Skip to content

King of Gods 993

King Of Gods

บทที่ 993 ศึกชิงตรารัชทายาทจำลอง

เด็กน้อยมองว่าวในมือของจ้าวเฟิง แล้วมองจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รับว่าวตัวนี้

“ฮ่าๆ จ้าวเฟิงนี่ก็คือผลจากการที่เจ้าคดโกง!”

เบื้องหลัง เซียนมารทมิฬหัวเราะอย่างสะใจ

สำหรับสถานะ ‘ผู้ทุจริต’ ของจ้าวเฟิง ทุกคนในสุสานราชวงศ์ต่างรู้ดี

หนึ่งในการลงโทษของจ้าวเฟิงก็คือ จะถูกตัวละครตัวอื่นใน ‘ฉากประลอง’ เหยียดหยาม และในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ประลองกับจ้าวเฟิงจะได้รับความรู้สึกดีจากตัวละครเหล่านี้

จุดนี้ ยอดฝีมือจำนวนมากที่เข้าแข่งใน ‘ฉากประลอง’ กับจ้าวเฟิงล้วนได้ข้อสรุปออกมาแล้ว

“ภารกิจนี้ มีเพียงข้าที่สามารถทำได้สำเร็จ!”

ใต้เท้าของเซียนมารทมิฬเหยียบแสงสีดำมากมาย พุ่งมายังจ้าวเฟิง

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะปล่อยฝูงสัตว์อสูรวิเศษจำนวนมากและวานรทองสะท้านฟ้าออกมา

แต่พลังจากภายนอกเหล่านี้โดนกฎเกณฑ์ของมิติแห่งนี้จำกัด ไม่สามารถทำร้ายเซียนมารทมิฬได้โดยตรง นอกเสียจาก ‘ฉากประลอง’ บางศึกที่อนุญาตให้สัตว์อสูรวิเศษต่อสู้ ดังนั้นในรอบนี้ นักฝึกสัตว์ก็จะกลายเป็นตัวถ่วงรองจากแพทย์

นี่ก็เป็นข้อกำหนดของการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทเช่นกัน

ในรอบที่สอง นักฝึกสัตว์และแพทย์จะแสดงบทบาทที่สำคัญที่สุดออกมา

รอบนี้พวกเขาจึงถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดต่างๆ มากมาย

ในสุสานราชวงศ์ องค์ชายทั้งหลายและเหล่าปฐมเซียนต่างตกอกตกใจ

มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ! นี่มันเท่ากับว่าถึงจะสามารถจบเรื่องราวในฉากนี้ได้ แต่ก็ไร้หนทางชนะ

“เป็นไปได้อย่างไร? จ้าวเฟิง!”

องค์ชายเก้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว คิดไม่ถึงเลยว่าศึกชี้ชะตาในท้ายที่สุด จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น

“นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว จ้าวเฟิงจบเรื่องในฉากประลองได้แล้วแท้ๆ!”

ตาเฒ่าอิงตะโกนเสียงดัง

เป้าหมาย แน่นอนว่าเพื่อให้ผู้อาวุโสมายาที่อยู่กลางท้องฟ้าได้ยิน

“เหตุการณ์พวกนี้ยังไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร พวกเราจะปรับแก้ในภายหน้า!”

ในฐานะที่เป็นกรรมการ ผู้อาวุโสมายาก็รู้สึกว่าเหตุการณ์เช่นนี้ค่อนข้างส่งผลกระทบกับความยุติธรรม

สมาชิกของกลุ่มองค์ชายเก้าผิดหวังในทันใด

คำพูดของผู้อาวุโสมายาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้ปล่อยไปตามทางของมัน

“เยี่ยม เซียนมารทมิฬ รีบแย่งว่าวกลับมาเร็ว!”

องค์ชายสิบสามร้องขึ้นอย่างลิงโลด องค์ชายสิบสามที่อดกลั้นมานาน รู้สึกสะใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สุดท้ายแล้ว ครั้งนี้จ้าวเฟิงต้องแพ้ให้กับกองกำลังของเขา

“รอบนี้ กำหนดชัดแล้วว่าข้าเป็นผู้ชนะ!”

เซียนมารทมิฬหัวเราะเสียงดัง บินมายังจ้าวเฟิงอย่างไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงเหลือบตามองเซียนมารทมิฬแวบหนึ่ง

“บางทีอาจจะทำแบบนี้ได้….”

จ้าวเฟิงพลันคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้

พลังจักรพรรดิของจ้าวเฟิงขยับขึ้นทันที

เสี้ยววินาทีต่อมา เงาเขาวงกตเมืองมายาที่มีหมอกมัวตลบอวล ปกคลุมไปทั่วทั้งปฐพี

ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้คือหุ่นเชิดกลไก แต่หุ่นสามารถคิดวิเคราะห์ได้ นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าในหุ่นมีพลังวิญญาณและความคิด

ฉะนั้น เด็กคนนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากเขตแดนศาสตร์วิญญาณ เพียงแต่ว่าผลกระทบไม่มาก หมอกสีม่วงเลือนรางชั้นหนึ่งค่อยๆ หุ้มล้อมจ้าวเฟิง

เห็นเพียงรูปร่างหน้าตาของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป กลายเป็นหน้าตาของเซียนมารทมิฬอย่างช้าๆ

“อะไร จ้าวเฟิงแปลงเป็นข้างั้นรึ!”

เซียนมารทมิฬตื่นตะลึง รู้ว่าจ้าวเฟิงจะทำอะไร ความเร็วเพิ่มขึ้นในทันใด พุ่งทะยานมายังเขตแดนเมืองมายาของจ้าวเฟิง

แม้เซียนมารทมิฬจะตกอยู่ในเขตแดนเมืองมายาของจ้าวเฟิง ทุกอย่างเบื้องหน้าค่อนข้างรางเลือน แต่กลับไม่ส่งผลอะไรด้วย

“มาสิ อาไม่ทันระวังทำว่าวของเจ้าพัง เช่นนั้นก็ชดใช้ด้วยลูกกวาดให้เจ้าก็แล้วกัน!”

จ้าวเฟิงแปลงเป็นเซียนมารทมิฬ เผยรอยยิ้มอบอุ่น นำของสองอย่างในมือยื่นออกไป

ในข้อกำหนดของเด็กคนนี้ ผลึกเซียนระดับล่างก็คือลูกกวาด

เช่นนั้นหากจ้าวเฟิงนำผลึกเซียนชั้นล่างออกมาชิ้นหนึ่ง จะต้องได้รับความรู้สึกดีๆ จากเด็กผู้นี้แน่

เด็กน้อยมองท่าทีของจ้าวเฟิง อึ้งไปเล็กน้อย

“….ขอบคุณท่านอา!”

แต่ในยามที่เขาเห็น ‘ลูกกวาด’ เม็ดนั้น ก็ยื่นมือหยิบทั้งว่าวและลูกอมไปทันใด

“เป็นไปได้อย่างไร!” เซียนมารทมิฬเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก แต่ก็ไร้ซึ่งหนทาง

เด็กคนนั้นหยิบเอาว่าวและลูกกวาดของจ้าวเฟิงไปแล้ว

“ผู้ชนะ จ้าวเฟิง!” เสียงดั่งกลไกดังก้องไปทั่วฟ้า

วู้ม ฟู่! หลังจากในหยกมังกรคุ้มกันของจ้าวเฟิงมีพลังชะตามังกรเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็กลับมาบนบันไดขององค์ชายเก้า “….ชนะแล้ว!”

องค์ชายเก้ายังไม่ทันตั้งตัว เรื่องราวดำเนินไปเร็วมาก เกินความคาดหมาย

“สหายจ้าว!” องค์ชายเก้าพลันเรียกขึ้น

จ้าวเฟิงนำความน่าประหลาดใจอันยิ่งใหญ่มาให้เขาอีกครั้ง

“จ้าวเฟิง เจ้าฉลาดมาก!” โจวซู่เอ๋อร์ร้องอย่างดีใจ แทบอยากจะพุ่งไปกอดจ้าวเฟิง

“เยี่ยมมาก จ้าวเฟิง!” แม้กระทั่งตาเฒ่าอิง จ้าวเฟิงยังทำให้ลุ้นจนเหงื่อตก

ทุกคนเดิมคิดว่าตานี้แพ้แน่แล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะใช้อุบายประหลาดหลอกเจ้าเด็กนั่นเสียได้

อีกด้านหนึ่ง “เจ้ามันโง่!”

องค์ชายสิบสามสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เพลิงโทสะท้วมท้น ไฟลุกไหม้ในใจ แต่กลับทำได้แค่ด่าออกมาเช่นนี้ สมาชิกคนอื่นก็อัดอั้นตันใจอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน หากแต่ไม่กล้าด่าว่าเซียนมารทมิฬ

“เป็นข้าที่ประมาท ข้าคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะพลิกกลับเป็นเช่นนี้ไปได้!”

เซียนมารทมิฬก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

เป็นเพราะเขาวางใจมากเกินไป คิดว่ารอบนี้เขาชนะแน่นอน

นอกราชวงศ์ เสียงหัวเราะยินดีที่กระหึ่มกว่าเดิมดังขึ้นไม่หยุด

ความเป็นไปของเรื่องราวทำให้ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ คนทั่วไปแทบจะคิดไม่ถึงวิธีนี้

ส่วนเซียนมารทมิฬแห่งวังเก้านิรย ก็ยิ่งกลายเป็นตัวตลกของยอดฝีมือและขั้วอำนาจทั้งหลาย ทั้งที่สถานการณ์ชนะแน่แล้วแท้ๆ แต่เพราะความประมาทเลินเล่อของเขา จึงส่งมอบชัยชนะให้ฝ่ายตรงข้ามเสียอย่างนั้น

ชื่อเสียงโด่งดังของเซียนมารทมิฬ กลับถูกทำลายด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มและเด็กน้อย

แต่ผืนฟ้ารอบด้านก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว

“ ‘เขาวงกตเคลื่อนที่’ สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ชนะคือองค์ชายสี่และองค์ชายเก้า!”

ผู้อาวุโสมายาจ้องบนบันไดที่องค์ชายเก้าอยู่อย่างลึกล้ำ ไม่มีใครรู้ว่าตกลงแล้วเขามองไปที่ใคร

ชั่วขณะต่อมา บนบันไดที่องค์ชายแปดและองค์ชายสิบสามอยู่มีแสงสีขาวส่องประกายวูบวาบ

พรึ่บ! องค์ชายทั้งสองและสมาชิกถูกส่งออกมานอกสุสานราชวงศ์

บันไดทั้งสองค่อยๆ ลดต่ำลง กลับมาในเมืองความลับสวรรค์

“ต่อไป เข้าสู่รอบสุดท้าย…ศึกชิงตรารัชทายาท!”

เสียงของผู้อาวุโสมายาดังมา

พลังทรงอำนาจที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันกระจายไป

ในเวลาเดียวกัน บันไดที่กลุ่มขององค์ชายทั้งสองอยู่หมุนเปลี่ยนทิศทาง กลายเป็นเผชิญหน้ากัน

พร้อมกันนั้น แท่นศิลาเทาขาวบนบันไดก็จมลงไปในบันไดทีละน้อย

ครืน ตึง! เบื้องหน้าของบันไดที่กลุ่มทั้งสองอยู่ แผ่นเหล็กแต่ละแผ่นพลันยื่นขึ้นมา สุดท้าย บันไดของกลุ่มทั้งสองก็เชื่อมเข้าด้วยกัน กลายเป็นทางเดินแผ่นเหล็ก

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก! ใจกลางของทางเดินแผ่นเหล็กพลันส่งเสียงกระทบของโลหะ

แผ่นเหล็กเล็กๆ นับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากตรงกลาง สุดท้ายก็ก่อเป็นสนามต่อสู้ทรงกลม

“ตาเฒ่าอิง!”

องค์ชายเก้ามององค์ชายสี่แวบหนึ่ง ก่อนตะโกนออกมาทันใด

“องค์ชาย พวกเราไม่อาจชนะได้!”

ตาเฒ่าอิงคอตก ทอดถอนใจ

นับแต่ยามที่ผู้อาวุโสมายาประกาศเข้าสู่รอบสุดท้าย

ทั้งกลุ่มองค์ชายเก้าก็เปลี่ยนจากความตื่นเต้นเมื่อครู่กลายเป็นความเงียบสงัด

ถึงแม้องค์ชายเก้าชนะองค์ชายสิบสามได้ฉิวเฉียด แต่พลังชะตามังกรในตรารัชทายาทจำลองขององค์ชายเก้าน้อยกว่าองค์ชายสิบสาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์ชายสี่เลย

“พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว!” สืออวี่เหลยยากจะเก็บงำอารมณ์ไม่ยินยอม

ในรอบนี้ จำนวนชัยชนะของกลุ่มองค์ชายเก้าอยู่อันดับที่สอง แต่จำนวนแพ้กลับน้อยที่สุดในเหล่าองค์ชายทั้งสี่ หรือก็คือผลงานของกลุ่มองค์ชายเก้าดียิ่งนัก

แต่ความแตกต่างก็เริ่มมีขึ้นตั้งแต่การ ‘รวบรวมกำลังคน’ อีกทั้งแตกต่างเป็นอย่างมากด้วย ต่อให้กลุ่มขององค์ชายเก้าทำออกมาได้ดีหลังจากนี้ ก็ไม่สามารถชดเชยความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองกลุ่มได้

“เริ่มศึกชิงตรารัชทายาท โดยองค์ชายทั้งสองเป็นผู้ดำเนินการตัดสินศึกสุดท้าย!”

ผู้อาวุโสมายาประกาศอย่างเป็นทางการ

“สมาชิกขององค์ชายทั้งสองสามารถช่วยเหลือองค์ชายฝั่งตนได้ แต่ไม่อาจลงมือสร้างความบาดเจ็บใดๆ ให้กับองค์ชายฝั่งตรงข้าม”

กฎของศึกสุดท้ายมีเพียงข้อเดียวเท่านั้น

หรือก็คือ สมาชิกเบื้องหลังองค์ชายเก้าสามารถรักษา ป้องกัน หรือถ่ายทอดพลังให้กับองค์ชายเก้าได้ แต่ไม่สามารถทำให้องค์ชายสี่ได้รับบาดเจ็บใดๆ หรือส่งกระทบต่อสภาพการณ์รบขององค์ชายสี่ได้

“มาเถอะ น้องเก้า เจ้ามาได้ถึงขั้นนี้ เป็นสิ่งที่ข้าคาดไม่ถึงเลย!”

องค์ชายสี่ก้าวเท้ายาวออกมา สีหน้าท่าทางทรงอำนาจและจริงจัง รัศมีราชาอันไร้รูปร่างพลันแผ่ออก

สำหรับเขา ตำแหน่งรัชทายาทอยู่ในกำมือแล้ว และเขาก็ยอมรับน้องเก้าผู้ที่เคยถูกละเลยมาตลอด

“เป้าหมายของข้า ก็คือชนะพี่สี่!”

องค์ชายเก้าสูดลมหายใจลึก สืบเท้าออกไป

องค์ชายทั้งสอง มือข้างหนึ่งถือตรารัชทายาทจำลองเอาไว้ เดินมาถึงที่กลางลานต่อสู้ทรงกลม

วู้ม วู้ม! ตรารัชทายาทจำลองในมือขององค์ชายทั้งสองสั่นขึ้นมาพร้อมกัน

พลังชะตามังกรมากมายพร้อมด้วยแสงสีทองระยับพวยพุ่งขึ้น

ทั่วทั้งลานต่อสู้ทรงกลม สามารถมองเห็นมังกรยักษ์สีทองทรงอำนาจได้รางๆ มันสะบัดตัวคำราม ชวนให้หวาดหวั่น

ครืน ครืน! พลังชะตามังกรสองสายที่พุ่งทะยานขึ้น หลั่งไหลเข้าไปในร่างขององค์ชายทั้งสอง

เห็นเพียงรอบกายขององค์ชายทั้งสอง ลวดลายมังกรทองนับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกไป

แสงลวดลายมังกรสว่างวาบ สาดส่องไปทั่วฟ้า

“แสงลายมังกรเจ็ดจั้ง!”

จูเก๋ออวิ๋นดวงตาเปล่งประกาย

พลังลวดลายมังกรที่เพิ่มขึ้นรอบกายองค์ชายสี่ แสงลายมังกรปะทุออกสูงถึงเจ็ดจั้ง แต่พูดให้ถูกต้องคือเจ็ดจั้งสี่ฉื่อ ต้องรู้ว่า การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ที่ปะทุแสงลายมังกรได้สูงที่สุดคือแปดจั้งสามฉื่อ

“น่าเสียดาย อค์ชายเก้าแพ้แน่แล้ว แสงลายมังกรสูงเพียงหกจั้งสองฉื่อเท่านั้น!”

ผู้อาวุโสข้างกายจูเก๋ออวิ๋นพูดขึ้น

เทียบกับแสงลายมังกรขององค์ชายสี่ แสงฝั่งองค์ชายเก้าค่อนข้างจะหมองหม่น

“ห่างกันหนึ่งจั้ง!”

ตาเฒ่าอิงมองไปยังองค์ชายทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้า

“เตรียมตัวลงมือ!” ตาเฒ่าอิงพลันตะโกนบอก

สมาชิกของกลุ่มองค์ชายสามารถช่วยอยู่เบื้องหลังองค์ชายได้

ถึงแม้ว่าศึกนี้ ผลแพ้ชนะจะไม่ต้องสงสัย แต่องค์ชายเก้ายังไม่แพ้ พวกเขาก็จะยอมแพ้ไม่ได้

“จ้าวเฟิง สัตว์อสูรบินได้ของเจ้าล่ะ?”

ยามนี้ โจวซู่เอ๋อร์ถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

ตอนที่นางจับคู่กับจ้าวเฟิง ก็รู้ว่าจ้าวเฟิงนำหยกมังกรคุ้มกันที่ชิงมามอบให้กับสัตว์อสูรประเภทบินบางตัว

แต่ก็ไม่รู้ว่าหยกมังกรคุ้มกันพวกนี้จะรวบรวมพลังชะตามังกรได้มากน้อยเพียงใด แต่หากสามารถลดระยะห่างของทั้งสองฝั่งได้แม้เพียงเล็กน้อย ชัยชนะของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกบ้าง

“ไม่รีบ!” จ้าวเฟิงตอบเสียงเบา

วู้ม วู้ม! ในขณะเดียวกับที่ไอชะตามังกรแปรเปลี่ยนเป็นพลังชะตามังกร กำลังรบขององค์ชายทั้งสองพลันพุ่งสูงขึ้น ล้ำหน้าคนในสนามทั้งหมด

หนึ่งในนั้น องค์ชายสี่ก็ทะลวงขั้นเซียนในสุสานราชวงศ์แล้ว

ภายใต้การเพิ่มพลังชะตามังกรในยามนี้ กำลังรบยิ่งทะลวงถึงเทวาเร้นลับชั้นต้นเกือบถึงเทวาเร้นลับชั้นสูง

พลังมังกรยิ่งใหญ่มหาศาลยึดครองทั่วทั้งผืนฟ้า

ต่อหน้าเขา กำลังรบขององค์ชายเก้าต่ำกว่าขั้นใหญ่ๆ เพียงแค่ต้านทานพลังกดดันขององค์ชายสี่ ก็รู้สึกหืดขึ้นคอแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!