Skip to content

Library Of Heaven’s Path 104

ตอนที่ 104 ช่วยเป็นกระบอกเสียง

“ลุยเลย!”

ทุกอย่างง่ายดายเมื่อรู้จุดชีพจรที่ถูกต้อง การเปิดมันก็เช่นกัน จางเซวียนไม่ลังเล เขาพุ่งพลังปราณในร่างกายส่งไปที่จุดชิงเฉียว

บึ้ม!

อึดใจต่อมา มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ร่างของเขาโงนเงน และทันใดนั้นก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งหรือความรวดเร็วในการตอบโต้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างพรวดพราด

จางเซวียนก้าวเข้าสู่การเป็นนักรบขั้น 6 – พี่เชวี่ยระดับสูงแล้ว!

ถ้าเขาหลับตาตอนนี้ ก็จะรู้สึกได้ถึงรัศมีเรืองรองที่แผ่ออกจากจุดชีพจรในตัวเขา เหมือนกับแสงดาวในคืนที่ฟ้ามืดมิด

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

เมื่อจุดชีพจรถูกเปิด ปราณบริสุทธิ์ก็พุ่งเข้าไป เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาได้ในชั่วพริบตา

“เจ๋ง!”

รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย จางเซวียนรู้ตัวว่าเขาก้าวไปสู่อีกขั้นได้สำเร็จแล้ว

“ถึงไม่มีเคล็ดวิชาพวกนั้น เราก็จะงมหาวิธีที่ถูกต้องด้วยการทดสอบไปทีละอย่าง ต่อให้มีวิธีการที่เป็นไปได้อยู่เป็นหมื่นวิธีก็เถอะ สุดท้าย เมื่อตัดวิธีที่ผิดทิ้งไปหมดแล้ว เราก็จะเจอวิธีที่ถูก”

นัยน์ตาของจางเซวียนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นแค่การคาดเดาแบบปัจจุบันทันด่วน เขาไม่คิดเลยว่ามันจะสำเร็จเอาจริงๆ

แปลว่าวิธีการนี้ใช้ได้กับพลังขั้นพี่เชวี่ย จุดชีพจรในร่างกายมนุษย์ทั้ง 108 นั้นอยู่ในที่ทางของมัน ดังนั้น การที่เขาทดสอบทีละจุดๆจึงทำได้ แต่ถ้าเขาพยายามหาหนทางฝึกวิชาด้วยตัวเองล่ะก็ ถึงจะมีหอสมุดเทียบฟ้า ก็คงเอาชีวิตไม่รอดแน่

อันที่จริง จางเซวียนไม่รู้มาก่อนว่าจุดชีพจร 36 จุดที่ถูกล็อคไว้นั้นมีที่มาที่ไป และถ้าปราศจากปราณบริสุทธิ์แล้วก็ไม่มีทางเปิดจุดเหล่านั้นได้

ใช้การอุปมาอุปมัยแบบง่ายๆ หากจุดชีพจรอื่นๆคือทางผ่าน สามสิบหกจุดที่ถูกล็อคไว้คือตาน้ำ และพลังปราณที่ไม่บริสุทธิ์คือน้ำที่ขุ่นคลั่กด้วยโคลน แม่น้ำนี้จะไหลผ่านเส้นทางอื่นได้โดยง่าย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไหลผ่านตาน้ำซึ่งมีขนาดเล็ก เพราะสิ่งสกปรกในน้ำโคลนจะไปอุดตันเส้นทางไว้หมด ถ้าใครสักคนพยายามใช้กำลังจัดการมัน ก็จะลงเอยด้วยการทำลายจุดชีพจรของตัวเองแทน ร่างกายจะสูญเสียสมดุล และสุดท้ายก็ตาย

จางเซวียนได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาเทียบฟ้าอันไร้ที่ติ และพลังปราณของเขาก็บริสุทธิ์ราวกับน้ำใสสะอาด แม้จะเจอกับตาน้ำที่เล็กแค่ไหน มันก็สามารถพุ่งผ่านเข้าไปเปิดจุดชีพจรได้

“เราควรจะทดลองกับจุดชีพจรจุดต่อไป!”

เมื่อจุดแรกสำเร็จแล้ว จางเซวียนก็เดินหน้า เวลาผ่านไปชั่วครู่ จุดชีพจรจุดที่สองก็ถูกเปิด

ส่วนที่ยากที่สุดของวิชาขั้นพี่เชวี่ยคือการเรียงลำดับจุดชีพจรที่จะเปิดให้ถูกต้อง ถ้าหาเจอแล้ว ที่เหลือก็กล้วยๆ

ที่บ้านของจ้าวหย่า เหยาฮั่นกำลังนั่งอยู่ไม่ไกลจากจ้าวหย่านัก

“นายหญิงน้อย บอกผมเรื่องอาจารย์จางและอาการป่วยของนายหญิงน้อยด้วยเถอะ เหตุใดนายหญิงน้อยถึงต้องกินยาสมุนไพร?”

ในตอนแรกเขามีอคติกับจางเซวียน แต่หลังจากที่เห็นว่าจางเซวียนยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อลูกศิษย์ แถมยังให้ยาสมุนไพรมูลค่านับล้านเหรียญมาอย่างง่ายดาย เขาก็ไม่อาจคิดร้ายได้อีก แต่ก็สลัดความสงสัยออกไปไม่ได้

การกระทำของอาจารย์จางอาจเป็นการสร้างภาพ แต่พลังอันสงบเยือกเย็นและอุปนิสัยแบบผู้มีวิชาแก่กล้านั้นไม่อาจเสแสร้งแกล้งทำได้

คนที่มีพลังเช่นนี้ อุปนิสัยแบบนี้ และมีคุณธรรมขนาดนี้จะเป็นวายร้ายที่มาหลอกลวงผู้หญิงได้อย่างไรกัน?

ดูเหมือนตัวเขาจะเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้น!

ว่าแต่นายหญิงน้อยก็สุขภาพแข็งแรงมาตลอด ทำไมต้องกินยาสมุนไพร แถมยังแพงและล้ำค่าขนาดนั้น?

สงสัยจนเก็บไว้ไม่ไหว เหยาฮั่นจึงต้องมาพบเธอที่บ้าน

“อาจารย์จางน่ะ…ตอนแรกฉันก็มีอคติกับเขา จนกระทั่งเห็นความสามารถของอาจารย์ ได้ฟังอาจารย์สอน…” จ้าวหย่าตั้งต้นรำลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเธอได้พบจางเซวียน

แต่เมื่อพูดถึง ‘อาการป่วย’ ของเธอ ใบหน้าของจ้าวหย่าก็แดงก่ำ

ที่ผ่านมา เธออับอายที่จะพูดถึงมัน สงสัยว่าร่างกายและจิตใจของตัวเองมีอะไรที่ผิดปกติ แต่หลังจากได้รู้ความจริงจากอาจารย์จาง เธอก็สามารถข้ามผ่านอุปสรรคนั้นได้

สำหรับคนที่มีปราณหยินบริสุทธิ์อยู่ในตัว การฝึกวิชาพลังหยินจะยิ่งทำให้พลังหยินในตัวมีเพิ่มขึ้นอีก ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวหย่ามีจิตใจเข้มแข็งล่ะก็ เธอคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว

“ปราณหยินบริสุทธิ์? นายหญิงน้อยมีปราณหยินบริสุทธิ์หรือ? พวกเราคิดไม่ถึงเลย เราให้นายหญิงน้อยฝึกวิชาธิดาหยกขาวเสียด้วยซ้ำ…” หลังจากได้รับรู้ถึงอาการและความเจ็บปวดที่สาวน้อยต้องเผชิญตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหยาฮั่นก็หน้าซีด

เขามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาของจ้าวหย่าและรักจ้าวหย่าเหมือนลูก ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์จางมองทะลุปัญหา นายหญิงน้อยก็ยังต้องจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดเดิมๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขามองไม่เห็นสิ่งนี้ทั้งๆที่เป็นคนอยู่เคียงข้างและดูแลเธอมาตลอด เหยาฮั่นโทษตัวเองและรู้สึกเสียใจนัก

เขานึกย้อนไปตอนที่อยู่ในสมาคมนักปรุงยา เขาได้ยินจ้าวหย่าพูดว่าเธอมีสภาวะพิเศษ ซึ่งเขาจะซักไซ้ตอนนั้นก็ใช่ที่ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะเป็นเรื่องนี้ คือผลที่ตามมาจากการฝึกพลังหยินนี่เอง

“ในเมื่ออาจารย์จางเก่งกาจขนาดนี้ แล้วทำไมกิตติศัพท์ของเขาถึง…”

หลังจากฟังจ้าวหย่าเล่า ดูเหมือนอาจารย์จางผู้นี้จะมีความสามารถเหนือมนุษย์มนา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กิตติศัพท์ของเขาก็น่าจะเลื่องลือ แต่ทำไมสิ่งที่ตัวเขาไปสืบเสาะมาได้คือการสอบประเมินอาจารย์ตก แถมยังทำให้ลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนเป็นบ้าเป็นหลัง?

“วันนี้ ในกรณีของหลิวหยาง ฝ่ายการศึกษาตกลงจะใช้แบบทดสอบความประสงค์…” จ้าวหย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเจดีย์แห่งความประสงค์

“อะไรนะ นายหญิงหมายถึง…เรื่องที่ผู้อาวุโสซั่งเฉินตั้งใจให้ร้ายอาจารย์จางน่ะเหรอ? ให้ตายเถอะ พลังของอาจารย์จางน่ะเทียบเท่าพี่เชวี่ยระดับสูงแล้วนะ”

เหยาฮั่นตัวสั่น

ถ้าเขาไม่ได้ยินเรื่องนี้กับหูล่ะก็ จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

ทำไมหัวหน้าฝ่ายการศึกษาของโรงเรียนจึงไร้ยางอายเช่นนี้!

ในอีกแง่หนึ่ง อาจารย์จางก็…ช่างเป็นบุคคลที่น่านับถือเสียนี่กระไร!

ดูเหมือนว่าตัวเขาเข้าใจผิด ไม่ใช่แค่เขาหรอก ทุกคนเข้าใจผิดกันหมด

“ฉันไม่เคยเห็นผู้อาวุโสซั่งเฉิน เคยเห็นแต่อาจารย์ซั่งปิง ที่เป็นหลานชายของเขาน่ะ เจ้านั่นเป็นคนชั่วร้ายและเห็นแก่ตัว ก็อย่างว่า ปู่ของเขาคงไม่ดีไปกว่านั้นหรอก…”

ถ้าคนอื่นมาได้ยินข่าวลือเช่นนี้เกี่ยวกับหัวหน้าฝ่ายการศึกษา พวกเขาจะต้องแคลงใจกับความน่าเชื่อถือของข่าวแน่ แต่เหยาฮั่นเชื่อคำพูดของจ้าวหย่าโดยไม่ลังเลสักนิด

เขาก็ไม่เคยพบซั่งเฉิน พบแต่ซั่งปิง และบาดแผลบนใบหน้าของเขาก็เป็นฝีมือหมอนั่น!

เมื่อหลานเป็นเช่นนั้น ปู่จะน่าเคารพได้อย่างไร

นกฝูงเดียวกันย่อมมีขนแบบเดียวกันนั่นแหละ!

“ลุงเหยา ตอนนี้ลุงรู้เรื่องอาจารย์จางแล้ว ฉันหวังว่าลุงจะให้ความเคารพอาจารย์มากขึ้น นับจากนี้ไป” จ้าวหย่าจบประโยคด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“แน่นอนที่สุด ผมน่ะโง่เขลานัก ผมรู้แล้วว่าจากนี้ไปจะต้องทำอย่างไร!”

เหยาฮั่นพยักหน้า สีหน้าหมองคล้ำลงทันใด ความมีสิทธิ์ขาดและความเย่อหยิ่งในฐานะพ่อบ้านของตระกูลอันทรงอิทธิพลแผ่ออกมาเมื่อเขาพูดต่อ “แต่ซั่งเฉินกับซั่งปิงนี่น่ะคือต้นเหตุที่ทำให้ลุงเข้าใจอาจารย์จางผิด ยังไม่รวมการใส่ร้ายป้ายสีนะ ผมจะต้องคุยกับท่านเจ้าเมืองให้ลงโทษพวกนั้นให้ได้!”

“ถูกต้อง เจ้าพวกเลวทรามต้องถูกลงโทษ!” จ้าวหย่าพยักหน้า

เธอไม่เหมือนหวังหยิ่ง

หวังหยิ่งเป็นคนว่านอนสอนง่ายและตรงไปตรงมา แต่จ้าวหย่าเป็นลูกสาวเจ้าเมือง เธอเก่งกล้า นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้เมื่อได้ยินเหยาฮั่นพูดว่าจะให้บทเรียนกับคนคู่นั้น เธอจึงไม่ลังเลและพยักหน้าเห็นด้วยทันที ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าฝ่ายการศึกษา อาจารย์จางคงไม่ต้องทนแบกรับความอยุติธรรม ไม่ต้องเผชิญกับสายตาเคลือบแคลงและดูถูกเหยียดหยามจากชาวโลกเช่นนี้

อีกอย่าง ด้วยศักยภาพของอาจารย์ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีลูกศิษย์มาขอเรียนด้วย เขาจะต้องถูกลูกศิษย์คนใดคนหนึ่งทำเสียชื่อแน่ๆ!

“ลุงเหยา ฉันขอแรงลุงกระจายข่าวนี้หน่อย ยิ่งคนรู้กันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

จ้าวหย่าเอ่ยปาก

“ได้เลยครับนายหญิงน้อย!” เหยาฮั่นพยักหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!