Skip to content

Library Of Heaven’s Path 129

ตอนที่ 129 หยกเขียวแห่งดินแดนทักษิณ

เหมือนเช่นเคย ห้างหุ้นส่วนเทียนหวี่มีลูกค้ามากมายเดินเข้าออกไม่ขาดสาย จางเซวียนเดินมือไพล่หลังเข้าไป

“ผู้อาวุโส สำนักงานของท่านหลิงอยู่ด้านหน้า…”

หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง ซุนฉางก็ชี้ไปตรงหน้า

จางเซวียนเงยหน้าขึ้นและพบห้องโถงโอ่อ่าอยู่ตรงหน้า มีราชสีห์ทำจากหยกเขียวสองตัวตั้งอยู่หน้าประตู พวกมันตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม

ดวงตาของราชสีห์คู่นั้นดำสนิทและเปี่ยมพลัง ดูประหนึ่งยังมีชีวิต ผู้ใดได้เห็นแม้เพียงแวบเดียวก็อดพรั่นพรึงไม่ได้

“ผมได้ยินมาว่าท่านหลิงเชิญนายช่างระดับ 6 มาสร้างราชสีห์คู่นี้ วัสดุที่ใช้คือ [หยกเขียวแห่งดินแดนทักษิณ] ซึ่งเป็นหยกคุณภาพดีที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียน เนื่องจากเป็นฝีมือของนายช่างระดับ 6 ราชสีห์เพียงตัวเดียวนี้จึงมีมูลค่าหลายล้าน” นัยน์ตาซุนฉางมีประกายริษยา

เศรษฐีมากมายจัดวางวัตถุล้ำค่าไว้หน้าประตูเพื่อแสดงความโอ่อ่ามั่งคั่งของตัวเอง ทั้งยังถือเป็นวัตถุมงคลที่นำพาโชคลาภมาให้อีกด้วย ดูเหมือนว่า แม้แต่หลิงเทียนหยู่ก็หนีไม่พ้นธรรมเนียมนี้

“หลายล้านรึ?” จางเซวียนประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้ จางเซวียนคิดว่าตัวเขาเองจัดเป็นคนรวย เพราะมีเงินหนึ่งล้านอยู่ในครอบครอง แต่เมื่อได้ฟังซุนฉางก็ถึงบางอ้อ ว่าถ้าเทียบกับคนร่ำรวยตัวจริงแล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรจากขอทาน

“ผู้อาวุโส ทำไมไม่ให้ผมเข้าไปแจ้งท่านหลิงก่อน เขาจะได้ออกมาต้อนรับท่าน” ซุนฉางถาม

สำหรับเขา แม้ความร่ำรวยมหาศาลของท่าน

ท่านหลิงก็ไม่อาจเหนือชั้นกว่าปรมาจารย์ได้ ปรมาจารย์คือตำแหน่งอันทรงอำนาจที่แม้ฮ่องเต้เซินจุยยังไม่กล้าแตะต้อง ป่วยการอะไรกับหลิงเทียนหยู่ ถึงร่ำรวยอย่างไรก็เป็นเพียงพ่อค้า

“ไม่จำเป็นหรอก” จางเซวียนโบกมือ “ฉันจะเข้าไปดูเอง”

จางเซวียนเดินเอื่อยๆเข้าไปและแตะราชสีห์สองตัวที่ตั้งตระหง่าน มันเย็นและเรียบลื่น ให้สัมผัสและความรู้สึกสบาย เห็นได้ชัดว่าเป็นหยกชั้นเลิศ เขาสัมผัสราชสีห์นั้นจนทั่วอยู่พักหนึ่งกว่าจะถอยออกมาและยืนเอามือไพล่หลังมอง

เห็นเจ้านายของตัวเองทำตัวเหมือนคนบ้านนอกที่ไม่เคยพบเห็นโลกกว้างเช่นนั้น ซุนฉางให้สงสัยยิ่งนัก

“ไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ” จางเซวียนหัวเราะเบาๆ ไม่ใส่ใจสีหน้าพิลึกพิลั่นของอีกฝ่าย

มีจุดนั่งพักอยู่หลายจุดในห้างหุ้นส่วนเทียนหวี่ หลังจากได้ที่นั่ง จางเซวียนสั่งน้ำชากาหนึ่ง ซุนฉางยืนอยู่ข้างๆ ฉงนใจเหลือหลายกับสถานการณ์ตรงหน้า

ก็ไหนบอกว่าอยากพบท่านหลิง แต่พอมาถึงแล้วก็ไม่เข้าไป เราจะไปรายงานให้ก็ห้ามไว้เสียอีก มานั่งจิบชาสบายใจเฉิบอยู่นี่ เขาคิดอะไรอยู่นะ?

“อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันไม่เข้าไปพบท่านหลิงที่เธอพูดถึง?” จางเซวียนอ่านใจอีกฝ่ายแล้วยิ้มอ่อน

“คนรับใช้เช่นผมมิบังอาจสงสัย!” แม้จะเห็นกันอยู่โต้งๆ แต่ซุนฉางก็ไม่กล้าสารภาพ

“อย่ากังวลไปเลย แค่พูดในสิ่งที่เธอคิดเท่านั้น” จางเซวียนพูดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเกรงใจในความเป็นปรมาจารย์ของเขา

“ผม…ผมแค่รู้สึกว่ามันประหลาด…ผู้อาวุโสเป็นถึงปรมาจารย์ ท่านหลิงไม่มีทางปฏิเสธหรอกถ้ารู้ว่าท่านอยากพบ…” ซุนฉางอดใจไม่ไหว

“ถ้าฉันแสดงตัว เขาก็จะไม่ปฏิเสธ ไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน แต่เธอเชื่อไหมล่ะว่าถึงแม้ไม่แสดงตัว ฉันก็ทำให้เขาเต็มใจมาพบฉันได้!” จางเซวียนพูด

ตลกสิ้นดี ให้แสดงตัวเพื่อขอเข้าพบพ่อค้านี่นะ นั่นไม่สมกับเป็นปรมาจารย์เลย ถ้าจะให้เจ๋งจริง ต้องทำให้ฝ่ายนั้นวิ่งหน้าตั้งมาทำความรู้จักเขาต่างหาก

“โดยไม่แสดงตัวหรือ?” ซุนฉางไม่คิดว่าสิ่งที่จางเซวียนพูดจะเป็นไปได้

“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกท่าน ท่านหลิงเป็นแค่พ่อค้าก็จริง แต่การที่เขาสร้างห้างหุ้นส่วนใหญ่เบิ้มขนาดนี้ขึ้นมาได้ ก็แปลว่าเขาต้องมีอำนาจหนุนหลัง แม้แต่ชนชั้นสูงกับผู้มีอิทธิพลก็ยังไม่อาจเข้าพบเขาได้ตามอำเภอใจเลย แล้วท่านจะเข้าพบเขาโดยไม่เปิดเผยตัวตนได้อย่างไร?”

การเปิดห้างหุ้นส่วนใหญ่ขนาดนี้ได้ในเมืองหลวงที่ทุกตารางนิ้วมีค่าดั่งทอง หมายความว่าเขาจะต้องมีราชวงศ์หนุนหลัง แม้จะเป็นแค่พ่อค้า แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะประมาทได้

ถ้าเขาแสดงตัว อีกฝ่ายก็คงมาพบ แต่ถ้าไม่แสดงตัวล่ะ…เขาจะมาต้อนรับเพื่ออะไร ถ้าท่านหลิงเป็นคนง่ายๆขนาดนั้น คงสร้างอาณาจักรธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้แน่

แม้ซุนฉางจะเป็นเจ้าของสำนักงานในห้างสรรพสินค้าของเขา แต่แค่นี้ย่อมไม่เพียงพอจะทำให้ท่านหลิงเหลียวแล

“ฮ่าฮ่า!”

จางเซวียนหัวเราะหึๆและยกถ้วยชาขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม “เธอจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่วันนี้ฉันจะทำให้ท่านหลิงมาหมอบราบคาบแก้วอยู่ตรงหน้าให้ได้

แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้น เธอต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกกระเบียดนิ้ว ห้ามบิดพลิ้วเลยแม้แต่นิดเดียว!”

“ครับท่าน!” เห็นความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมของผู้อาวุโส แม้ซุนฉางจะยังคาใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับคำ

“ดี ไปทำลายหัวราชสีห์ตัวซ้ายมือให้ฉันที” จางเซวียนพูด

“ฮะ?” ซุนฉางตัวสั่น ร่ำๆจะเป็นลม

เขาคิดว่าผู้อาวุโสคงมีแผนการน่าทึ่งบางอย่าง แต่…แบบนี้ก็ได้เหรอ?

ราชสีห์หยกตัวหนึ่งมีมูลค่าหลายล้าน ถ้าเขาทุบหัวมันพังเสียหาย หัวของเขาได้หลุดจากบ่าตามมันไปแน่!

“ผู้าวุโส ผมยังไม่อยากตาย…” ซุนฉางสะอื้น

“ฉันอยู่ด้วย เธอไม่ตายง่ายๆหรอก เย็นใจเถอะ!” จางเซวียนโบกมือเป็นเชิงให้เขาไป

“….” ซุนฉางอ้าปากค้าง

แหงล่ะ เราไม่ได้ตายง่ายๆหรอก พวกนั้นต้องให้เราชดใช้ก่อน แค่ตายมันง่ายไป แต่ถึงไม่ฆ่าเรา อย่างเบาะๆก็คงพิการ

“อะไร? ไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันรึ?” จางเซวียนปั้นหน้าขรึมอย่างวางอำนาจ

เขาเคยชินกับการวางท่าเป็นอาจารย์แล้ว เมื่อแถมด้วยใบหน้าที่ออกจะเหลืองและเหี่ยวย่นหน่อยๆ ทำให้ได้สีหน้าแบบผู้ถือไพ่เหนือกว่า

“ผม…”

“น่ ถ้าเธอทุบหัวเจ้าราชสีห์นั่นล่ะก็ กลับไปฉันจะช่วยให้ผ่านวรยุทธขั้น 3 ไปให้ได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก นอกจากหลิงเทียนหยู่จะไม่เอาเรื่องเธอแล้ว เขายังจะขอบใจและให้รางวัลเสียอีก”

มันออกจะประหลาดหน่อยที่จะให้ซุนฉางทำเช่นนั้นทั้งๆที่รู้ว่าเขาหวาดกลัวท่านหลิง จางเซวียนจึงวางท่าสง่างามและสัญญาจะให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่เขาเสียก่อน

“เอ่อ…ก็ได้!”

หลังจากได้รับคำมั่นสัญญาและนึกได้ว่าเจ้านายของเขาคือปรมาจารย์ ซึ่งไม่ว่าท่านหลิงจะสุดขั้วอย่างไรก็คงไม่กล้าแผลงฤทธิ์กับปรมาจารย์แน่ ซุนฉางจึงลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วกัดฟันทำตามนั้น

เขาติดแหงกอยู่ที่วรยุทธขั้น 3 มานานมากแล้ว ได้พยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่เป็นผล ปลงแล้วว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางผ่านไปได้ แต่ตอนนี้โอกาสมารออยู่ตรงหน้า เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคว้ามันไว้ให้ได้

นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ลังเลเมื่ออีกฝ่ายชักชวนให้มาเป็นพ่อบ้าน

ด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นราวกับทหารที่มุ่งหน้าไปพลีชีพในสนามรบ เขาหันหลังกลับและเดินไปยังราชสีห์ตัวซ้าย พลังปราณในตัวซุนฉางพลุ่งพล่าน รังสีของพละกำลังแผ่ซ่านออกจากตัวเขา

แม้จะดูเปาะแปะตุ้ยนุ้ย แต่ก็มีพละกำลังอันน่าทึ่ง ลมพัดหวืออยู่รอบกำปั้นของเขา และด้วยเรี่ยวแรงอันไม่น่าเชื่อ ซุนฉางต่อยมัน!

แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพลังปราณยอดเยี่ยม แต่น้ำหนักหมัดของเขาก็มากกว่า 450 กิโลกรัม หมัดอันทรงพลังทำให้ราชสีห์หยกแตกกระจายเหมือนแก้วอันเปราะบาง ส่งเสียงก้องไปทั่ว

เพล้ง!

หัวราชสีห์มูลค่าหลายล้านร่วงลงสู่พื้น และแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!