Skip to content

Library Of Heaven’s Path 56

ตอนที่ 56 ถูกล้อม (2)

“ที่แท้ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง มิน่าเล่าถึงได้จองหองแบบนี้” เห็นเจ้าสี่ถูกซัดซะจนกระเด็นไปกองแบบหมดรูป โม่หยางถึงกับชะงัก แต่เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแผนการอย่างไร โม่หยางสะบัดมือออกคำสั่งควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด “มันไม่ใช่แค่นี้หรอก ความโชคดีของแกหมดลงเพียงเท่านี้แหละ”

พอพูดจบก็หันไปมองที่เจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างๆ “รีบจัดการมันซะ พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก”

“ได้” เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วปรี่ออกมา

ยังไม่ได้ลงมือ พลังปราณที่แข็งแกร่งของเขาก็แผ่กระจาย เพียงแค่หลับตาก็จะรู้สึกได้ว่าจุดบนร่างกายของเขาถูกเปิดออกสิบกว่าจุดแล้ว

“นักรบขั้น 6– พี่เชวี่ยอย่างนั้นรึ” จางเซวียนถึงกับตะลึง

นักรบขั้น 6–พี่เชวี่ยจะเปิดจุดบนร่างออก และจะดูดกลืนเอาพลังวิญญาณที่อยู่ภายนอกเขามาในตัว และเอาพลังเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ คนที่มีความสามารถระดับนี้ ถ้าอยู่ในโรงเรียนหงเทียนจะต้องเป็นระดับผู้เฒ่าประจำโรงเรียนอย่างแน่นอน

สิบแปดมงกุฎคนหนึ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้ได้ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อจริงๆ

“กลัวแล้วรึ ถ้ากลัวก็รีบคุกเข่าขอขมา แล้วชดใช้เงินทองที่พวกเราสูญเสียไปคืนมา ไม่งั้น แกมีแต่จะตายสถานเดียว”

เจ้าของร้านเห็นจางเซวียนนิ่งแล้วไม่พูดอะไร จึงคิดว่าจางเซวียนเกิดอาการกลัวในพลังอันยิ่งใหญ่ของเขา เขาก้าวมาตรงหน้าจางเซวียนอย่างช้าๆ เหมือนกับยมทูตมาประกาศสมุดมรณะ

“คุกเข่าแล้วชดใช้เงินทอง?” จางเซวียนส่ายหัว “ผมไม่ว่างขนาดจะไปขอขมาพวกสิบแปดมงกุฎหรอก ขาดทุนรึไง ถ้าพวกคุณชอบทำเรื่องแบบนี้จริงๆ พวกคุณก็คุกเข่าขอร้องผมสิแล้ววันหลังผมจะไม่ยุ่ง อ้อ… แล้วอย่าลืมมาชดใช้ค่าเสียที่ลอบกัดผมด้วยนะ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดว่าจะเดินจากไปได้ง่ายๆ”

“นี่แกพูดอะไรวะ”

“ไอ้หนุ่มนี่มันกลัวจนบ้าไปแล้วล่ะมั้ง” ทั้งโม่หยาง เจ้าของร้าน และลิ่วล้อต่างๆ ก็คิดว่าจางเซวียนบ้าไปแล้ว พวกเขาคนเยอะขนาดนี้ ยังมีนักรบขั้น 6 อีก มันเป็นแค่คนธรรมดาหัวเดียวเดี่ยวโดด แล้วยังจะมีหน้ามาบอกให้พวกเขาคุกเข่าขอร้องมัน

จะอวดเก่งมากไปหน่อยแล้ว

อีกอย่าง จะให้พวกเขาชดใช้อะไร แกมีอะไรเสียหายกัน? คนที่เสียหายคือเจ้าสี่ของฝ่ายเราต่างหาก จนถึงตอนนี้ยังเอาหัวออกจากกองดินไม่ได้เลย จะพูดว่าเสียหาย ฝ่ายที่เสียหายมันต้องเป็นฝ่ายเราถึงจะถูก

“อย่าไปเสียเวลากับมัน แค่ฆ่ามันก็พอ” โม่หยางสะบัดมือ

“ได้เลย” เจ้าของร้านพยักหน้า บุกเข้าโจมตีจางเซวียนอย่างไม่รอช้า

แรงกระโจนของเจ้าของร้านทำให้อากาศรอบด้านแหวกออกอย่างรุนแรง เสมือนกับเหยี่ยวที่กำลังโฉบลงมาล่ากระต่ายเคราะห์ร้าย ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เกิดความสะพรึงกลัวอย่างมาก

“นี่คือวิชา [พญาวิหคหมื่นลี้] ของเจ้าสองนี่”

“วิชานี้ แม้จะไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมาย แต่ก็สามารถพูดได้ว่าร้ายกาจ เล่นงานเด็กอายุแค่นี้ ยังต้องใช้วิชานี้เชียว ไม่เกินไปหน่อยรึ”

“ไม่เกินไปหรอก เจ้าเด็กคนนี้สามารถซัดซะเจ้าสี่กระเด็น แสดงว่ามันมีความสามารถอยู่พอตัว แต่มาเจอกับวิชาพญาวิหคหมื่นลี้ของเจ้าสอง ความโชคดีของมันนั้นก็หมดเพียงแค่นี้แหละ”

เห็นว่าเจ้าของร้านมาถึงก็ใช้วิชาที่ร้ายกาจขนาดนี้ ทุกคนต่างยอมรับในความสามารถของเขา

พญาวิหคหมื่นลี้ เป็นวิชาระดับกลางแต่อยู่แถวแนวหน้า เมื่อใช้วิชานี้จะทำให้เกิดแรงอัดกระแทกไปทั่วทั้ง 8 ทิศ เสมือนกับเหยี่ยวที่กำลังไล่ล่ากระต่ายกลางทุ่งหญ้า ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจจะต่อกรด้วยได้ ถึงจะเป็นตัวหัวหน้าอย่างโม่หยาง หากเจอแบบนี้เข้าก็ไม่อาจจะต้านทานได้เหมือนกัน

“พญาวิหคหมื่นลี้รึ” พออีกฝ่ายแสดงวิชาออกมา หอสมุดเทียบฟ้าของจางเซวียนก็เปิดออกแล้วหนังสือเล่มหนี่งก็หล่นลงในมือเขา บนหนังสือมีบันทึกถึงเรื่องราวและจุดบกพร่องของเจ้าของร้านคนนี้อย่างละเอียด

พออ่านจบจางเซวียนก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที แต่เวลามีไม่มาก เจ้าของร้านบุกมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว

วิชาสามารถทำให้พลังปราณในตัวคนเพิ่มสูงขึ้นได้

เจ้าของร้านเป็นถึงนักรบขั้น 6 เขาได้เปิดจุดบนร่างกายของเขามากกว่า 10 จุดแล้ว ร่างของเขาแต่เดิมก็แข็งแกร่ง บวกกับการที่เขาใช้วิชาระดับกลาง ยิ่งทำให้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

“ตายซะแก…” ใบหน้าเจ้าของร้านปรากฏรอยยิ้มที่ดูแล้วสุดแสนจะขี้โกง เช่นเดียวกับดอกไม้กินคนที่เปิดปากกว้างเพื่อจะกินเหยื่อ

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น “อ๊ะ…”

เสียงร้องอันเจ็บปวดดังสนั่น เหมือนคนกำลังถูกรถถังบดขยี้

“เกิดอะไรขึ้น” ทีแรกโม่หยางและพวกพ้องต่างคิดว่าจางเซวียนจะถูกเจ้าสี่ฆ่าตาย แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าสี่ที่ถูกเล่นงานจนหมดรูป เกือบตายคาที่ คราวนี้ก็อีกหนรึ?

จางเซวียนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่เจ้าของร้านกระโจนเข้าใส่ เขาเตะไปที่น้องชายของเจ้าของร้านอย่างแรง จนเกิดเป็นเสียงเหมือนไข่ไก่แตก ทำให้คนที่ดูอยู่ถึงกับเอามือปิดน้องชายของตัวเองทันที

ร่างของเจ้าของร้านกระเด็นไปติดกำแพง ทำให้กำแพงเกิดเป็นรอยของตัวเขาแปะอยู่ จริงๆ ต้องมีรอยน้องชายของเขาด้วยถึงจะถูก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่อยู่กับตัวเขาแล้ว

“ร้ายกาจมาก” จางเซวียนเห็นว่าการเตะเบาๆ เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้เจ้าของร้านที่กำลังออกกระบวนท่าอยู่กระเด็นออกไปได้อย่างง่ายดาย เขาเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่าร่างกายของเขาจะเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายชำนาญในวิชาที่ใช้ บวกกับมีความรวดเร็วเป็นที่หนึ่ง ถ้าจะเล่นงานให้เขาพิการต้องใช้เวลาพอดู อย่างน้อยก็ต้องประมือกันสัก 10 กระบวนท่า แต่จางเซวียนมีหอสมุดเทียบฟ้า จึงมองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้ถูกวิธีได้ มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับจะจัดการกับเจ้าของร้านคนนี้ เพียงเตะเบาๆ … น้องชายของเจ้าของร้านก็ไม่เหลือซากแล้ว

นักรบขั้น 6 โดนเข้าแบบนี้ ไม่ตายก็ใกล้แล้วล่ะ

“ไอ้บ้านี่มันไม่ธรรมดา ทุกคนรุมฆ่ามันเลย” เห็นจางเซวียนใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถจัดการกับเจ้าสี่ได้ แล้วมาเตะจนน้องชายของเจ้าสองแหลกไปอีก

ถึงโม่หยางจะโง่แค่ไหนก็รู้แล้วว่าจางเซวียนไม่ใช่คนธรรมดา เขาเปลี่ยนจากดูถูก เป็นเกรงกลัว

พอได้ยินคำสั่งของโม่หยาง ลิ่วล้อทุกคนต่างล้อมเข้าใกล้จางเซวียนมากขึ้น พวกเขารู้สึกกลัวจางเซวียนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งโม่หยาง

“ลงมือ” เสียงตวาดดังขึ้น ลิ่วล้อที่เหลือต่างกระโจมไปที่เหยื่อพร้อมกันทั่วทุกทิศ แบบไม่ให้จางเซวียนได้มีโอกาสหลบหนีไปไหนเลยลิ่วล้อพวกนี้ก็เหมือนกับเจ้าสี่ ทุกคนต่างเป็นนักรบขั้น 5 ระดับสูงสุด

แม้ว่าจะมีคนมาร่วมวงเล่นงานเขาเยอะแยะ แต่สำหรับคนที่มองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้แล้วยังเป็นนักรบขั้น 6 อย่างจางเซวียน ต่อให้ลิ่วล้อพวกนี้มีจำนวนมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี

“เอ๋… ทำไมมากันแค่นี้” จางเซวียนรับการโจมตีของเหล่าลิ่วล้อแล้วนึกประหลาดใจ แล้วเจ้าโม่หยางไปไหน?

เจ้าของร้านที่เป็นถึงนักรบขั้น 6 ยังออกหน้ามาต่อสู้กับเขา เจ้าโม่หยางที่วางท่าเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องเก่งกว่าสิ แล้วทำไมถึงไม่ยอมเข้ามาโจมตีด้วยล่ะ

ถ้าโม่หยางโจมตีด้วย จางเซวียนก็อาจจะรับการโจมตีได้ไม่ง่ายขนาดนี้ ขณะที่เขารู้สึกประหลาดใจ จางเซวียนก็เห็นเงาคนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เขาวิ่งไปตะโกนไป “พวกแกฆ่ามันซะ เดี๋ยวข้ามา…”

“นี่มัน…” เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เหล่าลิ่วล้อที่กำลังบุกโจมตี

จางเซวียนก็ถึงกับตัวสั่น

ไม่ต้องบอกก็รู้ ลูกพี่เห็นท่าไม่ดีเลยชิงหนีไปก่อนแล้ว…

“หน้าไม่อายจริงๆ” จางเซวียนและเหล่าลิ่วล้อต่างถอนหายใจออกมาพร้อมกัน เมื่อครู่ยังวางท่าว่าข้าใหญ่อยู่เลย พอตอนนี้กลับวิ่งหนีไปซะงั้น ขนาดพวกเดียวกันยังไม่สนใจ ถึงว่าล่ะ แม้แต่อาณาจักรหลิวจูที่ออกหมายจับยังจับไม่ได้ เพราะเป็นคนไร้ยางอายแบบนี้นี่เอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!