ตอนที่ 24 โยนเขาออกไป
“ป…เป็นไปไม่ได้” หวังเทาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่ เขาได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของจางเซวียนไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นนักรบขั้นสาม – เจิ้นชี่ที่ห่วยแตกที่สุด แต่ทำไมถึงสามารถสกัดปลายดาบของเขาได้ด้วยสองนิ้วเท่านั้น
การที่จะทำเช่นนี้ได้ ไม่เพียงแต่จะต้องมีพลังปราณมหาศาล ยังต้องสามารถจับจังหวะ ระดับกำลัง และตำแหน่งที่ปลายดาบจะฟันลงมาได้อย่างแม่นยำ หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย เขาอาจจะสูญเสียนิ้วทั้งสองและตัวเองก็อาจได้รับบาดเจ็บจากคมดาบที่พุ่งเข้าหาอย่างรุนแรง
แม้แต่อาจารย์ของหวังเทา ผู้อาวุโสที่เป็นนักรบขั้นหก -พี่เชวี่ยก็ยังทำไม่ได้ แล้วทำไมคนที่ถูกมองว่าเป็นเศษสวะถึงได้…
เป็นไปได้อย่างไร
“โชคช่วย ต้องเป็นโชคช่วยอย่างแน่นอน” ในใจของหวังเทาเต็มไปด้วยความสับสน ใบหน้าของเขาเริ่มแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง เขาออกแรงแขนทั้งสองข้างอย่างเต็มกำลังและตะโกนเสียงดัง “ปล่อยมือสิวะ”
เขาคิดจะดึงเอาปลายดาบที่ถูกนิ้วของจางเซวียนคีบอยู่…กลับออกมา
แต่ไม่ว่าจะออกแรงดึงสักเท่าไร ดึงอย่างเต็มที่จนเลือดขึ้นหน้า ดึงจนร่างของตนเองอ่อนล้าไปทั้งตัวจนเกือบจะกระอักเลือดก็ไม่สามารถดึงออก… ปลายดาบของเขาถูกนิ้วของฝ่ายตรงข้ามคีบอยู่เพียงเล็กน้อย เสมือนการปักหัวเข็มหมุด แต่ไม่ว่าจะออกแรงมากขนาดไหน ปลายเข็มเล่มนั้นก็ไม่ขยับเลยสักนิด
‘หรือว่า…เจ้านี่ไม่ได้เป็นเพียงนักรบขั้นเจิ้นชี่อย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน’ ความคิดที่แปลกประหลาดเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของหวังเทา
เป็นไปไม่ได้… ครั้งก่อนตอนที่สอบวัดระดับอาจารย์ จางเซวียนมีเพียงปราณขั้นเจิ้นชี่เท่านั้น เรื่องนี้ทุกคนในโรงเรียนต่างก็รู้ดี อีกอย่าง ถึงจะสามารถปรับระดับความสามารถของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ก็น่าจะไต่ถึงแค่ขั้นผีกู่
ซึ่งเป็นระดับเดียวกับหวังเทา…
ถ้าขั้นผีกู่เหมือนกัน คู่ต่อสู้ใช้เพียงแค่สองนิ้วเท่านั้น ก็ทำให้ตัวเขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเชียวหรือ?
“ออกไปซะ!” ขณะที่ยังอยู่ในความงงงัน เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขั้นพร้อมกับสะท้อนลมปราณอันหนักหน่วงผ่านปลายดาบ ซัดมาที่หวังเทาอย่างจัง
หวังเทายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็ถูกกระแสลมปราณที่แข็งแกร่งของจางเซวียนซัดเสียจนลอยไปกลางอากาศ
ตูม! ร่างของหวังเทาลอยออกไปกระแทกกับประตูห้องอย่างแรงจนทำให้ประตูเปิด แล้วร่วงลงมากองกับพื้น
“เอาล่ะ พวกเราเริ่มเรียนกันต่อได้” จางเซวียนกล่าวขึ้นอย่างใจเย็นพร้อมกับลากร่างของหวังเทาเหวี่ยงออกไปนอกห้อง
“…” หวังหยิ่ง จ้าวหย่า หลิวหยาง เจิ้งหยาง และหยวนเทาต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง สมองยังปรับกลับมาไม่ทัน พวกเขาตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนแทบเสียสติ
นั่นคือนักรบขั้นสี่ – ผีกู่เชียวนะ จริงหรือที่ปลายดาบของ ‘นักรบขั้นสี่’ จะถูกสกัดด้วยปลายนิ้วเพียงสองนิ้วของอาจารย์ และยังถูกโยนออกไปจากห้องเรียนราวกับเศษขยะ
อาจารย์ของพวกเขาเป็นอาจารย์ยอดแย่ ความสามารถต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดในโรงเรียนไม่ใช่หรือ?
แล้วเขาทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน
‘อาจารย์… นี่คุณปกปิดพลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่ตลอดเวลาเลยใช่ไหม’
จ้าวหย่าเริ่มเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้น ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีชมพูอ่อนด้วยความปีติยินดี มีเพียงคำอธิบายเดียวเกี่ยวกับอาจารย์ท่านนี้ นั่นคือเขาไม่ใช่คนที่หวังในลาภยศสรรเสริญ จึงปกปิดพลังที่แท้จริงของตัวเองเพื่อไม่ให้โลกมาวุ่นวายกับตน มิน่าเล่า… ปัญหาที่ไม่มีใครสามารถแก้ได้เขากลับทำได้ และเพียงแค่คำชี้แนะไม่กี่คำ ศิษย์ของเขาก็มีพลังโจมตีเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 100%
เธอเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ศิษย์คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่คนโง่ ทุกคนต่างเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้า ทำให้ทุกคนต่างพากันรู้สึกดีอกดีใจที่ได้มาเป็นศิษย์ของอาจารย์จางผู้เก่งกาจ พวกเขาโชคดีมากที่ได้อาจารย์คนนี้… โชคดีสุดๆ
เหมือนดั่งปลาคาร์พกลายร่างเป็นมังกร อาจารย์ที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ที่สุดในโรงเรียนกลับเป็นสุดยอดฝีมือระดับปรมาจารย์
‘ใช่’ เมื่อคิดได้ ในใจก็ยินดีอย่างพูดไม่ถูก ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่หลิวหยางที่เมื่อก่อนเคยมีอคติกับจางเซวียนก็ปิดกลั้นความยินดีนี้ไม่อยู่ เวลานี้เขากลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะฟังคำพูดของอาจารย์จางไม่ชัดเจนในทุกๆ คำ
ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ลู่ฉวิน หว่างเชา… หรืออาจารย์คนไหนๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาอีกต่อไป อย่าว่าแต่อาจารย์ด้วยกันเลย ต่อให้เป็นผู้สอนระดับอาวุโสเองก็เถอะ หากมาประลองกับอาจารย์จาง ไม่แน่ว่าอาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
“คุณชายพุ่งเข้าไปในห้องเรียนเช่นนั้น จะเป็นอะไรไหมหนอ”
นอกห้องเรียน ผู้เฒ่าหลิวเห็นหวังเทาบุกเข้าไปในห้องเรียนของจางเซวียนด้วยความโกรธ ในใจรู้สึกเป็นห่วงหวังเทาอย่างบอกไม่ถูก
“วางใจเถอะ คุณชายหวังเทาเป็นนักรบขั้นสี่ – ผีกู่ เจ้าจางเซวียนเป็นเพียงนักรบขั้นสาม – เจิ้นชี่ ประเดี๋ยวมันจะต้องถูกคุณชายสั่งสอนจนเข็ดหลาบอย่างแน่นอน แล้วคุณชายก็จะพานายหญิงน้อยหวังหยิ่งออกมาหาเรา” เหยาฮั่นปลอบ อาจารย์หน้าด้านคนนั้นคงกำลังก้มหาซี่ฟันของตัวเองที่ถูกคุณชายเล่นงานจนร่วงไปกองอยู่ที่พื้นกระมัง
ขณะที่พูดก็ได้ยินเสียงตะโกนของหวังเทาดังขึ้นจากในห้องเรียน
“เริ่มสู้กันแล้ว” เหยาฮั่นมองไปที่ประตูห้องด้วยความตื่นเต้น ในใจรู้สึกยินดีเป็นที่สุด ถ้าเขาลงมือจัดการกับจางเซวียนด้วยตนเอง นายหญิงน้อยจะต้องไม่พอใจเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจจะกลายเป็นศัตรูกับโรงเรียนหงเทียนไปเลย แต่หากหวังเทาเป็นคนลงมือก็นับว่าสมควร เพราะโรงเรียนหงเทียนตั้งอยู่ในเมืองเทียนเซวียน ตระกูลหวังเป็นตระกูลระดับสูงในเมืองแห่งนี้ ดังนั้น ถ้าคนของตระกูลหวังลงไม้ลงมือกับอาจารย์ในโรงเรียน ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมาย ยิ่งกว่านั้น หวังเทายังเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสระดับสูงในโรงเรียนอีกด้วย
“ฮ่าๆ ฉันอยากจะเห็นว่าอาจารย์เศษสวะคนนั้นจะอับอายขายหน้าสักแค่ไหน…” เหยาฮั่นยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ เขาค่อยๆ เดินมารอที่หน้าประตูห้องเรียน คิดจะแอบดูสถานการณ์ภายในห้องเรียนโดยการเปิดช่องประตูเล็กๆ ขึ้น แต่พอเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงดังตูม ประตูที่ถูกปิดสนิทแต่แรก ถูกเปิดออกด้วยแรงมหาศาล
ประตูเหล็กบานใหญ่เปิดออก เหยาฮั่นยังไม่ทันจะหนีพ้นก็ถูกประตูเหล็กฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ยังคงมึนงงกับการถูกประตูเหล็กฟาดหน้าไม่หาย ก็เห็นว่ามีร่างคนลอยมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
โป๊ก! ใบหน้าของเหยาฮั่นถูก ‘ส่วนหัว’ ของร่างที่พุ่งออกมากระแทกเข้าอย่างจัง ฟันสองซี่สุดท้ายที่เขาทะนุถนอมเป็นอย่างดีถูกกระแทกจนลอยไปในอากาศและร่วงลงมากองอยู่กับพื้น เลือดท่วมใบหน้า ความเจ็บปวดทำให้เหยาฮั่นถึงกับสติหลุด
ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเขาพึ่งถูกซ้อมอย่างหนักเมื่อวาน บาดแผลเดิมยังไม่ทันได้หายดี วันนี้ดันถูกประตูเหล็กฟาดเข้าอย่างจังอีกหน ตามมาด้วยศีรษะของมนุษย์ที่แข็งราวกับหินพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาอย่างแรง การที่เหยาฮั่นไม่ตายคาที่ก็ถือว่าเขาอึดมากแล้ว
“คุณชาย” ในตอนนี้ ผู้เฒ่าหลิวเพิ่งสังเกตว่าร่างที่พุ่งออกมาจากห้องเรียนคือร่างคุณชายของเขา เขาตกใจ รีบวิ่งไปที่ร่างของหวังเทาทันที
“บัดซบ บัดซบที่สุด!” แม้ว่าหวังเทาจะพุ่งชนกับประตูเหล็กอย่างแรง แต่เขากระเด็นไปถูกเหยาฮั่นซึ่งทำหน้าที่เป็นหมอนรองพื้น หวังเทาจึงไม่เป็นอะไรมาก เขายืนขึ้นและนึกถึงภาพเมื่อครู่ที่เจ้า ‘เศษสวะ’ ใช้เพียงแค่นิ้วมือก็สามารถรับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังคว้าร่างของเขาขึ้นมาและเขวี้ยงออกมาข้างนอกราวกับเขาเป็นเพียงเศษขยะอย่างนั้น ในใจรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะตะโกนด่าดังลั่นอยู่หน้าห้อง แต่ก็ไม่กล้าก้าวเข้าไปในห้องเรียนของจางเซวียนอีก
“คุณชายหวังเทา นี่คุณ… คุณ…” เหยาฮั่นผู้ซึ่งยังคงมึนงงจากการที่หัวถูกกระแทกกับของแข็งอย่างจังถึงสองครั้งติด เมื่อสังเกตเห็นว่าร่างที่พุ่งชนเขาเมื่อสักครู่คือหวังเทา เขาก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ‘คุณเข้าไปเล่นงานเจ้าหมอนั้นไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้กระเด็นออกมาอย่างนี้ล่ะ?’
“ผม… คือผมกำลังฝึกเคล็ดวิชาใหม่อยู่น่ะ” หวังเทาไม่กล้าเล่าความจริงที่ตนถูกเจ้า ‘เศษสวะ’ โยนออกมา เขาจึงโกหกเหยาฮั่นแบบหน้าด้านๆ
“เคล็ดวิชารึ…” เหยาฮั่นยังคงมึนหัวอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรมาก เขาถามต่อไปว่า “แล้วคุณได้เปิดโปงไอ้สิบแปดมงกุฎคนนั้นแล้วหรือยัง แล้วนายหญิงน้อยของผมพูดอะไรบ้าง”
“คือผม… ยังไม่ทันจะได้ลงมือก็ถูกน้องสาวไล่ออกมาแล้วน่ะสิ ผมว่า… พวกเรารอดูลาดเลาอยู่ตรงนี้สักพักจะดีกว่า” หวังเทาพูดด้วยความอับอาย
คนที่เมื่อครู่อารมณ์พลุ่งพล่าน คุยโม้ว่าจะเล่นงานอีกฝ่ายให้กองกับพื้น กลับถูกซัดลอยออกมากองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่าเสียเอง เรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ เขาไม่มีวันที่จะยอมบอกใครอย่างเด็ดขาด
“ช้าก่อน” เหยาฮั่นส่ายหัวไปมา รู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม เขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณชายหวังเทา คุณเป็นศิษย์ของโรงเรียนหงเทียน พอดีผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณ”
“เชิญถามมาได้” หวังเทาตอบทันที ขอเพียงเหยาฮั่นไม่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเมื่อสักครู่นี้ หวังเทาก็รู้สึกโล่งอกแล้ว
“โรงเรียนแห่งนี้มีอาจารย์หญิงคนไหนที่มีคำว่า ‘ปี้’ เป็นตัวอักษรในชื่อไหมครับ” เหยาฮั่นนึกถึงคนที่ลอบทำร้ายเขาเมื่อวาน เขารู้สึกโกรธจนแน่นหน้าอก
“ปี้หรือ… อาจารย์หญิงที่โด่งดังที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้และมีคำว่า ‘ปี้’ ในชื่อ ก็คงจะหนีไม่พ้นอาจารย์เสิ่นปี้หรูแล้ว ผมได้ยินมาว่าเจ้าจางเซวียนก็คิดจะจีบเธออยู่เหมือนกัน หงส์ฟ้ากับหมาวัดจริงๆ…” หวังเทาพูดได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดปาก
หากเป็นเมื่อก่อน เขาได้ยินว่าจางเซวียนเป็นคนที่ด้อยความสามารถ การสอนก็แย่ แต่กลับคิดจะจีบเทพธิดาประจำโรงเรียน… เลยพูดคำเมื่อครู่นี้ออกไป แต่ในตอนนี้ หวังเทารู้ดีถึงความสามารถที่แท้จริงของจางเซวียนที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเทียบไม่ติด ถ้ายังจะบอกว่าเป็นหงส์ฟ้ากับหมาวัด ฟังดูแล้วรู้สึกตงิดใจอย่างไรไม่รู้
“เสิ่นปี้หรูอย่างนั้นหรือ” ดวงตาของเหยาฮั่นทอประกายขึ้นมา คนที่ลอบทำร้ายเขาเมื่อวานก็พูดถึงคำว่าปี้… จะต้องเป็นเสิ่นปี้หรูคนนี้อย่างแน่นอน เหยาฮั่นถามต่อ “นอกจากอาจารย์จางแล้ว ยังมีอาจารย์คนไหนโรงเรียนแห่งนี้ที่ตามจีบอาจารย์เสิ่นปี้หรูอีกไหมครับ”
“อาจารย์เสิ่นปี้หรูสวยมากนะครับ อาจารย์หนุ่มๆ ที่คิดจะจีบเธอมีมากมายนับไม่ถ้วน ผมเองก็ไม่รู้ตัวเลขที่แน่ชัดหรอก แต่หลักๆ ก็มีหลานชายของผู้เฒ่าซั่งเฉิน อาจารย์ซั่งปิง” หวังเทาคิดอยู่สักพักและหันกลับไปถามเหยาฮั่นด้วยความประหลาดใจ “พ่อบ้านเหยาถามเรื่องนี้ทำไมหรือ?”
“อ้อ ก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ” เหยาฮั่นไม่พูดอะไรก็จริง แต่ดวงตาเขาบังเกิดประกายไฟขึ้นมาแล้ว
“เดี๋ยวจะต้องสืบดูว่าซั่งปิงคนนี้ เมื่อวานได้ไปมีเรื่องอะไรกับเจ้าจางเซวียนหรือเปล่า เพียงเท่านี้ก็สามารถยืนยันได้แล้ว ถ้าเป็นเขาจริงๆ ถึงจะเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโต ฉันก็จะเล่นงานให้เละไปเลย” ฐานะของพ่อบ้านเมืองไป๋หยู อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นนับแสน เขาจะยอมถูกเล่นงานฟรีๆ แบบนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่แก้แค้น ไฟแห่งความโกรธในร่างก็จะไม่มีวันมอด
หากจัดการกับมันไม่ได้ ก็ไม่ขออยู่เป็นคน!
ขณะที่เหยาฮั่นกำลังคิดหาวิธีเพื่อสืบเรื่องของซั่งปิงอยู่นั้น ตัวซั่งปิงเองก็เพิ่งจะสอนหนังสือเสร็จและกำลังเดินออกมาจากห้องเรียน เขาพบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
อาจารย์เฉาฉง