ตอนที่ 1303 ความแข็งแกร่งของสายเลือดตระกูลจาง
ฟึ่บ!
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิดหนัก จางเฉี่ยนก็พุ่งเข้าใส่โดยรวบรวมพละกำลังไว้ในฝ่ามือ
จางเฉี่ยนเลือกที่จะขับเคลื่อนพลังของวรยุทธขั้นกึ่งสุดยอดการควบคุมจนถึงขีดสุดตั้งแต่แรก ซึ่งพลังที่เขาแผ่ออกมานั้นก็ทำให้อากาศโดยรอบเหนียวหนืดไปหมด ราวกับทั้งสังเวียนกลายเป็นอาณาเขตของเขา และใครที่ก้าวเข้ามาในพื้นที่นี้ก็จะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุม
ไม่เลวเลย จางเซวียนตั้งข้อสังเกต
สมกับที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยะของตระกูลจาง แม้จะเป็นแค่การยกระดับวรยุทธ แต่พละกำลังของจางเฉี่ยนก็เพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับ 3 วันก่อน
หากเขายังออมมือให้อีกฝ่าย ก็คงจะแพ้ดวลแน่
จางเซวียนเคาะนิ้วเบาๆ แล้วปล่อยกระแสดาบฉีอันเจิดจ้าให้ระเบิดออกมาปะทะกับพลังฝ่ามือของอีกฝ่าย
ตอนนี้เขาเป็นแค่นักรบจิตวิญญาณต้นกำเนิด ด้วยความอ่อนด้อยของระดับวรยุทธ จึงต้องใช้ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบเพื่อรับมือกับจางเฉี่ยน
ฟิ้วววว!
กระแสดาบฉีที่แผ่ออกมานั้นสร้างความเย็นเยือกเข้าไปถึงกระดูก ราวกับจะตัดทุกสิ่งให้เป็นชิ้นๆ ได้
“อะไรกัน?”
จางเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในศิลปะเพลงดาบถึงขนาดนั้น เขารู้ตัวว่าหากใช้ฝ่ามือปะทะกับกระแสดาบฉีตรงๆ ล่ะก็ จะต้องถูกเฉือนเป็น 2 ท่อนแน่
ดังนั้น เขาจึงรีบใช้มืออีกข้างหนึ่งแล้วเหวี่ยงออกไป
แม้หมัดนั้นจะถูกเหวี่ยงออกมาอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเสียจังหวะ ด้วยความเร็วระดับนี้ มันสามารถเข้าปะทะจางเซวียนและทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ก่อนที่กระแสดาบฉีจะพุ่งเข้าถึงตัวเขา
หมอนี่ทรงพลังกว่าจางจิ่วเซี่ยวหลายเท่านัก! จางเซวียนคิด
เมื่อ 3 วันก่อน เขาเอาชนะจางเฉี่ยนได้ด้วยพลังฝ่ามือเพียงครั้งเดียว จึงคิดว่าการเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้อีกครั้งคงจะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ ก็คงจะถือเป็นการสบประมาทจางเฉี่ยนหากเขายังคงต่อสู้ด้วยความคิดแบบนั้น
ลำพังแค่การปรับเปลี่ยนกระบวนท่าของจางเฉี่ยนก็บ่งบอกชัดว่าความเข้าใจในการต่อสู้ของเขาพุ่งขึ้นถึงระดับที่สูงมาก เหนือชั้นกว่ายอดขุนพลทั่วไปเสียอีก
แต่ถึงจางเฉี่ยนจะพัฒนาขึ้นมาก เขาก็ยังต้องฝึกฝนอีกไม่น้อยกว่าจะเทียบชั้นกับจางเซวียนได้
เส้นสายแห่งการหยั่งรู้เต้นระริกอยู่ในดวงตาของจางเซวียนขณะที่จับจ้องการเคลื่อนไหวของจางเฉี่ยนอีกครั้ง
คราวนี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวช้าลง เห็นชัดเจนต่อหน้าต่อตา
การส่งโทรจิตพลังปราณหรือ? ด้วยดวงตาหยั่งรู้ จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างแปลกไป
มีเส้นด้ายบางๆ ส่งมาจากที่ไกลๆ เชื่อมโยงกับหูของจางเฉี่ยน
ชัดเจนว่ามีใครบางคนกำลังให้คำชี้แนะแก่จางเฉี่ยนในการดวลครั้งนี้
ดูเหมือนเส้นสายของการสื่อสารนั้นจะใช้ศาสตร์ลับพิเศษบางอย่าง ทำให้รับรู้ได้ยากกว่าการส่งโทรจิตพลังปราณแบบธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียน ก็ยังเป็นที่น่าสงสัยว่าเขาจะรู้สึกถึงมันได้หรือไม่
เป็นไปได้ว่าสิ่งนี้ทำขึ้นเพื่อปกปิดสายตาของผู้อาวุโสหลิวและคนอื่นๆ
ความสามารถที่ปกปิดได้แม้กระทั่งนักรบระดับเซียนขั้น 8…ดูเหมือนเขาจะประมาทตระกูลจางไม่ได้จริงๆ
แต่โชคดีที่ดวงตาหยั่งรู้มีความสามารถในการแกะร่องรอยแม้แต่ร่องรอยที่เบาบางที่สุดได้ ต่อให้จะแอบทำอย่างเงียบเชียบแค่ไหน ก็ไม่อาจปิดบังสายตาของเขา
จางเซวียนตามรอยของเส้นสายนั้นไป ไม่ช้าสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านล่างเวที
นั่นคือ…ผู้เข้าแข่งขันที่ได้อันดับ 46, จางอวิ๋นเฟิง จางเซวียนจำชายหนุ่มที่เคยนั่งอยู่กับจางเฉี่ยนได้
ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมหมอนั่นกล้าท้าทายเรา อีกทั้งความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ก็ดูเหมือนจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด เป็นเพราะจางอวิ๋นเฟิงให้คำชี้แนะอยู่เบื้องหลังนี่เอง!
เมื่อจับต้นชนปลายได้ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของจางเซวียนขณะที่เขายืนสงบนิ่งต่อหน้าหมัดของจางเฉี่ยน
แทนที่จะหลบ เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นและเคาะตรงหน้า
ที่ว่างตรงหน้าเขาบิดเบี้ยวไปทันที ทำให้จางเฉี่ยนรู้สึกเหมือนตกหล่ม ไม่ว่าจะพยายามปล่อยหมัดออกไปสักแค่ไหน ก็ไม่อาจส่งออกไปได้ไกล
อาณาเขต!
ตั้งแต่ออกจากจักรวรรดิเฉียนฉง นอกจากให้คำชี้แนะกับจางจิ่วเซี่ยวในเรื่องวรยุทธและศิลปะเพลงดาบแล้ว เขาก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับการพัฒนาตัวเอง ตอนนี้ เขาเข้าถึงการสร้างอาณาเขตในระยะ 1 เมตรแล้ว
ที่ผ่านมา อาณาเขตของเขาเป็นเพียงปราการแสงที่ล้อมรอบร่างกายของเขาไว้เท่านั้น แต่เมื่อเข้าใจเทคนิคแล้ว ก็สามารถสร้างอาณาเขตขนาดเล็กขึ้นรอบตัวได้ ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะลดความสิ้นเปลืองในการใช้พลังปราณ คู่ต่อสู้ยังรับรู้อาณาเขตของเขาได้ยากด้วย ทำให้ยากที่จะป้องกัน
เมื่อหมัดของจางเฉี่ยนถูกล็อกไว้ ตัวเขาก็ไปไหนไม่ได้ ขณะเดียวกันกับที่กระแสดาบฉีของจางเซวียนพุ่งเข้าใส่ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของเขา
ฉึกกกก!
เลือดกระฉูดขึ้นกลางอากาศ พลังปราณซึ่งถูกรวบรวมไว้ในฝ่ามือของจางเฉี่ยนสลายไปภายใต้ความรุนแรงของกระแสดาบฉี
“อ๊ากกกกก!”
จางเฉี่ยนร้องโหยหวนขณะที่ฝ่ามือของเขาถูกกระแสดาบฉีฟาดฟัน เกิดเป็นรูขนาดเท่าลูกวอลนัทบนฝ่ามือของเขา
“คุณแพ้แล้ว” เมื่อทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จางเซวียนถอยหลังไปก้าวหนึ่งและหยุดการโจมตี
แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ก็มากเกินพอที่จะบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำของพละกำลังระหว่างทั้งคู่แล้ว อีกอย่าง จางเฉี่ยนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกับเขาแม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในภาวะที่ใช้พละกำลังถึงขีดสุด ยิ่งตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาส เพราะฝ่ามือก็เป็นรูไปแล้วเรียบร้อย
“ผมแพ้หรือ? ไม่มีทาง ไม่มีทางที่ผมจะแพ้!” จางเฉี่ยนรีบนำสมุนไพรหลายชนิดออกมาห้ามเลือดที่ฝ่ามือของเขาก่อนจะจ้องจางเซวียนด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำเพราะความคลุ้มคลั่ง
บึ้มมมม!
รังสีแผดกล้าระเบิดออกมาจากร่างของจางเฉี่ยน และก็น่าประหลาดใจที่ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่กลางอากาศ ผู้อาวุโสหานซูจ้องมองการดวลอยู่ เมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นความเคร่งขรึม “จางเฉี่ยนกำลังใช้พละกำลังของสายเลือดของเขา เราควรจะเข้าขัดขวางการดวลหรือเปล่า?”
มันเป็นเพียงการดวลกันฉันมิตร แต่จางเฉี่ยนไปไกลถึงขนาดใช้พละกำลังของสายเลือดของเขา เรื่องนี้เป็นอันตรายมากทั้งกับจางเซวียนและจางเฉี่ยน
“ดูจางเซวียนก่อนก็แล้วกัน” แทนที่จะตอบคำถามของผู้อาวุโสหานซูตรงๆ ผู้อาวุโสหลิวชี้ไปที่พื้นที่ตรงหน้า
ผู้อาวุโสหานซูมองตามด้วยความงง สิ่งที่เขาเห็นทำให้ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
จางเซวียนที่อยู่บนเวทีนั้นไม่มีสีหน้าของความกังวลหรือร้อนรนแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าจางเฉี่ยนต้องใช้กระบวนท่านี้
“นักรบจิตวิญญาณต้นกำเนิดขั้นสูงสุดเอาชนะนักรบกึ่งสุดยอดการควบคุมได้ ผมอยากรู้เหลือเกินว่าจางเซวียนจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรอีก” ผู้อาวุโสหลิวหัวเราะหึๆ
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากสำหรับผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่จะได้ 12,700 คะแนนภายในเวลา 2 นาที ทำให้ผู้อาวุโสหลิวคิดไปว่าบางทีอาจมีความผิดพลาดในการทดสอบประตูขุนเขา แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของเขานั้นผิดอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีความน่าสะพรึงจริงๆ !
“เข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสหานซูพยักหน้า “ผมจะเข้าไปก็ต่อเมื่อเขาตกอยู่ในอันตรายก็แล้วกัน”
เมื่อพิจารณาถึงทีท่าสุขุมของจางเซวียนที่มีต่อการระเบิดพลังของจางเฉี่ยน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในการรับมือกับการโจมตีของอีกฝ่าย ในเมื่อเป็นอย่างนั้น รอดูอีกสักหน่อยว่าอะไรจะเกิดขึ้นน่าจะดีกว่า
บึ้ม!
ขณะที่ 2 ผู้อาวุโสแห่งปูชนียสถานนักปราชญ์กำลังหารือกันอยู่ จางเฉี่ยนที่อยู่บนสังเวียนก็ปลุกสายเลือดของเขาได้สำเร็จ แม้ระดับวรยุทธของเขาจะยังคงอยู่ที่ขั้นกึ่งสุดยอดการควบคุม แต่รังสีที่เขาแผ่ออกมาก็กราดเกรี้ยวกว่าเดิม ดูคล้ายกับอสูรร้ายโบร่ำโบราณที่ฟื้นจากการหลับไหลอันยาวนาน
จางเฉี่ยนพุ่งเข้าหาและปล่อยหมัดใส่จางเซวียนอีกครั้ง
“เอ๊ะ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาคิดว่าการเคลื่อนไหวของจางเฉี่ยนน่าจะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ปลุกสายเลือดขึ้นมาแล้ว บางทีอาจจะใช้เทคนิคการต่อสู้ที่ทรงพลังกว่าเดิม แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาด้วยการพุ่งเข้าใส่แบบตรงๆ
ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเทคนิคการต่อสู้พื้นฐานเสียอีก?
เป็นไปได้ไหมว่าการปลุกสายเลือดขึ้นมาจะช่วยเพิ่มพละกำลังของเขา แต่มีข้อจำกัดเรื่องความยืดหยุ่นในรูปแบบของการโจมตีที่เขาจะใช้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ จะปลุกสายเลือดขึ้นมาเพื่ออะไร?
ช่างมันเถอะ ไม่ช้าเดี๋ยวเราก็คงรู้คำตอบ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้รู้ว่ามีอะไรพิเศษอยู่ในสายเลือดของตระกูลจาง รู้ดีว่าคิดเรื่องนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ จางเซวียนเงื้อฝ่ามือขึ้นเพื่อรับมือกับหมัดของจางเฉี่ยน
คราวนี้เขาไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ใดๆ เช่นกัน จางเซวียนตั้งใจจะปะทะกับการโจมตีของจางเฉี่ยนโดยตรง
ฝ่ามือและหมัดของพวกเขาพุ่งเข้าหากัน แต่ก่อนที่ทั้งสองสิ่งจะปะทะกัน จางเซวียนก็เห็นภาพตรงหน้าพร่าเลือนไป เหงื่อเย็นๆ ไหลท่วมร่างของเขา
ดวงตาหยั่งรู้!
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ และตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ว่าหมัดของอีกฝ่ายมาจ่ออยู่ที่หน้าอกของเขาแล้ว อีกนิดเดียวก็จะโจมตีเขาได้
เป็นไปได้อย่างไร? หมัดทะลุมิติได้ด้วยหรือ? จางเซวียนตาโตด้วยความพรั่นพรึง
ไม่มีทางที่เขาจะคำนวณผิดพลาด ด้วยแรงโน้มถ่วงของหมัดของจางเฉี่ยน มันจะต้องถูกฝ่ามือของเขาสลายไปก่อนที่จะมาถึงตัว แต่มันกลับผ่านการป้องกันตัวของเขาและพุ่งมาถึงหน้าอกของเขาได้ในทันที…มันเป็นการทะลุมิติหรือเปล่า?
แต่ในฐานะผู้ที่ได้ฝึกฝนศาสตร์แห่งการปลดปล่อยมิติเทียบฟ้า แม้จางเซวียนจะยังไม่สามารถพลิกแพลงมิติได้ดั่งใจของเขา แต่ก็จะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนไปของพื้นที่หากจางเฉี่ยนใช้การทะลุมิติ เห็นชัดว่าหมัดของจางเฉี่ยนไม่ก่อให้เกิดการรบกวนใดๆ กับพื้นที่โดยรอบ จึงกล่าวได้ว่ามันเป็นการโจมตีอันสมบูรณ์แบบ…
สถานการณ์ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ !
แต่ตอนนี้ จางเซวียนไม่มีเวลาพอที่จะพิจารณาให้ลึกซึ้งไปกว่านั้น
อาณาเขต!
เขาระบายลมหายใจยาว จางเซวียนรีบถอยอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกัน อาณาเขตระยะหนึ่งเมตรก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา
วิ้ง!
แต่ก่อนที่อาณาเขตของจางเซวียนจะเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ หน้าอกของเขาก็เจ็บแปลบ
พลั่ก!
ร่างของจางเซวียนถูกสอยกระเด็นไป แต่โชคดีที่เขารับมือกับพละกำลังนั้นได้และทรงตัวอยู่ได้กลางอากาศ แต่แรงปะทะก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บไม่น้อย ใบหน้าของจางเซวียนซีดเผือด
รวดเร็วอะไรเช่นนี้ จางเซวียนกำหมัดแน่นอย่างไม่อยากเชื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอกับการถูกคนอื่นสอย!
อาณาเขตของเขาถูกสร้างขึ้นแล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถเปิดใช้งานมันได้ในทันที พูดกันตามหลักเหตุผล หมัดของอีกฝ่ายควรจะอยู่ห่างจากเขา แต่ทำไมถึงเข้าโจมตีเขาได้ในทันที?
โชคดีที่อาณาเขตของเขาช่วยบรรเทาพลังหมัดของจางเฉี่ยนเอาไว้ได้บ้าง ไม่อย่างนั้น หมัดที่ว่าคงจะปะทะเขาเข้าอย่างจัง ซึ่งถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็คงจะลดลงแน่
จางเซวียนรีบขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อเรียกพละกำลังกลับคืนมาพร้อมกับหรี่ตาประเมินจางเฉี่ยน
ที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดว่าจางเฉี่ยนเป็นคู่ต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน จึงไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายมากนัก แต่การโจมตีในครั้งนี้บอกเขาว่าผู้ที่มีสายเลือดของตระกูลนักปราชญ์นั้นน่าสะพรึงยิ่งกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
ด้วยพละกำลังในตอนนี้ของจางเฉี่ยน ต่อให้นักรบสุดยอดการควบคุมขั้นต้นก็คงสู้เขาไม่ได้
“แกคิดจะหนีไปไหน?”
เมื่อการโจมตีครั้งแรกเป็นผล ความลิงโลดและความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาของจางเฉี่ยน เขากระโดดอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาจางเซวียนอีกครั้ง
มันเป็นเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าจางเซวียนในพริบตาต่อมาพร้อมกับหมัดที่ทรงพลัง
บึ้มมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ ราวกับพื้นที่โดยรอบนั้นถูกฉีกกระชากจากพละกำลังของหมัดนั้น
ฝ่ามือปีศาจสวรรค์โทมนัส!
รู้ดีว่าไม่อาจรับมือกับจางเฉี่ยนได้ด้วยวิธีการธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเห็นภาพพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จางเซวียนเงื้อฝ่ามือขึ้นและปล่อยเทคนิคการต่อสู้ของนักปราชญ์ชิวอู๋
ด้วยพละกำลังจากฝ่ามือของเขา จางเซวียนปิดกั้นพื้นที่โดยรอบจางเฉี่ยนไว้ ตั้งใจจะป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้โจมตีอย่างกะทันหันได้ แต่ก็อีกครั้ง ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะเข้าถึงตัวจางเฉี่ยน หมัดของจางเฉี่ยนก็ฝ่าการโจมตีเข้ามาได้อีกครั้ง มาจ่ออยู่ที่หน้าอกของเขา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จางเซวียนมีสีหน้าไม่สู้ดี
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ฝ่ามือปีศาจสวรรค์โทมนัสของเขาจะต้องฝ่าการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย! ดูราวกับว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรและเตรียมการตอบโต้ก่อนที่เขาจะทันได้ลงมือเสียอีก และปล่อยหมัดเข้าสู่บริเวณที่ฝ่ามือของเขาทำอะไรไม่ได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
แก่นเพลงดาบ, ทะเลคมดาบ!
จางเซวียนคำรามกร้าวและเปิดจุดชีพจรทั้งหมดของเขา จากนั้นก็ปล่อยกระแสดาบฉีออกไปโดยรอบ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ววว!
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของกระแสดาบฉี จางเฉี่ยนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอย
ตอนนี้ ใบหน้าของจางเฉี่ยนซีดเผือด เขาหอบหายใจหนักหน่วง ราวกับว่าสองหมัดเมื่อครู่ใช้พลังงานของเขาไปมาก
เกือบแล้ว จางเซวียนถอยไปหลายก้าวเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับจางเฉี่ยน
ในตอนนั้นเอง เสียงร้อนรนก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“ปรมาจารย์จาง นั่นคือความสามารถของสายเลือดตระกูลจาง การบีบอัดเวลา”
ใบหน้าของเฉิงเล่อเหยาปรากฏ
“การบีบอัดเวลา?” จางเซวียนขมวดคิ้ว