Skip to content

Library Of Heaven’s Path 26

ตอนที่ 26 แบบทดสอบความประสงค์

“จางเซวียน ไม่เจอคุณเพียงแค่วันเดียว ไม่นึกว่าคุณจะมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้”

ซั่งปิงกล่าวพร้อมกับก้าวเท้าเข้าสู่ห้องเรียนของจางเซวียน เขากวาดสายตาไปรอบๆ เห็นว่าเจ้า ‘เศษสวะ’ คนนี้กลับมีลูกศิษย์ถึงห้าคน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันถูกเปล่งขึ้น “กล้าขนาดใช้กลอุบายหลอกล่อนายหญิงน้อยหวังและนายหญิงน้อยจ้าวเลยหรือ แล้วยังไปหลอกแย่งเอาศิษย์ของอาจารย์เฉาฉงมาอีก คุณไปเอาความกล้าหาญนี้มาจากใครกัน?”

‘คราวนี้ซั่งปิงมากับเฉาฉง’ จางเซวียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่ามีคนบุกเข้ามาในห้องเรียนของตน “ผมกำลังสอนหนังสืออยู่ มีธุระอะไรไว้เลิกเรียนแล้วค่อยคุยกัน”

“จะสอนหนังสืออะไรอีก อาจารย์ซั่งอุตส่าห์เดินทางมาสะสางเรื่องนี้ด้วยตนเองเชียวนะ คุณยังจะมาเสแสร้งอะไรอีก ความสามารถของคุณน่ะรึ แค่ความรู้ขั้นพื้นฐานยังไม่มีเลย แล้วจะเอาอะไรมาสอนคนอื่น” อาจารย์เฉาฉงยิ้มเยาะอย่างสะใจ ก็ในเมื่อทั้งคู่ได้แตกหักกันไปแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเกรงใจจางเซวียนอีกต่อไป

“ออกไปซะ ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับพวกคุณทั้งสอง” จางเซวียนมองด้วยหางตา

“ยังจะทำเป็นเก่งอีก จางเซวียน คุณรู้ตัวไหมว่าคุณเป็นใครน่ะ?” ซั่งปิงหัวเราะเยาะ “รีบจัดการทำเรื่องลาออกของนายหญิงน้อยจ้าวกับนายหญิงน้อยหวังเดี๋ยวนี้ แล้วมอบหลิวหยางคืนให้กับอาจารย์เฉาฉงด้วย วันนี้ผมจะยังไม่ลงมือสั่งสอนคุณ แต่ถ้าคุณยังดื้อด้าน กลัวว่าเทอมนี้คุณอาจต้องนั่งรถเข็นเสียแล้ว”

“คุณจะลงมือกับผมหรือ” จางเซวียนมองไปที่ซั่งปิง “ภายในโรงเรียน ห้ามไม่ให้อาจารย์ลงไม้ลงมือกันเองอย่างเด็ดขาด หรือว่าอาจารย์ซั่งไม่รู้กฎข้อนี้”

“กฎของโรงเรียนรึ? ฮ่าๆ คุณคิดว่าทั่วทั้งโรงเรียนนี้จะมีใครออกหน้าเป็นพยานให้คุณไหมล่ะ?” ท่าทางของซั่งปิงมีความมั่นใจว่าจะต้องเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้อย่างหมดรูป

“ผมเข้าใจว่าคำพูดของผมเมื่อวานทำร้ายคุณใช่ไหม คุณเลยคิดจะมาหาเรื่องกลับแบบนี้ คุณทำแบบนี้ไม่กลัวอาจารย์เสิ่นปี้หรูรู้เข้าแล้วจะโกรธหรือ”

จางเซวียนกล่าวขึ้น

“ในเมื่อผมจะจัดการกับคุณ ผมก็ไม่กลัวคำขู่ไร้น้ำยาแบบนี้หรอก…” ซั่งปิงไม่ปฏิเสธ เขากำลังตั้งท่าจะสั่งสอนจางเซวียนอยู่พอดี แต่พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงตะโกนดังสนั่นลั่นฟ้าแทรกขึ้นมา

“เป็นแกจริงๆ ด้วย” ดวงตาของเหยาฮั่นแดงก่ำ เมื่อวานนี้จางเซวียนมีเรื่องกับคนคนนี้ และเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับผู้หญิงชื่อ ‘ปี้’ ถ้าเบาะแสขนาดนี้ยังไม่สามารถยืนยันตัวของคนร้ายได้อีก เขาคงโง่ไปแล้ว

“อะไรกัน” ซั่งปิงกำลังจะลงมือสั่งสอนจางเซวียนอยู่แท้ๆ แต่พ่อบ้านเหยากลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ซั่งปิงหันมามองเหยาฮั่นด้วยความงุนงง

“สิ่งที่ตัวเองทำ กลับบอกว่าไม่รู้เรื่องรึ?”

ซั่งปิงไม่ทันจะตอบอะไร คำพูดของเหยาฮั่นมาพร้อมกับกำปั้นรุนแรงพุ่งเข้าใส่หน้าของเขาอย่างจัง

“นี่มันอะไรกัน?” เบ้าตาของซั่งปิงกลายเป็นห้อเลือดทันที ร่างเซไปมาเล็กน้อยก่อนจะล้มลงมากองกับพื้น

“กล้าเล่นงานฉันจนเป็นแบบนี้ ฉันไม่ให้แกอยู่อย่างสบายๆ หรอก” เหยาฮั่นนึกถึงความเจ็บปวดที่ถูกซ้อมเมื่อวาน พอมีโอกาสเอาคืนเขาจึงลงมือไม่ยั้ง เขานั่งลงบนร่างของซั่งปิงแล้วรัวหมัดเข้าใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้น

“พ่อบ้านเหยา” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป หวังเทาและเฉาฉงต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ

จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่พวกเขาที่ตกตะลึง ทั้งจ้าวหย่า หวังหยิ่ง และคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน เมื่อครู่คนพวกนี้จะมาหาเรื่องอาจารย์จางแท้ๆ พวกเขาอยู่ในสภาพที่โกรธมาก แต่อยู่ๆ พวกเขากลับมาโจมตีกันเองเสียอย่างนั้น เป็นเรื่องที่แปลกดี

โดยเฉพาะจ้าวหย่า เธอรู้ดีถึงนิสัยใจคอของพ่อบ้านเหยา เขาเป็นคนหนักแน่น ทำอะไรก็มักจะมีเหตุผลรองรับอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นท่านพ่อก็คงไม่แต่งตั้งให้เขาเป็นพ่อบ้านใหญ่ได้หรอก แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดกันยังไม่ทันจบก็ลงไม้ลงมือกันเสียแล้ว

ผู้ที่เข้าใจในสถานการณ์นี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นจางเซวียน เมื่อครู่เขาจงใจพูดถึงเรื่องที่เขามีปัญหากับซั่งปิงเมื่อวันก่อน และยังจงใจพูดชื่อเสิ่นปี้หรูขึ้นมา ทำให้พ่อบ้านเหยาจับสองจุดนี้มาชนกัน สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ สองคนนั้นกำลังจะลงมือกันแล้ว

ไม่ใช่ว่าพ่อบ้านเหยาเป็นคนบุ่มบ่ามหรอก ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าอยู่ดีๆ ถูกซ้อมเสียจนปางตายก็คงแค้นแทบกระอัก ฐานะของพ่อบ้านเหยาสูงส่ง มีหน้ามีตา นับเป็นตัวแทนของเมืองไป๋หยู แล้วเขาจะเคยถูกรังแกอย่างนี้มาก่อนเสียที่ไหน สองวันมานี้เขาถูกจางเซวียนยั่วโมโหจนแทบจะเป็นโรคประสาท ถูกนายหญิงน้อยขัดขวาง ไม่รู้จะไประบายอารมณ์ที่ไหน ไฟแห่งความแค้นลุกไหม้อยู่ในร่างของเขามาสักพักหนึ่งแล้ว ตอนนี้พอมาเจอกับคู่แค้นเก่าต่อหน้าต่อตา ใครเล่าจะเก็บอาการอยู่

“พ่อบ้านเหยา คุณเป็นบ้าอะไรไปแล้ว” ซั่งปิงตกใจที่หมัดของเหยาฮั่นรัวใส่เขาอย่างไม่หยุด เขารู้สึกงุนงงมาก เกือบจะกระอักเลือดออกมาทีเดียว

เกิดอะไรขึ้นกันแน่… พ่อบ้านเหยาคนนี้ เขาเองก็ไม่รู้จักมาแต่เดิม เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก ยังไม่เคยล่วงเกินแม้แต่น้อย เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเคยไปทำความเจ็บช้ำน้ำใจให้พ่อบ้านเหยาที่ตรงไหน

“เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว ไม่ต้องมาเสแสร้ง แกทำอะไรไปตัวแกเองมีหรือจะไม่รู้” พ่อบ้านรัวพายุหมัดเข้าไปบนร่างของซั่งปิงอย่างไม่ยั้ง

ซั่งปิงเป็นนักรบขั้นห้า – ติ่งลี่ แต่พ่อบ้านเหยาเป็นถึงขั้นหก – พี่เชวี่ย ความสามารถของซั่งปิงยังห่างไกลกับพ่อบ้านเหยาอยู่มาก ต่อให้สู้กันซึ่งหน้าเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อบ้านเหยาเลย แล้วนี่นับประสาอะไรกับการโดนลอบทำร้าย “พ่อบ้านเหยา หยุดก่อน หยุดก่อน มีอะไรค่อยพูดค่อยจา…”

หวังเทาและเฉาฉงพึ่งได้สติกลับคืนมา รีบตรงเข้าไปเพื่อลากตัวของทั้งสองคนให้แยกจากกัน ในตอนนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของซั่งปิงบวมเป่งเหมือนหัวหมู

“บัดซบที่สุด” ซั่งปิงนั้นโกรธมาก เขามาที่นี่เพื่อมาสั่งสอนจางเซวียน ไม่คิดจริงๆ ว่าพ่อบ้านของเมืองไป๋หยูจะเกิดบ้า แล้วเข้ามาทำร้ายเขาเช่นนี้

ในตอนนี้ เปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นของซั่งปิงได้ไปรวมจุดที่พ่อบ้านเหยาหมดแล้ว

“หากพวกคุณมีเรื่องบาดหมางระหว่างกันก็ขอเชิญออกไปจัดการกันนอกห้อง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ทะเลาะตบตี หากพวกคุณยังมาสร้างความวุ่นวายในห้องเรียนของผมอีก ผมจะเรียกแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนเข้ามาจัดการกับพวกคุณแทน” จางเซวียนกล่าว

“ดีมาก… งั้นพวกแกทุกคนรอฉันอยู่ที่นี่” พอได้ยินว่าจะฟ้องถึงแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน ซั่งปิงก็หันหลังแล้วเดินออกไปทันที สภาพของเขาในตอนนี้ หากว่ามีคนรู้เห็นและเผยแพร่ออกไป เขายังจะมีหน้าที่ไหนไปเจอกับคนอื่นอีก เขาจะไม่ยอมให้อาจารย์คนอื่นเห็นเขาในสภาพนี้เป็นอันขาด

“อาจารย์ซั่งครับ… อาจารย์” เฉาฉงตะโกนเรียก เดิมทีเขานึกว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายเพราะอาจารย์ซั่งออกโรงด้วยตัวเอง จางเซวียนจะต้องยอมมอบศิษย์คืนให้กับตนอย่างแน่นอน คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้แทน เฉาฉงรีบถอยหลังกลับออกไปนอกห้องเรียนทันที

ไม่นาน ทั้งสองคนก็หายไป

“พ่อบ้านเหยา นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”

พอทั้งสองคนหายออกไปจากห้อง จ้าวหย่าจึงเดินมาหาเหยาฮั่น เธอเห็นใบหน้าที่โกรธจัดจนกลายเป็นสีแดงก่ำของเหยาฮั่น พ่อบ้านเหยาคนนี้ที่ผ่านมาก็ปกติดีนี่นา แต่ทำไมตอนนี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งทำตัวไร้สาระ

“นายหญิงน้อย คือผม…” เหยาฮั่นไม่รู้จะอธิบายคำไหน เขาจะพูดได้อย่างไรว่า เมื่อวานเขาจะมาสั่งสอนจางเซวียนแต่กลับถูกซั่งปิงเล่นงานเอา เมื่อครู่เขาจึงลงมือแก้แค้นให้กับตนเอง

“เอาล่ะ ผมกำลังสอนหนังสืออยู่ ขอให้ทุกคนออกไปข้างนอกก่อนนะ”

จางเซวียนโบกมือ

เหยาฮั่น หวังเทา และผู้เฒ่าหลิวหยุดคิดสักพักแล้วจึงค่อยๆ ก้าวออกจากห้องเรียนไป

บัดซบ บัดซบสิ้นดี… ซั่งปิงที่ก้าวออกมาจากห้องเรียนของจางเซวียน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธ “ฉันจะต้องสั่งสอนเจ้าเหยาฮั่นสักครั้ง แล้วก็เจ้าจางเซวียนด้วย มันกล้ามากที่ดูถูกคนอย่างฉัน จะต้องสั่งสอนให้หลาบจำ”

เขาเป็นถึงหลานแท้ๆ ของผู้เฒ่าซั่ง มีแต่คนยกยอปอปั้น เขาไม่เคยถูกเล่นงานแบบนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ยังถูกจัดการแบบไร้เหตุผลเสียด้วย เดิมทียังพูดจากันดีๆ อยู่เลย แต่ผ่านไปเพียงชั่วพริบตากลับถูกอีกฝ่ายลอบทำร้ายเอาเสียได้

“เหยาฮั่นผู้นั้นจะต้องสมคบกับจางเซวียนเป็นแน่ ไม่อย่างนั้น มันจะกล้าลงมือกับอาจารย์ซั่งได้อย่างไร” เฉาฉงรีบกล่าว

“ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นเช่นนั้น” ซั่งปิงเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน ผ่านไปสักพัก ซั่งปิงก็ปรับสภาพจิตใจของตนกลับมาและถามเฉาฉงว่า “ที่หลิวหยางคารวะเจ้า

จางเซวียนเป็นอาจารย์ คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่เป็นความประสงค์ของเด็กเอง”

“ผมยืนยันครับ ไม่ใช่ความประสงค์ของหลิวหยางเองแน่นอน”

พอนึกถึงภาพตอนที่หลิวหยางกำลังจะจากไป เด็กคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าอยากจะไปเลยแม้แต่น้อย เฉาฉงจึงตอบด้วยความมั่นใจ

“อย่างนั้นก็ดี ถ้าคุณมั่นใจขนาดนี้ คุณก็ไปยื่นหนังสือขอรับ ‘แบบทดสอบความประสงค์’ ที่แผนกควบคุมระบบการศึกษาสิ” ซั่งปิงกล่าว

“แบบทดสอบความประสงค์อย่างนั้นหรือ นี่มัน…” สีหน้าของเฉาฉงเริ่มเปลี่ยนไป

‘แบบทดสอบความประสงค์’ เป็นวิธีจัดการกับปัญหาการรับศิษย์ ที่บรรดาอาจารย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ ศิษย์ที่ถูกอาจารย์แย่งชิงกันนั้นจะได้รับแบบทดสอบ ‘เจดีย์แห่งความประสงค์’ ซึ่งเจดีย์นั้นจะสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของศิษย์คนนั้นออกมา หากศิษย์ของผู้ยื่นเรื่องไม่ได้มีความประสงค์จะคารวะอาจารย์อีกคนเป็นอาจารย์ของตน ทางโรงเรียนก็จะลงโทษอาจารย์ที่เกี่ยวข้องอีกคนหนึ่งทันที แต่หากผู้ยื่นเรื่องแจ้งความเท็จ เขาก็จะถูกโรงเรียนลงโทษเช่นกัน

ในกรณีที่อาจารย์สองคนแย่งชิงศิษย์คนเดียวกัน ต้องไม่มีวิธีการแก้ไขอื่นแล้วจริงๆ จึงจะใช้วิธีนี้ แม้ว่าเฉาฉงจะรู้ดีแก่ใจ แต่เขาก็ไม่คาดว่าเหตุการณ์จะบานปลายมาถึงจุดนี้

“ทำไมรึ? หรือว่าคุณหลอกผม หรือว่าเด็กคนนี้มีความประสงค์ที่จะไปหา

จางเซวียนเอง” เมื่อเห็นเฉาฉงเริ่มไม่แน่ใจ ซั่งปิงซึ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วก็เปลี่ยนสีหน้า

“ไม่ใช่ครับ เขาไม่มีความประสงค์จะไปเองอย่างแน่นอน ผม…จะไปยื่นเรื่องเดียวนี้แหละ ให้เจ้าจางเซวียนได้ถูกลงโทษอย่างสาสม” เฉาฉงพยักหน้า

“ดี งั้นก็รีบหน่อย” เห็นเฉาฉงตกลง ซั่งปิงค่อยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย “ตอนที่คุณยื่นคำขอ คุณสามารถปรับบทลงโทษให้ถึงขั้นสูงสุด ให้เจ้าจางเซวียนมันได้รับโทษอย่างเต็มที่ ทางที่ดีให้มันถูกไล่ออกไปเลย” บทลงโทษสามารถเปลี่ยนแปลงตามคำขอของผู้ยื่นคำร้องได้ ยิ่งปรับบทลงโทษให้หนักขึ้นเท่าใด อีกฝ่ายก็จะได้รับบทลงโทษมากขึ้นเท่านั้น

“ก็ดีนะครับ” เฉาฉงเออออตาม ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวังที่จะให้

จางเซวียนถูกไล่ออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!