ตอนที่ 10 ยกเลิกเดิมพัน
“เอาล่ะ เมื่อครู่แกบอกว่ารับลูกศิษย์มาสี่คน พาพวกเขามาที่นี่ตอนนี้สิ มาเพื่อให้พวกเราตรวจสอบสิทธิ์การเป็นศิษย์ หรือว่าแกพร้อมจะให้พวกเราตบหน้าแกตอนนี้เลย?” เฉียนเปียวยิ้มเยาะอย่างเลือดเย็น
“นำศิษย์มาที่นี่งั้นรึ?” จางเซวียนส่ายหัว “คุณเป็นอาจารย์ในแผนกทรัพยากรได้อย่างไรกัน เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่รู้ การจะตรวจสอบว่าผมรับลูกศิษย์มาสี่คนจริงหรือไม่ แค่ไปดูที่ฐานข้อมูลก็จะรู้แล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่บรรดาศิษย์ลงทะเบียนจับคู่กับอาจารย์ของเขา ข้อมูลเหล่านี้จะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติที่แผนกควบคุมระบบการศึกษา และไม่มีทางผิดพลาดไปได้”
“หลี่หยวน คุณลองไปค้นดูหน่อยสิ ผมอยากจะเห็นว่าถ้าความจริงปรากฏ มันยังจะกล้าลอยหน้าลอยตาอยู่อีกหรือไม่?” หลังจากเห็นท่าทางมั่นใจผนวกกับคำพูดของจางเซวียน เฉียนเปียวก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังไปสั่งการหลี่หยวน
หลี่หยวนเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งที่เคยพูดจาถากถางเยาะเย้ยจางเซวียนมาก่อนหน้า ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง เขาหันหลังและเดินสาวเท้าออกจากแผนกทรัพยากรอย่างรวดเร็ว การหาข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก แผนกควบคุมระบบการศึกษาและแผนกทรัพยากรอยู่ภายใต้การบริหารงานของสำนักการศึกษาส่วนกลาง ใช้เวลาไม่นานนักหลี่หยวนก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าหมองหม่น
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เห็นสีหน้าที่ไม่ดีของหลี่หยวน หัวใจของเฉียนเปียวก็เต้นแรงเป็นทวีคูณ เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในหัว
“มี…ลูกศิษย์สี่คนที่ยอมรับมันเป็นอาจารย์ นี่คือชื่อและข้อมูลของเหล่าศิษย์…” หลี่หยวนหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าเป็นความจริงที่เหลือเชื่อมากๆ
เด็กทั้งสี่คนตาบอดหรืออย่างไร? มีอาจารย์เก่งๆ จำนวนมากในโรงเรียนหงเทียน ทำไมพวกเขาถึงได้ตาบอดเลือกอาจารย์ห่วยแตกอย่างนี้ได้ ไม่มีใครห้ามพวกเขากันบ้างเลยหรือ?
“ขอผมดูหน่อย จะดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้สรรหาคนพิกลพิการหรือตาบอดมาเรียนด้วย บางคนอาจกำลังจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนล่ะมั้ง” เฉียนเปียวคว้ารายชื่อมาดู อาจารย์อีกสองคนกรูเข้ามามุงบ้าง
มีอาจารย์บางคนที่จำนวนศิษย์ไม่เพียงพอ เลือกที่จะโกงจำนวนศิษย์ด้วยการหาศิษย์ที่กำลังจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน ทำข้อตกลงระหว่างกัน และรับพวกเขาเหล่านั้นเข้ามาเป็นศิษย์ของตนก่อนเพื่อแก้ขัดไปพลางๆ
ในความคิดของเฉียนเปียว คนที่เลือกจางเซวียนซึ่งเป็นอาจารย์ระดับล่างๆ มาเป็นอาจารย์ของตน อาจจะเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการก็ได้ การยอมรับศิษย์ไร้ค่ามาอยู่ในสังกัดตน เพื่อเติมจำนวนคนให้ครบ ไม่ได้ทำให้อาจารย์คนนั้นภาคภูมิใจแต่อย่างใด กลับทำให้อับอายขายขี้หน้าเสียมากกว่า
“หวังหยิ่ง… ผู้หญิงงั้นรึ ? ชื่อเธอไม่คุ้นหูเลยสักนิด เป็นศิษย์ที่สอบเข้ามาด้วยคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดินสินะ…” พอมองไปที่ชื่อแรก เฉียนเปียวก็แบะปากอย่างดูถูก
โรงเรียนหงเทียนไม่ใช่สถานศึกษาที่ใครๆ จะสามารถเข้านอกออกในได้ง่ายๆ หากต้องการที่จะลงทะเบียนเรียน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเข้ารับการทดสอบ หลังจากนั้น… พวกเขาจะได้รับการจัดอันดับจากผลคะแนนของตน สำหรับผู้ที่ทำคะแนนเป็นอันดับต้นๆ ของการสอบ แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นเป้าหมายของอาจารย์ผู้สอนที่มีความสามารถระดับเซียน แต่ดูๆ ไปแล้ว… ไม่พบว่ามีชื่อหวังหยิ่งในกลุ่มเด็กคะแนนสูงเหล่านั้น
ก่อนที่เฉียนเปียวจะคิดตก เขาพลันได้ยินเสียงสั่นเครือของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ยืนข้างๆ
“ทำไม ศิษย์คนนี้เลวร้ายกว่าที่ผมกล่าวออกไปงั้นรึ?” เฉียนเปียวส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น ยังคงไล่มองรายชื่อด้านล่าง
อาจารย์คนนั้นกลับจ้องไปยังข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวของหวังหยิ่งด้วยสายตาตกตะลึง “อยู่ในอันดับหกสิบเจ็ดของการทดสอบ เป็นน้องสาวของศิษย์อันดับหนึ่งหวังเทา ทั้งยังเป็นนายหญิงน้อยของหนึ่งในสี่ตระกูลดังแห่งเมืองเทียนเซวียน”
“นายหญิงน้อยของตระกูลหวังงั้นรึ น้องสาวของหวังเทา? เธอเป็นน้องสาวของหวังเทาเลยหรือ?” พอได้ยิน เฉียนเปียวก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ตระกูลที่โด่งดังในอาณาจักรเทียนเซวียนแห่งนี้มีทั้งหมดสี่ตระกูล และตระกูลหวังก็เป็นหนึ่งในนั้น นายหญิงน้อยจากตระกูลที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่จะยอมรับคนไร้ความสามารถมาเป็นอาจารย์ของเธอ เธอไม่ได้ไปสมัครกับอาจารย์ลู่ฉวินหรอกหรือ
ตระกูลของหวังหยิ่งเป็นตระกูลหนึ่งที่ทรงอิทธิพลมาก และคนที่ทำให้เฉียนเปียวหวาดกลัวได้มากที่สุดก็คือ หวังเทา พี่ชายของหวังหยิ่ง เขาเป็นศิษย์เมื่อสองรุ่นที่แล้ว และสำหรับการลงทะเบียนของเขาในครั้งนั้น เขาได้คะแนนติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของการสอบ เรียกได้ว่าบรรดาอาจารย์ในโรงเรียนต่างก็หมายตาให้มาเป็นศิษย์ของตน
ถ้าหากว่าพี่ชายมีพรสวรรค์ถึงขั้นนั้น แล้วน้องสาวจะไม่เก่งเชียวรึ?
หวังหยิ่งเป็นทั้งทายาทของตระกูลที่ทรงอิทธิพล มีพรสวรรค์ และมีพี่ชายที่เก่งกล้าสามารถ เธอยังจะยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์ของเธออยู่อีกหรือ?
นี่ตาของเขาคงบอดไปแล้วสินะ ถึงได้อ่านผิดพลาดไปถึงขนาดนี้ได้ เฉียนเปียวรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางใจ เสียงดังกึกก้องรอบตัวทำให้เขารู้สึกเหมือนจะหน้ามืด
“ดูคนถัดไป…” เขายังคงตัวสั่นเทาด้วยความไม่อยากเชื่อ
ในขณะที่อาจารย์อีกคนร้องเสียงหลง “มันน่าจะโชคช่วยมากกว่าถึงได้หวังหยิ่งมาเป็นลูกศิษย์ เหลือเชื่อมากๆ”
เฉียนเปียวยังคงจ้องในใบรายชื่อ เมื่อตาของเขาเห็นรายชื่อถัดไป เขาก็สะดุ้งโหยงอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม “จ้าวหย่า? จ้าวหย่าที่มีผลการสอบยอดเยี่ยมอันดับเจ็ดเนี่ยนะ ลูกสาวของเจ้าเมืองไป๋หยู” เฉียนเปียวรู้สึกเหมือนน้ำตาตกใน เขาเพิ่งโพล่งออกไปว่า ไม่มีทางที่จางเซวียนจะสามารถรับศิษย์ที่เก่งกาจ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำไม่ได้… แล้วนี่อะไรกัน มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
บรรดาอาจารย์รอบด้านต่างพากันตกตะลึง จ้าวหย่าโด่งดังก่อนที่เธอจะสอบเข้าโรงเรียนนี้เสียอีก เธอเป็นบุตรีคนเดียวของเจ้าเมืองไป๋หยู ทั้งรูปสวยและมากความสามารถ อาจารย์อันดับต้นๆ ต่างแข่งขันเพื่อที่จะแย่งเธอ แล้วทำไมแจ็คพอตถึงได้มาตกที่จางเซวียนเสียเล่า?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
เฉียนเปียวพยายามข่มอารมณ์ เขาเลื่อนรายชื่อลงมาจนเห็นชื่อของหลิวหยางและเจิ้งหยาง ทั้งสองอาจจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นอะไรนัก แต่ผลสอบเข้าก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่อย่างใด ยังคงอยู่ในอันดับร้อยต้นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจิ้งหยางที่มีความสามารถในเพลงหอก แต่เนื่องจากข้อจำกัดในการทดสอบที่ผ่านมา ทำให้เขาไม่สามารถจะออกแรงได้เต็มที่ ด้วยเหตุนี้อันดับของเขาจึงร่วงไปอยู่ลำดับท้ายๆ หากว่าเขาได้รับอนุญาตให้ใช้เพลงหอกทดสอบ ผลที่ได้น่าจะอยู่ในอันดับยี่สิบต้นๆ
จ้องมองทั้งสี่รายชื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก เฉียนเปียวและอาจารย์ท่านอื่นๆ รู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังจะบ้า “แกต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างล่อลวงให้พวกเขายอมรับแกแน่ๆ หรือไม่พวกเขาก็ไม่รู้กิตติศัพท์ของแก เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารู้ พวกเขาจะถอนตัวอย่างแน่นอน” เฉียนเปียวขู่คำรามออกมาอย่างอาฆาตมาดร้าย
อาจารย์ที่สอบวัดระดับได้ศูนย์คะแนนจะสามารถรับลูกศิษย์ที่มีประวัติโดดเด่นได้อย่างไรกัน เขาต้องใช้วิธีการน่ารังเกียจบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ และเมื่อวิธีการเหล่านั้นถูกเปิดเผย ศิษย์เหล่านั้นย่อมจากเขาไปอย่างโกรธแค้น
“มันไม่ใช่ปัญหาของคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะถอนตัวออกจากห้องเรียนของผมหรือไม่ เดิมพันที่พวกเราตกลงกันไว้คือถ้าผมมีลูกศิษย์สี่คนจริงๆ ไม่ได้โม้ ผมจะชนะพนัน” จางเซวียนกล่าวอย่างใจเย็นโดยไม่สนใจสายตาเคียดแค้นของใครเลย
เฉียนเปียว หลี่หยวน และอีกสองคนมีสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ใช่… เนื้อหาการเดิมพันของพวกเขาครั้งนี้ จะวัดกันที่จางเซวียนมีหรือไม่มีลูกศิษย์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่า พวกเขาทั้งหมดแพ้พนัน!
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจยอมรับความจริงว่าตนแพ้ ไม่อาจทนให้อาจารย์ที่แย่ที่สุดในโรงเรียนตบหน้า
“เดิมพันรึ? แล้วถ้าพวกเราปฏิเสธล่ะ?” หลังจากลังเลเล็กน้อย เฉียนเปียวก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “อันที่จริง ถึงแม้ว่าพวกเราจะกลับคำ แล้วแกจะมีปัญญาทำอะไรได้ ฮ่าๆ จะทุบตีเรางั้นรึ แกมีความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ? เป็นแค่อาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนยังจะกล้าวางท่าโอหังต่อหน้าคนอื่นอีก แกเชื่อรึเปล่า… ต่อให้พวกเรารุมทำร้ายแก ก็คงไม่มีใครมาห้ามหรอก”
“หยุดวางท่ายโสโอหังได้แล้ว อีกไม่นาน แกก็จะถูกเตะออกจากโรงเรียนแล้ว” หลี่หยวนและคนอื่นๆ เพิ่งเข้าใจความหมายจริงๆ ของเฉียนเปียว พวกเขาต่างยิ้มเยาะจางเซวียน
จางเซวียนทั้งห่วยแตก สอนแย่ และฝีมือไม่เอาไหน… เป็นธรรมดาที่เฉียนเปียวและพรรคพวกจะไม่เกรงกลัว จางเซวียนไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะบังคับให้พวกเขาทำตามข้อตกลงเสียหน่อย หากพวกเขากลับคำพูด แล้วใครจะทำไม
“อ้อ… จะบอกว่าอาจารย์ทุกคนที่นี่ ไม่มีใครสักคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาอย่างนั้นใช่ไหม?” จางเซวียนไม่ได้โกรธ แต่กลับยิ้มอย่างนึกสนุก
“ใช่… แกคิดว่าแกเป็นใครถึงคิดว่าฉันจะยอมให้แกมาตบหน้า แกเชื่อไหมว่าฉันจะตบแกให้ตายตอนนี้เลยยังได้” ไม่พูดเปล่า เมื่อเห็นว่ามีเพื่อนฝูงให้ท้าย หลี่หยวนจึงฟาดมือไปยังใบหน้าของจางเซวียน
อย่างไม่รีรอ
ก่อนที่แรงตบนั้นจะกระทบใบหน้า บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น…
แม้ว่าหลี่หยวนจะเป็นเพียงอาจารย์ในแผนกทรัพยากร แต่ฝีมือของเขาก็ไม่ได้แย่ เขาเป็นถึงนักรบขั้นสี่ ระดับสูงเชียวนะ
นักรบนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดเก้าขั้น ประกอบด้วย ขั้นหนึ่ง – จวีซี, ขั้นสอง – ตันเถียน, ขั้นสาม – เจิ้นชี่, ขั้นสี่ – ผีกู่, ขั้นห้า – ติ่งลี่, ขั้นหก – พี่เชวี่ย, ขั้นเจ็ด – ทงฉวน, ขั้นแปด – จงซรือ และ ขั้นเก้า – จื้อจุน การข้ามไปอีกขั้นก็เหมือนข้ามไปสู่โลกใบใหม่ ยิ่งปีนสูงขึ้นไปเท่าไร ความยากก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ละขั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ… ต่ำ กลาง สูงและสูงสุด
จางเซวียนเป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในโรงเรียน เขาเพิ่งจะอายุสิบเก้า ด้วยเหตุนี้กำลังภายในของเขาจึงอยู่ในขั้นสาม – เจิ้นชี่เท่านั้น
อาจารย์หลี่หยวนอยู่ในขั้นที่สูงกว่า ความห่างของแต่ละขั้นมันกว้างมากๆ เรียกได้ว่าจางเซวียนไม่มีทางเอาชนะหลี่หยวนได้
ปั่ก! ทุกคนคิดว่าหลี่หยวนจะตบจางเซวียนจนหมดสติ ที่ไหนได้… หลังจากเสียงสะท้อนอันกึกก้อง… แก้มหลี่หยวนกลับแดงเถือกเหมือนเลือดสดๆ ปะทุออกมา ฟันกองใหญ่ร่วงกราวลงบนพื้น “ป…เป็นไปได้อย่างไร?”
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ตกตะลึงจนแทบเสียสติ!