Skip to content

Library Of Heaven’s Path 57

ตอนที่ 57 แหวนเก็บสมบัติ

“คิดจะหนีเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

ไอ้เจ้านี่ล้อมตัวจางเซวียนเอาไว้แล้วยังบังคับให้เขาทั้งคุกเข่า ทั้งจ่ายเงิน แล้วแบบนี้จะปล่อยให้หนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร จางเซวียนจัดการกับพวกลิ่วล้อที่เป็นนักรบขั้น 5 ระดับสูงสุดได้ในพริบตาและไล่ตามโม่หยางไปอย่างเร็วรี่

พลังปราณในร่างกายของจางเซวียนเพิ่มสูงขึ้น เขาในตอนนี้เปรียบเสมือนกับกบที่กระโดดไปมาอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว แม้จางเซวียนจะไม่มีวิชาตัวเบา แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใด

“นี่มันอะไรกัน” โม่หยางที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต หันมาเห็นจางเซวียนกำลังวิ่งไล่มาด้วยความไว ซึ่งอีกไม่นานก็จะถูกไล่จนถึงตัว โม่หยางตกใจจนเกือบจะเป็นลม เขาวิ่งพันขาตัวเองแล้วกลิ้งล้มลงไปกองกับพื้น

ทีแรกก็คิดว่าจางเซวียนเป็นแค่ลูกแกะตัวหนึ่ง สามารถฆ่าทิ้งเพื่อล้างแค้นได้อย่างง่ายดาย แต่คาดไม่ถึงว่า จางเซวียนจะไม่ใช่ลูกแกะตัวเล็กๆ แต่เป็นสิงโตที่ดุร้าย

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าดุขนาดนี้ โม่หยางไม่มีทางที่จะไปยุ่งวุ่นวายด้วยเด็ดขาด

เจ้าหนุ่มนี่อายุยังน้อย แต่ต่อให้อีกฝ่ายฝึกวรยุทธมาตั้งแต่เกิดก็ไม่น่าจะเรียนรู้วิชาต่างๆ ได้เร็วขนาดนี้นี่

ใจของโม่หยางรู้สึกสับสน เขารู้สึกแปลกใจและหวาดกลัวจนขนหัวลุก ขนาดถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว

ตอนที่อยู่ห้างสรรพสินค้า ถ้าเขาโชคดี ไม่ไปเลือกถูกจางเซวียนก็คงไม่ต้องถูกเปิดโปง เขาก็คงหลอกเอาเงินของชาวบ้านได้สำเร็จ แล้วคงกลับบ้านไปพร้อมเงินจำนวนมากอย่างมีความสุข แต่เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว แทนที่จะหนีไปอย่างเงียบๆ แต่กลับคิดอยากจะหาเรื่องเอาคืน มาตามแก้แค้นจางเซวียน สุดท้ายจึงต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้

ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถแก้แค้นได้ ตนกลับต้องมาวิ่งหนีเหมือนลูกหนูวิ่งหนีแม่แมว โถ… ชีวิต

เขารนหาที่ตายจริงๆ โม่หยางเริ่มรู้สึกแน่นหน้าอก…

จางเซวียนเพิ่งจะอายุได้ 19 ก็สำเร็จการฝึกวิชาเทียบฟ้าและวิชาร่างนวโลหะ ทำให้พลังปราณในร่างของเขาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

คนอายุแค่นี้ เป็นนักรบขั้น 1 หรือขั้น 2 ได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่เขาสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่เป็นนักรบขั้น 5 และ 6 ได้ครั้งละหลายคน

สู้กับคนแบบนี้ ถ้าไม่หนีก็มีแต่ตายสถานเดียว

“หยุดนะ”

โม่หยางเริ่มคิดได้และรู้สึกผิด แต่มันก็สายไปแล้ว เขาได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลังในระยะประชิด

โม่หยางยังไม่ทันจะหันกลับไปก็ถูกต่อยเขาที่แผ่นหลังอย่างจัง แรงหมัดทำให้ร่างของโม่หยางกระเด็นไปข้างหน้าและล้มลง ใบหน้าของเขาถูกกับพื้นเป็นทางยาวจนถลอกปอกเปิก

“ใบหน้าของฉัน…” โม่หยางถึงกับร้องไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าของเขาเละจนดูไม่ได้ ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร ก็มีเท้าข้างหนี่งเหยียบอยู่บนศีรษะเขาเสียแล้ว

“คิดจะฆ่าคนอื่น ก็ต้องทำใจไว้แล้วว่าจะต้องโดนเอาคืนเหมือนกัน…”

จางเซวียนเหยียบหัวของโม่หยางด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

แม้ว่าในอดีตจางเซวียนจะเป็นเพียงแค่คนดูแลหอสมุด แต่พอมายังโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่ากำลังสามารถพูดแทนได้ทุกสิ่ง

หากวันนี้เขาไม่มีวรยุทธที่สูงส่ง ก็คงต้องถูกฆ่าตายอย่างอนาถ

“อย่าฆ่าผมเลย ขอแค่ท่านไม่ฆ่าผม ผมยินดีที่จะมอบเงินทั้งหมดที่ผมมีให้กับท่าน…”

โม่หยางถูกเหยียบหัว เพียงแค่อีกฝ่ายเหยียบแรงขึ้นอีกนิด เขาจะต้องตายคาที่อย่างแน่นอน โม่หยางกลัวจนสั่นไปทั้งตัว เทียบกันระหว่างชีวิตกับเงินทอง ชีวิตต้องมีค่ามากกว่าอยู่แล้ว

“งั้นเอาเงินของแกออกมาเลย ดูซิว่ามันจะพอที่จะซื้อชีวิตของแกไหม”

จางเซวียนพูดอย่างเย็นขา

“ครับ ได้ครับ” โม่หยางได้ยินคำพูดของจางเซวียนก็รีบหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาและส่งให้ “เงินทองทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว ขอให้ท่าน… รับไว้ด้วย”

“อยู่ในนี้เหรอ” จางเซวียนขมวดคิ้วขึ้นทันที

แหวนวงหนึ่งจะเก็บอะไรได้

แต่ตอนนี้เขาเป็น ‘ผู้สูงส่ง’ แล้วจะไปถามอีกฝ่ายได้อย่างไร จางเซวียนมองไปในหอสมุดเทียบฟ้าของตน และทันใดนั้นก็มีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น

“แหวนเก็บของระดับต่ำ ด้านในมีเนื้อที่ 3 ตรม. ข้อเสีย ช่างตีมีฝีมือที่อ่อนหัด…”

หนังสือระบุถึงรายละเอียดของแหวนวงนั้นไว้อย่างชัดเจน

“แหวนเก็บสมบัติเหรอ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสิบแปดมงกุฎจะมีของดีๆ แบบนี้ด้วย งั้นขอเลยละกัน” ตอนที่จางเซวียนอ่านหนังสือในหอสมุดโรงเรียนหงเทียน เขาจึงได้รู้ว่าในโลกแห่งนี้มีคาถาที่เรียกว่าคาถาดาวดึงส์อยู่ แต่เขาคิดว่าคาถาอาคมแบบนี้คงจะไม่มีให้เห็นได้ง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าสิบแปดมงกฎคนนี้จะมีวัตถุที่ทำมาจากคาถาอาคมติดตัวอยู่จริงๆ

แม้จะเป็นเพียงแหวนระดับต่ำ แต่มูลค่าตลาดของมันต้องมากกว่า 500,000 เหรียญอย่างแน่นอน

ต่อให้เป็นท่านผู้เฒ่าประจำโรงเรียน ก็ไม่แน่ว่าจะมีเงินพอหาซื้อมันได้

เป็นแค่สิบแปดมงกุฎคนหนึ่งกลับมีสิ่งของแบบนี้ จางเซวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่พอคิดดูอีกทีก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะพวกสิบแปดมงกุฎเหล่านี้หลอกเงินทองของชาวบ้านมานักต่อนัก พวกเขาคงต้องอาศัยแหวนวงนี้ในการเก็บทรัพย์สินทั้งหมดแล้วหลบหนีไป ในกรณีที่ไม่มีแหวนวงนี้ ก็คงต้องหอบเงินแบบเปิดเผย หากถูกจับได้คงโดนประหารอย่างแน่นอน

ดูเหมือนว่าโม่หยางคงจะทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อแหวนวงนี้มาใช้งาน

จางเซวียนมองไปยังโม่หยางที่เลือดกลบหน้า ตามบันทึกของหนังสือในหอสมุดเทียบฟ้า เพียงเขาหยดเลือดลงไปบนแหวนก็จะสามารถเปิดประตูห้องเก็บสมบัติในแหวนได้

จางเซวียนหยดเลือดตนลงบนแหวน และแล้วห้องขนาด 3 ตรม. ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา ในห้องมีเงินจำนวนมาก มองไปน่าจะมีอยู่สักประมาณ 100,000 เหรียญได้

เจ้าคนคนนี้ดูจากผิวเผินก็ดูธรรมดา แต่กลับมีเงินมากขนาดนี้ เหลือเชื่อจริงๆ

“ท่านครับ ท่านก็รับของไปแล้ว งั้นท่านก็ปล่อยผมไปเถอะนะครับ…” โม่หยางเห็นจางเซวียนตรวจสอบแหวนแล้วจึงรีบพูดขึ้นทันที

“ปล่อยแกไปเหรอ มันก็ได้อยู่นะ แต่แกต้องเอาตั๋วเงินที่อยู่บนตัวแกทั้งหมดมาให้ฉัน แบบนี้ถึงจะปล่อยแกได้” จางเซวียนพูดไปหัวเราะไป

“นี่แก… นี่แก…” เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน โม่หยางตกใจยังกับเจอผี

สำหรับโม่หยาง การเป็นนักลวงโลกมืออาชีพ เขาจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในยามฉุกเฉินอยู่แล้ว เมื่อครู่ตอนที่วิ่งหนี เขารีบเอาตั๋วเงินทั้งหมดมาเก็บไว้กับตัว เพราะเป็นแบบนี้เขาจึงยอมมอบแหวนเก็บสมบัติให้กับจางเซวียนอย่างง่ายดาย เป้าหมายหลักก็คือเบี่ยงเบนความสนใจของจางเซวียนไม่ให้มาค้นตัวเขา

ขอแค่สามารถเอาชีวิตรอดออกมา แม้จะสูญเสียแหวนเก็บสมบัติและเงินอีกจำนวนเล็กน้อย แต่หากยังให้มีตั๋วเงินอยู่ในมือ เขาก็จะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างสบายๆ

ทีแรกก็คิดว่าแนบเนียนมากแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจางเซวียนจะดูออกด้วย

มัน… รู้ได้อย่างไรกัน

ต่อให้มีวรยุทธสูงส่งเพียงใดก็ไม่น่าจะสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้นี่

จางเซวียนเบื่อที่จะรอคำตอบจากโม่หยาง เขาฉีกเสื้อของโม่หยางออกเป็นสองชิ้น แล้วหยิบตัวเงินที่ซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อออกมา พอนับดูแล้วก็พบว่ามีตั๋วเงินอยู่ 10 กว่าใบ แต่ละใบมีมูลค่ากว่า 100,000 เหรียญ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1,000,000 เหรียญ

“กำไรงามจริงๆ …” จางเซวียนเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ก็รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก

“เงินผมก็ให้ไปหมดแล้ว ทีนี้ปล่อยผมไปได้หรือยังอะ…” โม่หยางรู้สึกหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขาแอบซ่อนตั๋วเงินเอาไว้ ตอนนี้เขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนเมื่อครู่แล้ว เครียดจนแทบจะร้องไห้ออกมา

“โม่หยาง ศิษย์ของนักตรวจสมบัติ นักต้มตุ๋นมืออาชีพของอาณาจักรหลิวจู มักจะแอบอ้างว่าเป็นนักตรวจสอบสมบัติเพื่อหลอกเอาเงินและหลอกมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง เชี่ยวชาญการใช้เสียงเพื่อเรียกความเชื่อใจจากผู้อื่น ให้คนอื่นเชื่อในทุกสิ่งที่ตัวเองพูด…”

จางเซวียนยังคงเอาเท้าเหยียบบนแผ่นหลังของโม่หยางแล้วแนะนำประวัติส่วนตัวของโม่หยางตามที่หอสมุดเทียบฟ้าได้บันทึกเอาไว้ “นี่แก… แก… รู้ได้อย่างไร แกเป็นใครกันแน่”

โม่หยางสั่นไปทั้งตัว รู้สึกกลัวจางเซวียนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!