Skip to content

Library Of Heaven’s Path 39

ตอนที่ 39 หญ้าพญาตะวันหิมะ

“เออใช่ คุณมีหญ้าตะวันหิมะขายไหมครับ” จางเซวียนส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดที่ไม่มีประโยชน์ออกไปแล้วถามเจ้าของร้าน

แผงลอยร้านนี้ไม่เพียงแต่จะขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ทว่ายังมีวัตถุดิบสำหรับปรุงยาอีกด้วย

หลังจากที่จางเซวียนได้อ่านหนังสือทุกเล่มในหอสมุดของโรงเรียน เขาจึงรู้ว่าจะรักษาอาการของจ้าวหย่าอย่างไร ร่างที่เต็มไปด้วยปราณหยินควรที่จะฝึกเคล็ดวิชาสายกลาง แบบนี้ถึงจะสามารถรักษาอาการป่วยจากการมีปราณหยินมากเกินจำเป็นของจ้าวหย่าได้

แต่จ้าวหย่าฝึกเคล็ดวิชาสายหยินมาเป็นเวลานาน ร่างของเธอคุ้นเคยกับวิชาสายหยินไปแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนให้ฝึกวิชาสายอื่นในทันทีก็อาจทำให้ร่างของเธอได้รับบาดเจ็บ และทำให้พลังทำลายล้างของเธอด้อยลง ในฐานะอาจารย์จะต้องเตรียมป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้

หนึ่งในวิธีการป้องกันคือการใช้ยาเพื่อช่วยปรับสภาพร่างกายของเธอ

หญ้าตะวันหิมะเป็นพืชที่มีอยู่ในพื้นที่ที่หนาวจัดแต่กลับเป็นพืชที่ชอบแสงอาทิตย์ บริเวณลำต้นมีปราณอ่อนๆ ปกคลุมไปทั่ว มีคลื่นหยินและหยางผสานรวมอยู่ในตัวเดียวซึ่งเหมาะจะใช้กับจ้าวหย่าเป็นอย่างมาก ในเมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว เขาจึงลองถามดูเสียเลย

“หญ้าตะวันหิมะหรือ ช่างบังเอิญนัก นี่ผมไม่ได้โม้นะ รับประกันได้เลยว่าทั่วทั้งห้างสรรพสินค้าเทียนหวี่แห่งนี้มีเพียงร้านผมเท่านั้นที่มีขาย เมื่อไม่กี่วันก่อนผมไปเก็บได้จากจุดที่อันตรายมากของป่าดงดิบเทียนเซวียน ได้มาสิบต้น ขายต้นละหนึ่งร้อยเหรียญก็ได้ จะเอากี่ต้นดีครับคุณชาย” เจ้าของร้านยิ้มแล้วหันไปเปิดหีบสินค้า ในหีบมีพืชและสมุนไพรสดต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก

รากแก้วดี สีแดง ใบอ่อน และกลีบดอกที่ขาวเหมือนหิมะ

“ผมขอดูก่อน”

จางเซวียนรู้จักหญ้าชนิดนี้จากหนังสือในหอสมุดเท่านั้น ตัวเขาเองไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน เขาหยิบแล้ววางมันไว้บนฝ่ามือ

ฉับพลันประตูของหอสมุดเทียบฟ้าก็เปิดออก และมีหนังสือเล่มหนึ่งหล่นลงมา

‘หญ้าตะวันหิมะ สามารถเก็บได้ที่หุบเขาลึกไร้ชื่อ ซึ่งต้องเดินทางเข้าไปในป่าดงดิบเทียนเซวียนกว่าสองร้อยกิโลเมตร อายุสองปี… ข้อเสีย…’

ในหนังสือระบุถึงชื่อ แหล่งที่มา และข้อเสียต่างๆ ของหญ้าตะวันหิมะ

“เป็นหญ้าตะวันหิมะของแท้ เจ้าของร้านคนนี้ไม่ได้หลอกเรา” ชื่อเรียกก็ตรงกับในหนังสือของหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกเขา หญ้าต้นนี้เป็นวัตถุดิบที่ใช้ปรุงยาจริงๆ เมื่อจางเซวียนกำลังจะเปิดปากพูด เขาก็มองไปที่มุมเล็กๆ ของหีบสินค้าใบนั้น

“ทำไมหญ้าตะวันหิมะต้นนี้มันถึงดูเหี่ยวๆ แบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะคุณเก็บมันผิดวิธี เลยทำให้มันตายหรอกนะ” การเก็บสมุนไพรจะต้องทำอย่างถูกวิธี ถ้าทำผิด สรรพคุณของสมุนไพรก็จะลดลง ราคาก็จะถูกลงอย่างมาก

หญ้าตะวันหิมะต้นที่เขาพูดถึงอยู่นี้มีขนาดเล็กและเหี่ยว ดูแล้วเหมือนกับต้นที่โตยังไม่เต็มที่ ที่สำคัญไม่มีสีของความสดใหม่ ดูเหมือนมันกำลังจะตาย

“คุณชายล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหม นี่มันเป็นอาชีพของผมนะ ผมจะทำไม่เป็นได้อย่างไร หญ้าต้นนี้เดิมทีคุณภาพของมันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ตอนที่ผมเก็บมันมาใหม่ๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าคุณจะเอา ผมลดราคาให้ เหลือห้าสิบเหรียญเท่านั้น” เจ้าของร้านตอบ

จางเซวียนหยิบหญ้าตะวันหิมะต้นนั้นขึ้นมา

เนื้อหาของหนังสือในหอสมุดเทียบฟ้าระบุไว้ ‘หญ้าพญาตะวันหิมะ สามารถเก็บได้ที่หุบเขาลึกไร้ชื่อ ซึ่งต้องเดินทางเข้าไปในป่าดงดิบเทียนเซวียนกว่าสองร้อยกิโลเมตร อายุสิบห้าปี…’

“หญ้าพญาตะวันหิมะหรือ” จางเซวียนถึงกับตาโต

หญ้าชนิดนี้เขาเคยอ่านเจอ มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างที่สุด หายากและนับเป็นสุดยอดของหญ้าประเภทตะวันหิมะทั้งหลายแหล่ ถ้าใช้เจ้านี้มาปรุงยาจะต้องมีฤทธิ์ยามากกว่าหญ้าตะวันหิมะแบบปกติหลายสิบเท่าแน่ๆ

คิดไม่ถึงว่ามาซื้อหญ้าตะวันหิมะครั้งนี้จะเจอกับวัตถุดิบวิเศษชิ้นนี้ อีกทั้งยังมีอายุถึงสิบห้าปี ราคาของเจ้าหญ้าต้นนี้คงจะแพงน่าดู

ถ้าจ้าวหย่าใช้หญ้าตะวันหิมะทั่วไปรักษาอาการป่วย เธอจะต้องเข้ารับการรักษาอื่นๆ อีกหลายขั้นตอน แต่ถ้าใช้หญ้าพญาตะวันหิมะ อาการป่วยทั้งหมดของเธอก็จะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในขั้นตอนอื่นๆ อีก มันเป็นสมุนไพรที่เหมาะกับจ้าวหย่ามากที่สุดแล้ว

“ช่วยเอาหญ้าต้นนี้ใส่ถุงให้ผมด้วยครับ” จางเซวียนรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา เขาส่งหญ้าพญาตะวันหิมะให้กับเจ้าของร้าน

ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าหญ้าต้นนี้เป็นหญ้าพญาตะวันหิมะไม่ใช่หญ้าตะวันหิมะธรรมดาแล้ว เขาคงจะขึ้นราคาเป็นสิบๆ เท่าทันที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ขายให้ด้วยซ้ำ ในฐานะคนรุ่นใหม่ของโลกที่ทันสมัย ถ้าสามารถซื้อของดีในราคาถูกได้ เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ให้หลุดลอยไปหรอก

“ห้าสิบเหรียญครับ”

เจ้าของร้านเห็นจางเซวียนใส่เสื้อผ้าขาวสะอาดมีมาด ในใจคิดว่าคงจะซื้อหลายต้น คาดไม่ถึงว่าจะเอาแค่ต้นเดียว เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจพร้อมกับห่อหญ้าพญาตะวันหิมะแล้วใส่ถุงให้กับจางเซวียน

ขายของก็ต้องดูคนซื้อเหมือนกัน ลูกค้าคนนี้ไม่กล้าซื้อของแพง ดูแล้วคงไม่ค่อยมีเงิน โฆษณาอะไรไปก็เสียเวลาเปล่าๆ

จางเซวียนรับถุงจากมือของเจ้าของร้านแล้วล้วงกระเป๋า ทันใดนั้น เขารู้สึกหน้าแดงขึ้นมา

เมื่อครู่เขาคิดแต่เรื่องหอสมุดเทียบฟ้าเลยลืมเรื่องเงินไปซะสนิทเลย จางเซวียนคนก่อนเป็นเพียงอาจารย์ระดับปลายแถว เงินเดือนแสนจะน้อยนิด เนื่องจากสอบได้ศูนย์คะแนนจึงถูกตัดเงินเดือนออกเป็นจำนวนมาก อันที่จริงแล้ว อย่าว่าแต่ห้าสิบเหรียญเลย แค่สิบเหรียญในกระเป๋าเขาก็ไม่มี

“เป็นอะไรไปครับ” เจ้าของร้านมองไปที่หน้าของจางเซวียนทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเขาดูแปลกๆ

“คือว่า… คุณจะขายให้ผมในราคาแปดเหรียญได้ไหมครับ” จางเซวียนควักเงินทั้งหมดออกจากกระเป๋าแล้วนับดู เขามีเงินอยู่เพียงแปดเหรียญเท่านั้น

“ไม่มีเงินก็รีบไปซะ ผมไม่มีเวลาจะคุยกับคุณ” เจ้าของร้านแย่งถุงจากมือของจางเซวียนแล้วโบกมือไปมาด้วยความสุดจะทน

“ผมแค่ลืมเอาเงินมา แค่นี้คุณก็ไม่คิดจะขายให้ผมเลยรึ” จางเซวียนเห็นท่าทางของเจ้าของร้านก็ส่ายหัวทันที

“ถึงหญ้าตะวันหิมะต้นนี้จะไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ แต่มันก็ยังมีสรรพคุณของยาอยู่ครบ อย่างน้อยก็น่าจะขายได้สักสามสิบถึงสี่สิบเหรียญ คุณมีแค่แปดเหรียญ ผมว่าคุณรีบไปไกลๆ เถอะ ไม่งั้นผมจะเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมานะ” เจ้าของร้านเห็นจางเซวียนไม่มีเงินแล้วยังไม่ยอมไปอีก เขาจึงตะโกนไล่ด้วยความโกรธ

ห้างสรรพสินค้ามีมาตรการป้องกันการบังคับซื้อบังคับขายและมาตรการป้องกันการก่อความวุ่นวาย

ซึ่งจะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยและหน่วยลาดตระเวนไว้คอยรับผิดชอบเรื่องนี้ เพียงแค่เรียก พวกเขาก็จะมาทันที ไม่ว่าจะเป็นนักรบขั้นไหน ก็จะถูกขับไล่ไปทั้งหมด

อีกอย่าง การต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยรักษาความปลอดภัยหมายถึงการต่อกรกับทั้งห้างสรรพสินค้า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครกล้าทำเช่นนี้

เจ้าของร้านเห็นว่าจางเซวียนไม่มีเงินแล้วยังไม่ยอมไป จึงเข้าใจว่าเขาจะมาสร้างความวุ่นวาย จึงเตรียมตะโกนเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยทันที

“อย่าทำแบบนี้สิ ผมจะซื้อจริงๆ นะ” จางเซวียนรีบพูดขัดจังหวะ เขายิ้มแล้วพูดต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ถึงผมจะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ได้จะมาสร้างความวุ่นวาย คุณเชื่อไหมว่าแค่ผมเปิดปาก ในไม่ช้าคุณก็ต้องยอมขายให้ผม หรือไม่ก็จะต้องมอบให้ผมแบบฟรีๆ”

“มอบให้แบบฟรีๆ หรือ” เจ้านี่มันฝันไปอยู่รึเปล่าเนี่ย เจ้าของร้านโกรธจนคิดอะไรไม่ออก เขาคิดไม่ถึงว่าคนไม่มีเงินจะกล้าพูดจาแบบนี้ เขามองจางเซวียนเหมือนเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง

“ถ้าผมมอบสิ่งนี้ให้คุณฟรีจริง ผมจะยกย่องคุณเสมอกับท่านปู่ของผมเลย”

ในสายตาของเขา จางเซวียนจะต้องเป็นคนที่สติไม่เต็มแน่ๆ ไม่เพียงแต่มาซื้อของโดยไม่พกเงิน ยังคิดจะให้เขามอบให้ฟรีๆ อีก… เขายังสติดีอยู่นะ แล้วเขาจะมอบสินค้าให้คนแปลกหน้าแบบฟรีๆ ได้อย่างไร

แกคิดว่าฉันเป็นใคร?

“คุณจะเรียกผมว่าปู่หรือ? เรื่องนี้ไม่ต้องหรอกครับ” จางเซวียนส่ายหัวแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง “ผมบอกว่าคุณจะมอบให้ผมฟรีๆ คุณก็จะทำแบบนั้นจริงๆ ไม่เชื่อคุณลองก้าวออกมา… ลองมาต่อยผมดูสักหมัดสิ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!