Skip to content

King of Gods 999

King Of Gods

บทที่ 999 วิชาดวงตาที่สะสมส่วนตัว

หลังจากนั้นสี่เดือน จ้าวเฟิงก็ตามเซียนซิงหมัวมาถึงตระกูลจีที่มณฑลอวี่

ตระกูลจีตั้งอยู่ที่กลางป่าเขา รอบด้านมีลำธารไหลริน ด้านบนมีหมอกสีม่วงลอยอวล

หากไม่มีเคล็ดวิชาลับพิเศษหรือการนำทางจากศิษย์ตระกูลจี คนทั่วไปยากจะหาประตูทางเข้าตระกูลจีได้เจอ

“นี่มันดินแดนแห่งความฝันชัดๆ!” จ้าวเฟิงเอ่ยชมเสียงเบา

หมอกสีม่วงที่ลอยกระจายไปนับพันลี้ทั่วบริเวณตระกูลจี ไม่เพียงแต่เป็นเงาสลัวสวยงาม ยิ่งมีประโยชน์ในการสะกดจิต ทำให้การมองเห็นของผู้ที่มาชมทิวทัศน์เกิดภาพลวงตาขึ้น

ในขณะเดียวกัน เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นเวลานาน ในตัวลูกหลานตระกูลจีจะมีความสามารถต้านทานวิชาลวงตาที่มากกว่าคนทั่วไปนัก

“ครั้งนี้สหายน้อยจ้าวมาแลกเปลี่ยนวิชาดวงตากระมัง!”

เซียนซิงหมัวอมยิ้มพูดขึ้น

ถึงแม้ว่าเขาจะใช้สายเลือดดวงตาที่เก็บรักษาไว้อย่างดีของตระกูลจีเชื้อเชิญจ้าวเฟิงมา

แต่จ้าวเฟิงมาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางเผยเบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลให้จ้าวเฟิงโดยไร้ข้อแม้

พูดให้ชัดๆ ก็คือ จ้าวเฟิงก็ต้องนำวิชาดวงตาที่ล้ำค่า อย่างเช่นวิชาดวงตาลึกลับนั่นออกมาเช่นกัน

“ผู้น้อยมาเพื่อขอคำแนะนำ!”

จ้าวเฟิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

เขารู้ว่าเซียนซิงหมัวสนใจในพลัง ‘แยกส่วน’ ของเขาเป็นอย่างมาก จ้าวเฟิงก็รู้ว่าพลังของดวงตาซ้ายพิเศษยิ่งนัก มิฉะนั้นแล้วในเขาวงกตเคลื่อนที่ก็คงไม่เกิดเหตุทุจริตขึ้น

เกี่ยวกับเคล็ดวิชาลับแยกส่วน จ้าวเฟิงย่อมไม่อยากเปิดเผย ต่อให้พูดออกมาแล้ว ดูท่าในดินแดนทวีปก็ไม่มีสายเลือดดวงตาชนิดไหนสำแดงออกมาได้

ลายคลื่นสีทองนั่นเป็นผลจากลูกกลมทองลึกลับ หุ่นเชิดกลไกในเมืองความลับสวรรค์ให้คำจำกัดความไว้ว่า ‘แสงส่องทะลุ’

สำหรับ ‘แสงส่องทะลุ’ จ้าวเฟิงก็ได้ยินเป็นครั้งแรกเช่นกัน ไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย อย่าได้เปิดเผยออกไปโดยง่ายเป็นดีที่สุด

“สหายน้อยจ้าวถ่อมตนเกินไปแล้ว คนอายุน้อยรุ่นเดียวกันของตระกูลจีไม่มีใครเป็นคู่มือเจ้าได้เลย!”

สีหน้าของเซียนซิงหมัวชะงักไปเล็กน้อย

ท่าทีไม่ยอมเปิดเผยของจ้าวเฟิง ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใด

ต่อให้วิชาดวงตาของเฟิงล้ำค่าเป็นอย่างมาก จะมาเทียบกับสิ่งล้ำค่าของตระกูลจีได้งั้นรึ?

จีหลานและจีอู๋เหยี่ยได้ยินประโยคนี้แล้วอดก้มหน้าไม่ได้

ด้านหลัง จีเติงเทียนและจีไป๋ยิ่งใบหน้าดำคล้ำ ไม่เพียงแต่คนอายุน้อยของตระกูลจี รุ่นที่สูงวัยกว่าของตระกูลจีก็ล้วนไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิง

“นอกจากนั้น ข้ามาที่นี่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งต้องการความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส!”

จ้าวเฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนพูดออกมาตรงๆ

“เรื่องอะไร? พูดมาดู?”

สีหน้าเซียนซิงหมัวไม่เปลี่ยนแปลง

เขานึกว่าจ้าวเฟิงมายังตระกูลจีของเขาก็เพื่อเรียนวิชาดวงตา คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงยังมีเรื่องอื่นอีก

“ข้าคิดอยากจะสืบข้อมูลของคนคนหนึ่งในมณฑลอวี่!”

จ้าวเฟิงเอ่ยตรงๆ

“หืม? คนคนหนึ่ง?”

เซียนซิงหมัวและคนตระกูลจีที่เหลือเผยสีหน้าประหลาดใจ

คนที่จ้าวเฟิงซึ่งเป็นอิทธิพลเบื้องหลังองค์ชายเก้า รวมกับตาเฒ่าอิง และยังมีขั้วอำนาจข่าวกรองของจ้าวเฟิงเองยังยากจะหาพบ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ผู้สืบทอดเนตรสังสารวัฏ!” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบนิ่ง

ตระกูลจีคนอื่นที่เหลือตกตะลึง คนที่จ้าวเฟิงต้องการจะหา คือผู้สืบทอดของแปดเนตรเทพเจ้า

สำหรับเนตรสังสารวัฏ พวกเขาก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน เมื่อหลายพันปีก่อนปรากฏตัวขึ้นที่แผ่นดินทวีปจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เซียนซิงหมัวสีหน้าชะงักไปชั่วครู่ อีกนานจึงจะพูดขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าได้!”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก!” จ้าวเฟิงยิ้มเล็กน้อย

ไม่นานนัก ทุกคนก็มาถึงยังตระกูลจี เซียนซิงหมัวนำจ้าวเฟิงเข้าไปภายในตระกูลจากภูเขาด้านหลัง

“สหายน้อยจ้าว ในเมื่อเจ้าต้องการหาคน เช่นนั้นก็อาศัยอยู่ที่ตระกูลจีก่อนเถิด!”

เซียนซิงหมัวพูด

“เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว!”

จ้าวเฟิงเอ่ยขอบคุณ

การหาคน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่วันสองวันก็จะหาพบ

อีกทั้งยืมคัมภีร์สะสมสายเลือดดวงตาของตระกูลจี เขาย่อมไม่สามารถสำแดงพลังการอ่านที่เกินหน้ามนุษย์ได้ เช่นนั้นแล้วความเร็วแน่นอนว่าต้องช้าลง ใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด จ้าวเฟิงก็ไม่รังเกียจ

“จีหลาน เจ้าจัดการที่อยู่ให้กับสหายน้อยจ้าวและสหายคนอื่นๆ ด้วย”

เซียนซิงหมัวกำชับ จากนั้นก็หายไปในหมอกสีม่วง

“ลำบากเจ้าแล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ

จากนั้นจีหลานก็นำจ้าวเฟิง ปี้ชิงเยวี่ยและคนอื่นๆ มาถึงสวนป่าที่ทิวทัศน์งดงามแห่งหนึ่ง

“ทุกท่านอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน!” จีหลานพูดจบก็จากไป

“นายท่าน ชิงเยวี่ยคิดว่าเซียนซิงหมัวน่าจะรู้เรื่องของเนตรสังสารวัฏบ้าง!”

หลังจากที่จีหลานจากไป ปี้ชิงเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น

“จุดนี้ข้าก็มองออกแล้วเช่นกัน” สีหน้าของจ้าวเฟิงคร่ำเคร่ง

แต่ถ้าเซียนซิงหมัวไม่อยากพูด เขาก็ไร้หนทาง

ก่อนจากไป จ้าวเฟิงจะซักถามอีกรอบ พยายามขุดเอาข้อมูลบางอย่างจากปากเซียนซิงหมัวให้ได้

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ชั่วคราวก่อนแล้วกัน มีเวลาก็ไปเดินเล่นรอบๆ ได้ ถือโอกาสทำความรู้จักพวกชั้นสูงบางคนของตระกูลจีไปในตัว!”

จ้าวเฟิงกำชับเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

เช้าวันที่สอง จีหลานเป็นฝ่ายมาหาเอง

“จ้าวเฟิง เซียนซิงหมัวเชิญเจ้า!”

จากนั้น จีหลานพาจ้าวเฟิงมายังตำหนักลับในป่า

“เข้ามาทั้งหมดเถิด!” ในตำหนัก เสียงของเซียนซิงหมัวดังขึ้น

ใจของจีหลานเต้นโครมคราม เซียนซิงหมัวบอกว่าทั้งหมดเข้ามา นั่นก็คือนางก็เข้าไปได้

ที่นี่คือสถานที่ส่วนตัวของเซียนซิงหมัวเชียวนะ ของสะสมส่วนตัวบางอย่างของเซียนซิงหมัว กระทั่งว่าล้ำค่ากว่าของสะสมของตระกูลด้วยซ้ำ อีกทั้งอาจจะได้เห็นวิชาดวงตาลึกล้ำที่ยังไม่สำเร็จของเซียนซิงหมัวก็ได้

ในตำหนักแสงมืดหม่น การตกแต่งเรียบง่าย

“ทั้งหมดที่นี่เป็นของสะสมของข้า ด้านซ้ายคือชั้นหนังสือ สหายน้อยจ้าวสามารถเปิดอ่านได้ตามใจ ด้านขวาคงต้องหยุดฝีเท้าเอาไว้แล้ว!”

เซียนซิงหมัวเผยแววทระนงเล็กน้อย

แม้ที่นี่จะมีชั้นหนังสือเพียงแค่สองชั้น แต่เนื้อหาที่จดบันทึกในนั้นล้วนหาได้ยากยิ่งที่โลกภายนอก

จ้าวเฟิงมองด้านขวาเพียงแค่แวบเดียว ด้านหน้าชั้นหนังสือมีม่านแสงสีขาว บนม่านแสงมีอักขระหลากสีหมุนวนอยู่

จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไร เริ่มเปิดอ่านของบนชั้นหนังสือด้านซ้าย

“เจ้าก็ดูได้เหมือนกัน!”

เซียนซิงหมัวพูดกับจีหลาน

ได้รับคำอนุญาตจากเซียนซิงหมัว จีหลานก็รีบเปิดอ่านหนังสือในนั้นเหมือนกับจ้าวเฟิง

แต่หนังสือทุกเล่มในนี้มีความรู้มากมายมหาศาล ภายในระยะเวลาอันสั้น แค่ลำพังจำเอาไว้ก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่ง

จ้าวเฟิงหยิบหนังสือออกมาส่งๆ เล่มหนึ่ง บนนั้นอธิบายหลักการการกระตุ้นวิชาดวงตาเอาไว้ได้อย่างละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างมาก หากในยามที่จ้าวเฟิงเพิ่งเริ่มสัมผัสกับวิชาดวงตาได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ความลึกซึ้งในวิชาดวงตาของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าในยามนี้แน่

“ท่าทางของสะสมส่วนตัวของเซียนซิงหมัวจะเป็นตำราล้ำค่าลึกซึ้งทางด้านวิชาดวงตาแน่นอน!”

จ้าวเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย

ถึงแม้เนื้อหาของหนังสือพวกนี้จะเทียบไม่ได้กับตำราเก่าเสียหยางในคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล แต่ตำราพวกนี้จดบันทึกเกี่ยวกับสายเลือดดวงตา มีประโยชน์กับจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก

เนื้อหาของตำราทุกเล่มที่นี่ จักรพรรดิทั่วไปจำให้หมดทั้งเล่มต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะสามารถดูดเนื้อหาข้างในเข้าไปในตาซ้าย แต่เซียนซิงหมัวกับจีหลานอยู่ที่นี่ เขาจึงค่อยๆอ่านไปจำไป จะทำให้ดูเกินไปไม่ได้

“ไม่ทราบว่า ข่าวคราวเกี่ยวกับเนตรสังสารวัฏมีอะไรคืบหน้าบ้างหรือไม่?”

จ้าวเฟิงเหลือเวลาจากการอ่านตำราโบราณจึงเอ่ยถาม

“จริงๆ แล้วเมื่อหลายพันปีก่อน เนตรสังสารวัฏมายังตระกูลจีของข้า!”

คราวนี้เซียนซิงหมัวพูดคำพูดที่แม้แต่จีหลานก็ยังตกใจออกมา

ในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลจี แม้กระทั่งนางก็ไม่รู้เรื่องนี้

จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เขาแค่ถามไปอย่างนั้น เซียนซิงหมัวก็พูดออกมาแล้ว

ดูท่าในยามที่เพิ่งมาถึง มีคนมากมายอยู่ด้านนอก เซียนซิงหมัวจึงไม่ยอมเปิดเผย

“ในตอนนั้น เขาก็มาขอยืมอ่านตำราสะสมวิชาสายเลือดดวงตาของตระกูลจี อีกทั้งยังทิ้งวิชาสายเลือดดวงตาและทฤษฏีของเขาไว้อีกด้วย!”

เซียนซิงหมัวยิ่งบอกข้อมูลลับเฉพาะออกไป

“วิชาดวงตาเนตรสังสารวัฏและทฤษฏี!”

ในใจของจ้าวเฟิงตกตะลึง

วิชาเนตรสังสารวัฏและทฤษฏี เหมือนกับในตอนนั้นที่จ้าวเฟิงได้รับ ‘ตำราหมิงถง’ จากตวนมู่ชิง

แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งที่ผู้ครอบครองเนตรสังสารวัฏทิ้งไว้ที่ตระกูลจียิ่งล้ำค่ากว่ามาก

“แต่ทว่า ข่าวสารเกี่ยวกับเขา ตระกูลจีก็ไม่แน่ใจจริงๆ และไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังอยู่ในมณฑลอวี่!” เซียนซิงหมัวเอ่ยเสริมอีกประโยค

“ขอบคุณผู้อาวุโสซิงหมัวที่บอกกล่าว!”

จ้าวเฟิงประสานมือขอบคุณ

เซียนซิงหมัวไม่เพียงแต่นำของสะสมส่วนตัวของเขามาเปิดให้จ้าวเฟิงดู อีกทั้งยังบอกข้อมูลที่ลับสุดยอดเช่นนี้ให้กับจ้าวเฟิง

“สิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้อยู่ที่ชั้นหนังสือขวามือของเจ้า!”

เซียนซิงหมัวเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

จ้าวเฟิงยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน ดำดิ่งลงไปในตำราในมือ

อีกด้านหนึ่ง จีหลานไม่สนใจจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านข้างแม้เพียงเล็กน้อย จมดิ่งอยู่ในที่แห่งนี้ พยายามจดจำเนื้อหาในตำราให้มากขึ้นอีกนิด อีกประเดี๋ยวกลับไปจะต้องลองฝึกสัมผัสดู

เวลาเคลื่อนผ่านไป แสงยิ่งมืดลงเรื่อยๆ คนทั้งสองในห้องไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“เอาละ ข้าจะพักผ่อนแล้ว จีหลาน พาสหายน้อยจ้าวออกไปเถอะ!”

ในห้องข้างๆ เสียงของเซียนซิงหมัวลอยมา

“เจ้าค่ะ!” จีหลานอาลัยอาวรณ์ นำตำราในมือวางคืนลงในชั้นหนังสือ

“คุณชายจ้าว ตามข้าออกมาเถิด!”

จีหลานมองมายังจ้าวเฟิง ไม่มีอารมณ์ที่ซับซ้อนวุ่นวายอย่างในตอนแรกแล้ว

หากไม่มีจ้าวเฟิง นางก็คงไม่มีวาสนาได้อ่านของสะสมส่วนตัวของเซียนซิงหมัว นางต้องขอบคุณจ้าวเฟิงดีๆ

ต้องรู้ว่า ต่อให้เป็นศิษย์ของเซียนซิงหมัวจีอู๋เหยี่ย ก็สามารถยืมอ่านที่นี่ได้เพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น

“เจ้าหาเนตรสังสารวัฏไปเพื่ออะไร?” ระหว่างทาง จีหลานถามขึ้น

การปรากฏของเนตรสังสารวัฏในครั้งที่แล้วคือเมื่อพันปีก่อน ตามหลักแล้วจ้าวเฟิงไม่มีทางเกี่ยวพันอะไรกับเขาได้

“เนตรสังสารวัฏสามารถช่วยข้าตามหาคนที่สำคัญคนหนึ่งได้!”

จ้าวเฟิงตอบง่ายๅ

“อ้อ!” จีหลานพยักหน้า เหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ในยามนี้ เบื้องหน้ามีคนตระกูลจีเดินมาสามคน

“จีหลาน เจ้ากลับมาแล้ว!”

หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มรูปงามผมม่วงคนหนึ่ง เดินมาทันทีทั้งใบหน้ายินดี

“อืม กลับมาแล้ว!” จีหลานเผยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“หืม? ท่านนี้คือ?” แววตาของจีเหลียนที่จ้องมายังจ้าวเฟิง แฝงความไม่เป็นมิตร

ลูกหลานตระกูลจีสองคนที่อยู่เบื้องหลังมองจ้าวเฟิง แสดงท่าทีว่ามีเรื่องสนุกๆ ดูแล้ว

ใครๆ ต่างก็รู้กันทั่ว จีเหลียนชมชอบจีหลานเป็นอย่างมาก ดังนั้นสาวงามเช่นจีหลาน ในคนอายุน้อยรุ่นเดียวกันของตระกูลจีจึงไม่มีผู้อื่นตามจีบ ไม่คิดเลยว่าผู้ที่มาจากที่อื่นกลับใกล้ชิดกับจีหลานเป็นอย่างมาก

“เขาคือแขกของตระกูลจี จ้าวเฟิง!” จีหลานตอบไปตามตรง

คนตระกูลจีทั้งสามเผยสีหน้าแปลกประหลาด

จ้าวเฟิง ไม่ใช่มารคู่ผมม่วงในมิติเทพลวงตานั่นรึ?

เขาควรจะเป็นโจรชั่วร้ายที่ปล้นชิงทรัพยากรล้ำค่ามากมายของตระกูลจี เหตุใดจึงกลายเป็นแขกของตระกูลจี ทั้งยังอยู่กับจีหลานอีกด้วย?

เห็นสีหน้าของพวกเขา จีหลานจึงจะนึกขึ้นมาได้

เรื่องที่เกี่ยวกับการทดสอบรัชทายาท น่าจะยังไม่ถึงหูของพวกเขา

ยามนี้สิบแปดมณฑลรู้เพียงแค่ว่าการทดสอบรัชทายาทครั้งที่หนึ่ง องค์ชายเก้าชิงตำแหน่งรัชทายาทได้สำเร็จ

“จ้าวเฟิง? ในมิติเทพลวงตา เจ้าชิงทรัพยากรล้ำค่าของตระกูลจีของข้าข้าไม่สน แต่จากนี้ไปห้ามเจ้าใกล้ชิดกับจีหลานเช่นนี้!” น้ำเสียงของจีเหลียนเปลี่ยนไปทันใด เอ่ยตักเตือนจ้าวเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!