Skip to content

Library Of Heaven’s Path 160

ตอนที่ 160 ศึกสายเลือด

เมื่อได้ยินว่าทั้งคู่กำลังจะเปิดศึก คนอื่นๆก็พากันถอยไปซุกอยู่มุมห้อง

สีหน้าของจ้าวหย่าเปลี่ยนเป็นดุดันเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีที่ทั้งคู่แผ่ออกมา

ก่อนหน้านี้วรยุทธของเจิ้งหยางต่ำกว่าเธอมาก แต่หลังจากที่ได้เรียนกระบวนท่าเพลงหอกจากอาจารย์จาง พละกำลังของเขาก็พุ่งพรวด ถ้าให้เธอสู้กับเขาตอนนี้คงเละแน่

“เธอว่าใครจะชนะ?” หลิวหยางถาม

“พวกเขาโตมาด้วยกัน ทั้งพรสวรรค์และความเข้าใจในศิลปะการใช้หอกของโม่วเซียวนั้นเป็นสิ่งที่เจิ้งหยางไม่เคยเทียบชั้นได้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเคยดวลกันสองสามครั้งและเจิ้งหยางแพ้มาตลอด ฉันว่าครั้งนี้ก็คงจะยากอีกนั่นแหละ!” จ้าวหย่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

แม้เธอเกลียดการที่จะต้องยอมรับ แต่โม่วเซียวก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าพรั่นพรึงจริงๆ

แม้เจิ้งหยางเองก็รู้ตัวว่าไม่อาจเทียบชั้นกับเพื่อนสนิทของเขาได้

ลู่ฉวินคงรู้เรื่องนี้ จึงฉกโม่วเซียวมาจากอาจารย์หว่างเชาเพื่อให้มาเผชิญหน้ากับเจิ้งหยาง ช่างเป็นการเล่นไม่ซื่ออย่างไร้ยางอายนัก

“ฉันได้ยินมาว่า เพื่อการประเมินอาจารย์ครั้งนี้ อาจารย์หว่างเชาถึงกับถ่ายทอดบางส่วนของวรยุทธเพลงหอกที่เป็นมรดกตกทอดในตระกูลของเขาให้โม่วเซียวเลยนะ!” แม้หยวนเทาจะไม่เก่งในเชิงวรยุทธ แต่ก็ทันทุกข่าวในโรงเรียน

“วรยุทธเพลงหอกที่เป็นมรดกตกทอดในตระกูล? นายหมายถึงเพลงหอกตระกูลหว่างน่ะเหรอ?” จ้าวหย่าผงะ

“เพลงหอกตระกูลหว่างนี่มีชื่อเสียงมากรึ?” หลิวหยางงงเมื่อเห็นอาการตกตะลึงของจ้าวหย่า

“ในอาณาจักรเทียนเซวียนนี่มีตระกูลอันทรงเกียรติอยู่สองตระกูล หนึ่งก็คือตระกูลหวังของฉัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ส่วนอีกหนึ่งก็คือตระกูลหว่างของปรมาจารย์เพลงหอกหว่างชง” คราวนี้หวังหยิ่งเป็นคนตอบ

ในฐานะสมาชิกของสี่ตระกูลใหญ่ จึงเป็นธรรมดาที่หวังหยิ่งจะรู้

“หว่างชง?”

“ใช่ หว่างชงคือผู้เชี่ยวชาญเพลงหอกมือหนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียน ขนาดฮ่องเต้เซินจุยยังทรงยกย่อง เขาสร้างตระกูลหว่างขึ้นมาด้วยสองมือกับเพลงหอกของเขา ทักษะของหว่างชงน่ะล้ำเลิศอย่างที่ผู้ร่ำเรียนเพลงหอกจำนวนนับไม่ถ้วนต่างฝันถึงเลยล่ะ!” หวังหยิ่งพูดอย่างชื่นชม

“น่าทึ่งขนาดนั้น?”

หลิวหยางประหลาดใจนัก เขาอดถามต่อไม่ได้ “แล้วหว่างชงกับอาจารย์หว่างเชาเป็นอะไรกัน?”

“หว่างเชาเป็นลูกชายคนเดียวของปรมาจารย์เพลงหอกคนนี้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ฝึกฝนเพลงหอกจำนวนนับไม่ถ้วนจึงแห่กันมาขอเป็นลูกศิษย์ของเขา” หวังหยิ่งตอบ

“อย่างนี้นี่เอง!” หันกลับไปสนใจคู่นั้น หลิวหยางมีสีหน้ากังวล

“นี่แปลว่าเจิ้งหยางกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า?”

“เพลงหอกตระกูลหว่างไร้เทียมทานจริงๆนะ คนนอกก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียน คิดดูสิว่าอาจารย์หว่างเชาถึงกับยอมฝ่าฝืนกฏของตระกูลและถ่ายทอดสองสามกระบวนท่าให้เขาอย่างใจกว้าง คงตั้งใจจะเอาชนะการทดสอบประเมินอาจารย์ครั้งนี้ให้ได้” จ้าวหย่าพูดอย่างเย็นชา

เพลงหอกตระกูลหว่างเป็นมรดกตกทอดในตระกูล ถ่ายทอดให้กันเฉพาะบุตรชายตระกูลหว่างเท่านั้น อย่างที่หยวนเทาพูดว่าอาจารย์หว่างเชาถ่ายทอดสองสามกระบวนท่าให้โม่วเซียว เห็นชัดว่าเขาให้ค่ากับการประเมินครั้งนี้สูงแค่ไหน

แต่ไหนแต่ไรมา เจิ้งหยางก็ไม่เคยเทียบชั้นกับโม่วเซียวอยู่แล้ว นี่หว่างเชายังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิมด้วยการถ่ายทอดวรยุทธของตระกูลหว่างให้โม่วเซียวเสียอีก แล้วคราวนี้จะเอาชนะได้อย่างไร?

ทุกคนต่างกระวนกระวาย

“อาจารย์หว่างเชาถ่ายทอดเพลงหอกตระกูลหว่างกระบวนท่าที่ 3, 7 และ 18 ให้ฉัน นายดูนะ!” โม่วเซียวพูดขณะที่ตวัดหอกและแทงเข้าใส่เจิ้งหยาง

“กระบวนท่าที่ 3 ไฟเย็นพิฆาต, กระบวนท่าที่ 7 เศษเสี้ยวอาทิตย์อัสดง และกระบวนท่าที่ 18 นกขมิ้นป่าคืนรัง ได้!” เจิ้งหยางมีสีหน้าดุดัน

เพลงหอกตระกูลหว่างนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ผู้ที่ได้เรียนศิลปะการใช้หอกขั้นพื้นฐานจะต้องรู้จัก แต่ก็รู้จักแค่เพียงรูปแบบ ไม่รวมถึงใจความสำคัญและเจตจำนงของกระบวนท่านั้น

“งั้นฉันเริ่มก่อน กระบวนท่าที่ 3……!”

โม่วเซียวขยับหอก พร้อมกับเสียงหวีดหวิวสนั่น หอกของเขาพุ่งออกไป

ก่อนจะถึงตัวเจิ้งหยาง หอกก็อ่อนกำลังลงด้วยคลื่นพลังจากตัวมัน การฝ่าพลังนั้นถึงกับเรียกเหงื่อเย็นๆให้หลั่งออกมา

การเคลื่อนไหวนั้นพุ่งไปที่สมาธิทั้งหมดของผู้ถือหอก และรวมเอาความแข็งแกร่งทั้งหมดไว้ที่ปลายหอก แม้แผงเหล็กหนาหลายนิ้วก็อาจถูกแทงทะลุได้ในฉับพลัน

สมฐานะอัจฉริยะเพลงหอก นอกจากจะมีวรยุทธเพลงหอกอันสูงส่งของตระกูลหว่างแล้ว เขายังสำแดงพละกำลังอันน่าทึ่งได้อีกด้วย

“เยี่ยม!”

“ช่างเป็นวรยุทธเพลงหอกที่เหลือเชื่อ…” คลื่นพลังจากการโจมตีของโม่วเซียวระเบิดออกไปโดยรอบ ก่อให้เกิดพลังอันน่าทึ่งจากท่วงท่า ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด

“จ้าวหย่า เธอคิดเหมือนกันหรือไม่? ก็ในเมื่อโม่วเซียวได้เรียนวรยุทธอันน่าทึ่งนี้แล้ว ทำไมเขาไม่เก็บไว้ใช้วันทดสอบประเมินอาจารย์ล่ะ? มาหาเรื่องประลองกับเจิ้งหยางทำไม?” หวังหยิ่งไม่เข้าใจ

ถ้าใครสักคนได้เรียนกระบวนท่าที่เลิศเลอขนาดนี้ เขาก็ควรจะแอบฝึกฝนอย่างเงียบๆ ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น แต่นี่โม่วเซียวมาท้าดวลกับเจิ้งหยาง ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ เจิ้งหยางก็จะรู้วิธีตอบโต้ ทำให้การประลองยากขึ้นไปอีก

“มันคือความเป็นพี่เป็นน้องอย่างไรล่ะ!” หลิวหยางตอบเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวหย่า

“ความเป็นพี่น้องเหรอ?”

“ใช่ โม่วเซียวน่ะโตมาด้วยกันกับเจิ้งหยาง และไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ไม่เต็มใจจะเผชิญหน้ากับเจิ้งหยางในการประลองหรอก ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งใจมาเพื่อบอกให้เพื่อนรักรู้ว่าเขาได้เรียนอะไรมาบ้าง โดยใช้การท้าดวลมาเป็นข้ออ้าง เพื่อเจิ้งหยางจะได้รับมืออย่างไรล่ะ! ไม่เห็นหรือว่าเขาทบทวนชื่อกระบวนท่าก่อนจะดวล เธอเคยเห็นใครทบทวนชื่อกระบวนท่าก่อนจะดวลกันบ้าง?”

ลูกผู้ชายตัวจริงเท่านั้นจึงจะเข้าใจความรู้สึกของการเป็นพี่เป็นน้อง ถึงโม่วเซียวจะปิดบังและใช้วิธีอ้อมๆจนหวังหยิ่งกับจ้าวหย่าไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเขา แต่เรื่องแบบนี้ไม่รอดตาหลิวหยางไปได้หรอก!

“อย่างนี้นี่เอง!”

ทุกคนถึงบางอ้อและหันไปจับตาที่การดวลอีกครั้งหนึ่ง

“ตูม ตูม ตูม!”

เมื่อเห็นท่วงท่าอันน่าทึ่งที่โม่วเซียวแสดงออกมา เจิ้งหยางหรี่ตาและรุกเข้าเผชิญหน้าด้วยกระบวนท่าเพลงหอกในแบบของเขา

ในช่วงเวลาสั้นๆที่ทั้งคู่ต่อสู้กัน มีการปะทะพลังกันหลายครั้ง มีเสียงโช้งเช้งของหอกที่กระทบกัน การปะทะของทั้งคู่ส่งคลื่นพลังออกมาทั่วบริเวณโดยรอบ ตามคาด เจิ้งหยางไม่อาจต้านทานโม่วเซียวได้ และต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

“เป็นเพลงหอกที่ยอดเยี่ยม! แต่ระหว่างที่นายฝึกหนักฉันก็ไม่ได้เอื่อยเฉื่อยนะ โม่วเซียว ขอฉันแสดงกระบวนท่าที่อาจารย์จางสอนให้นายดูหน่อยเถอะ!” แม้จะตกเป็นรอง แต่เจิ้งหยางก็ไม่ประหม่า เขายิ้มอย่างใจเย็น

เมื่อครู่นี้เขาใช้ความเข้าใจและพื้นฐานการใช้หอกตามแบบของตัวเองสู้กับ

โม่วเซียว ซึ่งก็แน่อยู่แล้วว่าไม่อาจต้านทานเพลงหอกตระกูลหว่างได้

บูม!

ในพลันที่เจิ้งหยางพูดจบ หอกในมือเขาก็พุ่งเข้าใส่โม่วเซียวราวกับมังกรผงาดเหนือพื้นน้ำ เป็นท่วงท่าที่แสนจะเรียบง่าย แต่โม่วเซียวรู้สึกราวกับโดนภูเขาทับยอดอก แรงกดมหาศาลนั้นทำให้เขาหายใจไม่ออก

“ตึ้ง!”

โม่วเซียวยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็รู้สึกเจ็บหน่วงในอก วรยุทธตระกูลหว่างสลายตัวทันใด เขาถูกสอยกระเด็นหงายหลังไปเจ็ดแปดเมตร

“ฮะ?”

เจิ้งหยางผงะ เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าท่วงท่านี้จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น

เขาเริ่มฝึกมันตั้งแต่จางเซวียนถ่ายทอดให้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเหนือกว่าเพลงหอกตระกูลหว่าง

เขาคิดเสมอว่าที่เอาชนะอาจารย์โจวเทียนได้นั้นเป็นเพราะพลังปราณของอาจารย์จาง เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า แม้ปราศจากพลังปราณของอาจารย์จาง กระบวนท่านี้ก็ยังล้ำเลิศ

ตั้งแต่พวกเขาสองคนยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเพลงหอกหรือวรยุทธทั่วไป เจิ้งหยางไม่เคยเทียบชั้นกับโม่วเซี่ยวได้ ยิ่งเมื่อโม่วเซียวได้เรียนเพลงหอกตระกูลหว่าง เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าไม่มีทางสู้ได้เลย ไม่เคยคิดสักนิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียวจะสอยฝ่ายนั้นกระเด็น ถ้าเขาไม่ยั้งมือไว้ในวินาทีสุดท้าย โม่วเซียวจะต้องบาดเจ็บแน่

เจิ้งหยางรีบเข้าพยุงเพื่อน

“ฉันไม่เป็นไร!…นั่นมันกระบวนท่าอะไรกัน?”

เมื่อลุกขึ้นยืนได้ นัยน์ตาของโม่วเซียวเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

กระบวนท่าที่เขาใช้เป็นส่วนหนึ่งของเพลงหอกตระกูลหว่าง วรยุทธเพลงหอกอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียน แต่มันกลายเป็นของเล่นน่าหัวเราะไปเลยเมื่อเทียบกับของอีกฝ่าย เขาถูกสอยร่วงในพริบตาเดียว

ถ้าไม่เจอกับตัวจะไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด

“มันคือกระบวนท่าที่าจารย์จางสอนฉัน!” เจิ้งหยางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

ก่อนหน้านี้ ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์หว่างเชา และได้รู้ได้เห็น รวมถึงได้เรียนเพลงหอกตระกูลหว่างสักหนึ่งหรือสองกระบวนท่า แต่ ณ เวลานี้ เจิ้งหยางให้รู้สึกขอบคุณอาจารย์หว่างเชายิ่งนักที่ปฏิเสธตน มิเช่นนั้นเขาจะจับพลัดจับผลูมาเป็นลูกศิษย์อาจารย์จางเซวียนได้อย่างไร?

“อาจารย์จางถ่ายทอดให้หรือ? ช่าง…ช่างน่าทึ่งนัก แล้วเขาสอนนายง่ายๆอย่างนี้น่ะหรือ?”

“เวลาถ่ายทอดวิชาให้พวกเรา อาจารย์จางไม่เคยกั๊ก เขาเป็นอาจารย์อย่างแท้จริง!” เจิ้งหยางยืนยันเป็นมั่นเหมาะ

“นี่มัน…”

เมื่อได้ยินคำพูดจริงจังของเพื่อนรัก และเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายชื่นชมอาจารย์จางด้วยใจจริง โม่วเซียวหัวเราะหึๆ

ตอนแรกเขาเสียดายที่เพื่อนไม่ได้เข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หว่างเชา แต่แล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะเขาได้พบอาจารย์ที่ดีกว่า แถมยังได้เรียนเพลงหอกที่เหนือชั้นกว่า

แค่เห็นกระบวนท่า โม่วเซียวก็รู้แล้วว่าต่อให้ได้เรียนวรยุทธเพลงหอกตระกูลหว่างจนครบถ้วน เขาก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเพื่อนได้

“เพลงหอกนี้น่าทึ่งมาก ฉันยอมแพ้ นายช่วยบอกชื่อของมันหน่อยได้ไหม?” หายตะลึงแล้ว โม่วเซียวก็เอ่ยถาม

อย่างน้อยเขาควรจะได้รู้ชื่อวรยุทธเพลงหอกที่เขาพ่ายแพ้ให้กับมัน

“ชื่อเหรอ?” เจิ้งหยางเกาศีรษะอย่างเขินๆ “ฉันก็ไม่รู้ชื่อของมันเหมือนกัน มันเป็นกระบวนท่าที่อาจารย์จางเพิ่งคิดค้นขึ้น เขายังไม่มีเวลาตั้งชื่อเลย…”

“เพิ่งคิดค้น? ยังไม่มีเวลาตั้งชื่อ? โม่วเซียวผงะ ตกใจจนลมแทบจับ

มีใครกันบ้างที่คิดค้นวรยุทธเพลงหอกขึ้นมาได้ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเพลงหอก และไม่ได้มีความรู้มากมายในเรื่องศิลปะการใช้หอก? แถมโดยปกติแล้ว ชื่อจะต้องถูกตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการคิดค้นกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำ…นี่เขาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ทั้งๆที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ?

ยิ่งไปกว่านั้นคือ กระบวนท่านี้เหนือชั้นกว่าเพลงหอกตระกูลหว่างเสียอีก จะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงแม้สักนิดหากจะพูดว่ามันคือวรยุทธเพลงหอกอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียน…และมันยังไม่มีชื่อ…

แน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อกันเล่น!

“เอาอย่างนี้ไหม? ทำไมนายไม่ช่วยฉันตั้งชื่อล่ะ…”

กำลังอึ้งอยู่ ก็พอดีได้ยินเสียงเพื่อน

“นาย…”

ได้ยินเช่นนั้น โม่วเซียวหน้าดำคร่ำเครียด “เจิ้งหยาง นายระวังคำพูดหน่อย! ทุกกระบวนท่าน่ะ ผู้คิดค้นต้องเสียเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และน้ำตาไปเท่าไร และชื่อของมันจะต้องตกทอดไปอีกชั่วกาลนาน ถึงอาจารย์จางจะเป็นผู้คิดค้นก็เถอะ เขาก็ควรจะเป็นคนตั้งชื่อ นี่นายจะตั้งชื่อเอง…มันจะเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร? ถ้าอาจารย์รู้ เขาจะไม่ขุ่นเคืองหรือที่นายดูถูกความอุตสาหะของเขา?”

ตั้งชื่อให้กระบวนท่าของคนอื่นหลังจากที่เรียนกับเขาแล้วนี่นะ? ตลกเป็นบ้า!

“เอ่อ…” ได้ยินน้ำเสียงจริงจังของเพื่อน เจิ้งหยางชะงัก

ดูถูกความอุตสาหะของอาจารย์?

อาจารย์จางคิดค้นวรยุทธขึ้นมาไม่รู้เท่าไรแล้ว และให้พวกเราตั้งชื่อกันเองทุกครั้ง…

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาตอบ “ไม่ต้องกังวลหรอก อาจารย์จางบอกแล้วว่าให้ฉันตั้งชื่อได้ตามใจชอบ อยากเรียกว่าอะไรก็เอาเลย จะบอกความจริงให้นายรู้นะ

วรยุทธของพวกเราน่ะคิดค้นโดยอาจารย์จางทั้งนั้นแหละ และอาจารย์ก็ให้เราตั้งชื่อกันเอง…”

“อะไรนะ! เขาอนุญาตให้พวกนายตั้งชื่อวรยุทธที่เขาคิดค้นขึ้นมาหรือ?”

โม่วเซียวยืนโงนเงน ใกล้สลบเต็มที

ตรงกันข้าม… อาจารย์ของเขาไม่เต็มใจถ่ายทอดกระบวนท่าให้ลูกศิษย์เพราะกลัววิชาจะรั่วไหล แต่อาจารย์จาง ไม่ใช่แค่คิดค้นวรยุทธให้ลูกศิษย์เท่านั้น ยังให้ลูกศิษย์ตั้งชื่อวรยุทธเองด้วย…

จางเซวียน…คุณเป็นอาจารย์แบบไหนกัน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!