Skip to content

King of Gods 984

King Of Gods

บทที่ 984 ลูกกวาด

กลุ่มขององค์ชายทั้งสี่ยืนอยู่บนบันไดเหล็ก มองไปยังเขาวงกตที่ซับซ้อนเป็นที่สุดเบื้องหน้า เขาวงกตแห่งนี้ประกอบขึ้นจากวัสดุเหล็กสีดำ ลอยอยู่ตรงกลางระหว่างองค์ชายทั้งสี่ ราวกับกระดานเดินหมาก แต่ที่จริงแล้วเขาวงกตแห่งนี้คือโลกอีกใบหนึ่ง

“ก่อนอื่น กลุ่มขององค์ชายทุกคน ยึดตามจำนวนคนทั้งหมด จะสุ่มเลือกคนจำนวนหนึ่งเข้าไปยังเขาวงกต!”

เสียงของผู้อาวุโสมายาพลันดังขึ้น

ฟู่ วู้ม!

ทันใดนั้น บนบันไดที่เหล่าองค์ชายอยู่ก่อตัวเป็นค่ายกลโบราณซับซ้อนสายหนึ่ง คลื่นพลังอันแปลกประหลาดในอากาศก็จับเป้าหมายไปยังหลายๆ คน

บนบันไดขององค์ชายเก้า ตาเฒ่าอิง ซูชิงหลิง จิงข่าย แล้วก็จ้าวเฟิง ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายเส้นแสงสีเงิน กะพริบสลับไปมา

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ! ทั้งสี่คนหายไปจากบันไดขององค์ชายเก้า

ในขณะเดียวกัน องค์ชายเก้าและพวกโจวซู่เอ๋อร์ก็มองเห็นสี่คนในกลุ่มที่หายไปปรากฏกายอยู่ในเขาวงกตตรงจุดที่แตกต่างกัน

“ช่างเป็นวิธีที่อัศจรรย์นัก!”

โจวซู่เอ๋อร์อดตะลึงไม่ได้

เวลาเดียวกัน ในกลุ่มขององค์ชายคนอื่น สมาชิกจำนวนหนึ่งล้วนถูกส่งไปยังทั่วทุกมุมของเขาวงกต

“พวกเขาคือหมากขององค์ชายแต่ละคน องค์ชายทุกคนสามารถใช้ตรารัชทายาทจำลองสื่อสารกับสมาชิกที่อยู่ในเขาวงกต บัญชาการการกระทำของพวกเขา!”

ผู้อาวุโสมายาอธิบายกฎเกณฑ์ของการแข่งขัน

“ในเขาวงกต หากมีคนสองคนพบกัน ก็จะเกิด ‘ฉากประลอง’ ขึ้นหนึ่งครั้ง ผู้ชนะจะได้รับ ‘พลังชะตามังกร’ ใน ‘หยกคุ้มกันมังกร’ ของผู้แพ้!”

หรือก็คือการต่อสู้คือการสุ่ม แค่เพียงสองคนเจอกันในเขาวงกตก็จะจัดการประลองพิเศษขึ้น

ผู้อาวุโสมายามองไปยังเขาวงกตเบื้องล่าง ยิ้มพูดขึ้น “ต่อไป เชิญองค์ชายทุกคนนำพลังชะตามังกรส่งมอบให้กับสมาชิกที่อยู่ในเขาวงกต”

“น่าสนุก!” จ้าวเฟิงยืนอยู่ในเขาวงกต สายตาสำรวจไปรอบด้าน

ในนี้สัมผัสทั้งห้าและประสาทสัมผัสจิตวิญญาณล้วนถูกสกัดกั้นอย่างแน่นหนา แม้กระทั่งวัตถุที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงเหล็กสีดำก็สัมผัสไม่ได้ ด้านบนเขาวงกตก็เป็นกำแพงจากวัสดุเหล็กสีดำเช่นกัน แต่ว่าเหล่าองค์ชายกลับสามารถจับตามองสถานการณ์ภายในเขาวงกตจากด้านนอกได้

สำหรับคนภายนอกแล้ว เขาวงกตดูเป็นเพียงแค่กระดานเดินหมากที่กว้างยาวราวร้อยจั้ง คนด้านในก็เป็นหมากตัวเล็กๆ

ส่วนเหล่าองค์ชายสามารถมองสถานการณ์ทั้งหมดจากเบื้องบน และบัญชาการการกระทำของทุกคนด้วยท่าทางดั่งเทพเจ้า

วิ้ง วิ้ง! หยกมังกรคุ้มกันบนร่างของจ้าวเฟิงยิ่งเปล่งแสงสว่างขึ้น พลังชะตามังกรค่อยๆ เติมเต็มเข้าไปข้างใน

“ทุกคน สถานการณ์ของพวกเรายังพอไปได้ อย่างน้อยๆ โจวซู่เอ๋อร์ก็ไม่ได้เข้าไปในเขาวงกต!”

เสียงขององค์ชายเก้าดังขึ้นในหัวของทุกคนผ่านหยกมังกรคุ้มกัน

“เช่นนี้แล้ว กลุ่มขององค์ชายคนอื่นมีแพทย์เข้ามาในนี?”

จ้าวเฟิงรีบถามขึ้น

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ!” องค์ชายเก้าพูด

ในกลุ่มขององค์ชายเก้ามีเพียงแค่สี่คนที่เข้าไปในเขาวงกต คือ ตาเฒ่าอิง จ้าวเฟิง ซูชิงหลิง และจิงข่าย

สืออวี่เหลยที่พลังค่อนข้างแข็งแกร่งไม่ได้เข้าไปในนั้น แต่โจวซู่เอ๋อร์ที่ความสามารถด้านการต่อสู้ย่ำแย่ก็ไม่ได้ถูกเลือกเข้าไปเช่นกัน

สถานการณ์แบบนี้นับว่าดีจริงๆ

ส่วนกลุ่มขององค์ชายแปด แพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ เมื่อเข้าสู่เขาวงกตแล้วคิดอยากออกมา จะต้องสูญเสีย ‘พลังชะตามังกร’ สิบส่วน

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ดวงเป็นส่วนหนึ่งของการแพ้ชนะในรอบที่สาม

“ต่อไปควรทำอย่างไรดี?” น้ำเสียงเย็นชาของซูชิงหลิงดังขึ้น

พลังของนางไม่นับว่าแข็งแกร่งมากนัก ในใจจึงรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“หากรอบกายของพวกเจ้าปรากฏศัตรูอันตราย ข้าจะเตือนพวกเจ้าเอง!”

เสียงขององค์ชายเก้าดังขึ้น

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” ใบหน้าของจ้าวเฟิงมั่นใจ

องค์ชายทั้งสี่สามารถมองเห็นสภาพการณ์ของทั่วทั้งเขาวงกต คนที่อยู่ในเขาวงกตไม่ใช่ว่านึกอยากหลบก็จะหลบได้

การแข่งขันรอบนี้เป็นการทดสอบสติปัญญาและความสามารถในการตัดสินใจขององค์ชาย

หากองค์ชายเก้าบัญชาการได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถทำให้ซูชิงหลิงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ให้จ้าวเฟิงและตาเฒ่าอิงประลองกับคนที่พลังค่อนข้างด้อยได้

“จ้าวเฟิง เซียนมารทมิฬกำลังมุ่งไปยังเจ้า น่าจะเป็นองค์ชายสิบสามชี้บอกทางให้!”

เสียงขององค์ชายเก้าดังในหัวของจ้าวเฟิง

“เฒ่าอิง ซ้ายมือด้านหน้าของเจ้ามีปฐมเซียนที่พลังค่อนข้างด้อย เจ้าไปทางซ้ายก่อน จากนั้นเลือกทางเดินด้านขวา…”

“ซูชิงหลิง เจ้าไปทางซ้าย ที่นั่นคนค่อนข้างน้อย เจ้าพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุด”

บนบันไดเหล็ก

องค์ชายทั้งสี่รวบรวมสมาธิทั้งหมด มองลงไปยังเขาวงกตเบื้องล่าง สองมือประสานไว้บนตรารัชทายาทจำลอง สื่อสารกับสมาชิกที่อยู่ในเขาวงกต สั่งการการกระทำของพวกเขา ช่วงชิงพลังชะตามังกรที่ติดตัวสมาชิกคนอื่น

“เช่นนั้น การแข่งขันเริ่มได้!” เสียงของผู้อาวุโสมายาดังขึ้นในหูของทุกคน

ครืน กึก กึก!

ทันใดนั้น กำแพงเมืองเหล็กทั้งสี่ด้านกลางเขาวงกตพลันขยับ กำแพงบางด้านจมลงใต้พื้นดิน บางพื้นที่กลับมีกำแพงโผล่ขึ้นมาในฉับพลัน

“เขาวงกตเคลื่อนที่เพิ่มความยากในการบัญชาให้กับองค์ชายได้ในระดับหนึ่ง”

จ้าวเฟิงพูดเรียบนิ่ง

เพราะลักษณะพื้นที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน ดังนั้นเหล่าองค์ชายจะต้องคอยติดตามดูสถานการณ์ของสมาชิกทุกคนตลอดเวลา และคอยชี้เส้นทางให้ อีกทั้งลักษณะพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลง ยังสามารถเลี่ยงไม่ให้สมาชิกบางคนจดจำโครงสร้างของเขาวงกตได้

“การมองทะลุผ่านของดวงตาเทพเจ้าก็ไร้ประโยชน์!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งมองไปยังกำแพงข้างๆ แต่กลับไม่สามารถมองมันทะลุได้

“จ้าวเฟิง เซียนมารทมิฬกำลังเดินมาทางซ้ายของเจ้า!”

องค์ชายเก้าพูดขึ้นทันใด

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่ที่องค์ชายเก้าชี้บอกเส้นทางให้คนอื่น เขาลืมสถานการณ์ของจ้าวเฟิง

“องค์ชายเก้า ข้ากับจิงข่ายท่านไม่ต้องสนใจแล้ว ตั้งใจนำทางเฒ่าอิงกับซูชิงหลิงเถอะ!”

จ้าวเฟิงส่งกระแสเสียงให้องค์ชายเก้า

ทันใดนั้น พลังกดดันสายมารที่เย็นเยือกน่ากลัวปรากฏขึ้นจากด้านข้าง

ฟู่ ฟู่! “จ้าวเฟิง วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!”

เซียนมารทมิฬใบหน้าประดับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ตรงเข้ามาใกล้จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงมีสีหน้านิ่งเฉย มองไปยังเซียนมารทมิฬ ขณะเดียวกันก็สังเกตไปรอบๆ

วู้ม วู้ม! ตอนที่ทั้งสองห่างกันเพียงแค่สามจั้ง ทิวทัศน์รอบๆ พลันบิดโค้งหายไป

ฟู่! จ้าวเฟิงและเซียนมารทมิฬปรากฏตัวอีกฟากฝั่งหนึ่ง

“หากมีคนสองคนพบกัน ก็จะปรากฏ ‘ฉากประลอง’!”

จ้าวเฟิงพึมพำกฎการแข่งขันที่ผู้อาวุโสมายาพูดไว้

นี่คือที่ราบผืนหนึ่ง บนที่ราบมีต้นไม้ประหลาดสูงถึงพันจั้งมากมาย

เซียนมารทมิฬและจ้าวเฟิงล้วนมาปรากฏอยู่กลางทิวทัศน์นี้

“ท่านอา ท่านอา ว่าวของข้าติดอยู่บนต้นไม้ ช่วยข้าเอาลงมาได้รึไม่?”

ข้างกายของจ้าวเฟิงและเซียนมารทมิฬมีเด็กน้อยคนหนึ่งกระโดดโลดเต้น

“ไสหัวไป เจ้าเด็กเวร!”

สีหน้าของเซียนมารทมิฬเดือดดาล ดึงชุดคลุมสะบัด

พลังมารมืดทะมึนที่มีแรงกดดันอย่างมหาศาลบิดโค้งกลายเป็นมังกรยักษ์สีดำ ระหว่างหายใจเข้าออกก็โจมตีไปยังเด็กน้อย

วู้ม วู้ม!

ฉับพลันทันใด รอบกายของเด็กน้อยปรากฏพลังฉากกำบังไร้รูปร่างขึ้น

การโจมตีของเซียนมารทมิฬถูกสะท้อนกลับโดยตรง และพุ่งไปยังร่างของเซียนมารทมิฬ เซียนมารทมิฬตื่นตกใจ ซัดฝ่ามืออกไปสลายการโจมตีนั่นทันที

“เซียนมารทมิฬ เจ้ากับจ้าวเฟิงในตอนนี้อยู่ในฉากการแข่งขัน เจ้าจะทำร้ายเด็กชายคนนั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็ทำตามที่เขาพูดซะ!”

เสียงขององค์ชายสิบสามดังขึ้นในหัวของเซียนมารทมิฬทันที

“บัดซบ เจ้าเด็กบ้า!”

เซียนมารทมิฬถลึงตาเกรี้ยวกราด แต่กลับจนปัญญาจะทำสิ่งใด แต่เดิมเขาคิดว่าเมื่อพบจ้าวเฟิงแล้วก็สามารถประลองได้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกดึงเข้าสู่ ‘ฉากการแข่งขัน’ ที่แปลกประหลาด ซ้ำยังต้องดำเนินการแข่งขันตามกฎ

“จ้าวเฟิง?”

เซียนมารทมิฬพลันค้นพบว่าจ้าวเฟิงบินไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งในนั้น ที่ยอดไม้มีว่าวสีแดงอยู่ตัวหนึ่ง

พรึ่บ! เซียนมารทมิฬพลันทะยานขึ้น ไล่ตามจ้าวเฟิงไป

“หืม? แรงดึงดูดกดดันแข็งแกร่งนัก!”

ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงรู้สึกถึงแรงดึงดูดไร้รูปร่างกำลังกดดันมายังเขา ยิ่งบินสูงแรงดึงดูดก็ยิ่งมาก และต้นไม้ต้นนี้สูงเกือบพันจั้ง

จ้าวเฟิงไร้คำพูด เด็กคนนี้สามารถเล่นว่าวได้สูงถึงเพียงนี้เชียว?

ดูท่าแล้วฉากนี้น่าจะเป็นภาพมายา ทุกสิ่งในนี้เผ่าความลับสวรรค์กำหนดเอาไว้ ไม่สามารถใช้ความเป็นจริงมาวัดได้

ครืน! จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทั้งร่างแผ่ลำแสงอัสนีสีทอง

ภายใต้ผลกระทบจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ พลังการต้านทานของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันความเร็วก็เพิ่มขึ้นด้วย

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงพุ่งทะยานขึ้นหลายร้อยจั้งในพริบตา!

“มีการต้านแรงดึงดูดด้วยรึ!”

สีหน้าของเซียนมารทมิฬเคร่งเครียด แต่ว่าตัวเขาที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ พลังต้านทานก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่า

“มารทมิฬหลบหลีก!”

ทั่วทั้งกายของเซียนมารทมิฬมีแสงเพลิงดำมิดเพิ่มพุ่งพรวด กระแสอากาศเพลิงดำที่แข็งแกร่งหุ้มล้อมระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา

ฟู่! เปลวเพลิงดำมืดจากใต้เท้าพลันระเบิดออก เซียนมารทมิฬพุ่งไปยังเบื้องบนราวกับลื่นไหลอยู่ในอากาศ

“เหอะ!” จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง กระตุ้นสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ

ครืน เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

ท่ามกลางเสียงเพลิงสีชาดที่ระเบิดออกเป็นชุด ความเร็วของจ้าวเฟิงกระตุ้นเพิ่มจนถึงขีดสูงสุด พุ่งไปยังยอดไม้ทันที เพราะจ้าวเฟิงลงมือเร็วกว่าเซียนมารทมิฬไปก้าวหนึ่ง

จ้าวเฟิงจึงสามารถนำว่าวมาได้อย่างราบรื่น

“จ้าวเฟิง ว่าวเป็นของข้า!” เซียนมารทมิฬตะโกนก้อง พร้อมพุ่งขึ้นมา

“เพลิงมารโลหิตโจมตี!”

เพลิงมารโลหิตทั่วร่างจ้าวเฟิงลุกไหม้เดือดพล่าน ส่งเสียงเปลวเพลิงปะทุออกเป็นระยะๆ ที่แผ่นหลังของเขา เงาอาทิตย์ร้อนแรงสีแดงสดค่อยๆ ปรากฏขึ้น ลวดลายน้ำวนภายในบิดโค้งไปมา

ฟู่ ฉัวะ!

ภายใต้สภาพ ‘เพลิงมารโลหิตโจมตี’ ปีกสีชาดของจ้าวเฟิงลากลายโลหิตเจิดจ้าออกเส้นหนึ่ง เงาอาทิตย์สีแดงสดด้านหลังพลันเปล่งประกายสีทองโลหิต เปรียบดั่งวิหคทองบรรพกาลพุ่งลงมา

ครืน ครืน ครืน!

อุปสรรคแรงดึงดูดตอนทะยานขึ้น ในยามนี้กลายเป็นแรงช่วยของจ้าวเฟิง ทำให้ความเร็วและแรงระเบิดของเขาสูงขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“แย่แล้ว!” เซียนมารทมิฬใบหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน พลังน่ากลัวที่จ้าวเฟิงพุ่งตรงลงมา ห่างกันไกลถึงเพียงนี้ เขายังรู้สึกใจสั่นหวั่นไหว

เซียนมารทมิฬไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งสายฝึกฝนกาย แน่นอนว่าย่อมไม่ฝืนชนกับจ้าวเฟิง

เขารีบขยับร่างหลีกหนีการโจมตีจากจ้าวเฟิง

“เหอะๆ ลาก่อน!”

จ้าวเฟิงไม่สนใจเซียนมารทมิฬ อาศัยแรงที่ร่อนลงพุ่งสู่พื้นด้วยความเร็วสูงสุด

ฟู่ แซ่ด แซ่ด!

จ้าวเฟิงร่อนมายังเด็กชายและนำว่าวคืนให้กับเขา

“ขอบคุณท่านอา ข้ามีลูกกวาด ให้ท่านอากิน!”

เด็กชายตัวน้อยรับว่าวไปอย่างดีใจ ยื่นมืออวบอ้วนขาวผ่องออกมา บนนั้นมีผลึกเซียนระดับล่างชิ้นหนึ่งนอนอยู่อย่างสงบ แววตาของจ้าวเฟิงตะลึงเล็กน้อย หยิบผลึกเซียนไปอย่างรวดเร็ว

“บัดซบเอ๊ย จ้าวเฟิง!”

เซียนมารทมิฬที่เพิ่งจะตามมาทันในยามนี้เตรียมลงมือกับจ้าวเฟิง แต่ทันใดนั้น เสียงที่ราวกับเครื่องกลไกก็ดังขึ้น “ผู้ชนะ จ้าวเฟิง!”

จากนั้น ‘พลังชะตามังกร’ หนึ่งส่วนไหลออกมาจากหยกมังกรคุ้มกันบนร่างของเซียนมารทมิฬ ก่อนเข้าไปยังหยกมังกรคุ้มกันของจ้าวเฟิง

ฟู่ วิ้ง! ทิวทัศน์รอบด้านหายไปภายใต้การบิดม้วนเปลี่ยนแปลง

ส่วนจ้าวเฟิงกลับมายังเขาวงกตอีกครั้ง เพียงแต่ตำแหน่งไม่เหมือนกับตอนที่หายไป ดูแล้วคงสุ่มปรากฏในที่ไหนสักแห่งของเขาวงกต

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!” หลังจากสัมผัสครั้งหนึ่งแล้ว จ้าวเฟิงก็พอจะเข้าใจถึงกฎของการแข่งขัน ‘เขาวงกตเคลื่อนที่’ แล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!