ตอนที่ 43 คนอวดเก่ง (2)
จางเซวียนมองเข้าไปในหอสมุดเทียบฟ้าของเขา
หนังสือเล่มหนึ่งได้บันทึกประวัติและข้อบกพร่องของปรมาจารย์โม่หยางคนนี้ไว้อย่างชัดเจน
‘ชื่อเดิมคือหยางโม่ นักศึกษาวิชาตรวจสอบสมบัติ สิบแปดมงกุฎของอาณาจักรหลิวจู ชอบแอบอ้างเป็นนักตรวจสอบสมบัติเพื่อหลอกเอาทรัพย์สินและหลับนอนกับผู้หญิง’
‘เคล็ดวิชา เสียงเรียกเคลิ้มระดับหนึ่ง สามารถทำให้ผู้ที่ฟังเกิดอาการเคลิบเคลิ้มและเชื่อฟังได้โดยง่าย’
‘ข้อเสียที่ 1 ผู้ร้ายในหมายจับของอาณาจักรหลิวจู ข้อเสียที่ 2…’
จางเซวียนไม่รู้จะพูดอะไรดี คนคนนี้ทำเป็นผู้สูงส่ง วางมาดราวกับนักตรวจสอบสมบัติระดับปรมาจารย์ ทีแรกจางเซวียนเองยังเผลอนึกไปว่าจะเก่งกาจ ที่แท้ก็เป็นแค่สิบแปดมงกุฎ
ไม่แน่ว่า… กลุ่มคนที่ล้อมอยู่อาจเป็นพวกหน้าม้า เจ้าของร้านคนนี้ก็อาจจะเป็นพวกเดียวกับสิบแปดมงกุฎกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ทำเป็นมาช่วยตรวจสอบก้อนอัญมณีแล้วขายออกไปด้วยราคาที่แสนจะแพงเพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรอันมหาศาล
“เมื่อมีคนหลอก ก็ต้องมีคนถูกหลอก” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกสิบแปดมงกุฎแล้ว จางเซวียนก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ไม่สนใจจะไปเปิดโปงเจ้าคนลวงโลกคนนี้อยู่ดี เพราะ…
หนึ่ง… เขาไม่มีหลักฐาน เรื่องหอสมุดเทียบฟ้าจะพูดออกมาให้ใครฟังไม่ได้เด็ดขาด
สอง… คนที่ถูกหลอกทั้งหมดต่างก็ขาดสติไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเขาจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์ ที่สำคัญตัวเขาอาจจะถูกพวกหน้าม้าทั้งหลายรุมกระทืบเอาได้
เรื่องหาเหาใส่หัวแบบนี้ใครที่ไหนจะยอมทำ
“เอาล่ะ มาเลือกอัญมณีก้อนดีๆ แล้วเอาไปขายดีกว่า”
จางเซวียนเบื่อที่จะเสียเวลาไปกับสีหน้าแบบผู้สูงส่งบนใบหน้าที่แสนจะอวดดีของปรมาจารย์โม่หยาง จางเซวียนเริ่มเดินไปรอบๆ เพื่อมองแล้วสัมผัสกับก้อนอัญมณีต่างๆ ต่อ
ก้อนอัญมณีทุกก้อนที่เขาสัมผัสถูก จะเกิดเป็นหนังสือในหอสมุดเทียบฟ้าของจางเซวียน แม้หอสมุดเทียบฟ้าจะไม่ได้ระบุราคาของอัญมณีต่างๆ เอาไว้ แต่อัญมณีที่มีขนาดใหญ่แล้วไม่มีรอยร้าวเลยก็ต้องมีราคาที่แพงอยู่แล้ว
จางเซวียนเดินสัมผัสก้อนอัญมณีไปกว่าสี่สิบถึงห้าสิบก้อน ไม่พบว่าภายในมีสมบัติมีค่าซ่อนอยู่เลย โอกาสการทำกำไรเกือบจะเท่ากับศูนย์ ทำให้จางเซวียนรู้สึกหงุดหงิด เสียเวลาเป็นอย่างมาก
“คนสุดท้าย… คุณก็แล้วกัน” ขณะที่จางเซวียนกำลังจับก้อนอัญมณีอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงพูดดังขึ้น
เมื่อหันไปก็เห็นปรมาจารย์โม่หยาง ‘ผู้สูงส่ง’ มองมาที่เขาอย่างได้ใจแล้วพยักหน้าเล็กน้อย คนรอบๆ ต่างมองมาที่จางเซวียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
“ผมหรือ?” จางเซวียนตกตะลึง
“เจ้าหนุ่ม อย่าขาดความมั่นใจ คนที่ผมเลือกก็คือคุณนั่นแหละ” ปรมาจารย์ลูบเคราเบาๆ ท่าทางดูคล้ายกับผู้วิเศษที่กำลังจะบอกว่า ‘การได้รับเลือกจากฉันถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากเลยนะ แกไม่รู้หรือไง’
“ขาดความมั่นใจ?” จางเซวียนส่ายหัวทันที เขาไม่ได้ขาดความมั่นใจ แต่เขารู้สึกโชคร้ายต่างหาก ในเมื่อคุณมีกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในตัวคุณมากขนาดนั้น แล้วจะมาเลือกผมทำไม แต่หลังจากตะลึงไปชั่วขณะก็เพิ่งคิดได้
จริงสิ… คนที่มาเลือกซื้อก้อนอัญมณีในวันนี้ทั้งหมดล้วนเดินตามหลัง ‘ปรมาจารย์’ ต้อยๆ ส่วนตัวเขาเองกลับเดินวนไปมาเพื่อสัมผัสก้อนอัญมณีอยู่เพียงลำพัง แล้วแบบนี้จะไม่เป็นที่สนใจได้อย่างไร
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ผมไม่สนใจครับ” รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นสิบแปดมงกุฎ แน่นอนว่าตัวเองก็ไม่อยากจะถูกหลอก จางเซวียนโบกมือไปมาแล้วหันไปสัมผัสกับก้อนอัญมณีที่อยู่ตรงหน้าแทน
“ไม่สนใจรึ?” ปรมาจารย์โม่หยางถึงกับขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขาได้คัดเลือกคนมาแล้วเก้าคน ไม่ว่าใครที่ถูกเลือกก็ดีใจจนแถบจะเป็นลม แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับบอกว่า… ไม่สนใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของปรมาจารย์โม่หยางหายไปทันที เขาเดินมาตรงหน้าจางเซวียนแล้วลูบเคราของตัวเองเบาๆ “ผมเห็นคุณเลือกก้อนอัญมณีแบบส่งเดชเลยหวังดี ไม่อยากให้เงินเก็บอันน้อยนิดของคุณต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ต้องการ คุณไม่ควรจะทำให้ความหวังดีของผมสูญไปเปล่าๆ นะ”
“เจ้าหนุ่ม ถ้าไม่เอางั้นฉันจะเอาเองนะ”
“ท่านปรมาจารย์อุตส่าห์เลือกเขาแล้วยังไม่เอาอีก สมองยังปกติดีอยู่ไหมเนี่ย?”
“แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ปกติ ตั้งแต่เมื่อครู่ฉันก็สังเกตเห็นเขาแล้ว เขาสัมผัสก้อนอัญมณีไปเสียทุกก้อนเลย หรือว่าเขาจะขโมยของ”
“ถ้าท่านปรมาจารย์เลือกฉัน ฉันคงจะดีใจจนตัวลอย”
ขณะที่จางเซวียนกำลังสนทนากับ ‘ปรมาจารย์โม่หยาง’ อยู่นั้น เขาได้ยินเสียงนินทาจากคนที่อยู่รอบข้าง ทุกคนมองจางเซวียนเหมือนกำลังมองตัวประหลาด
นี่คือใคร… เขาคือปรมาจารย์ของวงการนักตรวจสอบสมบัติเชียวนะ!
วันนี้เขามาช่วย ‘คนมีบุญ’ ทั้งสิบเลือกก้อนอัญมณี เสร็จแล้วก็จะจากไป โอกาสดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหนกัน ทุกคนต่างแย่งชิง แต่เจ้านี่กลับ… บอกว่าไม่สนใจ
สมองยังดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
“ผมไม่ต้องการจริงๆ ครับ” จางเซวียนส่ายหัว ยังมีหน้ามาพูดถึงทรัพย์สินอีก ถ้าเชื่อคำพูดของสิบแปดมงกุฎอย่างแก ทรัพย์สินที่ฉันเก็บไว้คงไม่เหลือแน่
“อย่าปฏิเสธเร็วแบบนี้สิ” จางเซวียนยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูก ‘ปรมาจารย์โม่หยาง’ พูดแทรก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “คนหนุ่มจะหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย การที่ผมเลือกคุณไม่มีจุดประสงค์อื่นใด เพียงแค่อยากจะให้ความเมตตากับคุณเท่านั้น ไม่อยากให้คุณเสียเงินซื้อของที่ไร้ค่า”
“ท่านปรมาจารย์โม่หยางช่างมีเมตตาต่อสัตว์โลกจริงๆ”
“สามารถตรวจสอบก้อนอัญมณีได้ แล้วยังมีเมตตาอีก คนแบบนี้เป็นบุคคลตัวอย่างของฉันเลยนะเนี่ย”
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะนับถือเพียงท่านปรมาจารย์โม่หยางคนเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์โม่หยาง คนรอบด้านต่างมีปฏิกิริยาต่างๆ ขึ้นอีกครั้ง
นี่…ดูท่านผู้นี้สิ มีความสามารถในการตรวจสอบก้อนอัญมณี แต่ก็ไม่ใช้ความสามารถนี้เพื่อหากำไร เขาเพียงกลัวว่าหากคนอื่นไม่มีเงินใช้จะลำบาก ยอมเสียเวลาช่วยวิเคราะห์ก้อนอัญมณีให้คนอื่น ช่างเป็นคนที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
“คือผม…” จางเซวียนคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดจาไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เขาส่ายหัวกำลังจะพูดต่อ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายพูดแทรกอีกครั้ง
“เอาล่ะ ผมรู้ความคิดของคุณแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอีก” ปรมาจารย์โม่หยางมองจางเซวียนด้วยสายตามีมาด
“รู้ความคิดผมหรือ?” จางเซวียนนึกสงสัย
“ถูกต้อง คุณคิดว่าตนเองอายุน้อยด้อยประสบการณ์ ความสามารถก็ต่ำต้อย ถึงจะได้อัญมณีอันมีค่ามาก็ไม่อาจเก็บรักษามันไว้ได้ ดีไม่ดีอาจจะทำให้เกิดเหตุร้ายกับตนเอง” ปรมาจารย์โม่หยางดันแขนทั้งคู่ไปไพล่ไว้ด้านหลัง เหมือนกับจะบอกว่า ‘ผมมองคุณออกตั้งนานแล้ว’
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
“ท่านปรมาจารย์มีความสามารถในการตรวจสอบก้อนอัญมณีเป็นเลิศ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถมองทะลุถึงความคิดของคนอีก”
“คนจนส่วนมากไร้สมอง ถ้าเจ้าหนุ่มนี่จะเป็นแบบนี้มันก็ไม่น่าแปลกอะไร”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของ ‘ปรมาจารย์โม่หยาง’ คนรอบด้านต่างพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเลื่อมใส เหมือนจะเข้าใจในเหตุผลที่จางเซวียนไม่ยอมรับความหวังดีจากปรมาจารย์โม่หยาง
“คือ…” จางเซวียนไม่รู้จะพูดอะไร คนคนนี้ช่างเทิดทูนตัวเองเสียจริงๆ
ไม่มีความสามารถในการเก็บรักษารึ เหตุผลห่วยๆ แบบนี้ก็ดันคิดได้อีกแน่ะ
“ทุกท่าน” จางเซวียนกำลังคิดจะเปิดปากอธิบาย ปรมาจารย์ท่านนี้ก็พูดแทรกอีกแล้ว
“ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ผมเลือก อีกสักครู่ไม่ว่าผมจะช่วยเขาเลือกก้อนอัญมณีก้อนใด ก็ขอให้ทุกท่านอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับผม แล้วอย่ามาหาว่าผมไร้เมตตา”
“ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง คนที่ท่านเลือก พวกเราไม่กล้าแตะเขาหรอก”
“ท่านปรมาจารย์วางใจได้ พวกเราจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด…”
ทุกคนต่างรีบออกมาแสดงท่าที
“เอาล่ะ ผมได้บอกกับทุกคนที่อยู่รอบๆ แล้ว คุณสามารถเลือกซื้อของได้ตามสบาย ไม่ต้องห่วงว่าจะเจอกับปัญหาใดๆ”
เจ้าปรมาจารย์โม่หยางมองมาที่จางเซวียนแบบคนหวังดี
“คือว่าผม…”
จางเซวียนนึกไม่ถึงว่าสิบแปดมงกุฎคนนี้จะคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษจริงๆ กำลังจะเปิดปากพูดก็ถูกอีกฝ่ายพูดแทรกอีกแล้ว “ไม่ต้องซึ้งใจอะไรหรอก ในเมื่อผมเลือกคุณเป็นคนสุดท้าย นั่นก็หมายถึงเรามีวาสนาต่อกัน เรื่องแบบนี้มันอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องรู้สึกดีใจหรือขอบอกขอบใจอะไรผม ผมจะช่วยคุณเลือกโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ช่วยเพราะความหวังดีเท่านั้น”
“เอ่อ ผม…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ก้อนอัญมณีที่คุณซื้อไป ผมรับรองได้ว่าจะมีกำไรอย่างแน่นอน”
ไอ้ปรมาจารย์โม่หยางคนนี้ไม่ยอมให้จางเซวียนได้มีโอกาสแม้แต่จะพูด เขาหยิบอัญมณีก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้กับจางเซวียน
“คือว่า…จะได้กำไรหรือ?” เมื่อจางเซวียนเห็นอัญมณีก้อนนี้ก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อครู่เขาได้สัมผัสเพื่อตรวจสอบดูแล้ว พบว่าของที่ซ่อนอยู่ข้างในเป็นเศษของเศษขยะ ราคาไม่ถึงหนึ่งเหรียญ ถ้าซื้อกลับไป ไม่ว่าจะซื้อในราคาเท่าไรก็ขาดทุนย่อยยับ
ปรมาจารย์ส่งก้อนอัญมณีให้กับจางเซวียนแล้วพูดต่อทันที “เถ้าแก่ มาเก็บเงินกับพ่อหนุ่มคนนี้ได้เลย”
“ชิ้นนี้สามพันเหรียญครับ” เจ้าของร้านกล่าว
“รีบจ่ายเงินซะสิ อัญมณีก้อนนี้เป็นก้อนที่ผมคิดว่ามีคุณภาพสูงที่สุดจากที่เลือกให้กับทุกคนในค่ำคืนนี้ เรียกว่าคุณได้กำไรอย่างงามไปเชียวนะ”
ปรมาจารย์โม่หยางไม่เห็นจางเซวียนมีปฏิกิริยาตอบสนองจึงลูบเคราเบาๆ แล้วยิ้มให้กับเขา “เมื่อเจียระไนออกมาแล้วสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ถึงตอนนั้นก็อย่าดีใจจนตัวลอยไปแล้วกัน”
“ดีใจจนตัวลอย ดีใจบ้านแกสิ!” เมื่อถูกพูดแทรกหลายครั้งจนไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลย จางเซวียนเริ่มทนไม่ไหว ตะโกนออกไป “นี่คุณ… คิดจะต้มตุ๋นใครก็รีบๆ ไสหัวไปซะ ผมเบื่อที่จะเสียเวลากับคนอย่างคุณ มายุ่มย่ามกับผมทำไม ทำมาเป็นวางมาดเทพเซียนอยู่ได้ น่ารำคาญ! ผมให้ความเคารพคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ หา?”