ตอนที่ 11 เมตตาพวกเราด้วยเถอะ
กล่าวกันว่านักรบขั้นสี่ – ผีกู่นั้น ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก และผิวหนัง จะถูกพัฒนาจนแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างระหว่างนักรบขั้นสี่ – ผีกู่ กับนักรบขั้นสาม – เจิ้นชี่ นั้นต่างกันราวกับฟ้าและดิน เพียงแค่หมัดเดียวของนักรบขั้นผีกู่ อาจทำให้นักรบขั้นเจิ้นชี่ถึงกับกระอักเลือดได้เลย
แต่ทำไม… อาจารย์หลี่หยวนที่อยู่ในขั้นผีกู่ กลับโดนอาจารย์จางที่อยู่แค่ขั้นเจิ้นชี่ทำร้ายเอาได้เล่า ทุกคนต่างพากันจ้องมองตาค้าง “ตกลงมันใช่อาจารย์ปลายแถวหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ล่ะ?”
“มันก็คงบังเอิญเท่านั้นแหละ อย่าไปกลัว” เฉียนเปียวคำราม
อาจารย์ท่านหนึ่งเห็นด้วยกับเฉียนเปียว เขาพุ่งเข้าหาจางเซวียนพร้อมกับคำรามลั่น “ฉันจะทำให้แกไปกองกับพื้นเอง” เช่นเดียวกับหลี่หยวนที่อยู่ในขั้นผีกู่ – ระดับสูง กล้ามเนื้อของอาจารย์คนนี้เหมือนกับเส้นโลหะที่แข็งแกร่ง ผิวคล้ายแผ่นเหล็ก ไม่น่าจะมีใครต้านทานเขาได้… เขาก้าวไปข้างหน้า ยักคิ้วแล้วเตรียมตัวจะโจมตีจางเซวียนด้วยฝ่ามือ
เมื่อเผชิญกับสีหน้าโหดเหี้ยมของอีกฝ่าย จางเซวียนยังคงนิ่งเฉย เขารวบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าด้วยกันแล้วแทงเฉียงขึ้น
พลั่ก!
อาจารย์ซึ่งร่างกายเหมือนแผ่นเหล็กรู้สึกเจ็บปวดบริเวณรักแร้ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบ ล้มลงกับพื้น
“อะไรกันเนี่ย?” ด้วยการโจมตีเพียงสองครั้ง นักรบขั้นสี่กลับพ่ายแพ้อย่างหมดท่าไปอีกคน… อาจารย์อีกสองคนที่เหลือรวมถึงเฉียนปียวเพิ่งจะตระหนักว่าจางเซวียนจัดการไม่ง่ายอย่างที่คิด
“พวกเรา… มาโจมตีพร้อมกัน…” พร้อมกับเสียงคำรามดังกึกก้อง เฉียนเปียวชูหมัดแล้วพุ่งเข้าหาจางเซวียนบ้าง ทว่า…ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวใดๆ จางเซวียนพลันปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเขา มือซ้ายของจางเซวียนคว้าใบหน้าเฉียนเปียวไว้ ขณะที่มือขวาพุ่งเข้าหาจุดจุดหนึ่งอย่างจัง
ฟับ!
เฉียนเปียวมีอาการปวดมวนในช่องท้องและทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันที
จังหวะที่ร่างของเขาสัมผัสพื้น อาจารย์ที่ร่วมกลุ่มอีกคนก็ร่วงลงไปกระแทกพื้นและสั่นเหมือนเป็นโรคลมชักด้วยความกลัวขึ้นสมอง
“แก… แกรู้จุดเป็นจุดตายทั้งหมดของพวกเราได้ยังไง?” เลือดสดๆ กระอักออกมา เฉียนเปียวจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังชักอยู่อย่างหวาดกลัว
ในที่สุด พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่มีความสามารถเพียงน้อยนิดอย่างจางเซวียนถึงดูเก่งกาจ เป็นเพราะจางเซวียนรู้จุดเป็นจุดตายของคู่ต่อสู้ จึงสามารถคาดเดา ป้องกัน และวางแผนการโจมตีได้ล่วงหน้านี่เอง นักรบทุกคนล้วนมีจุดเป็นจุดตาย มันเป็นเสมือนจุดอ่อนที่สุดในร่าง และหากมันถูกโจมตี นักรบคนนั้นอาจถึงฆาตได้เลย แม้ว่าผู้ที่โจมตีจะเป็นเพียงเด็กน้อยก็ตาม
อย่างไรก็ดี จุดเป็นจุดตายมักเป็นความลับส่วนตัวของนักรบทุกคน เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังปกปิดอย่างที่สุด แม้แต่ญาติสนิทก็ไม่อาจให้ล่วงรู้ แม้ว่าจางเซวียนจะไม่ได้มีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จุดเป็นจุดตายของคู่ต่อสู้และเลือกจู่โจมได้ตรงจุด
พวกเขาจะต่อกรกับคนแบบนี้ได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินคำอุทานของพวกเขาเหล่านั้น จางเซวียนเพียงแต่ยิ้ม ไม่อธิบายอะไร แน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่างผ่านหอสมุดเทียบฟ้าในหัว หอสมุดที่ว่าไม่เพียงทำให้ตาของเขาเห็นข้อบกพร่องของเคล็ดวิชาต่างๆ
มันยังสามารถมองทะลุถึงปัญหาของการฝึก รวมถึงจุดเป็นจุดตายในร่างของผู้ฝึกอีกด้วย ซึ่งทุกอย่างนี้ถูกบันทึกไว้โดยละเอียด มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จางเซวียนจะปราบกลุ่มคนตรงหน้าได้
“ตั้งแต่ที่พวกคุณเริ่มเดิมพัน ก็ควรจะเตรียมใจเผื่อพ่ายแพ้เอาไว้ด้วย ถ้าพวกคุณยอมให้ผมตบหน้าแต่แรก ทุกอย่างก็จะไม่จบลงแบบนี้” จางเซวียนหัวเราะเบาๆ
“จางเซวียน แกไม่ต้องมาลิงโลด ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกใช้วิธีการสกปรกอะไร ถึงค้นพบจุดเป็นจุดตายของพวกเราได้ แต่อาจารย์อันดับโหล่อย่างแกกล้าที่จะโจมตีอาจารย์คนอื่นในที่สาธารณะ ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้ ฉันก็สามารถส่งจดหมายร้องเรียนไปยังสำนักการศึกษาส่วนกลาง ให้ถอนใบอนุญาตการเป็นอาจารย์ของแกได้แล้ว…” เฉียนเปียวเอ่ย
ใช่… ที่นี่มีการแบ่งแยกวรรณะชัดเจนระหว่างอาจารย์ที่ได้คะแนนสูงและต่ำ หากอาจารย์ที่ได้คะแนนต่ำวางท่าต่อต้านหรืองัดข้ออาจารย์ในระดับสูงแล้วล่ะก็ ทางโรงเรียนจะถือว่าอาจารย์คนนั้นทำผิดธรรมเนียม
จางเซวียนเป็นอาจารย์ที่ถือว่ามีวัยวุฒิน้อย และเขายังได้คะแนนเป็นศูนย์สำหรับการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ด้อยศักยภาพ ตอนนี้เขาทำอาจารย์ที่อาวุโสกว่าถึงสี่คนบาดเจ็บ หากโรงเรียนได้รับการแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ต้องเกิดเรื่องโกลาหลขึ้นแน่ และใบอนุญาตการเป็นอาจารย์ของเขาก็อาจจะถูกเพิกถอน แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ทำให้เขาตกงานได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“อะไรกัน แพ้ก็ไม่ยอมรับ กลับจะงัดเอากฎระเบียบของโรงเรียนมาใช้เลยเชียวรึ?” แม้เหตุการณ์จะเริ่มลุกลามบานปลาย แต่จางเซวียนกลับดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจนัก
“ใช่… แล้วจะทำไม” หลี่หยวนเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เขามองจางเซวียนอย่างโหดร้าย “ถ้าแกเชื่อฟัง ยอมคุกเข่าให้พวกเราทุบตี ไม่แน่นะ ถ้าพวกเราอารมณ์ดีขึ้นอาจจะไม่รายงานเหตุการณ์นี้ก็ได้ แต่ถ้าแกปฏิเสธ ก็เตรียมพร้อมที่จะถูกไล่ออกได้เลย”
“หลังจากที่แกถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ไม่มีแม้แต่ตราสัญลักษณ์ความเป็นอาจารย์มาปกป้อง ต่อให้แกถูกคนจ้องจะเอาชีวิต ก็จะไม่มีใครสนใจ” อาจารย์อีกคนกล่าวเสริม
ในอาณาจักรเทียนเซวียน อาชีพอาจารย์ในโรงเรียนเป็นอาชีพที่มีสถานะทางสังคมสูงสุด หากจางเซวียนต้องออกจากตำแหน่งอาจารย์ สถานะทางสังคมของเขาก็จะต้องตกลงไปโดยปริยาย และถ้าเป็นอย่างนั้น ใครอยากจะกระทืบเขาให้ตายหรือตามมาแก้แค้น ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
“ในเมื่อพวกคุณต้องการใช้กฎระเบียดจัดการผม งั้นดีเลย ผมก็จะจัดการกับพวกคุณด้วยกฎเหมือนกัน” จางเซวียนเดินตรงไปหาเฉียนเปียวและกล่าวว่า “อาจารย์เฉียนเปียว เมื่อสามเดือนก่อนคุณแอบยักยอกเงินจากกองทุนของโรงเรียนไปซื้อบ้าน และเดือนที่ผ่านมาคุณทำเครื่องลายครามที่รักยิ่งของผู้อาวุโสหลิวเซวียนแตกเป็นผุยผง จากนั้นก็โยนความผิดไปให้ศิษย์คนหนึ่ง เป็นเหตุให้เขาต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน ผมก็จำเป็นต้องแจ้งเรื่องทั้งหมดนี้ต่อหน้าผู้อำนวยการโรงเรียนด้วยสินะ”
“นี่แก…” ตาของเฉียนเปียวเบิกกว้าง ลำตัวอวบอ้วนของเขาสั่นไหวด้วยความตกตะลึง ความกลัวทั้งหมดปะทุผ่านร่างกาย เขาเต้นเป็นเจ้าเข้าและใกล้จะเสียสติ
เขาพยายามปกปิดร่องรอยไม่ให้ใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานเช่นหลี่หยวนก็ยังไม่ระแคะระคาย แล้วจางเซวียนรู้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ เขายังรู้อะไรอีกบ้าง?
จางเซวียนไม่สนใจสายตาอาฆาตของเฉียนเปียว แต่กลับจ้องไปที่หลี่หยวนแทน “อาจารย์หลี่หยวน คุณข่มเหงย่ำยีศิษย์สาวคนหนึ่ง เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเมื่อสามปีก่อน ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นวิญญาณพยาบาทตามหลอกหลอนคุณอยู่หรือไม่… เอ… ไม่กี่วันที่ผ่านมา เพิ่งมีสิวเม็ดเป้งผุดขึ้นที่กลางหลังของคุณนี่นา บางทีอาจจะเป็นเธอที่หาทางเอาคืนคุณอยู่ก็ได้นะ”
“อ่า…” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น หลี่หยวนก็สะดุ้งโหยง หน้าถอดสี
ใช่แล้ว… สามปีก่อนเขาหลงเสน่ห์ลูกศิษย์สาวสวยคนหนึ่งและเขาก็ข่มเหงเธอ ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอัปยศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความลับสุดยอดที่ไม่มีใครรู้ ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขามักฝันถึงบุคคลหนึ่งที่หมายมาดจะมาเอาชีวิตของเขาให้ได้ บุคคลที่เป็นเหมือนวิญญาณพยาบาท นอกจากนี้ ครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็มีสิวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือมนุษย์ปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาหวาดกลัวขึ้นสมอง
หลังจากที่ได้ยินจางเซวียนเล่าเหตุการณ์เหล่านั้นดั่งตาเห็น ทั่วทั้งร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม ไม่สามารถควบคุมร่างกายจากความกลัวที่เข้าครอบงำกะทันหันได้
ตุบ!
หัวเข่าของเขาทรุดลงไปกองกับพื้น กลิ่นฉุนจางๆ คละคลุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใครจะคิดว่านักรบขั้นสี่ – ระดับสูง กลับหวาดกลัวเรื่องนี้จนถึงขั้นฉี่ราดในที่สาธารณะ
“อาจารย์ตูซุน คุณโกงเงินพี่ชายแท้ๆ และวางยาพิษเขา เขาตายหลังจากดื่มไวน์แก้วนั้น แม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจะไม่สามารถเอาผิดคุณได้ แต่ลองคิดดู ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป คุณคิดว่าตัวเองยังสามารถเป็นอาจารย์ได้อีกหรือไม่?”
“ส่วนอาจารย์ไป๋หลิน คุณไม่เคยกระทำความผิดใหญ่ใดๆ แต่เนื่องจากคุณมีความสนใจในของเก่าของโบราณ ด้วยเหตุนี้คุณจึงได้ยอมรับสินบนมากมายจากลูกศิษย์ ถ้าผมเดาไม่ผิด
แหวนหยกโบราณที่คุณใส่อยู่คงเป็นของที่ระลึกจากลูกศิษย์ที่เคยขอให้คุณทำอะไรบางอย่างให้ และคุณก็เรียกร้องสิ่งนี้จากเขา คุณต้องการให้ผมบอกรายละเอียดลึกกว่านี้อีกหรือไม่?”
จางเซวียนตวัดสายตามองอาจารย์อีกสองท่านในห้อง กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างต่อ…
“แก… แกมันปีศาจ”
“แกไม่ใช่มนุษย์…”
อาจารย์อีกสองคนหวาดกลัวขึ้นสมอง พวกเขาจ้องมอง
จางเซวียนด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาเคยทำจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย และพวกเขาก็มั่นใจว่าไม่มีบุคคลภายนอกล่วงรู้ แต่จางเซวียนคนนี้น่ากลัวมาก เขาพูดทุกอย่างได้เหมือนตาเห็น
ตอนที่พวกเขาต่อสู้แพ้ยังไม่นึกหวาดเท่าความลับถูกแพร่งพราย!
หากข้อมูลเหล่านี้เล็ดลอดออกไปล่ะก็ การสิ้นสุดชีวิตของการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนอาจไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรมากมาย แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและถูกฆ่าตายในที่สุด
“พวกเราผิดไปแล้ว”
“อาจารย์จางเซวียนเป็นคนดี อย่าแค้นเคืองพวกเราเลย ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ…”
พวกเขาตัวสั่นร้องขอเมตตา
“ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากรับรู้เรื่องในอดีตของพวกคุณหรอกนะ ขอแค่พวกคุณหยุดการกระทำใดๆ ที่ฉีกหน้าผมต่อหน้าธารกำนัลก็พอแล้ว นอกจากนี้ถ้าพวกคุณทั้งหมดยังไม่ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าผมจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาประกาศให้คนอื่นรู้ ทำให้พวกคุณต้องไปรับโทษทัณฑ์ในอนาคตหรือเปล่า?” จางเซวียนตอบอย่างไม่ยี่หระ
ถ้าคนเหล่านี้ไม่ได้มาวุ่นวายให้เขารำคาญ เขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะยุ่งด้วยอยู่แล้ว หอสมุดเทียบฟ้าสามารถมองทะลุทุกข้อบกพร่องของคนที่อยู่รอบตัวเขาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่บุคลิกภาพตลอดจนพฤติกรรมที่ผ่านมา ทุกอย่างจะถูกรวบรวมเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่ไม่เคยผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอดีตที่ผ่านมา สนใจเพียงแค่การสร้างอนาคต ตราบเท่าที่คนพวกนั้นไม่มายุ่มย่ามบนเส้นทางของเขา เขาจะไม่ไปยุ่มย่ามกับพวกมันด้วยเหมือนกัน
แต่ถ้ามาก้าวก่ายกันอีกล่ะก็… คราวหน้าเขาจะแสดงให้ดูเอง… ว่าตายทั้งเป็นมันเป็นอย่างไร!
“พวกเราไม่กล้าแล้ว พวกเราไม่กล้า…”
“อาจารย์จางเซวียน นี่คือหยกสัญลักษณ์แทนตัวที่คุณต้องการ อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบไปเลย…”
เมื่อได้ยินว่าจางเซวียนจะไม่เปิดเผยการกระทำในอดีตของพวกเขา เฉียนเปียวและพรรคพวกก็ถอนใจอย่างโล่งอก