Skip to content

Library Of Heaven’s Path 141

ตอนที่ 141 สัตว์

สุดท้ายจางเซวียนก็ต่อยซุนฉางสลบเพื่อไม่ให้เขาพยายามดิ้นรนขัดขืนอีก

เมื่อแตะร่างไม่ได้สตินั้น หนังสือก็ปรากฎขึ้นในสมองของเขาทันที มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร

สำหรับผู้ที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ การเคลื่อนไหวที่แม้ไม่ใช่การแสดงวรยุทธก็จะทำให้หนังสือประมวลผลออกมาได้ โดยเมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ปรากฎในหนังสือก็จะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ เพราะมนุษย์เรียนรู้ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งอาการเจ็บป่วยและข้อบกพร่องก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ส่วนในอีกแง่หนึ่ง ผู้ที่ไม่รู้สึกตัวนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับวัตถุหนึ่งชิ้น หนังสือจะประมวลผลให้ก็ต่อเมื่อจางเซวียนสัมผัสแตะต้องเท่านั้น

สองเรื่องนี้ไม่ขัดแย้งกันและเข้าใจได้ง่าย ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลที่ต้องการให้วินิจฉัยอยู่ในสภาพที่รู้สึกตัวหรือไม่ก็เท่านั้น

เมื่อรู้ว่าหอสมุดเทียบฟ้าสามารถทำเช่นนี้ได้ จางเซวียนก็ถอนหายใจอย่าง

โล่งอก ต่อไปหากเขาต้องเจอกรณีแบบภรรยาของหลิงเทียนหยู่อีก ก็จะได้ไม่ประสาทกินอย่างครั้งนี้

“เจ้านาย ผู้อาวุโสแห่งตระกูลตู้, ตู้เหมี่ยวชวน ขอเข้าพบท่าน!”

หลังจากได้สติ ซุนฉางสำรวจตรวจตราร่างกายตัวเอง และเมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ถูกรุกรานก็ถอนหายใจเฮือก เขาพรวดพราดออกไปจากห้อง และอีกครู่หนึ่งก็กลับมาเพื่อแจ้งข่าว

“ผู้าวุโสแห่งตระกูลตู้รึ ให้เข้ามา” จางเซวียนโบกมือและกลับไปนั่ง

ดูเหมือนว่าข่าวเรื่องหลิงเทียนหยู่จะแพร่สะพัดไปไวมาก ไม่ทันไรก็มีคนมาหาแล้ว

“แกบอกว่าแกเห็นกับตา… เจ้าซุนฉางอ้างว่าปรมาจารย์พักอยู่ที่นี่รึ?”

ด้านนอกคฤหาสน์ ตู้เหมี่ยวชวนจ้องบุตรชายอย่างสงสัย

อาการป่วยทำให้วรยุทธของเขาเสื่อมถอยลงมาก เมื่อได้ยินว่ามีปรมาจารย์แวะมา จึงยินดีปรีดาจนแล่นมาถึงที่นี่โดยลืมสมบัติผู้ดีไปอย่างสิ้นเชิง แต่ในระหว่างทางเขาก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลงได้และพบพิรุธสองสามข้อ

เหตุใดจู่ๆปรมาจารย์ถึงปรากฎตัวโดยไม่มีข่าวให้ระแคะระคาย? ซ้ำยังมาอยู่ในคฤหาสน์หลังกะจ้อยร่อยแบบนี้อีก?

เพราะปรมาจารย์ตัวจริงจะต้องมีลูกศิษย์และผู้ติดตามนับไม่ถ้วน ไม่จำเป็นต้องจ้างนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์มาเป็นพ่อบ้านอย่างนี้ เรื่องนี้มีประเด็นที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่มากเกินไป

“ซุนฉางพูดเอง และผมก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับภรรยาของหลิงเทียนหยู่ด้วยตาตัวเองเหมือนกัน” ตู้หยวนอธิบาย

“อือ!” ตู้เหมี่ยวชวนพยักหน้า

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นปรมาจารย์ตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็มีทางเลือก ถ้าเห็นว่าฝ่ายนั้นทำท่าจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฏล่ะก็ เขาจะถอยเมื่อไรก็ได้

“ปัง!”

ประตูคฤหาสน์เปิดออก ซุนฉางปรากฎตัว “ท่านปรมาจารย์ไม่มีกิจธุระใด เชิญข้างในเลย”

ตู้เหมี่ยวชวนกับตู้หยวนสบตากันก่อนจะเข้าไปข้างในคฤหาสน์

การตกแต่งภายในคฤหาสน์เป็นสไตล์ของพ่อค้าบ้านๆ แบบที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่น ยิ่งได้เห็นมากขึ้นเท่าไร ตู้เหมี่ยวชวนก็ยิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องเป็นสิบแปดมงกุฏแน่

ไม่นานก็มาถึงห้องโถง

“นายท่าน นี่คือผู้อาวุโสตู้เหมี่ยวชวน และตู้หยวน บุตรชายของท่าน” ซุนฉางแนะนำ

“อือ!” จางเซวียนหันมาและกล่าวเชื้อเชิญ “เชิญนั่ง!”

ตู้เหมี่ยวชวนและบุตรชายทรุดตัวลงนั่งบนที่นั่งสำหรับแขก และลอบสังเกต ‘ปรมาจารย์’ ตรงหน้า

เขาอยู่ในวัยสี่สิบกลางๆ แต่ผิวหนังยังเรียบลื่น จึงดูหนุ่มกว่าที่ควรจะเป็น

โอ๊ะ! ตู้เหมี่ยวชวนใจเต้นแรง

ชายผู้นี้อำพรางรูปลักษณ์ของตัวเอง!

เมื่อครั้งยังหนุ่ม เขาตะลอนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปทั่ว ได้พบเจอผู้คนและสิ่งต่างๆมากมาย เขาเคยเห็นเทคนิคการอำพรางปลอมแปลงใบหน้าอยู่ครั้งหนึ่ง

ถ้าชายผู้นี้เป็นปรมาจารย์ตัวจริง จะปกปิดอำพรางรูปลักษณ์ของตัวเองทำไม?

แน่นอนว่าหมอนี่เป็นตัวปลอม!

บางทีมันอาจจะรวมหัวกับหลิงเทียนหยู่ แล้วเจ้าลูกชายอ่อนหัดของเขาก็หลงถือเอาเป็นจริงเป็นจัง!

ตู้เหมี่ยวชวนหน้าดำคร่ำเครียด

จางเซวียนออกจะเซ็งเมื่อเห็นอาการเช่นนั้น

ชายผู้นี้มาที่นี่เพราะได้ยินเรื่องที่เขาช่วยหลิงเทียนหยู่มิใช่หรือ

แล้วเหตุใดจึงแสดงทีท่าแบบนั้นต่อปรมาจารย์?

ต่างฝ่ายต่างเงียบ บรรยากาศอิหลักอิเหลื่อมากขึ้นทุกขณะ

“คืออย่างนี้ ท่านพ่อของผมล้มป่วย ทำให้วรยุทธถดถอยลงเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าปรมาจารย์หยางอยู่ที่นี่ เราจึงมาพบท่านด้วยความหวังว่าปรมาจารย์อาจมีวิธีรักษาอาการนี้…”

เห็นบิดาไม่พูดไม่จา ตู้หยวนรีบอธิบายด้วยอาการกระวนกระวาย

ก็ไหนบิดาตื่นเต้นมาตลอดทาง พอมาถึงที่ทำไมไม่พูด? ถ้าปรมาจารย์ขุ่นเคืองขึ้นมาล่ะแย่แน่ๆ

“เห็นผมเป็นหมอรึ?” จางเซวียนเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ

ถึงเขาจะปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ แต่ก็มีศักดิ์ศรี ในเมื่ออีกฝ่ายระแวงแคลงใจสถานะของเขา จะรักษาไปเพื่ออะไร มันคู่ควรกับสถานะปรมาจารย์ที่เขาเพียรสร้างแล้วหรือ?

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะท่าน!” ตู้หยวนละล่ำละลัก เขาดึงชายแขนเสื้อบิดาอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ…”

“ลูกชายผมพูดจาไม่เหมาะสม ได้โปรดอภัยด้วย!”

เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสิบแปดมงกุฏตามที่คิด ตู้เหมี่ยวชวนก็ไม่เหลือความเคารพอีกต่อไป แต่เขายังคงรักษามารยาท “ผมประสบปัญหาบางอย่างในการฝึกวรยุทธ และเมื่อได้ข่าวว่าท่านปรมาจารย์หยางแวะมา จึงต้องมาขอพบเพื่อหวังจะได้เรียนรู้จากท่าน หวังว่าปรมาจารย์หยางคงไม่รังเกียจที่จะชี้แนะผม!”

“ปัญหาในการฝึกวรยุทธอย่างนั้นหรือ?”

ได้ฟังเช่นนั้น จางเซวียนยิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายคลางแคลงในตัวเขา เขาขมวดคิ้วอย่างสับสน

ด้วยสภาพที่ตัวเขาเป็นอยู่ก็ไม่น่าจะมีอะไรเป็นปัญหาอะไรนี่ ทำไมอีกฝ่ายจึงสงสัย?

เป็นที่ชัดเจนว่าจางเซวียนมองไม่เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง เขาเป็นแค่บรรณารักษ์และไอ้ห่วยแตกในโลกเก่า

เหตุที่เขาทำให้หลิงเทียนหยู่เชื่อได้ก็เพราะฝ่ายนั้นไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับวรยุทธมากนัก จึงมองไม่เห็นจุดบอดในการอำพรางตัวของเขา แต่แค่นี้ไม่เพียงพอจะตบตาผู้เจนโลกและโชกโชนอย่างตู้เหมี่ยวชวน

“ท่านพ่อ…”

ได้ยินความก้าวร้าวในน้ำเสียงของบิดา ตู้หยวนให้ร้อนรน

บิดาเขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาตลอด เหตุใดวันนี้จึงหยาบคายนัก?

อีกฝ่ายเป็นถึงปรมาจารย์นะ! ขนาดหลิงเทียนหยู่ยังยอมคุกเข่าอยู่ข้างนอกทั้งคืนกว่าจะได้เข้าพบ ที่เราได้เข้าพบเลยนี่ก็บุญนักหนาแล้ว ควรจะใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ แล้วทำไม…

“เอาล่ะ แล้วคุณอยากเรียนรู้อะไร?”

แม้จะอยากรู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงแคลงใจ แต่จางเซวียนก็ไม่ได้กังวลมากนัก เขามองตู้เหมี่ยวชวนอย่างสนอกสนใจ

ถึงเขาจะปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ แต่ก็ไม่ได้หลอกลวงลูกค้า ด้วยหอสมุดเทียบฟ้าในมือ แม้ปรมาจารย์ตัวจริงก็ยังไม่อาจวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าเขา

แล้วคุณสงสัยผมอย่างนั้นรึ?

ผมจะทำให้คุณมิบังอาจสงสัยในตัวผมอีก

“ผมเพิ่งเรียนเคล็ดวิชาการต่อสู้แบบใหม่มา แต่รู้สึกว่ายังไม่เข้าใจดีนัก หวังว่าปรมาจารย์หยางจะช่วยชี้แนะผมได้”

ตู้เหมี่ยวชวนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน

เขาแน่ใจว่าหมอนี่เป็นนักต้มตุ๋น ในเมื่อแกอยากเป็นปรมาจารย์นัก ฉันก็จะแสดงหมัดพื้นฐานให้ดู สะดุดขาตัวเองเมื่อไหร่ ฉันจะฉีกหน้ากากของแก!

ฟึ่บ!

ก่อนจางเซวียนจะได้ตอบอะไร ตู้เหมี่ยวชวนก็กำหมัดและเริ่มวาดลีลาไปรอบห้อง

สมราคาของอดีตอัจฉริยะ!

หมัดของเขาทรงพลังและหนักหน่วง ลูกเล่นแพรวพราว การเคลื่อนไหวล้ำลึก

ตู้เหมี่ยวชวนเป็นนักรบขั้นพี่เชวี่ย ด้วยอาการป่วยร้ายแรงทำให้เขาตกลงมาอยู่ขั้นติ่งลี่ แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้ลดลงมากนัก ยังพอสูสีกับนักรบพี่เชวี่ยขั้นกลางเลยทีเดียว

ไม่น่าแปลกใจที่เขายังคงความยิ่งใหญ่ในตระกูลตู้ไว้ได้แม้จะเป็นเพียงนักรบขั้นติ่งลี่ เพราะเขายังแข็งแกร่งอยู่จริงๆ

“ฟึ่บ”

เมื่อจบการออกหมัดพื้นฐาน เขาคลายกำปั้น

“ได้โปรดชี้แนะผมด้วย” ตู้เหมี่ยวชวนทำท่าคารวะขณะที่จ้องจางเซวียนด้วยสายตาคมกริบ เขาอยากได้ยินนักว่าไอ้ขี้โกงคนนี้จะพูดว่าอย่างไร

“ต้องการคำชี้แนะของผมรึ?”

รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จางเซวียนตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย

“ใช่!” ตู้เหมี่ยวชวนตอบ

“การออกหมัดระยะสั้นของคุณนั้นน่าทึ่ง คุณคงจะอยู่ในขั้น 3 แล้วอย่างแน่นอน แต่…ดูเหมือนคุณจะควบคุมพลังและความแข็งแกร่งของคุณได้ไม่ดีนัก ท่วงท่าของคุณอาจอธิบายได้คำเดียวว่า…”

มาถึงตรงนี้ จางเซวียนทำตาโต รอยยิ้มซุกซนปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก

“สัตว์!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!