Skip to content

Library Of Heaven’s Path 31

ตอนที่ 31 เงียบสงบดั่งหนองน้ำนิ่ง

ผู้เฒ่าโม่รับหนังสือทั้งสองเล่มมาจากมือของเสิ่นปี้หรู แล้วพลิกหน้าหนังสือตามที่จางเซวียนพูด แม้แต่ตัวของผู้เฒ่าโม่เองก็ถึงกับสั่น

นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร

“เอาล่ะ คุณยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกไหม ถ้าไม่มี ผมจะไปแล้ว” จางเซวียนหันมามองทั้งคู่

สองคนนี้ยังสติดีอยู่ไหมเนี่ย จะงงอะไรนักหนากับเนื้อหาพื้นๆ ในหนังสือที่แค่เปิดอ่านก็มีแล้ว ไม่เห็นต้องใช้การคิดวิเคราะห์อะไรเลย ก็พลิกอ่านเองสิ ไม่น่าเชื่อ…สองคนนี้ คนหนึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นยอดฝีมือผู้รับผิดชอบหอสมุด อีกคนเป็นดาวเด่นในหมู่คณาจารย์ แล้วทำไมถึงห่วยแตกแบบนี้ได้ ขนาดเราเป็นเพียงคนที่มาจากอีกโลกยังรู้เลยว่าเนื้อหาพวกนี้ไม่ต้องวิเคราะห์

“อย่าเพิ่งไป ผมเองก็มีหนึ่งคำถามอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณเช่นกัน ‘ลมปราณเวียนว่ายครบรอบ เสมือนร่างกายได้เข้าถึงสรรพสิ่ง’ คุณสามารถอธิบายประโยคนี้ให้ผมฟังได้ไหม” ผู้เฒ่าโม่เปิดปากถามหลังจากที่เก็บกดมานาน เขาไม่เชื่อว่าจางเซวียนจะมีความรู้กว้างขวางอย่างที่พยายามจะแสดง

ประโยคนี้เป็นประโยคที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งถามผู้เฒ่าโม่เมื่อหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถตอบได้ ต่อมาจึงได้เข้าไปหาข้อมูลในหอสมุด แต่หาอย่างไรก็ไม่พบคำตอบ ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ เมื่อครู่พอเห็นจางเซวียนตอบคำถามของ

เสิ่นปี้หรูได้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามจางเซวียนบ้าง

“อ้อ… แค่นี้เอง” จางเซวียนมองไปยังผู้เฒ่าโม่อย่างเวทนา

“นี่เป็นพื้นฐานขั้นต้นของการฝึกยุทธ์เลยนะ หมายถึงเมื่อลมปราณในร่างของเราไหลเวียนทั่วร่างครบในหนึ่งวัน ความคิดและสมองของผู้ฝึกยุทธ์จะโล่งสบายแล้วรู้ซึ้งถึงกฎเกณฑ์ของทุกสรรพสิ่ง ประโยคนี้ได้ถูกบันทึกใน <ตำราการไหลเวียนของลมปราณ> ของผู้อาวุโสไป๋หมิง หนังสือเล่มนี้วางอยู่ที่ชั้นยี่สิบเจ็ด บันทึกอยู่หน้าที่หกสิบเก้า”

ลมปราณเวียนว่ายครบรอบ เสมือนร่างกายได้เข้าถึงสรรพสิ่ง เป็นหลักการสำหรับนักรบขั้นหนึ่ง เป็นหลักการที่ตรงกับความเป็นจริงทุกประการ ทฤษฎีนี้ไม่มีจุดบกพร่อง เขาจึงจำได้อย่างแม่นยำ ผนวกกับการที่ผู้อาวุโสของโรงเรียนหงเทียนเขียนคำอธิบายไว้อย่างถี่ถ้วน จางเซวียนก็ยิ่งเข้าใจในหลักการนี้

หนังสือก็อยู่ในหอสมุด แล้วทำไมคนที่เป็นถึงผู้อาวุโสที่ดูแลหอสมุดแห่งนี้ถึงไม่เข้าใจเล่า?

ผู้เฒ่าโม่ไม่พูดอะไรแต่ทำเหมือนกับเสิ่นปี้หรู เขารีบเดินเข้าไปในหอสมุด สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับ <ตำราการไหวเวียนของลมปราณ> แล้วพลิกไปหน้าที่หกสิบเก้า ร่างของผู้เฒ่าโม่สั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัด

เป็นเหมือนกับที่จางเซวียนพูดไว้ไม่มีผิด

หลายวันก่อน ผู้อาวุโสคนนั้นพลิกหาคำอธิบายของคำคำนี้อยู่ตั้งนาน แต่สุดท้ายก็หาไม่พบ คิดไม่ถึงว่าคำอธิบายนั้นจะอยู่ในหนังสือที่ตนเองไม่คิดจะปรายตามองมาก่อน หนังสือที่วางอยู่ในตำแหน่งลึกลับขนาดนี้จางเซวียนก็อ่านอย่างนั้นหรือ แล้วยังจำหน้าได้อีก… เป็นไปได้อย่างไร

ผู้เฒ่าโม่รู้สึกหน้ามืด เหมือนกำลังจะเป็นลม เขาแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรักษาภาพพจน์ ตอนนี้เขาคงจะกระชากเส้นผมตนเองแล้วลงไปนอนดีดดิ้น

เมื่อครู่เขากล่าวหาว่าอีกฝ่ายเข้ามาสร้างความวุ่นวาย ทั้งที่จริงแล้วอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะอ่านหนังสือจริง ทว่ายังจำเนื้อหาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย ผู้เฒ่าโม่รู้สึกหน้าแตกจนไม่รู้จะเย็บอย่างไร ใบหน้าเขาแดงยิ่งกว่าก้นลิงเสียอีก

ชายหนุ่มคนนี้เป็นอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนจากการสอบประเมินผลจริงหรือ?

ขนาดความรู้อย่างจางเซวียนยังสอบได้ศูนย์คะแนน แล้วตัวผู้เฒ่าโม่เองจะไม่สอบได้คะแนนติดลบเลยหรือ?

“เอาล่ะทุกคน วันหลังก็ตั้งใจศึกษาหาความรู้เสียนะครับ คำถามเหล่านี้มีคำตอบเขียนไว้ในหนังสือทั้งนั้นแหละ” เมื่อเห็นทั้งสองยืนนิ่งเหมือนคนปัญญาอ่อน จางเซวียนจึงแนะนำออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วส่ายหัวไปมา

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”

พอพูดจบจางเซวียนก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันที เขาหิวจนแสบกระเพาะไปหมด ถ้ายังไม่ไปหาอะไรกินอีก ดูท่าคงจะต้องเป็นลมอยู่ตรงนี้แล้ว

“อาจารย์จางเซวียน รอฉันด้วยค่ะ” พอเสิ่นปี้หรูรู้สึกตัวก็รีบวิ่งตามจางเซวียนมาทันที

“คุณจะเอาอะไรอีก” จางเซวียนเปรยออกมาด้วยความเซ็งสุดๆ

ผู้หญิงคนนี้ช่างตื๊อฉิบหาย! อะไรที่ไม่เข้าใจเราก็สอนไปแล้วนี่ หรือว่าเธอเองก็หิวเลยจะไปกินข้าวเหมือนกัน

“ฉันก็ยังไม่ได้กินข้าว คุณไม่อยากจะเลี้ยงข้าวฉันหรือคะ” เสิ่นปี้หรูกัดฟันถาม เธอเป็นเหมือนเทพธิดาของโรงเรียนแห่งนี้ มีชายหนุ่มไม่น้อยที่มาตื๊อขอเลี้ยงข้าวเธอแต่ก็ถูกปฏิเสธไปอย่างไม่ไว้หน้า แม้แต่อาจารย์ซั่งปิงก็เคยชวนเธออยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยงข้าวเธอเลยสักครั้ง

ทว่าวันนี้จางเซวียนทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจได้ เธอจึงตัดสินใจให้โอกาสเขาเลี้ยงข้าวตน นอกจากนั้นเธอจะถือโอกาสนี้แอบล้วงความลับด้วย ดูสิว่าเขามีอะไรพิเศษหรือไม่

“เลี้ยงข้าวคุณหรือ” จางเซวียนมองไปยังเสิ่นปี้หรูอย่างแปลกใจ “ทำไมผมต้องเลี้ยงด้วยล่ะ เงินทองผมก็หาโคตรยาก ถ้าอยากกินข้าวคุณก็จ่ายเองสิ ทำไมคุณเป็นคนหน้าด้านแบบนี้ไปได้?” คุณขอคำชี้แนะจากผม ผมก็ชี้แนะคุณ แล้ว นี่จะมาให้ผมเลี้ยงข้าวอีก!

ทำไมถึงหน้าหนาขนาดนี้นะคนเรา

แม้ว่าจางเซวียนจะเกิดเป็นมนุษย์สองโลก แต่ในอดีตเขาแค่ดูหนังเอ็กซ์อยู่กับบ้านเท่านั้น นับเป็นหนุ่มที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เป็นประเภทไอ้ขี้แพ้ตัวจริงเสียงจริง เขาไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวผู้หญิงเลย แล้วจะไปรู้เจตนาของคำพูดเหล่านี้ได้อย่างไร

“นี่คุณ…” เห็นท่าทีของจางเซวียนกับคำพูดของเขา เสิ่นปี้หรูแทบจะกระอักเลือดตายไปต่อหน้า

ฉันเป็นคนสวยนะ คนสวยมีสิทธิพิเศษไม่รู้หรือ?

คนอื่นอยากเลี้ยงข้าวฉันใจจะขาด แต่ฉันไม่ไปรู้ไว้เสียด้วย ฉันจะให้คุณเลี้ยงข้าว แต่คุณกลับมองฉันเป็นตัวประหลาดหรือ?

ยังบอกว่าฉันหน้าด้านอีก มีใครเขาใช้คำพูดแบบนี้กับผู้หญิงกันบ้าง!

เสิ่นปี้หรูรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก

“ได้ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ ฉันเลี้ยงเองพอใจหรือยัง” เสิ่นปี้หรูกัดฟันแล้วตอบกลับ

“คุณจะเลี้ยงข้าวผมหรือ” จางเซวียนหยุดคิด จางเซวียนคนก่อนเป็นอาจารย์ที่ต่ำต้อย เงินเดือนไม่สูง หรือจะเรียกว่าไม่มีรายได้เลยก็ว่าได้ ถ้ามีคนมาเลี้ยงข้าวมันก็เป็นเรื่องดี

พอคิดได้แบบนี้ก็พยักหน้าทันที “จะเลี้ยงข้าวผมก็ได้ แต่ว่าผมขอกินหรูๆ ได้ไหม ไหนๆ ก็จะเลี้ยงแล้วต้องเอาให้คุ้ม พวกหมั่นโถวกับปาท่องโก๋อะไรนั่นผมไม่กินนะ”

“…” เสิ่นปี้หรูพูดอะไรไม่ออก… หมั่นโถวกับปาท่องโก๋อะไรของคุณ

“ไปกันเถอะ” เธอชวน เธอไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะกลัวจะถูกจางเซวียนทำให้โกรธจนกระอักเลือดตาย

หอสมุดเทียบฟ้าสามารถมองเห็นถึงข้อบกพร่องของทุกเคล็ดวิชาได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นถึงความรู้สึกของผู้หญิงได้ จางเซวียนไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนเพียงไม่กี่คำ เกือบจะทำให้นางฟ้าของโรงเรียนหงเทียนโกรธจนล้มทั้งยืน

เขาเดินตามหลังเธอไปอย่างช้าๆ

ค่ำคืนของโรงเรียนหงเทียนถึงแม้จะไม่มีสีสันอะไรเหมือนกับโลกเก่าที่เขารู้จัก แต่ภายใต้แสงของดวงจันทร์ที่ส่องลงมาบนพื้น ก็ทำให้เกิดเป็นความงามอีกรูปแบบหนึ่งที่อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ ทำให้บรรยากาศที่เงียบสงัดดูพิเศษขึ้นมาทันที

ในอดีต เขาขลุกตัวอยู่ในสังคมที่แสนจะวุ่นวาย มลพิษทางอากาศแน่นหนาจนแทบจะหายใจไม่ออก ไม่เหมือนกับโลกใบนี้เลยสักนิด จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปในห้วงแห่งมนต์เสน่ห์ของบรรยากาศเช่นนี้

เสิ่นปี้หรูเดินอยู่ข้างหน้าเขา เธอคิดว่าจางเซวียนจะหาเรื่องคุยกับตนเพื่อผูกสัมพันธ์และลดความตึงเครียดระหว่างกัน เธอรอให้เขาเปิดปากพูดอยู่นานมาก นานจนเธอทนไม่ไหวเลยหันกลับมามอง พอเห็นท่าทางของจางเซวียนเธอก็ชะงักไปทันที

จางเซวียนเดินเงียบๆ คนเดียว แสงจันทร์สาดมายังเขา ทำให้เหมือนรูปภาพที่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว

“นี่… นี่มัน… สภาพจิตระดับสอง เงียบสงบดั่งหนองน้ำนิ่ง” เธอจ้องไปที่ร่างของจางเซวียน

นักรบไม่เพียงแต่จะต้องฝึกพลังปราณและความแข็งแกร่งของร่างกาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพจิตใจ ยิ่งมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งฝึกปราณในร่างได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ฝึกเคล็ดวิชาอะไรก็จะสามารถบรรลุถึงขั้นสูงสุดได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เหล่านักรบต่างก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกสภาพจิตใจเพื่อให้มีความแตกต่างกับนักรบคนอื่นๆ

เงียบสงบดั่งหนองน้ำนิ่ง เป็นสภาพจิตระดับสอง

การฝึกสภาพจิตยากกว่าการฝึกพลังปราณเสียอีก ในโรงเรียนแห่งนี้ ได้ยินมาว่ามีเพียงอธิการบดีคนเดียวเท่านั้นที่มีสภาพจิตในระดับสอง แม้ตัวเธอเองจะมีวรยุทธล้ำเลิศไม่เป็นรองใคร อายุเพียงแค่ยี่สิบปีก็เป็นถึงนักรบขั้นห้า – ติ่งลี่ แต่เธอก็ยังห่างไกลจากสภาพจิตระดับสองอยู่อีกมาก

เดิมคิดว่าในโรงเรียนแห่งนี้คงไม่มีใครสามารถก้าวมาสู่สภาพจิตในระดับนี้ได้ คาดไม่ถึงเลยว่า อาจารย์ที่ใครๆ ก็เห็นเป็นเศษสวะกลับฝึกมาถึงขั้นนี้แล้ว

หากไม่ได้เห็นกับตา เธอจะไม่มีทางเชื่อเลย

เป็นไปได้อย่างไรกัน

สภาพจิตระดับสอง แม้แต่นักรบขั้นหกหรือขั้นเจ็ดก็ยากที่จะก้าวมาถึงจุดๆ นี้

“หรือว่า… เขาจะไม่ได้เป็นเศษสวะอย่างที่คนอื่นพูด แต่จงใจที่จะสอบได้ศูนย์คะแนนเพื่อต้องการใช้คำดูถูกดูแคลนของคนอื่นมาฝึกสภาพจิตของตน” ความคิดที่แปลกประหลาดผุดออกมาจากสมองของเธอทันที

เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับจางเซวียน ไม่รู้เรื่องของเขามากนัก วันนี้ได้เจอ เขาไม่เพียงจะมีความรู้กว้างขวาง แต่ยังมีสภาพจิตระดับสอง – เงียบสงบดั่งหนองน้ำนิ่งอีกด้วย

นี่มันสุดยอดปรารถนาที่คนนับล้านจะทำอย่างไรก็คว้าไม่ได้

เธอไม่เชื่อว่าคนที่มีสติปัญญาขนาดนี้จะไม่สามารถทำข้อสอบที่ง่ายดายของการสอบประเมินผลได้

“ที่แท้ก็แกล้งทำเป็นโง่เง่าไม่รู้ความ ฮึ…ดี… สักวันฉันจะเปิดโปงคุณ”

เสิ่นปี้หรูกัดฟันทันทีที่นึกว่าตนเองก็ถูกจางเซวียนหลอกเช่นกัน

คนคนนี้ร้ายกาจจริงๆ เธอจะต้องหาทางเปิดโปงเขาต่อหน้าทุกคนให้ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!