะยานไประเบิดบนศีรษะของปีศาจลมมืด

ผลลัพธ์ในการโจมตีวิญญาณของธาตุอัสนี เห็นได้ชัดเจนว่าสามารถสะกดวิญญาณชั่วร้ายอาฆาตได้พอควร

ตาเฒ่าอิงอยู่ด้านหลังคนทั้งสอง ลำแสงสีเทาจำนวนมากพุ่งโจมตีจุดตายของปีศาจลมมืดเป็นระยะ

ถึงแม้ปีศาจลมมืดขั้นจักรพรรดิจะมีสติปัญญา แต่ก็มีต่ำนัก พวกมันแหลกสลายไปในอุโมงค์เมื่อปฐมเซียนสามคนผนึกกำลังโจมตี

“ไปต่อ!”

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้มาผิดที่ ใจของทุกคนก็ฮึกเหิม เร่งความเร็วมากขึ้น และระแวดระวังมากขึ้นด้วยเช่นกัน

หลังจากเดินทางลึกเข้าไปเรื่อยๆ อุโมงค์สายนี้ก็ค่อยๆ ขยายกว้างขึ้น จนมากพอเดินเรียงหน้ากระดานได้หลายคนพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน ลมมืดที่หนาแน่นก็บดบังทัศนวิสัย จักรพรรดิสองคนในกลุ่มต้านทานไม่ค่อยไหว

“วัสดุของกำแพงหินเหล่านี้แข็งแรงกว่ากองหินยักษ์ระเกะระกะพวกนั้นเสียอีก!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงยื่นมืออกมาสัมผัส และทอดถอนใจ

การโจมตีอย่างสุดแรงของเขาทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยร้าวบนก้อนหินเท่านั้น ความแข็งแรงคงทนของกำแพงหินรอบบริเวณอยู่เหนือกว่าแร่ชั้นยอดที่ปกติใช้หลอมสร้าง

อาวุธชั้นพิภพ

“หืม! ทางแยก?”

ทุกคนชะงักฝีเท้าทันที ผู้เฒ่าชุดม่วงและตาเฒ่าอิงลำบากใจขึ้นมา

เบื้องหน้าสายตา จู่ๆ ก็ปรากฏอุโมงค์ขึ้นมาสองเส้นทาง ประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้จนไม่สามารถจะแยกแยะได้

“พวกเราไม่ควรแยกกันน่าจะดีที่สุด!”

ตาเฒ่าอิงเอ่ยอย่างรอบคอบยิ่ง

ตัวอยู่ที่ใจกลางพื้นที่ต้องห้ามของสุสานราชวงศ์ และยังมาถึงอุโมงค์ใต้ดินที่ไม่มีใครรู้จัก ทั้งสองกลุ่มเดิมทีก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หากแยกกันไป โอกาสรอดชีวิตจะลดลงไปทันที ค่อนไปทางไม่มีเลยด้วยซ้ำ

“เช่นนั้นพวกเราเลือกเอาหนึ่งในเส้นทางนี้เถิด!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของตาเฒ่าอิง

พรึ่บ พรึ่บ!

ในขณะที่ผู้เฒ่าชุดม่วงและเฒ่าอิงกำลังลังเล

หนึ่งในอุโมงค์ก็ปรากฏปีศาจลมมืดสองตัวพุ่งออกมา พลังไม่ถึงขั้นจักรพรรดิ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าปีศาจลมมืดขั้นราชันด้านนอกนัก

“ฮ่าๆ เห็นทีคงจะเป็นเส้นทางนี้ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงอยู่ด้วยกัน!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงเอ่ยแล้วหัวเราะเสียงดัง ถัดจากนั้นฝ่ามือสองข้างก็ฟาดแสงสีม่วงพร่างพรายออกมา

เหลยทงและตาเฒ่าอิงก็ลงมือในทันใด ไม่ได้แสดงท่าทีเห็นด้วยหรือคัดค้านแต่อย่างใดกับวิธีการตัดสินใจดังกล่าว

“ดูไปก่อน!”

จ้าวเฟิงถอยไปหลายก้าว เริ่มเปิดดวงตาซ้าย

วิ้ง! คลื่นพลังสีทองอ่อนขยายออกบนดวงตาสีทอง

จ้าวเฟิงก้มศีรษะ มองลงไปด้านล่าง

ชั่วพริบตานั้น ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็มองทะลุกำแพงที่มีโครงสร้างจุดซับซ้อนนับไม่ถ้วน แต่ยังคงไม่เห็นจุดพิเศษอะไร

พูดได้เพียงว่า สถานที่แห่งนี้ต้องมีความลับบางอย่างอยู่แน่ แต่ใต้ดินที่ลึกอย่างยิ่งนี้ ความสามารถมองทะลุผ่านของดวงตาซ้ายเขาก็ยังมองไม่เห็น ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ระลอกสีทองอ่อนบนดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็หายไป

พรึ่บ!

ไม่รู้เมื่อใด เบื้องหลังจ้าวเฟิงปรากฎปีศาจลมมืดตัวหนึ่งโดยฉับพลัน

“จ้าวเฟิง ระวัง!”

ตาเฒ่าอิงที่เพิ่งจะสังหารปีศาจลมมืดด้านหน้าจนหมดพลันร้องลั่น

พรึ่บ พรึ่บ!

ปีศาจลมมืดตัวนี้กลายร่างเป็นพายุหมุนสีดำสนิท ตรงไปปะทะบนหลังจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงที่มีท่าทีเหมือนไม่สังเกตเห็น ตราประทับอัสนีเทวะในส่วนลึกของดวงวิญญาณสว่างวาบขึ้นมาทันใด

โครม แซ่ด แซ่ด!

เห็นเพียงพายุหมุนสีดำที่ปะทะใส่หลังของจ้าวเฟิง ทั่วร่างมีอัสนีเทวะเก่าแก่โอบล้อม ก่อนถูกสายฟ้าฟาดจนกลายเป็นเศษในพริบตา

“เฮือก!” เหลยทงที่เพิ่งจะหันมามองเห็นภาพนี้ ทำให้ใจสั่นระรัว

เขาระลึกถึงภาพที่ตนเองประมือกับจ้าวเฟิงในหอคอยไม้ เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่ง จ้าวเฟิงจะต้องไม่ธรรมดาแบบรูปลักษณ์ภายนอกแน่ แต่เขาก็พูดออกมาไม่ได้ หรือจะให้ไปบอกกับผู้เฒ่าชุดม่วงว่าตนเองลอบทำร้ายจ้าวเฟิงในหอคอยไม้ แต่โดนจ้าวเฟิงโจมตีกลับจนต้องถอยร่นไป?

“เจ้าหนุ่ม เจ้าใช้วิชาโจมตีวิญญาณไม่เป็นไม่ใช่หรือ?”

ผู้เฒ่าชุดม่วงโบยบินมาและซักถามตรงๆ

เมื่อครู่ทั่วร่างของจ้าวเฟิงปรากฏพลังพลังสายฟ้าวิญญาณ ต่อให้เป็นเขาที่อยู่ไกลๆ ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างน่าพรั่นพรึง

“หรือว่าบนร่างของพวกท่านไม่มีของวิเศษคุ้มกันดวงวิญญาณ?”

จ้าวเฟิงไม่สะท้าน เผยยิ้มเยาะหยัน

สีหน้าของผู้เฒ่าชุดม่วงบึ้งตึง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เร่งเดินทางต่อไป

บนร่างของเขาย่อมต้องมีสมบัติคุ้มกันวิญญาณ แต่ว่าประสิทธิผลห่างไกลจากระดับความน่ากลัวนั่นมาก ทุกคนเดินไปตามทางเส้นหนึ่งในนั้น รุดหน้าต่อไปไม่หยุด

โครม! ทันใดนั้นเอง ด้านหน้าแว่วเสียงร้องโหยหยวนของปีศาจลมมืดและเสียงต่อสู้ลอยมา

“อะไรกัน? กลับกลายเป็นว่ามีคนอยู่ด้านหน้าเรา?”

ผู้เฒ่าชุดม่วงตื่นตกใจ สีหน้าระแวดระวัง!

ดูไปแล้วอุโมงค์ที่เข้าไปใต้กองหินนั้นไม่ได้มีเพียงแค่แห่งเดียว ทุกคนเพิ่งเดินเลี้ยว ลมมืดที่มีเพลิงทมิฬหนาแน่นสูงสุดก็ถาโถมเข้ามา

ตู้ม! ผู้เฒ่าชุดม่วงโบกฝ่ามือทั้งสอง เงาฝ่ามือสีม่วงเข้มที่วิจิตรตระการปะทะจนมันแหลกละเอียดไป เห็นเพียงนอกปากทางเข้าห้องโถงด้านหน้า ปฐมเซียนสามคนกำลังเข่นฆ่ามือปีศาจลมมืดหลายสิบตัว มีจักรพรรดิที่ไม่ชำนาญการโจมตีวิญญาณหลบอยู่ด้านหลัง อีกทั้งปีศาจลมมืดเหล่านี้กลับเป็นขอบเขตจักรพรรดิทั้งหมด

“กองกำลังขององค์ชายสอง!”

ในขณะที่พวกเขาแย่งชิงทรัพยากรของวังน้ำแข็งแห่งแรกอยู่ ทุกคนได้เห็นคนกลุ่มนี้

สีหน้าของผู้เฒ่าชุดม่วงอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าสมาชิกของกองกำลังองค์ชายสองจะเดินทางนำหน้าเขา แต่ในเวลานี้ ปฐมเซียนทั้งสามคนนี้ยังคงตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ ถูกปีศาจลมมืดหลายสิบบีบให้ออกไปจากห้องโถง ขณะเดียวกัน ปีศาจลมมืดขั้นราชันจำนวนมากกว่าเดิมก็ทะยานออกมาจากด้านใน

“สหายร่วมทางทุกท่าน เป้าหมายของเราเหมือนกัน รีบมาช่วยพวกเราเถิด ในห้องโถงนี้มีสมบัติล้ำค่าอยู่แน่ๆ!”

ผู้เฒ่าเคราแพะที่เป็นผู้นำ ทั่วร่างลุกโหมไปด้วยเพลิงเหมันต์วิญญาณ มองมายังคนทั้งหกที่อยู่ด้านหลัง แล้วรีบขอความช่วยเหลือ

“ห้องโถงด้านหน้า?”

แววตาของผู้เฒ่าชุดม่วงเป็นประกาย เดิมทีเขาวางแผนจะถอยกลับไปยังทางแยกในตอนแรก ลองเลือกเดินทางไปอีกทาง ในเมื่อกองกำลังขององค์ชายสอง ถึงแม้จะมีเพียงแค่สี่คน แต่ในด้านพลังทั้งหมดก็ยังอยู่เหนือกว่าพวกเขา

“ไปกัน เฒ่าอิง ในห้องโถงด้านหน้าจะต้องมีความลับอะไรแน่!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงมองไปที่ตาเฒ่าอิง

ถ้าหากตาเฒ่าอิงไม่ยินยอมให้ความช่วยเหลือ กลุ่มของเขาก็จะต้องสำรวจไปพร้อมๆ กับกลุ่มที่แข็งแกร่งขององค์ชายสอง เช่นนั้นแล้วย่อมต้องโดนเอาเปรียบอย่างมาก

“ได้!” ตาเฒ่าอิงมองทางเข้าด้านหน้าที่ถูกปีศาจลมมืดมากมายขวางทางไว้ ก่อนตอบตกลงทันที

“จ้าวเฟิง เอาแมงป่องพิษริ้วดำของเจ้าออกมาด้วย!”

ผู้เฒ่าชุดม่วงมองไปยังจ้าวเฟิงที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลัง

จากการเข้าร่วมของตาเฒ่าอิงและผู้เฒ่าชุดม่วง การโจมตีที่ทรงพลังของปฐมเซียนทั้งหกค่อยๆ รุกคืบบีบให้ปีศาจลมมืดเข้าไปในห้องโถง

“ขอบคุณทุกท่านมาก!”

ผู้เฒ่าเคราแพะเอ่ยปากขอบคุณคนทั้งสามขณะต่อสู้ และในเวลาเดียวกันก็มองจ้าวเฟิงอยู่แวบหนึ่ง

มีขอบเขตพลังเพียงราชัน แต่กลับสามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้ แล้วยังรักษาสติให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นับว่าช่างน่าประหลาดใจ

ฉับพลันทันใด!

ปีศาจลมมืดทั้งหมดที่กำลังต่อสู้ร้องโหยหวน ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้าน จากนั้นกลายร่างเป็นพายุหมุนสีดำสนิทจำนวนนับไม่ถ้วนถอยร่นไปด้านหลัง แล้วจึงหนีไปในอีกเส้นทางหนึ่ง

“หืม? ถอยร่นไปหมดแล้วรึ?”

ผู้เฒ่าเคราะแพะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

“ในนั้นคงมีปีศาจลมมืดที่มีสติปัญญาค่อนข้างสูง รู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา จึงถอยหนีไปกระมัง!”

สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มของผู้เฒ่าเคราะแพะเอ่ยพลางหัวเราะเสียงดัง

เมื่อปีศาจลมมืดทั้งหมดถอยจากไป ลักษณะของทั้งห้องโถงก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน

นี่คือห้องโถงเก่าแก่ที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง กลิ่นอายชั่วร้ายเก่าแก่โบราณแผ่กระจายออกมา บนกำแพงสี่ด้านของห้องโถงเต็มไปด้วยอักษรเก่าแก่สลับซับซ้อน ลายเส้นต่างๆ สาดประกายแสงออกมาเป็นครั้งคราว

ตรงกลางของห้องโถงมีเสาสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง สลักสัตว์อสูรดุร้ายเอาไว้มากมาย มีถึงกระทั่งเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งในตำนาน พลังอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล ทำให้ผู้ที่มองไปเห็นภาพลวงตาเบื้องหน้า ก่อนจะดำดิ่งถลำตัวเข้าไปในนั้น

“จิงข่าย!”

ฝ่ามือของตาเฒ่าอิงตบลงบนหลังของจิงข่าย พลังวิญญาณจำนวนมากหลั่งไหลเข้าในร่างของอีกฝ่าย ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น

“เป็นเสาสัมฤทธิ์ที่น่ากลัวยิ่ง!”

จิงข่ายสูดลมหายใจเข้าลึก เหงื่อเย็นไหลอาบร่าง ถ้าหากไม่ได้ตาเฒ่าอิงปลุกเขาทันเวลา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายไปในโลกมายาแล้ว

จ้าวเฟิงจ้องมองสัตว์อสูรบนเสาสัมฤทธิ์อย่างละเอียดถี่ถ้วน มันคล้ายคลึงอย่างมากกับเผ่าพันธุ์โบราณในคลังความทรงจำของเขา กระทั่งว่าละเอียดมากกว่า และมีชีวิตชีวาสมจริงอย่างยิ่ง

บนเสาสัมฤทธิ์ด้านหน้าทุกคนมีประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่บานหนึ่ง คล้ายจะประกอบขึ้นจากก้อนโลหะเล็กๆ จำนวนมาก ถือเป็นกลไกประเภทหนึ่ง รอบด้านเสาสัมฤทธิ์และประตูเหล็กดำมีลวดลายค่ายกลสีขาวทองเป็นประกายโอบล้อม ดูไปแล้วคล้ายเป็นสิ่งเปิดปิดค่ายกลในห้องโถง

อีกอย่าง ค่ายกลสีทองขาวที่แปลกประหลาดยังเป็นเขตแดนอย่างหนึ่ง หากไม่ได้ลวดลายค่ายกลกั้นขวาง ต่อให้เป็นปฐมเซียน เพียงมองสบตากับสัตว์อสูรโบราณบนกำแพงหินก็เกรงว่าจะตกลงไปในโลกมายาของพวกมัน ยากจะถอนตัวออกมาได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!