Skip to content

Library Of Heaven’s Path 35

ตอนที่ 35 นี่มันเรื่องอะไรกัน

“คุณ…พูดอะไรส่งเดช”

เห็นแขกคนอื่นเริ่มมีปฏิกิริยา หัวหน้าอู๋พลันตวาดเสียงดัง เขาร้อนใจจนเหงื่อท่วม

อย่างไรก็ตาม เขาจะยอมรับข้อกล่าวหาของจางเซวียนไม่ได้ มิเช่นนั้น ชื่อเสียงของภัตตาคารหงเทียนคงจะพังทลายลงอย่างไม่ต้องสงสัย และอนาคตของตัวเขาเองก็ต้องจบสิ้นกันตรงนี้

ถ้ารู้ว่าอาจารย์คนนี้เป็นนักชิมอาหารระดับปรมาจารย์ เขาจะไม่มีทางรับปากซั่งปิงมาหาเรื่องจางเซวียนอย่างแน่นอน

“คุณว่าผมพูดส่งเดชอย่างนั้นหรือ” จางเซวียนมองไปที่หัวหน้าอู๋

“ใช่ คุณบอกว่าอาหารของเราใช้วัตถุดิบที่ไม่ดี แล้วหลักฐานอยู่ไหน ถ้าคุณไม่มีหลักฐานก็สรุปได้ว่าที่คุณพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น เชื่อไหมว่าผมสามารถจับคุณยัดเข้าคุกด้วยข้อหาหมิ่นประมาท” หัวหน้าอู๋พูดด้วยสายตาที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์

“หลักฐานหรือ ได้… ถ้าคุณอยากจะได้หลักฐานล่ะก็” เจ้าหมอนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ จางเซวียนส่ายหัว

ที่จริงจางเซวียนก็ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปวุ่นวายอะไรมาก ก็เสิ่นปี้หรูเป็นคนเลี้ยงนี่ ราคาอาหารมากน้อยเท่าไรมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าหัวหน้าอู๋คนนี้ตั้งใจจะหาเรื่องตนอย่างไม่ลดละ มาบอกว่าตนพูดจาใส่ร้ายป้ายสี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องเห็นดีกันหน่อยล่ะ

“เมื่อครู่ที่ผมพูดออกมา หลักฐานปรากฏชัดเจนอยู่บนจานอาหารของทุกท่าน ทุกท่านสามารถลองสังเกตและพิสูจน์ตามลักษณะของอาหารทุกจานที่ผมพูดได้ แน่นอน ถ้าทางภัตตาคารจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เพราะลักษณะของวัตถุดิบของอาหารที่ผมพูดไป แม้ว่าจะเป็นตัวพ่อครัวเองก็ยากที่จะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติ ซึ่งสำหรับทุกท่านก็คงจะเป็นเรื่องยากเช่นกัน แต่ว่า…”

จางเซวียนมองไปรอบกายแล้วหยิบขวดสุราราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้น “สุราขวดนี้ทุกท่านจะสามารถพิสูจน์ได้โดยง่าย”

“พิสูจน์หรือ ‘สุราสยบเทพ’ เป็นสุราสูตรพิเศษของภัตตาคารหงเทียน ชื่อเสียงของสุราชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว หลายคนมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาลิ้มลองรสชาติของสุราชนิดนี้ นี่คุณกำลังบอกว่าสุรานี่ก็เป็นของปลอมอย่างนั้นหรือ” แขกคนหนึ่งถามด้วยความตกใจ

“ถูกต้อง สุราสยบเทพเป็นสุราชนิดพิเศษ เป็นสูตรเฉพาะของภัตตาคารหงเทียน มันไม่น่าจะปลอมกันได้ง่ายๆ ถ้าขนาดสุรานี่ก็เป็นของปลอม ผมว่าในภัตตาคารแห่งนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นของจริงแล้ว” แขกอีกคนหนึ่งพูดเสริม

สุราที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้กับจางเซวียนและแขกคนอื่นๆ มีชื่อว่าสุราสยบเทพ มีจำหน่ายที่ภัตตาคารหงเทียนเท่านั้น สุรามีรสชาติที่นุ่มละมุนราวกับปุยนุ่น ผนวกกับความหอมของวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภัตตาคารหงเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังและใหญ่โตขนาดนี้ เกิดจากรสชาติของสุราชนิดนี้นั่นเอง

ถ้าขนาดสุรานี่ยังเป็นของปลอม… ภัตตาคารแห่งนี้ก็แย่เกินไปแล้ว

“ผมบอกแล้ว สุรานี่พิสูจน์ได้ง่ายมาก”

จางเซวียนคิดไว้แล้วว่าแขกทุกคนจะต้องสงสัยในคำพูดของเขา เขายิ้มและหยิบขวดสุราขึ้น “ขวดสุราขวดนี้เขียนว่า ‘สุราสยบเทพ’ ปกติแล้ว หากเป็น ‘สุราสยบเทพ’ ของ ‘โรงสุราร้อยบ่อ’ ของแท้ ราคาจะอยู่ที่ 1,200 เหรียญ”

“แต่น่าเสียดาย สุราที่อยู่ในขวดนี้คือ ‘สุราศิลาเขียว’ ของ ‘ทิวไผ่ม่วง’ สุราสองชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสชาติก็มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แต่สุราสยบเทพใช้หญ้าแก้วและใบดักแด้ทองคำเป็นวัตถุดิบในการหมัก เมื่อดื่มแล้วไม่เพียงจะไม่มีพิษ แต่จะมีประโยชน์ต่อผู้ดื่มอีกด้วย ผิดกับสุราศิลาเขียว

หากดื่มเป็นปริมาณมาก พิษที่เกิดจากหญ้าล้างขุนพลจะส่งตรงไปสู่ปอด นานเข้าก็จะไปทำลายอวัยวะภายในของผู้ดื่ม ทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนัก ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น”

“เอาสุราศิลาเขียวมาย้อมแมวขายเป็นสุราสยบเทพอย่างนั้นหรือ”

“ผมก็เคยได้ยินมาว่าสุราศิลาเขียวมีรสชาติคล้ายกับสุราสยบเทพอย่างมาก”

“ผมเชื่อมั่นในภัตตาคารหงเทียนมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะหลอกลวงแขกแบบนี้”

“นี่มันสิบแปดมงกุฎชัดๆ ผมจะต้องฟ้องต่อโรงเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างแน่นอน”

แขกคนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างมีปฏิกิริยาต่อคำพูดของจางเซวียน

“คุณบอกว่าเป็นสุราศิลาเขียว แล้วไหนล่ะหลักฐาน” หัวหน้าอู๋กัดฟันพูด

จางเซวียนมองไปที่เขาแล้วตอบอย่างเบาๆ “สุราสามารถติดไฟได้ สุราขวดนี้ผมยังไม่ค่อยได้ดื่ม คุณสามารถลองจุดไฟดู ถ้าเป็นสุราสยบเทพเมื่อติดไฟแล้วจะมีกลิ่นหอมละมุนของเนื้อสุราลอยขึ้นมา แต่ถ้าเป็นสุราศิลาเขียวจะมีกลิ่นเหม็นไหม้ คนที่มีจมูกทุกคนสามารถรับรู้กลิ่นได้”

“นี่คุณ…” หัวหน้าอู๋ถึงกับตัวแข็ง ที่อีกฝ่ายพูดมานั้นไม่ผิด แต่วิธีพิสูจน์แบบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ ส่วนมากจะเป็นนักดองสุราและคนขายสุราเท่านั้น ตัวเขาเองก็แค่ได้ยินเข้าโดยบังเอิญ แล้วเจ้าหนุ่มคนนี้มันรู้ได้อย่างไร

อันที่จริงแล้ว สุราที่เสิร์ฟให้กับแขกคนอื่นๆ ทั้งหมดคือสุราสยบเทพ ก็สุราชนิดนี้เป็นสุราสูตรพิเศษแบบเฉพาะของภัตตาคารนี่นา แต่เพราะร่วมมือกับซั่งปิง เขาเลยจงใจเอาสุราปลอมให้จางเซวียน ทีแรกก็นึกว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง จะได้ทำกำไรเพิ่มอีกนิด แต่ตอนนี้สิ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะรู้จักสุราชนิดนี้เป็นอย่างดี แต่ยังรู้วิธีพิสูจน์สุราอีกด้วย

“เป็นอะไรไปหรือครับ ไม่กล้าพิสูจน์หรือไง” เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกลี้ลุกลน จางเซวียนก็แอบหัวเราะนิดๆ แล้วเทสุราที่อยู่ในขวดลงกับพื้นทันที เขาหยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจุดไฟ

ฟูม…

สุราที่ราดอยู่บนพื้นติดไฟทันที ทุกคนที่อยู่ในภัตตาคารต่างได้กลิ่นเหม็นไหม้แสบรูจมูก

“เหม็นโว้ย ที่พวกเรากินเข้าไปเมื่อครู่มันคือสิ่งนี้หรือ”

“ภัตตาคารหงเทียนทำเกินไปแล้ว ไม่สนใจแขกเลย”

“กลิ่นเหม็นขนาดนี้ ที่กินเข้าไปต้องกลายเป็นพิษแน่นอน…”

“คืนเงิน คืนเงินมาเลย ฉันกินสุราของที่นี่มาสามปีกว่า รีบๆ เอาเงินคืนฉันมาให้หมด ไม่ใช่แค่นั้น พวกแกจะต้องจ่ายค่าชดใช้มาด้วย” แขกทุกคนในร้านต่างพากันระเบิดอารมณ์ขึ้น

ทุกคนลุกจากที่นั่งทันที

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น” ทั้งเฉาฉงและซั่งปิงต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก

พวกเขาสองคนวางแผนอย่างแยบยลเพื่อจะจัดการกับจางเซวียน คิดจะทำให้จางเซวียนอับอายกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน แต่ตอนนี้ไม่เพียงอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร คนที่วางแผนกลับกลายมาเป็นตัวตลกเสียเอง

“เกิดอะไรขึ้น… เกิดอะไรขึ้นแม่แกน่ะสิ!” ถ้าไม่พูดอะไรยังจะดีเสียกว่า แต่พอพูดแล้วหัวหน้าอู๋ได้ยินเข้าจึงระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที ไม่พูดพล่ามทำเพลงก็ยกเท้าขึ้นแล้วถีบออกไปอย่างสุดแรง

ตูมๆ

หัวหน้าอู๋เป็นถึงนักรบขั้นหก – พี่เชวี่ย ทั้งเฉาฉงและซั่งปิงยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรก็ถูกถีบจนกระเด็นไปกองลงกับพื้น ใบหน้าของทั้งคู่ต่างก็มีรอยเท้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

ไม่แปลกที่หัวหน้าอู๋จะเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นมาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสองคนนี้ เขาก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรอก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคตของเขาจะต้องดับลงในอีกไม่ช้า และที่สำคัญ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของผู้เฒ่าหงหาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ชื่อเสียงของภัตตาคารหงเทียนจะต้องสั่นคลอนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จะไม่มีแขกเข้ามาใช้บริการอย่างเนืองแน่นเหมือนในอดีตอีกแล้ว

ต้นเหตุของเรื่องนี้คือการที่เขายอมร่วมมือกับซั่งปิงและเฉาฉง ว่าตนจะอาสาไปสั่งสอนเจ้าอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนจากการสอบประเมินผลอาจารย์ให้

เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นอาจารย์ระดับปลายแถวซะที่ไหน มันยังเก่งกว่าอาจารย์ที่สอบได้คะแนนสูงสุดเสียอีก ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าอาจารย์คนนี้มีสายตาที่เฉียบแหลม อย่าว่าแต่จะไปหาเรื่องเขาเลย จางเซวียนไม่มาหาเรื่องตนก็บุญแล้ว

บัดซบที่สุด!

“เห็นทีคงไม่มีใครมาเก็บเงินแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

เห็นสภาพภายในภัตตาคารเกิดการโกลาหลครั้งใหญ่ จางเซวียนจึงหันไปพูดกับเสิ่นปี้หรูที่ขณะนี้กำลังสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วเขาก็ก้าวออกจากภัตตาคารหงเทียนทันที

“อะไรนะ”

เสิ่นปี้หรูรีบเดินตามจางเซวียนออกไปด้านนอก มองจางเซวียนที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อก่อนเธอเองก็คิดเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เศษสวะที่โง่เง่า เป็นความอับอายของเหล่าอาจารย์ทุกคนในโรงเรียน แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับเขาเพียงช่วงเวลาครึ่งวันก็เพิ่งจะรู้ว่า… ถ้าเขาเป็นเศษสวะ แล้วตนเองจะเป็นอะไรได้ ตนเองคงเป็นอะไรไม่ได้สักอย่าง

เสิ่นปี้หรูกัดฟันแล้วรีบเดินมาที่ข้างๆ จางเซวียน สายตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความตกตะลึง “คุณเข้าใจและชำนาญในเรื่องอาหารมากขนาดนี้ หรือว่า… คุณยังเป็นนักชิมระดับปรมาจารย์อีกด้วย?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!