ตอนที่ 23 ตัวปัญหา
เมืองเทียนเซวียนเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนเซวียน ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ตระกูลที่โด่งดังเช่นนี้ แม้แต่อธิการบดีของโรงเรียนยังต้องหวั่นเกรง ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะหาอาจารย์เก่งๆ ดีๆ สักคนมาสอนสั่งลูกหลานของพวกเขาไม่ได้ แต่อาจารย์ที่จะอบรมสั่งสอนทายาทของตระกูลหวังกลับเป็นอาจารย์ระดับปลายแถว ผู้ที่ได้คะแนนประเมินผลเป็นศูนย์ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับตระกูลหวังอย่างมาก
อาจารย์คนนี้ยังเคยเป็นตัวตลกในบทสนทนาของเขากับเพื่อนๆ บนโต๊ะอาหาร คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะกลายมาเป็นอาจารย์ของน้องสาวตนได้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของบรรดาเพื่อนๆ ของเขา มันจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะมาก
หวังเทายิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของจางเซวียนก็เห็นเหยาฮั่นที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่ทั่วตัว มองไกลๆ คล้ายกับมัมมี่ “ที่แท้ก็คุณชายหวังเทานั่นเอง”
เหยาฮั่นเป็นพ่อบ้านของเจ้าเมืองไป๋หยู เขาจึงรู้จักกับผู้มีอิทธิพลต่างๆ มากมาย หวังเทาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง บวกกับการที่เขาเป็นคุณชายของตระกูลหวัง เหยาฮั่นจึงรู้จักมานานแล้ว
“คุณคือ…” หวังเทามองไปที่เหยาฮั่นด้วยสายตาสงสัย
เหยาฮั่นถูกเล่นงานจนบอบช้ำเกินไป ใบหน้าของเขายับเยินจนไม่มีใครจำเขาได้ ขนาดจ้าวหย่ายังแทบจะจำเขาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับหวังเทา “ผมเป็นพ่อบ้านของเจ้าเมืองไป๋หยูชื่อเหยาฮั่นครับ” เหยาฮั่นกล่าว
“อ้อ ที่แท้ก็พ่อบ้านใหญ่เหยาฮั่น แต่นี่คุณ…” หวังเทาหยุดชะงักทันทีที่เห็นสภาพของเหยาฮั่นอย่างชัดเจน
“ผมฝึกวิชา เกิดพลั้งมือเลยได้รับบาดเจ็บน่ะครับ” เหยาฮั่นตอบกลับอย่างเก้อเขินแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่ทราบว่าคุณชายมาที่นี่ทำไมหรือ?”
“น้องสาวของฉันน่ะสิ ยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์ ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะจับตัวน้องสาวของฉันกลับบ้าน แล้วก็ลงมือสั่งสอนอาจารย์ที่ไม่รู้จักเจียมตัวอย่างจางเซวียนสักทีสองที” หวังเทาไม่ปกปิดความโกรธแค้นที่มีต่อจางเซวียนเลยแม้แต่น้อย
“อะไรนะ! น้องสาวของคุณชาย คุณชายหมายถึงนายหญิงน้อยหวังหยิ่งน่ะหรือ?” เมื่อครู่ตอนที่เหยาฮั่นเข้าไปในห้องเรียนก็ถูกไล่ออกมาอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่ทันได้สังเกตว่าในหมู่ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ในห้อง หนึ่งในนั้นคือหวังหยิ่ง
หวังเทาพยักหน้า
“ผมเคยได้ยินมาว่านายหญิงน้อยหวังหยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าคุณชายเลยแม้แต่น้อย ทำไมกลับเลือกที่จะเป็นศิษย์ของอาจารย์คนนี้ได้ล่ะ” เหยาฮั่นรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“น้องสาวของฉันคนนี้ไม่เคยก้าวออกไปนอกรั้วบ้าน เป็นคนที่มีความใสซื่อบริสุทธิ์ อาจารย์คนนี้คงจะใช้คำพูดหลอกล่อและหว่านล้อมเธอ เธอเลยติดกับเข้าโดยง่าย” พอหวังเทาพูดจบก็นึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าหลิวขึ้นมา ยิ่งทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นจางเซวียนจนแทบจะระเบิด
“บัดซบที่สุด คนคนนี้ก็เหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง เป็นอาจารย์ที่ขี้แพ้ที่สุด” เหยาฮั่นนึกถึงนายหญิงน้อยของตนเอง เธอก็ถูกจางเซวียนหลอกเช่นกัน เขากัดฟันด้วยความแค้น “คุณชายหวังเทา คุณจะต้องสั่งสอนคนคนนี้ให้หลาบจำให้ได้นะครับ”
“แน่นอน” หวังเทาตอบกลับและมองไปที่เหยาฮั่นด้วยความสงสัย “จริงสิพ่อบ้านเหยา คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ยิ่งพูดก็ยิ่งแค้น นายหญิงน้อยของบ้านผมก็ถูกเจ้าจางเซวียนหลอกและคารวะมันเป็นอาจารย์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน” เหยาฮั่นตอบด้วยความโกรธ
“คุณหมายถึงนายหญิงน้อยจ้าวหย่าน่ะหรือ?” หวังเทาถึงกับชะงัก
“ใช่แล้วครับ” เหยาฮั่นพยักหน้า
“แล้ว…ทำไมคุณถึงไม่เข้าไปจัดการกับเจ้าคนหลอกลวงนั่นล่ะ มายืนรออยู่ที่หน้าห้องเรียนทำไม” หวังเทาประหลาดใจ
“ตอนที่ผมจะเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าคนลวงโลกนั่น นายหญิงน้อยก็โมโหผมขึ้นมา ผมเองไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ จึงได้แต่มายืนรออยู่ที่หน้าห้องเรียนแบบนี้แหละครับ คุณชายหวังเทามาพอดี ฝากคุณชายเข้าไปจัดการสั่งสอนเจ้าคนไร้ยางอายคนนั้นแทนผมด้วยก็แล้วกัน ช่วยเปิดโปงความชั่วร้ายของมันให้โลกได้รับรู้ และช่วยทำให้นายหญิงน้อยของผมรู้สึกตัวเสียทีว่ากำลังถูกมันหลอกอยู่” เหยาฮั่นกล่าว
“คุณวางใจเถอะ ผมจะเปิดโปงมันเอง จะทำให้มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลย” หวังเทาพยักหน้าพร้อมกับกัดฟันด้วยความแค้น เขาถีบประตูของห้องเรียนออกอย่างแรงและเดินอาดๆ เข้าไปอย่างไม่รีรอ
อีกด้านหนึ่ง จางเซวียนได้ให้คำชี้แนะแก่ลูกศิษย์ทั้งห้าคนของเขาเรียบร้อยแล้ว สำหรับเจิ้งหยาง กระบวนท่าของเพลงหอกยังคงมีจุดบกพร่องอยู่เล็กน้อย หลังจากที่จางเซวียนให้คำชี้แนะอย่างละเอียด เพลงหอกของเขาก็มีอานุภาพร้ายแรงมากขึ้น เจิ้งหยางรู้สึกประทับใจจางเซวียนเป็นอย่างมาก
ส่วนหยวนเทา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยฝึกวิชาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมาก่อน จางเซวียนจึงเอาตำราเคล็ดวิชาขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นวิชาขั้นพื้นฐานของเคล็ดวิชาหงเทียนเก้าขั้น อันเป็นวิชาประจำโรงเรียนออกมาศึกษา ทำการแก้ไขเล็กน้อย เสร็จแล้วก็มอบต่อให้หยวนเทาไปฝึก
แม้ว่าจะไม่ได้แก้ไขเนื้อหาอะไรมาก แต่ก็แตกต่างจากเดิมราวฟ้ากับเหว
จางเซวียนแก้ไขเนื้อหาบางส่วน ทลายจุดบกพร่องทิ้ง จึงทำให้เคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานนี้มีอานุภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อหยวนเทาเห็นก็อดที่จะรู้สึกปลื้มปีติไม่ได้ เขาดีใจที่ตนพบกับอาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือเข้าแล้ว
“เอาล่ะ ปัญหาทางกายภาพของทุกคน ผมก็ได้ให้คำชี้แนะเป็นรายบุคคลไปแล้ว การฝึกวิชานั้น ผู้ฝึกจะต้องมีความหมั่นเพียร…” เมื่อจางเซวียนเรียกศิษย์ทั้งห้ามารวมตัวกันและกำลังจะเริ่มถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์ของเขาอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงตูมดังสนั่นมาจากประตูห้องเรียน แล้วก็มีเสียงตวาดดังขึ้น
“จางเซวียน คุณต้องให้น้องสาวของผมและนายหญิงน้อยจ้าวหย่าลาออกจากห้องเรียนของคุณทันที ไม่อย่างนั้น วันนี้เราจะได้เห็นดีกันแน่” หวังเทาบุกเข้ามาในห้องเรียนของจางเซวียนเสียแล้ว เขายืนมองจางเซวียนด้วยสายตาโกรธแค้น ราวกับราชสีห์กำลังตะครุบเหยื่อ
“พี่ใหญ่…” เห็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ หวังหยิ่งตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปยังหน้าห้องเรียน
“เธอไม่ต้องยุ่ง” หวังเทาดึงร่างของน้องสาวมาซ่อนไว้ที่ด้านหลัง มองจางเซวียนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผดก้อง “จางเซวียน คุณจะโกหกหลอกลวงใครผมไม่สน แต่มายุ่งกับน้องสาวของผมแบบนี้ คุณรนหาที่ตายชัดๆ ผมจะนับหนึ่งถึงสิบ คุณช่วยถอนรายชื่อน้องสาวของผมและนายหญิงน้อยจ้าวหย่าออกจากห้องเรียนนี้ด้วยแล้วผมจะไม่เอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อย่าหาว่าผมไร้ความปรานี”
ตูม!
เสียงดังสนั่นระเบิดขึ้นจากปราณที่อัดแน่นเต็มร่างของหวังเทา
จริงอย่างที่เล่าลือกัน หวังเทาเป็นนักรบขั้นสี่ – ผีกู่เข้าไปแล้ว มิน่าเล่าเขาถึงเป็นศิษย์เอกของผู้อาวุโสระดับสูงในโรงเรียนนี้ ความสามารถของหวังเทาสูงกว่าอาจารย์ทั่วไปเสียอีก ยากจะหาคู่ต่อสู้ที่ฝีมือเทียบเทียมกับเขาได้ในโรงเรียนแห่งนี้
“ผมกำลังสอนหนังสืออยู่ ออกไปซะ” จางเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“สอนหนังสืออย่างนั้นหรือ ความสามารถของคุณมีแค่นี้จะสอนอะไรได้”
หวังเทายิ้มเยาะอย่างดูแคลน “ออกไปงั้นหรือ คุณสั่งให้ผมออกไปอย่างนั้นหรือ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่เรียกคุณว่าอาจารย์ก็เป็นแค่การให้เกียรติเท่านั้น ตัวคุณเองอยู่ในระดับไหนในใจย่อมรู้ดี ก็แค่อาจารย์กระจอกคนหนึ่ง เป็นแค่นักรบขั้นสาม – เจิ้นชี่เท่านั้น อย่ามาอวดตัวต่อหน้าคนอย่างผมเลย ต่อให้ผมเล่นงานคุณ อย่างมากก็โดนผู้อาวุโสฉางตำหนิสักคำสองคำ คุณจะทำอะไรผมได้?”
เขาพูดถูก ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสระดับสูงทุกคนล้วนมีวรยุทธสูงส่ง บางคนวรยุทธสูงกว่าอาจารย์ในโรงเรียนหงเทียนเสียอีก สถานะทางสังคมก็สูงกว่าคนทั่วไป แม้จะมีเรื่องกับอาจารย์ในโรงเรียน อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิเล็กน้อย ไม่มีใครในโรงเรียนสามารถเอาผิดกับคนเหล่านี้ได้
“พี่ใหญ่…” หวังหยิ่งหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
อาจารย์ที่อยู่ตรงหน้ามีความสามารถแค่ไหน เธอรู้ดีกว่าใคร อาการที่แพทย์มือหนึ่งทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเซวียนยังรักษาไม่ได้ อาจารย์คนนี้เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็รักษาหาย มิหนำซ้ำยังสามารถใช้วิชาร้อยเข็มกลางอากาศ คนอย่างนี้จะไม่มีวรยุทธเลยอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เธอคิดจะดึงพี่ชายอันธพาลของตนออกจากห้อง เธอพลันเหลือบไปเห็นใบหน้าที่เริ่มเคร่งเครียดของจางเซวียน
“ไสหัวออกไป”
“สั่งให้ผมไสหัวออกไปงั้นรึ…”
คาดไม่ถึงว่าอาจารย์กระจอกคนนี้จะกล้าใช้คำพูดเช่นนี้กับเขา ซ้ำยังส่งสายตาเย็นชาจ้องมองมายังตน เห็นสายตาคู่นั้นของจางเซวียน เขาพลันตัวสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ราวกับกระต่ายน้อยที่ถูกเสือร้ายจ้องมองอยู่ เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว หวังเทาก้าวถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นสะท้าน
ปราณสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ อาจารย์ของเขาเท่านั้นที่มี อาจารย์ที่เป็นเพียงนักรบขั้นสาม – เจิ้นชี่จะมีปราณเช่นนี้ได้อย่างไร เขาพยายามเรียกสติกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าของหวังเทาเริ่มคล้ำลงเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบแดงก่ำ
ในสายตาของหวังเทา แม้ว่าจางเซวียนจะมีศักดิ์เป็นอาจารย์ แต่ก็ไม่ต่างจากเศษสวะชิ้นหนึ่ง เขาไม่ควรปล่อยให้มันวางท่าข่มขู่ตนจนหวาดหวั่น ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป… เขาจะเอาหน้าไปพบใครได้อีก
“แกรนหาที่ตายเองนะ” หวังเทาตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธสุดขีด หลังจากที่ถูกจางเซวียนหยามเกียรติ เขาชักดาบเล่มยาวออกจากฝักที่เอว พุ่งปลายดาบไปข้างหน้า หมายจะปลิดชีพจางเซวียนอย่างอำมหิต
ควับ… สำหรับนักรบขั้นสี่ – ผีกู่ พลังปราณที่ส่งออกไปแต่ละครั้งมักจะหนักกว่าห้าร้อยกิโลกรัม แค่เสียงพลังแหวกอากาศก็ดังสนั่นจนแสบแก้วหูแล้ว คู่ต่อสู้จะไม่หวาดกลัวเชียวรึ
“อาจารย์จาง…” หวังหยิ่งเห็นพี่ชายของตนลงมือก็ตกใจนัก แม้ว่าจะนับถือในความสามารถของอาจารย์มากแค่ไหน แต่เธอเองก็รู้ว่าจางเซวียนเป็นเพียงนักรบขั้นสาม อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ชายเธออย่างแน่นอน เธอกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจและหลับตาทันที
“นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร”
ขณะที่หวังหยิ่งคิดว่าอาจารย์จางคงได้รับบาดเจ็บจากคมดาบของพี่ชาย เธอกลับได้ยินเสียงของจ้าวหย่าและเพื่อนๆ คนอื่นดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด เธอลืมตาขึ้นทันที หวังหยิ่งไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น ปลายดาบดุดันและทรงพลังของพี่ชายเธอกำลังหยุดชะงักกลางอากาศ สิ่งที่หยุดปลายดาบของเขาเอาไว้คือปลายนิ้วทั้งสองนิ้ว ที่เหมือนจะบอบบางอย่างมากของอาจารย์จาง
อานุภาพของดาบที่รุนแรงมหาศาล กลับถูกสองนิ้วของจางเซวียนสกัดไว้ได้อย่างง่ายดาย