Skip to content

Library Of Heaven’s Path 123

ตอนที่ 123 ค้นพบทางออก

ชั้นหนังสือหมวดความรู้ขั้นสูงของสมาคมนักปรุงยานั้นอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ประลองวิวาทะยามากนัก ไม่กี่ก้าวก็ถึง

“ในอาณาจักรเทียนเซวียน มีนักปรุงยาอย่างเป็นทางการอยู่เพียงสิบคน ส่วนมากก็จะมาค้นหนังสือที่นี่เมื่อเจอกับปัญหายากๆ ที่นี่ก็เลยออกจะเงียบเชียบหน่อย คุณเลือกดูหนังสือตามสบายเลยนะ” โอวหยางเฉิงแนะนำ และผลักประตู

จางเซวียนรับรู้ได้ตั้งแต่ก่อนเดินเข้าห้อง

หนังสือในที่แห่งนี้เรียกได้ว่ามีน้อยยิ่งกว่าน้อย เทียบไม่ได้เลยกับหนังสือเป็นแสนๆเล่มในชั้นหนังสือหมวดความรู้พื้นฐาน แต่ก็มีมากกว่าหนึ่งหมื่นเล่มอยู่ที่นี่

มันถูกจัดเรียงไว้อย่างแน่นเปรี๊ยะบนชั้นหนังสือจำนวนประมาณโหลหนึ่ง

“เลือกดูตามสบายเลยนะ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามผมได้ ผมจะอยู่ในห้องนั้น”

โอวหยางเฉิงชี้มือไปอย่างสบายๆ

“ประธานโอวหยาง ดูเหมือนผมจะมีปัญหาแล้วล่ะ” จางเซวียนผงกหัวและยิ้ม

“ไม่มีอะไรเป็นปัญหาหรอก ตอนนี้คุณเป็นนักปรุงยาแล้วนะ และผมก็คงจะมีสองสามคำถามที่จะถามคุณในวันข้างหน้า” โอวหยางเฉิงหัวเราะหึๆแล้วเดินออกไป

เขารู้ว่าจางเซวียนมีเป้าหมายลับๆในการเข้ามาที่นี่ จึงไม่เป็นการสมควรหากจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น

“เราควรจะเริ่มได้แล้ว!” จางเซวียนฉีกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเดินออกไป เขาเดินไปยังชั้นหนังสือชั้นแรก และตั้งต้นพลิกหนังสือ

เขาคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาหนังสือเล่มนั้น และในเมื่ออะไรๆก็ล่าช้าไปหมด คงจะดีกว่าถ้าเขาคัดลอกเนื้อหาทั้งหมดของหนังสือเหล่านี้ลงในหอสมุดเทียบฟ้า แล้วค่อยกลับมาอ่านทีหลังเมื่อเรียนรู้การปรุงยาได้มากขึ้นแล้ว

ฟิ้ว! ฟึ่บ!

เสียงพลิกหน้าหนังสือดังก้องไปทั่วชั้น

เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จางเซวียนก็หยุด นัยน์ตาเป็นประกาย

“ใช่แล้ว หนังสือที่เราต้องการอยู่ที่นี่เอง…”

ความพยายามเป็นผลสำเร็จ เขาเจอหนังสือเกี่ยวกับสภาวะพิเศษและยาที่ใช้ปลุกมัน

“ปีเทียนเซวียนที่ 373 พระธิดาของจักรพรรดิเสิ่นหลิง องค์หญิงเสิ่นชิวมีปราณหยินบริสุทธิ์ พระองค์ทรงปลุกมันขึ้นมาด้วยการเสวยยาเกรด 3…”

“ยาปลดปล่อยพลังหยิน?” จางเซวียนตาเบิกโพลง เขาอ่านต่อ “ปีเทียนเซวียนที่ 126 มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีสายเลือดจักรพรรดิ ยาไม่อาจปลุกสภาวะพิเศษของเขาได้ สุดท้ายเขาจึงใช้วิธีละเลงเลือดของแรดยักษ์ลงบนร่างกาย…แต่โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยมาก”

ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง เขาพบวิธีปลุกสายเลือดจักรพรรดิ

“เราต้องรู้ให้ได้ว่ามันผิดหรือถูก!”

เขาบันทึกข้อความสองบรรทัดนั้นไว้ในสมอง แล้วส่งไปเก็บไว้ในหอสมุดเทียบฟ้า

“สภาวะปราณหยินบริสุทธิ์ถูกปลุกขึ้นได้ด้วยการใช้ยาปลดปล่อยพลังหยิน ข้อบกพร่อง: สามารถปลุกขึ้นจากสภาพเดิมได้แค่ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งของสภาวะนั้นออกมาได้เต็มที่…”

“สภาวะพิเศษของสายเลือดจักรพรรดิที่ถูกปลุกโดยใช้เลือดของแรดยักษ์ ข้อบกพร่อง: ปลุกขึ้นได้ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ นี่ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน…”

หลังจากเห็นข้อบกพร่องที่ถูกบันทึกไว้ในหอสมุด จางเซวียนชะงัก

“สิบเปอร์เซ็นต์เองเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าการกินยาสามารถปลุกสภาวะพิเศษขึ้นมาให้ใช้การได้เต็มที่ ไม่คิดเลยว่าจะปลุกได้เพียงสิบเปอร์เซ็นต์

“แต่เอาเถอะ สิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังดี” จางเซวียนยิ้ม

สภาวะพิเศษนั้นเป็นสิ่งทรงพลัง ต่อให้ถูกปลุกขึ้นได้เพียงสิบเปอร์เซ็นต์ ก็เพียงพอต่อการเพิ่มกำลังวรยุทธแล้ว ถือว่าเกินพอด้วยซ้ำกับการประลองนักเรียนใหม่

“เอาล่ะ ตอนนี้เราต้องมองหายาเกรด 3 – ยาปลดปล่อยพลังหยิน และเลือดแรดยักษ์”

หลังจากทบทวนสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว จางเซวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหยุดพลิกหน้าหนังสือแล้วเดินไปยังห้องของโอวหยางเฉิง

ฝ่ายนั้นเป็นถึงประธานสมาคมนักปรุงยา ก็น่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถหาทั้งสองสิ่งมาให้เขาได้

หลังจากพลิกดูหนังสือในหมวดความรู้ขั้นสูงแล้ว จางเซวียนก็ได้ความคิดคร่าวๆถึงสิ่งที่หวังหยิ่งและหลิวหยางต้องการ ซึ่งเขาสามารถซื้อหาได้

“นักปรุงยาจางเซวียน!” เมื่อเห็นจางเซวียนเดินมา โอวหยางเฉิงกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน

“ประธานโอวหยาง ผมมีเรื่องต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ”

จางเซวียนรวบรัดบอกวัตถุประสงค์ของเขา “ผมอยากซื้อของสองสามรายการ ซึ่งต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”

“เหรอ? คุณต้องการอะไรล่ะ ไม่เป็นการรบกวนหรอกถ้าที่สมาคมของเรามี” โอวหยางเฉิงพยักหน้า

“ผมอยากได้ยาปลดปล่อยพลังหยิน ยาฟื้นฟูพละกำลัง เลือดแรดยักษ์ และยาบำรุงร่างกาย” จางเซวียนพูด

ยาฟื้นฟูพละกำลังนั้นสำหรับหลิวหยาง การฝึกวรยุทธเกินขีดความสามารถของตัวเองทำให้พละกำลังที่แขนขวาของเขาเสื่อมถอยไป ซึ่งยาฟื้นฟูพละกำลังจะช่วยได้

ส่วนยาบำรุงร่างกายนั้นสำหรับหวังหยิ่ง ขาของเธอยังไม่คืนสภาพเดิม ทำให้ยังไม่อาจใช้วรยุทธเหมือนนักรบทั่วไปได้ ยาบำรุงร่างกายนี้จะช่วยให้เธอฟื้นตัวเร็วขึ้น

“ยาฟื้นฟูพละกำลังกับยาบำรุงร่างกายน่ะหาง่าย และผมจะช่วยคุณหา แต่ยาปลดปล่อยพลังหยินกับเลือดแรดยักษ์นี่…ต้องใช้ลูกเล่นนิดหน่อย”

โอวหยางเฉิงไม่คิดว่าจางเซวียนจะต้องการของมากมายขนาดนี้ เขาขมวดคิ้วจนย่นเป็นร่องลึก

“ต้องใช้ลูกเล่น? คือตกลงพอจะหาได้ไหม?” จางเซวียนมองเขา

หลังจากได้ฝ่าฟันปัญหามามากมายเพื่อหาทางปลดล็อกสภาวะที่เป็นปัญหาของลูกศิษย์แต่ละคน เขาต้องปรี๊ดแตกแน่ถ้าหาของให้เด็กๆพวกนั้นไม่ได้

“เราไม่มีของพวกนี้ในสมาคม แต่ถ้าผมส่งคำสั่งซื้อไปยังสำนักงานใหญ่ ก็เป็นไปได้ว่าจะหามาได้” โอวหยางเฉิงพูด

“เยี่ยมเลย…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แต่ว่า…” โอวหยางเฉิงขมวดคิ้วอีกครั้ง “สำนักงานใหญ่น่ะอยู่ไกล หรือต่อให้มีสาขาอื่นที่อยู่ใกล้อาณาจักรของเรากว่านั้น ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวัน!”

“สิบวันเหรอ?”

จางเซวียนอึ้งไปพักหนึ่ง แต่แล้วก็ตั้งตัวได้ “ผมโอเค สิบวันก็สิบวัน”

ยังเหลือเวลาอีกสิบสี่วันก่อนถึงวันประลองนักเรียนใหม่ มันก็ออกจะกดดันเร่งร้อนอยู่ถ้าอะไรๆมาถึงในอีกสิบวันนับจากนี้ แต่เขาคิดว่าจะเตรียมตัวให้ทันได้

“ได้ ถ้างั้นผมจะส่งคำสั่งซื้อไปสำนักงานใหญ่ คุณจะได้รับของภายในสิบวัน ส่วนยาฟื้นฟูพละกำลังกับยาบำรุงร่างกาย เดี๋ยวผมเอามาให้เลย” ประธานโอวหยางยิ้ม

“ทีนี้ก็ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ” จางเซวียนผงกศีรษะ “ทั้งสี่อย่างนี้ราคาเท่าไหร่? ผมต้องจ่ายทั้งหมดตอนนี้หรือจ่ายตอนที่ของมาถึง”

หลังจากได้สืบทอดมรดกของนักต้มตุ๋นโม่หยาง เขาก็มีเงินมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญทองอยู่ในครอบครอง พอจะเรียกได้ว่าเป็นคหบดีคนหนึ่งในเมืองได้ทีเดียว

กับแค่ซื้อยาสองสามอย่างเพื่อยกระดับวรยุทธให้ลูกศิษย์ เท่านี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แถมยังได้แสดงให้เห็นด้วยว่าตัวเขาเป็นอาจารย์ที่มีจิตใจสูงส่งขนาดไหน!

“ก็ไม่ได้เป็นเงินมากมายอะไร หน้าตาผมเหมือนคนขี้เหนียวเหรอ?”

“ยาฟื้นฟูพละกำลังกับยาบำรุงร่างกายน่ะราคาไม่สูงนัก สองอย่างนี้รวมกันก็ตกสี่แสนเหรียญทอง” โอวหยางเฉิงคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ส่วนยาปลดปล่อยพลังหยินกับเลือดแรดยักษ์จะแพงกว่านิดหน่อย เพราะยาตัวนี้เป็นยาเกรด 3 ที่ซับซ้อน และแรดยักษ์ก็เป็นสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่าสัตว์อสูรทั่วไป”

“ตอนนี้คุณเป็นนักปรุงยาแล้ว ก็จะได้รับสิทธิพิเศษ ผมจะลดราคาให้ ยาปลดปล่อยพลังหยินจะตกอยู่ที่ยี่สิบล้านเหรียญทอง ส่วนเลือดแรดยักษ์จะอยู่ที่สามล้าน นี่ลดให้แล้วนะ รวมเป็นยี่สิบสามล้าน คุณน่าจะโอเคนะ” โอวหยางเฉิงคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแจ้งราคา

รู้สึกได้ถึงความเงียบงันรอบกาย โอวหยางเฉิงเงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจางเซวียนเผ่นไปไกลกว่าสิบเมตรแล้ว แถมยังโบกไม้โบกมือไม่หยุด เขาตะโกนมาว่า “ผมแค่ถามเล่นๆเท่านั้นแหละ อย่าถือเป็นจริงเป็นจังเลย…”

โอวหยางเฉิงไม่รู้จะตอบอย่างไร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!