Skip to content

Library Of Heaven’s Path 60

ตอนที่ 60 ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

จางเซวียนคิดไม่ถึงว่าการคิดค้นวิชาได้วิชาหนึ่งจะทำให้คนอื่นมีปฏิกิริยาแบบนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงเป็นแบบนี้ จางเซวียนทำหน้างงแล้วหยิบหนังสืออีกเล่มออกมา “หลิวหยาง หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมเพิ่งจะเขียนขึ้น เนื้อหาจะสอดคล้องกับสภาพกายของตัวคุณ คุณจงฝึกวรยุทธตามหนังสือเล่มนี้ ไม่เกินครึ่งเดือน อาการบาดเจ็บของแขนขวาของคุณก็จะหายดี”

จางเซวียนไม่รอให้ทุกคนเรียกสติกลับมา เขาหยิบหนังสือขึ้นมาอีกหลายเล่ม

“หยวนเทา พลังการป้องกันของคุณดีมาก ครั้งก่อนผมสอนวิชาขั้นพื้นฐานให้กับคุณ หนังสือเล่มนี้จะทำให้พลังการป้องกันของคุณเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหวังหยิ่งกับเจิ้งหยาง ผมก็ได้วิเคราะห์และเรียบเรียงหนังสือตามสภาพร่างกายของคุณทั้งสองไว้แล้ว พวกคุณจงฝึกวรยุทธตามที่หนังสือได้บอกไว้ ฝีมือของพวกคุณจะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า”

ในเมื่อทุกคนล้วนเป็นศิษย์ของเขา ดังนั้น เขาจึงจะต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม นักเรียนทุกคนล้วนมีหนังสือคนละเล่ม

วิชาเหล่านี้เป็นวิชาที่ถูกเรียบเรียงขึ้นโดยหอสมุดเทียบฟ้า เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อเหล่านักเรียนอย่างหวังหยิ่งและหลิวหยางโดยเฉพาะ แม้จะยังคงมีจุดบกพร่อง แต่จุดบกพร่องที่ว่าเป็นเพียงจุดเล็กจุดน้อยเท่านั้น

“วิชาทั้งหมดนี่…”

“เป็นวิชาที่ร้ายกาจจริงๆ”

ไม่ว่าจะเป็นหวังหยิ่ง หลิวหยาง หรือว่าเจิ้งหยาง ทุกคนล้วนรู้จักวิชาต่างๆ ที่ตนเองฝึกเป็นอย่างดี หนังสือที่ไม่มีชื่อพวกนี้ เพียงแค่อ่านไปไม่กี่นาที ก็สามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้

เรียกว่าเป็นวิชาที่เหมาะกับสภาพร่างกายของพวกเขาอย่างมาก ระดับของวิชาก็สูงเสียจนเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับวิชาที่พวกเขาเคยฝึกมาก่อน วิชาที่เคยฝึกเทียบกับวิชาที่จางเซวียนเขียนขึ้นมาไม่ได้เลย

“อาจารย์ค่ะ หนังสือเหล่านี้… พวกเราสามารถตั้งชื่อเองได้เหรอคะ” หวังหยิ่งอดจะถามไม่ได้

“ได้ซิ พวกคุณตั้งชื่อเองได้เลย” จางเซวียนสะบัดมือ

เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน ทุกคนต่างรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แค่เขียนหนังสือเล่มหนึ่งได้ก็เก่งสุดๆ แล้ว นี่เขียนถึง 5 เล่มและแต่ละเล่มก็เขียนขึ้นตามลักษณะเฉพาะของผู้อ่านแต่ละคน แล้วยังให้ผู้อ่านตั้งชื่อหนังสือเองอีก… ทั้งความสามารถและความใจกว้างแบบนี้เรียกได้ว่าทั่วทั้งโรงเรียนหงเทียนคงไม่มีใครเทียบ

ต่อให้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมากเพียงใด จะเข้าใจในวิชากระจ่างแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงและเขียนนานพอสมควร อย่างน้อยเมื่อคืนก็ต้องไม่ได้นอน

ดวงตาของนักเรียนทุกคนแดงกล่ำ

ความเมตตากรุณาของอาจารย์ในครั้งนี้ มันยากที่จะตอบแทนจริงๆ

“ขอบพระคุณอาจารย์”

นักเรียนทั้ง 5 คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกันแล้วมองไปที่จางเซวียนด้วยสายตาสุดจะเลื่อมใส “อาจารย์จางวางใจได้ วิชาเหล่านี้ พวกเราจะไม่มีทางเปิดเผยให้คนอื่นรู้เป็นอันขาด หากใครเปิดเผยออกไป คนๆ นั้นจะยอมรับโทษอย่างไม่มีข้ออ้างใดๆ”

“ไม่เปิดเผยออกไปเหรอ ก็ดีเหมือนกัน” วิชาเหล่านี้เป็นวิชาที่เรียบเรียงขึ้นโดยหอสมุดเทียบฟ้า เทียบไม่ได้เลยกับเคล็ดวิชาเทียบฟ้าที่เขาฝึก

ที่จริงจางเซวียนก็ไม่ได้สนใจวิชาพวกนี้มากเป็นพิเศษ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของพวกนักเรียน เขาจึงตอบรับแบบไม่ค่อยใส่ใจ

“นี่ถึงจะเป็นมาดของผู้สูงส่ง” พอนักเรียนทุกคนเห็นท่าทางของจางเซวียนที่ไม่ใส่ใจกับวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นเท่าไหร่ ต่างก็รู้สึกนับถือจางเซวียนอย่างมาก?

อะไรคือปรมาจารย์

ใครที่ควรจะเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง

อะไรคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว

ความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นแต่ไม่หยิ่งยโส ถูกคนอื่นเข้าใจผิดแต่ไม่โกรธ เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นก็ไม่เกรงกลัว ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อสรรพสิ่ง…

สามารถเป็นศิษย์ของอาจารย์แบบนี้ได้ นับว่าโชคดีมากจริงๆ

จางเซวียนไม่รู้เลยว่าในสายตาของนักเรียน ตัวเขาไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นเทพเจ้าที่อยู่สูงเหนือมนุษย์ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจางเซวียนสั่งให้ทุกคนรีบทำการฝึกวรยุทธต่อทันที

การเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ว่าจะต้องคอยจี้ให้นักเรียนฝึกวิชา แต่ต้องสามารถทำให้นักเรียนยอมฝึกวิชาด้วยตนเอง อาจารย์มีหน้าที่เพียงชี้จุดบกพร่องของนักเรียนแล้วพาพวกเขากลับมาสู่จุดที่ถูกต้อง

ในตอนนี้ ทุกคนต่างมีวิชาที่เหมาะกับตัวเอง ฝึกตามตำราไปเรื่อยๆ จะต้องได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างแน่นอน

ใบหน้าที่ขาวสะอาดของเสิ่นปี้หรูเริ่มเกิดความงวยงง พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พฤติกรรมของจางเซวียนเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ทำให้เธออดคิดถึงเขาไม่ได้

เธอเป็นสาวสวยประจำโรงเรียน เป็นสาวในดวงใจของทั้งอาจารย์และนักศึกษาหนุ่ม ทุกวันจะมีอาจารย์และนักเรียนมอบดอกไม้และของขวัญต่างๆ ให้อย่างไม่ขาดสาย แต่เธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ไม่เคยคิดที่จะไปหาอาจารย์หนุ่มคนไหน

แต่… เมื่อคืนจางเซวียนกลับเหมือนกับสิ่งลึกลับที่ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าหา ขนาดวิชาที่ต้องสอนในช่วงเช้า เธอยังไม่มีใจจะสอน

“เราเพียงต้องการจะไปเปิดโปงเขา… ไม่มีจุดประสงค์อื่นจริงๆ” เสิ่นปี้หรูให้คำตอบกับตัวเองแล้วเดินต่อ

พูดถึงอาจารย์จางเซวียน เธอรู้จักเขามานานแล้ว แต่เพราะว่าเมื่อก่อนเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกับเขามากนัก เธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรของเขา แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของเขาจากปากคนอื่นมาโดยตลอด นั้นก็คือ ห่วย ห่วย แล้วก็ห่วย

นับเป็นอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียน

เมื่อก่อนเธอก็คิดกับเขาเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป

แค่พลิกหน้าหนังสือก็สามารถจำเนื้อหาทั้งหมดในนั้นได้ สอบได้ศูนย์คะแนนแท้ๆ แต่กลับสามารถอธิบายถึงคำตอบของคำถามในข้อสอบได้อย่างดี แค่กินข้าวมื้อเดียวก็รู้ได้ว่าเขาเป็นนักชิมอาหารที่เก่งกาจ ทั้งยังสามารถทำให้ราชสีห์อวตารเชื่อฟังได้โดยง่าย

เสิ่นปี้หรูทีแรกก็คิดว่าจางเซวียนเป็นเพียงอาจารย์ที่แย่ที่สุดในโรงเรียน ตอนนี้เธอกลับงวยงงไปหมด เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจางเซวียนเป็นใครแล้วทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

“ไม่คิดเองแล้ว วันนี้อย่างไรก็ต้องถามให้รู้เรื่อง…” เสิ่นปี้หรูเงยหน้าขึ้นก็พบว่าตนเองได้เดินมาถึงห้องเรียนของจางเซวียนแล้ว ตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปก็พบกับคนที่แต่งตัวเหมือนกับมัมมี่ยืนอยู่

เหยาฮั่นเองก็งวยงงเหมือนกัน เมื่อวานเขามาอาละวาดในห้องเรียน กลับไปก็ถูกนายหญิงน้อยด่าซะเกือบจะเสียคน

ตอนดึกกลับบ้านไปยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

สาเหตุของเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากเจ้าจางเซวียนคนเดียว

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านั่นทำเรื่องผิดฟ้า ผิดดิน กับนายหญิงน้อย นายหญิงน้อยจะต้องไม่ยอมตอบรับเป็นนักเรียนของมันพร้อมกับใบหน้าที่ขัดเขินหรอก แล้วกลางดึกตนอยู่ดีๆ กลับมาถูกเล่นงานเข้าอีก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

ตอนนี้ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร นายหญิงน้อยก็ไม่ยอมฟัง ตัวเขาเองอันที่จริงก็อยากจะกลับไปรายงานให้ท่านเจ้าเมืองฟัง อยากจะให้ท่านเจ้าเมืองช่วยออกหน้าแก้ไขปัญหา แต่ระยะทางที่จะไปเมืองไป๋หยูนั้นไกลมาก ต่อให้เป็นม้าฝีเท้าดีก็ต้องใช้เวลาเดินทางหลายสิบวัน ถ้าตนไปแล้ว ในช่วงระหว่างนั้นเจ้านั่นมาทำก้อร่อก้อติกกับนายหญิงน้อยอีกจะทำอย่างไร? ต่อให้ตนต้องตายก็ไม่สามารถรับผิดชอบต่อความผิดนี้

“ทำอย่างไรดี ถ้าตอนนี้บุกเข้าไป นายหญิงน้อยต้องโกรธแน่ ถ้าไม่บุกเข้าไป นายหญิงน้อยก็จะถูกลวนลามอีก…” เหยาฮั่นยืนอยู่หน้าห้องเรียนของจางเซวียนเกือบครึ่งวัน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“คุณเป็นใครเหรอคะ” ขณะที่เหยาฮั่นกำลังรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เขาก็ได้ยินเสียงอันไพเราะดังขึ้นจากด้านหลัง เขามองไปที่ต้นเสียง พบว่ามีหญิงสาวหน้าตางดงามยืนมองตนอยู่

สาวสวยคนนี้น่าจะอายุราวๆ 20 เธออยู่ในชุดสีม่วงอ่อน มองแล้วทรงเสน่ห์อย่างมาก ผิวที่ขาวนวลเหมือนน้ำนมของเธอดูผุดผ่องล้ำค่าเสียเหลือเกิน

“ผมเป็นใคร เรื่องนี้ผมคงไม่มีความจำเป็นที่จะบอกให้คุณผู้หญิงรู้” เหยาฮั่นก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เมื่อครู่รู้สึกช็อกเล็กน้อยแต่ก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

แค่หญิงสาวคนหนึ่ง ตัวเขาเป็นถึงพ่อบ้านประจำจวนของเจ้าเมืองไป๋หยู ไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของเธอนี่นา

ที่สำคัญ ตัวเองถูกเล่นงานซะขนาดนี้ แล้วยังจะมีหน้าไปบอกใครว่าตนเป็นใครมาจากไหนอีกเหรอ…

“ไม่บอกเหรอคะ แล้วคุณปิดหน้าปิดตามาทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ”

เสิ่นปี้หรูขมวดคิ้ว ในใจนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หรือว่าเจ้านี่จะเป็น… คนที่ซั่งปิงใช้ให้มาจัดการกับจางเซวียน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!