Skip to content

Library Of Heaven’s Path 111

ตอนที่ 111 รังสีมรณะ

หา!

เขาคิดว่าจางเซวียนจะยกทฤษฎีอะไรสักข้อมาโน้มน้าวให้เชื่อ แต่หลังจากได้ฟังคำตอบ นักปรุงยาเฉินเสี่ยวก็แทบกระอัก

กะอีแค่กินไม่ได้นอนไม่หลับนี่ มาบอกว่าฉันกำลังจะตาย แกต่างหากที่จะตาย โคตรเหง้าแกด้วย…

ไม่ใช่เพียงแค่เขา นักปรุงยาคนอื่นๆก็จ้องหน้าจางเซวียนอย่างเดือดดาล

นักปรุงยาเฉินเสี่ยวเป็นปูชนียบุคคลในวงการนักปรุงยา และพวกเขาเคารพท่านเสมอ ไอ้หนุ่มนี่กล้าดีอย่างไรมาแช่งกันซึ่งๆหน้า

มันยังจะกล้าพ่นอะไรงี่เง่าออกมาอีกไหมนี่?

“ผมเป็นนักปรุงยามาหลายต่อหลายปี แม้จะติดอยู่ที่ระดับนี้นานแล้วก็เถอะ ผมเพียรทำงานและศึกษาเล่าเรียนมาตลอดเพื่อปรับปรุงตัวเอง! ผมอาจไม่ได้เฉลียวฉลาดนัก แต่ก็รู้สภาพร่างกายตัวเองดี เหตุที่ช่วงนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะมีงานจุกจิกมากมายในบ้านให้ทำ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ทำไมคุณถึงบอกว่าผมกำลังจะตาย?”

นักปรุงยาเฉินเสี่ยวคำรามในคอ

นักปรุงยาย่อมรู้จักยาเป็นอย่างดี แม้จะเป็นรองแพทย์ในเรื่องการวินิจฉัย แต่ก็ถือว่าได้เรียนรู้เรื่องเดียวกันมา

“คุณไม่ผิดหรอก ร่างกายคุณไม่ได้มีอะไรผิดปกติ” จางเซวียนตอบข้อสงสัยของเขาอย่างสุขุม

“ไม่มีอะไรผิดปกติ? ตกลงคุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย?”

“สามหาวอะไรอย่างนี้ แกเห็นเป็นเรื่องตลกเหรอ?”

“นี่คือการวิวาทะกับเหล่านักปรุงยานะ ไม่ใช่ที่ให้แกมาสาปแช่งนักปรุงยาเฉินเสี่ยว!”

เมื่อได้ยินจางเซวียนยอมรับว่าร่างกายของนักปรุงยาเฉินเสี่ยวไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนก็เริ่มตะโกนต่อว่าเขาอย่างเดือดดาล

ถ้ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายจริง ก็พอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้ แต่ในเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ จะฟังขึ้นได้อย่างไร?

โอวหยางเฉิงและคนอื่นๆจ้องจางเซวียนอย่างงงงัน

จางเซวียนไม่ใส่ใจเสียงประณามอย่างสิ้นเชิง เขายิ้มและพูดต่อ “ใครบอกกันล่ะ ว่าถ้าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติแล้วจะตายไม่ได้?”

“คุณหมายความว่าอย่างไร?” เห็นความสุขุมมั่นใจของจางเซวียน นักปรุงยาเฉินเสี่ยวรู้สึกขนลุกทั่วสรรพางค์ เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แต่จางเซวียนโบกมือและพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่เชื่อ ดูที่เม็ดยาก่อนละกัน”

สายตาทุกคู่จับจ้องยาสงบใจที่เพิ่งถูกปรุงขึ้นมา

“นักปรุงยาเฉินเสี่ยวเป็นคนสุขุมรอบคอบ แถมยังเป็นถึงปรมาจารย์ระดับสูงในการปรุงยา ถึงผมชี้ข้อบกพร่องไปก็คงไม่มีใครเชื่อ จะพิสูจน์คำพูดของผมก็คงจะมีปัญหา” จางเซวียนยิ้ม “แต่นั่นแหละคือประเด็น ผมจะไม่พูดถึงข้อบกพร่องในวิธีการปรุงยา แต่จะพูดถึงยาเลย ก็เหมือนกับที่นักปรุงยาเมิ่งเหยียนทำนั่นล่ะ นักรบคนไหนกินยานี้เข้าไปจะวิตกกังวลจนเป็นบ้า และอาจถึงตาย!”

“อะไรนะ?”

“ผมจ้องทุกขั้นตอน หาข้อบกพร่องไม่เจอแม้แต่น้อย แถมยายังอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบด้วย มันจะเลวร้ายแบบนั้นได้อย่างไร?”

“นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาพล่ามอะไรโง่ๆนะ!”

ไม่มีใครเชื่อคำพูดของจางเซวียน

เหตุที่ยาสงบใจของเมิ่งเหยียนมีปัญหาเพราะเขาเพิ่งจะฆ่านางบำเรอ จึงมีเจตนาสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในร่างอย่างที่ตัวเขาควบคุมไม่ได้ แต่นักปรุงยาเฉินเสี่ยวเป็นคนสุขุมเยือกเย็น มีสภาวะจิตเหมาะสมที่สุดต่อการปรุงยาสงบใจ แล้วยาจะไปเพิ่มความวิตกกังวลได้อย่างไร?

ถึงแกจะอยากพูดอะไรโง่ๆออกมา ก็น่าจะหาเรื่องพูดให้มันดีกว่านี้หน่อย!”

“ถ้าไม่เชื่อผม ก็มาทดสอบกัน ยังมีสัตว์ทดลองอยู่นี่” จางเซวียนชี้ไปที่กรง

“งั้นลองเลย!”

นักปรุงยาคนหนึ่งที่ไม่เชื่อคำพูดของเขาเขาหยิบยาสงบใจขึ้นมาแล้วป้อนให้สัตว์ทดลองกิน

หลังจากกินยาสงบใจแล้ว หนูตัวนั้นไม่ได้ลุกลี้ลุกลนอย่างตัวก่อนหน้า ไม่พยายามจะคร่อมอีกตัวหนึ่งด้วย มันนอนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

“เป็นไงล่ะ? ยาสงบใจนี่ทำให้คนสงบลงได้ มันไม่เคลื่อนไหวก็แปลว่ายาออกฤทธิ์ คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?” นักปรุงยาคนนั้นพึมพำ

คนอื่นๆมองจางเซวียน

ก่อนหน้านี้จางเซวียนพูดว่ายานี้จะทำให้ความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ก็เห็นกันชัดๆแล้วว่ายาออกฤทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีอะไรผิดแปลก พวกเขาอยากรู้นักว่าจางเซวียนจะตอบอย่างไร

“รออีกเดี๋ยวนึงเถอะ!”

จางเซวียนไม่พูดอะไรอีก เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างเงียบๆ

สิบนาทีผ่านไป เจ้าหนูทดลองตัวนั้นก็ยังไม่ขยับตัว นักปรุงยาคนที่ป้อนยาให้มันรอไม่ไหวอีกต่อไป “เห็นรึยัง มันไม่เคลื่อนไหวเลย เห็นชัดแล้วว่ายาออกฤทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น นี่คุณถ่วงเวลาด้วยการให้พวกเรารอใช่ไหม?”

“ตอนนี้เข้าที่แล้ว” จางเซวียนตอบ

“เข้าที่รึ?”

นักปรุงยาขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่าอย่างไร ก็เห็นแล้วว่าสัตว์ทดลองไม่ได้งุ่นง่านสักนิด มันนอนเงียบอยู่มุมนั้น คุณอยากให้พวกเราเห็นอะไร?”

“ที่มันนอนเงียบน่ะอาจไม่ได้หมายถึงยาสงบใจออกฤทธิ์เสมอไปนะ มันอาจจะ…ตายก็ได้!” จางเซวียนพูด

นักปรุงยาผงะ เขารีบเปิดกรงและอุ้มเจ้าสัตว์ทดลองออกมา มองปราดเดียว นัยน์ตาของเขาก็หรี่ลงทันที “นี่…นี่มัน…มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

เจ้าหนูในมือของเขาใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของมันไปแล้ว ร่างของมันเริ่มเย็น

นี่มันเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว?

ตัวเย็นภายในสิบนาที นั่นหมายความว่ามันตายหลังจากกินยาสงบใจได้เพียงครู่เดียว

“มันตายแล้วจริงๆเหรอ?”

“ยาสงบใจทำให้คนสงบลง มันจะฆ่าสัตว์ทดลองได้อย่างไรกัน?”

“สภาพร่างกายของสัตว์ทดลองนั้นเหมาะกับการทดลองยา เป็นไปไม่ได้เลยที่ยาพื้นๆแบบนี้จะฆ่ามันได้ นี่มัน…มันเกิดอะไรขึ้น?”

เกิดความชุลมุนวุ่นวายในห้องนั้น

สัตว์ทดลองกินยาสงบใจแล้วตายนี่นะ?

แล้วถ้านักรบกินเข้าไป ก็ต้องตายงั้นสิ?

“นี่มัน…เอ่อ…”

นักปรุงยาเฉินเสี่ยวหน้าดำคร่ำเครียด เขาถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่เชื่อสายตา

“เป็นไปไม่ได้…ผมทำตามทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ไม่มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย ต่อให้ผมปรุงยาไม่สำเร็จ ก็ไม่มีทางที่มันจะกลายเป็นยาพิษไปได้หรอก เจ้าสัตว์ทดลองนี่ตายได้อย่างไร…?

ถือเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงของนักปรุงยาหากมีใครเสียชีวิตจากยาที่ตัวเองปรุง ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?

“จางเซวียน…นี่เกิดอะไรขึ้น?” โอวหยางเฉิงขอคำตอบอย่างมืดแปดด้าน

ในเมื่อเขาชี้ปัญหาของยาสงบใจได้ แถมยังรู้ว่าสัตว์ทดลองจะตาย แล้วจะมีใครอธิบายได้ดีกว่านี้เล่า?

“ผมชี้ข้อบกพร่องของการปรุงยาได้ ก็แปลว่าผมผ่านการทดสอบแล้ว นี่ยังต้องอธิบายอีกจริงๆเหรอ?” จางเซวียนหันไปมองนักปรุงยาเฉินเสี่ยว ไม่ตอบคำถามของโอวหยางเฉิง

เขาระบุปัญหาได้ชัดเจนแล้ว ดังนั้น ระหว่างเขากับนักปรุงยาเฉินเสี่ยว เขาควรเป็นผู้ชนะ

“ถ้าคุณอธิบาย ผมจะยอมแพ้!” นักปรุงยาเฉินเสี่ยวกัดฟันพูด

ต่อให้จางเซวียนมีทีท่าจะชนะ แต่ตราบใดที่เขายังไม่ยอมแพ้ การทดสอบก็ยังดำเนินต่อไปได้

ในฐานะนักปรุงยาผู้อาวุโสที่สุด ความพ่ายแพ้ของเขาจะบั่นทอนความมั่นใจของคนอื่น เรื่องนี้แหละที่สำคัญที่สุด

“เอาละ ถ้านี่คือประเด็น ผมก็จะพูดล่ะนะ!” จางเซวียนพยักหน้า

“ลำดับขั้นตอนและวิธีการปรุงยาสงบใจของคุณนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด ที่จริงคุณยังใส่ความสุขุมเยือกเย็นของตัวเองลงไปในยาด้วย ถ้าจะว่ากันตามเหตุผล ยานี้ควรจะมีคุณภาพและประสิทธิผลเยี่ยมยอด

แต่…มันแย่ตรงที่คุณกำลังจะตาย ร่างกายของคุณน่ะเต็มไปด้วยรังสีมรณะ ซึ่งยาที่คุณปรุงก็จะถูกเชื่อมโยงกับรังสีนี้ นี่คือเหตุที่ทำให้สัตว์ทดลองตายเมื่อกินยาของคุณ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!