Skip to content

Library Of Heaven’s Path 5

ตอนที่ 5 อีกหนึ่ง… นายหญิงน้อย

“เธอได้ยินข่าวนี้ไหม? อาจารย์เฉาฉงเพิ่งแข่งขันกับจางเซวียน อาจารย์ระดับปลายแถวของโรงเรียน”

“พวกเขาแข่งกันรึ? คนแพ้คงเป็นอาจารย์จางเซวียนอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ผลมันไม่ได้ออกมาแบบนั้นน่ะสิ อาจารย์จางชนะ คำแนะนำของเขาทำให้ลูกศิษย์เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาตั้งหนึ่งเท่าตัวแน่ะ”

“เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าเลยรึ แค่แนะนำคำเดียวเนี่ยนะ? แม้แต่อาจารย์ลู่ฉวินยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย เธอฟังมาไม่ผิดแน่หรือ?”

“คนในโรงอาหารเห็นกันเต็มสองตา แล้วมันจะไม่จริงได้อย่างไร”

ขณะเดียวกัน ผู้ที่ร่วมเป็นสักขีพยานการแข่งขันในโรงอาหารก็พูดคุยถึงเรื่องนี้กันอย่างตื่นเต้น “เพิ่มความสามารถของลูกศิษย์ได้หนึ่งเท่าในการแนะนำเพียงครั้งแรกงั้นรึ?” จ้าวหย่าเย้ยหยัน “แค่ดวงดีรึเปล่า?”

เมืองไป๋หยูเป็นเมืองที่ใหญ่ติดหนึ่งในสามของอาณาจักรเทียนเซวียน จ้าวหย่าเป็นบุตรสาวเจ้าเมืองไป๋หยู ตั้งแต่เล็กจนโตเธอได้รับการศึกษาจากโรงเรียนชั้นนำของเมืองมาโดยตลอด แรงจูงใจที่ทำให้เธอเดินทางมายังโรงเรียนหงเทียนแห่งนี้ก็คือ… เพื่อได้รับการยอมรับในฐานะศิษย์เอกของลู่ฉวิน เธอไม่อยากจะได้ยินว่าลู่ฉวินด้อยกว่าจางเซวียน นอกเสียจากเธอจะได้พบเจอกับตัวเองจริงๆ โดยปกติแล้วเธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น

“โชคงั้นรึ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่โชคน่ะสิ แรงหมัดของเด็กคนนั้นเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวเชียวนะ ถ้าเป็นแค่โชค มันจะเกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้หรอก!” เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ไม่ไกล ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอแม้แต่น้อย

“พวกเธอไม่คิดว่าเป็นเพราะโชครึ? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ อาจารย์จางเซวียนเป็นผู้ที่ได้คะแนนศูนย์ในการสอบประเมินผลของอาจารย์และเกือบจะโดนไล่ออก อะไรที่ทำให้พวกเธอคิดว่าเขามีความสามารถอย่างนั้นถ้าไม่ใช่เพราะดวง ถ้าพวกเธอไม่เชื่อคำพูดของฉัน เดี๋ยวฉันจะฉีกหน้ากากของเขาเอง”

จ้าวหย่าเป็นสาวน้อยเลือดร้อนมุทะลุมาตั้งแต่เล็ก เมื่อได้ยินใครบางคนยกย่องอาจารย์ที่เลวร้ายที่สุดในโรงเรียน เธอจึงเลือดขึ้นหน้า

“ดี พวกเราก็ต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับอาจารย์คนนี้ด้วยเหมือนกัน” จู่ๆ เพื่อนสองคนก็ยืนขึ้น ทั้งสามเดินออกมาจากโรงอาหารและหลังจากที่ถามทางคนไปทั่ว พวกเธอก็พบจางเซวียนในห้องเรียนส่วนตัว จึงผลักประตูและเดินเข้าไปข้างใน

“คุณคืออาจารย์จางเซวียนใช่ไหมคะ?” พอเดินเข้ามาในห้องเรียน พวกเธอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนเก้าอี้ รอยยิ้มของเขาไม่น่าประทับใจแต่อย่างใดเลย จนสามสาวที่เข้ามาในห้องเริ่มจะรู้สึกอึดอัด

“ใช่ ผมเอง” หลังจากที่เห็นการบึ่งเข้ามาอย่างร้อนรนของเด็กสาวตรงหน้า จางเซวียนจึงละสายตาจากหนังสือในหอสมุดเทียบฟ้าและเปลี่ยนไปมองพวกเธอแทน

“พวกเราได้ยินว่าคุณชนะการแข่งขันกับอาจารย์เฉา ศิษย์ที่คุณแนะนำมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่า” จ้าวหย่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ความไม่เชื่อถือฉายชัดอยู่ในน้ำเสียง “ซึ่งนั่นก็ดี ฉันอยากให้คุณช่วยแนะนำฉันบ้าง ดูว่าคุณจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันได้อย่างที่แนะนำคนอื่นไหม”

“ผมไม่ว่าง” จางเซวียนโบกมือไล่

อาจารย์คือผู้ทรงภูมิความรู้ มีหน้าที่ถ่ายทอดสอนสั่งลูกศิษย์ ต้องแนะนำในสิ่งที่ดีๆ ให้ศิษย์อย่างสุดความสามารถ ไม่มีอาจารย์ที่ไหนหรอกที่จะหวงความรู้ แต่อย่างไรอาจารย์ก็คือคนคนหนึ่ง…

พวกเขาไม่อาจทำตามความต้องการของลูกศิษย์ไปเสียทุกอย่าง ก็ดูเอาเถอะ ท่าทีที่พวกเธอแสดงออกมานั้นกำลังสื่อถึงอะไร ทำเหมือนเขาไปติดหนี้เธออย่างนั้นแหละ

“ไม่ว่างรึคะ? ตอนนี้คุณก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่นี่” จ้าวหย่ารู้สึกได้ทันทีว่าตนกำลังโดนปั่นหัว เธอกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เธอบอกกับเพื่อนๆ ว่าจะมากระชากหน้ากากของอาจารย์จอมปลอม แต่ตอนนี้กลับเป็นคนที่ถูกละเลย ถูกไล่ออกไปโดยไม่ได้สนใจในความสามารถเสียด้วยซ้ำ เธออับอายมิใช่น้อย

“ผมต้องรับสมัครลูกศิษย์ ไม่ได้มีเวลาว่างพอที่จะมาเล่นเกมอะไรกับเด็กหัวสูงอย่างคุณ” จางเซวียนกล่าวอย่างสุขุมเยือกเย็น

“นี่คุณ…” จ้าวหย่าโกรธ ดวงตากลมโตของเธอลุกเป็นไฟ เธอเป็นบุตรสาวเจ้าเมือง ไม่ว่าจะผิวพรรณหรือหน้าตาล้วนดูดีมีสกุล เดินไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชมในตัวเธอ แล้วนี่อะไรกัน คนคนนี้ไม่เพียงแต่ปฏิเสธ เขายังบอกอีกว่าเธอกำลังเล่นสนุกไปวันๆ ฟังแล้วช่างน่ารังเกียจอะไรเช่นนี้

แม้ว่าเขาจะมีศักดิ์เป็นอาจารย์ แต่การกระทำนี้เธอไม่อาจยกโทษให้ได้ “พวกเราต้องทำอย่างไรคุณถึงจะชี้แนะ” เธอขบฟันซี่เล็กๆ ที่งดงามดั่งหยกล้ำค่า

“ต้องยอมรับผมเป็นอาจารย์ของพวกคุณเสียก่อน” จางเซวียนกล่าวอย่างใจเย็น ตอบจ้าวหย่าด้วยสีหน้าล้อเลียน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองเธอราวกับเป็นคนงี่เง่า จ้าวหย่าก็ลังเล “ก็ได้ ฉันจะยอมรับว่าคุณเป็นอาจารย์ของฉัน แต่… ถ้าคุณสอนผิดหรือหลอกลวง ฉันจะเปิดโปงคำโกหกของคุณ”

“จ้าวหย่า เธอทำอย่างนี้ไม่ได้! หากเธอรับเขาเป็นอาจารย์ เธอจะไปเป็นศิษย์ของอาจารย์ลู่ฉวินไม่ได้อีกแล้วนะ…” เพื่อนทั้งสองที่มากับเธอแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินข้อตกลงนี้ ทั้งสองพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอเลิกล้มความคิด

พอได้ยินคำเตือนของเพื่อนทั้งสอง จ้าวหย่าเริ่มลังเล เธอตระหนักถึงกฎของโรงเรียน หลังจากที่กลายเป็นศิษย์ของอาจารย์คนไหนแล้ว ถ้าศิษย์ต้องการที่จะรับอาจารย์คนใหม่มาแทนที่ สิ่งที่พวกเขาต้องทำเป็นอย่างแรกคือถอนตัวจากอาจารย์คนปัจจุบันเสียก่อน แต่ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้น อาจารย์คนอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธลูกศิษย์อกตัญญูได้เช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงอาจารย์ที่เป็นที่นิยมอย่างลู่ฉวินเลย เธอจะถูกตัดสิทธิ์แน่นอน

“ไม่กล้าสินะ? ถ้าคุณไม่กล้าพอก็ไปซะ อย่ามากวนเวลาผม… ผมกำลังเปิดรับสมัครลูกศิษย์คนใหม่!” จางเซวียนโบกมือไล่

“ใครว่าฉันไม่กล้า” แม้เธอยังคงมีท่าทีลังเลใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน จ้าวหย่าก็ระเบิดลงทันที เธอขมวดคิ้วแน่นและกล่าวว่า “ฉันจะถือว่าคุณเป็นอาจารย์ของฉัน มาเลย มายืนยันความสัมพันธ์ของเรา”

“ทัศนคติคุณแย่มากๆ แม้คุณจะอยากให้ผมเป็นอาจารย์แต่บอกตามตรง ผมก็ไม่อยากรับคุณอยู่ดี” จางเซวียนโบกมือไล่เธอออกไปอีกครั้ง

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจารย์ก็ต้องอยากรับศิษย์ที่เชื่อฟังคำสั่งสอน แต่ดูสาวน้อยคนนี้สิ กิริยาท่าทางช่างไม่น่ารักเอาซะเลย ต่อให้เขาไม่มีลูกศิษย์เลยสักคน เขาก็ไม่ยินดีรับเธอคนนี้หรอก

“คุณ…” เธอไม่ได้คาดหวังคำตอบเช่นนี้ แค่คิดว่าถ้าเธอกัดฟันอดทนต่อกรกับเขาเพียงเล็กน้อยเพื่อรวบรวมข้อมูล เธอก็สามารถเปิดโปงเขาได้แล้ว เธอไม่ได้คาดว่าเขาจะปฏิเสธที่จะยอมรับเธอเป็นศิษย์ จ้าวหย่าโกรธจนตัวสั่น

เธอมาที่นี่ก็เพื่อต้องการที่จะเปิดเผยกลโกงของเขาโดยเฉพาะ ถ้าเธอกระทืบเท้าปึงปังออกไปด้วยความโกรธ นั่นก็หมายความว่าเธอตกหลุมพรางของเขาน่ะสิ เพราะดูเหมือนเขาก็มีเจตนาจะไล่เธอไปไกลๆ เพราะกลัวว่าการโกงของตนจะถูกเปิดโปงเหมือนกัน เธอจะไม่เดินไปตามหลุมพรางของเขาเป็นอันขาด

ฮึ!… คงต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของฉันก็แล้วกัน หลังจากที่ฉันเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณได้ มาดูว่าฉันจะทำให้คุณอยู่ที่นี่ต่อได้หรือไม่… เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวหย่าก็ระงับความโกรธในหัวใจลงแล้วตั้งสติ เธอยิ้มบางๆ เผยให้เห็นฟันสีขาวแล้วพูดกับจางเซวียนว่า “คุณอย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันเป็นคนนิสัยมุทะลุ ใจร้อนแบบนี้เอง แต่ฉันมีความตั้งใจที่จะเป็นศิษย์ของคุณจริงๆ นะ รับฉันเป็นศิษย์เถอะ ได้โปรด”

“มันต้องอย่างนี้สิ” ทันทีที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอ

จางเซวียนก็พยักหน้า “ก็ได้ ผมจะยอมรับคุณเป็นศิษย์ แต่ในเบื้องต้น ผมอยากให้คุณทำความสะอาดห้องเรียนให้ผมหน่อย ผมไม่ต้องการจะเห็นฝุ่นที่นี่แม้สักจุด จากนั้นก็ไปจัดการห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกให้เรียบร้อย ขัดห้องน้ำกับโถชักโครกให้สะอาด เสร็จแล้วผมจะตรวจความเรียบร้อย ถ้าผมพอใจกับการทำงานของคุณ ผมถึงจะรับคุณเป็นศิษย์นะ”

“ไม่มากไปหน่อยหรือ?” จ้าวหย่าใกล้จะอาละวาด

นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ลูกสาวแสนสวยของเจ้าเมืองที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงเชียวนะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยต้องทำงานบ้านหรืองานของบ่าวรับใช้ในครัวมาก่อน แต่คนคนนี้จะให้เธอกวาดห้อง ทำความสะอาดห้องน้ำ ขัดชักโครกด้วย เขาบ้าไปแล้วรึ?

“ถ้าคุณไม่สามารถแม้แต่จะทำงานทั่วไปได้ คุณก็ออกไปตอนนี้ได้เลย ผมไม่ต้องการรับศิษย์ขี้เกียจที่ทำตัวไร้ประโยชน์” จางเซวียนกล่าว

ฮ่าๆ สาวน้อย เธอต้องการที่จะเล่นกับฉันงั้นหรือ ประสบการณ์ยังน้อยนัก

“ใครบอกว่าฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ฉันจะทำความสะอาด ฉันจะขัดมันเดี๋ยวนี้เลย” จ้าวหย่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ เธอคว้าไม้กวาดและไม้ถูพื้นหมับ จากนั้นก็เริ่มที่จะจัดห้องเรียนให้เป็นระเบียบ

“จ้าวหย่า เอาแบบนี้ไหม เราลืมเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปซะ…”

“ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถจริงๆ หรอก เขาแค่จงใจให้เธอทำในสิ่งที่มันยากๆ ก็เท่านั้นเอง…” เพื่อนทั้งสองที่มาพร้อมกับเธอ เมื่อเห็นนายหญิงน้อยอันเป็นที่รักของท่านเจ้าเมืองเริ่มต้นทำความสะอาดสถานที่ ทั้งคู่ก็นึกหวาดกลัว พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอเปลี่ยนใจโดยไว

“พวกเธอทั้งคู่รอข้างนอกก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต ฉัน… จ้าวหย่าไม่เคยแพ้ใครมาก่อน วันนี้ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต่อกรกับเขา” จ้าวหย่าขมวดคิ้ว

“แต่นั่นมัน…” เพื่อนทั้งสองเข้าใจอารมณ์ของจ้าวหย่า พอเห็นว่าโน้มน้าวไม่สำเร็จ ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี “เราต้องแจ้งพ่อบ้านเหยาโดยด่วน นี่เขาไม่ได้มากับจ้าวหย่าด้วยหรอกรึ” ถ้าพ่อบ้านเหยารู้ว่าอาจารย์อันดับโหล่สั่งให้นายหญิงน้อยไปขัดโถส้วม ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่

หลังจากปรึกษาหาทางออกกันมาพักหนึ่ง พวกเธอก็รู้วิธีแก้… สำหรับคนระดับจ้าวหย่า ต่อให้ไม่มีภยันตรายคุกคามใดๆ ในการเดินทางไปโรงเรียนแต่ก็ยังคงมีคนคอยคุ้มครอง และคนที่คุ้มครองเธอก็คือพ่อบ้านเหยา ซึ่งตอนนี้น่าจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก

“เอาล่ะ เราไปหาเขากันดีกว่า” ไม่มีการลังเลใดๆ อีกต่อไป พวกเธอทั้งสองวิ่งออกจากโรงเรียนทันที

สำหรับจ้าวหย่าผู้ดื้อรั้นตามประสาลูกสาวของผู้มีอิทธิพลระดับเจ้าเมือง เธอไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะปรับตัว อย่างไรก็ตาม ห้องเรียนก็ดูสะอาดเรียบร้อยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ห้องน้ำด้านนอกเธอก็ขัดจนเป็นเงาวับทีเดียว

“ไม่เลวนี่” จางเซวียนผงกหัวอย่างพึงพอใจ

“ถ้าคุณพอใจกับสิ่งที่ฉันทำ คุณก็คงยอมรับฉันเป็นศิษย์และให้คำชี้แนะได้แล้วใช่ไหม?” จ้าวหย่าทวงถามหลังจากเสร็จสิ้นข้อตกลงระหว่างเธอกับเขา เธอกัดฟันกรอดเพื่อข่มความโกรธทั้งหมดที่มี ใบหน้าของเธอเหยเกบิดเบี้ยวราวกับว่าอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยคนที่อยู่ตรงหน้าให้ได้

“นี่หยกสัญลักษณ์ของคุณ” จางเซวียนโยนหยกสัญลักษณ์ไปให้ โดยไม่สนใจสายตาอาฆาตของเธอแต่อย่างใด

จ้าวหย่าข่มอารมณ์โกรธ หายใจลึกๆ หยดเลือดลงไปเพื่อยืนยันความสัมพันธ์การเป็นศิษย์อาจารย์ระหว่างกัน “อาจารย์จาง ตอนนี้ฉันเป็นลูกศิษย์ของคุณแล้ว ช่วยให้คำชี้แนะฉันสักจุดสองจุดก่อนได้หรือไม่” อีกแค่ครู่เดียวเธอก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ของตนแล้ว เธออยากรีบเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของคนน่ารังเกียจตรงหน้า จ้าวหย่าระงับความตื่นเต้นในหัวใจและขอคำแนะนำจากเขา

“แสดงกระบวนท่าสู้พื้นฐานของคุณให้ผมดูก่อน ผมจะตรวจสอบให้” จางเซวียนส่งสัญญาณ

“ได้” เธอตอบสั้นๆ ไม่มีการพูดจาไร้สาระใดๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา จ้าวหย่ากุมมือของตนประสานเข้าด้วยกันและโค้งคารวะให้เขา ก่อนที่จะออกกระบวนท่าประจำตัว

ฟุ่บ ฟุ่บ!

เสียงสายลมโหยหวน เธอระเบิดพลังเต็มที่

เธอเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกับหวังหยิ่ง แต่พลังที่ระเบิดออกมาทั้งเร็วและแข็งแกร่งกว่าหวังหยิ่งมาก มองเพียงครั้งเดียวก็รับรู้ถึงความพยายามในการฝึกฝน ขณะที่จ้าวหย่าแสดงกระบวนท่าของตน ดวงจิตของจางเซวียนขณะนี้อยู่ที่หอสมุดเทียบฟ้า ภายในหอสมุดมีการสั่นสะเทือนเบาๆ มีหนังสือตกจากชั้นเล่มหนึ่ง บนปกเขียนว่า ‘จ้าวหย่า’

จ้าวหย่าลูกสาวของเจ้าเมืองไป๋หยู นักรบขั้นหนึ่ง – จวีซี ระดับสูงสุด, กระบวนท่าหลักที่ชำนาญ: เคล็ดวิชาธิดาหยกขาว, ข้อบกพร่องมีทั้งหมด 27 ข้อ… ลำดับที่ 1 บุคลิกของเธอที่ใจร้อนมุทะลุและโกรธง่าย สิ่งนี้ขัดกับธรรมชาติของเคล็ดวิชาธิดาหยกขาวอันสงบและเรียบเย็น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถนำวิชาออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่, ลำดับที่ 2…”

หนังสือเล่มนี้เป็นแบบเดียวกับสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้า มันรวบรวมข้อบกพร่องทั้งหมดในการฝึกวิชาของจ้าวหย่าโดยเฉพาะ

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวหย่าก็เสร็จสิ้นขั้นตอนการออกหมัด เธอหันไปมอบรอบๆ และลงท้ายด้วยการชกเสาหินในห้องเรียนที่ใช้สำหรับวัดความแข็งแกร่ง

ปรากฏเสียงที่คมชัดออกมา ชุดของตัวเลขก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน

110 ไม่เลว… จางเซวียนไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่ผงกหัว การจะมีความสามารถขนาดนี้ได้ต้องฝึกหนักมาก่อน จ้าวหย่านับเป็นบุตรสาวเจ้าเมืองที่มีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา

หลังจากแสดงวิชา ใบหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงหรือมีอาการหอบโยน จ้าวหย่าหันไปมองสบตากับจางเซวียน “เอาล่ะ ชี้แนะฉันที”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!