Skip to content

Library Of Heaven’s Path 65

ตอนที่ 65 แค่สิบเองเหรอ

“ถูกต้อง ถ้าจะทดสอบความสามารถของอาจารย์คนหนึ่ง มาตรฐานการทดสอบก็คือค่าของความเชื่อมั่นที่ศิษย์ของเขามีต่อเขา ซึ่งจะต้องสูงกว่า 60 จุด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ” ผู้เฒ่าโม่เสียงพยักหน้า

“60 จุดเลยเหรอ…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกตะลึง “ค่าความเชื่อมั่นที่สูงขนาดนี้ มันเป็นค่าความเชื่อมั่นที่ลูกมีต่อพ่อแม่เลยนะ” พ่อแม่กินอยู่กับลูกตั้งแต่เด็กจนโต ค่าของความเชื่อมั่นของลูกที่มีต่อพ่อแม่ยังมีเพียงราวๆ 60 จุด ถ้าจะคาดหวังให้ค่าความเชื่อมั่นของศิษย์ที่มีต่ออาจารย์สูงขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

มิน่าเล่า ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเซวียนยังไม่เคยปรากฏว่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนไหน จะผ่านการทดสอบค่าความเชื่อมั่นเลย มาตรฐานของการทดสอบแบบนี้มันสูงเกินไป

“แต่ลู่ฉวินและหวังเชาที่เป็นอาจารย์ระดับสูงของโรงเรียนคุณก็ทำออกมาได้ดีนะ… ไม่แน่ว่าอีก 30 ปี พวกเขาอาจจะกลายเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ก็เป็นได้” ผู้เฒ่าโม่เสียงลูบเคราไปมา

คนที่เป็นถึงระดับปรมาจารย์นั้น ส่วนใหญ่จะมีผู้ช่วยประจำตัวคอยช่วยจัดการกับเรื่องต่างๆ หากอาจารย์คนหนึ่งต้องการจะก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ อาจารย์คนนั้นก็ต้องผ่านการเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์เสียก่อน

“ผู้ช่วยปรมาจารย์รึ?” เมื่อผู้เฒ่าซั่งเฉินได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าโม่เสียงก็แทบช็อก ความสามารถของคนระดับลู่ฉวินและหวังเชายังเป็นได้แค่ผู้ช่วยปรมาจารย์ ซึ่งหมายความว่าตัวเขาเองอาจจะเป็นอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

“แล้วค่าความเชื่อมั่นของศิษย์ของเขา ที่มีต่อเขามันสูงขนาดไหนเหรอครับ…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินถามขึ้นทันที

“ที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสอง ได้รับความนิยมชมชอบจากศิษย์เป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว ค่าความเชื่อมั่นของพวกเขาน่าจะอยู่ที่ 40 จุด แต่ถ้าจะให้สูงกว่านี้อีก ก็น่าจะยากอยู่พอตัว” ผู้เฒ่าโม่เสียงส่ายหัว

โม่เสียงเป็นผู้เฒ่าประจำสมาพันธ์คณาจารย์ เขาจึงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์จำนวนมาก

“เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าซั่งเฉินพยักหน้า การจะให้ใครสักคนเชื่อมั่นในคนอื่น ไม่ใช่เรื่องง่าย หากเกิดปัญหาขึ้นเพียงเล็กน้อย ความเชื่อมั่นของคนแรกที่มีต่อคนอีกคนก็จะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างนี้ การเป็นปรมาจารย์จึงเป็นเรื่องที่ยากและก็เป็นที่เคารพอย่างมากของคนธรรมดาทั่วไป

“ผมได้ยินมาว่า… ที่สมาพันธ์มีอาจารย์สาวอัจฉริยะคนหนึ่ง ปีนี้อายุได้เพียง 18-19 แต่ได้เป็นถึงผู้ช่วยปรมาจารย์ระดับล่างแล้ว เรื่องนี้จริงไหม” ผู้เฒ่าซั่งเฉินนึกถึงเรื่องนี้ได้จึงถามต่อ

“เธอเป็นลูกสาวของประธานสมาพันธ์ของพวกเราเอง แล้วก็เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง” เมื่อผู้เฒ่าโม่เสียงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซั่งเฉิน เข้าก็พยักหน้าแล้วตอบด้วยความเลื่อมใส

ผู้ช่วยปรมาจารย์แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่สูง กลาง และล่าง คนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบได้เป็นถึงผู้ช่วยปรมาจารย์ แม้ว่าจะได้เป็นแค่ระดับล่าง มันก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่น่าเชื่อ

“สุดยอดมาก” ผู้เฒ่าซั่งเฉินได้ยินผู้เฒ่าโม่เสียงตอบรับก็รู้สึกชื่นชมเธอคนนั้นตามไปด้วย แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นหัวหน้าสำนักงานการศึกษา แล้วก็เป็นอาจารย์ระดับสูง แต่เขาเองก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ระดับล่างได้เสียด้วยซ้ำ

พอผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดจบก็หันไปมองที่จางเซวียนและเฉาฉง

“ผู้เฒ่าโม่ คุณว่าอาจารย์สองคนนี้น่าจะได้ค่าความเชื่อมั่นสักเท่าไหร่กัน”

“คุณ… ฉันว่าคุณรีบหนีไปจากโรงเรียนหงเทียนแห่งนี้ดีกว่า ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก…” เสิ่นปี้หรูเห็นจางเซวียนกำลังนั่งรอผลของการทดสอบอยู่ เธอจึงกระซิบกับเขาเบาๆ ตามความเข้าใจของเสิ่นปี้หรู จางเซวียนและซั่งปิงเป็นคนที่อยู่กันคนละโลก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ทั้งสองก็คงไม่มาทะเลาะกันแบบนี้

ตอนนี้เหตุการณ์ได้ลุกลามบานปลายไปใหญ่แล้ว หากจางเซวียนถูกลงโบยตี 100 ทีด้วยกระบองสยบเทพแล้วถูกเพิกถอนสิทธิของความเป็นอาจารย์จริง ตัวเธอเองก็คงรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

“คิดจะหนีตอนนี้ก็สายไปแล้ว” ซั่งปิงเห็นนางในฝันของตนทำท่าเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายคนอื่นจึงพูดออกมาด้วยความโกรธ ผมถูกเล่นงานซะเละแบบนี้คุณยังไม่สนใจ แต่กลับไปสนใจอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนแบบมัน น่าโมโหจริงๆ

ใบหน้าของซั่งปิงดูโกรธจัด เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด

“ถูกต้อง การทดสอบความประสงค์ของนักเรียนก็เริ่มขึ้นแล้วคิดจะหนีเหรอ ฝันไปรึเปล่า” เฉาฉงเดินมาสมทบกับซั่งปิงพร้อมกับพูดจาจิกกัดจางเซวียน “เดี๋ยวก็รู้ผลแล้ว แล้วแกจะรู้ว่าการที่แกตัดสินใจมาทดสอบความประสงค์ของนักเรียนแบบนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์”

“แล้วคุณมั่นใจมากเลยเหรอว่าคุณจะชนะผมแน่ๆ น่ะ” เมื่อจางเซวียนเห็นท่าทางของเฉาฉงที่ทำเหมือนกับว่าตัวเองจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน เขาได้แต่ส่ายหัวไปมา พูดไปแล้วมองไปยังซั่งปิง

“หึ… บอกแกตามตรงเลยแล้วกัน หลิวหยางนะ เป็นเด็กที่ฉันรับเข้ามาเป็นศิษย์เป็นพิเศษ ฉันกับเขารู้จักกันมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อฉันต้องมากกว่ายี่สิบจุดอยู่แล้ว ส่วนแก ฉันว่าได้สัก 10 จุดก็บุญเหลือเกิน หรือไม่ก็อาจจะได้ค่าที่ติดลบเลยก็ได้” เฉาฉงยิ้มแล้วพูดต่อทันที

ศูนย์จุด… หมายถึงไม่มีความเชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย

ค่าติดลบ… แสดงถึงการมีความรู้สึกรังเกียจ ยิ่งตัวเลขของค่าที่ติดลบมากขึ้นเท่าใด ความรู้สึกรังเกียจก็มากขึ้นเท่านั้น

เมื่อวานซืนตอนที่หลิวหยางไปจากเฉาฉง ทั้งท่าทางและสายตาที่หลิวหยางแสดงออกมาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่อยากไปจากเฉาฉง แล้วอาจารย์ที่ห่วยแตกสุดๆ ซ้ำยังเคยสอนศิษย์ธาตุไฟเข้าแทรกอย่างจางเซวียนจะทำให้เด็กที่มีนิสัยทะนงตนอย่างหลิวหยางเลื่อมใสและเชื่อมั่นได้อย่างไร

ณ ตอนนี้คาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลิวหยางกับจางเซวียนน่าจะแย่แบบสุดๆ ไม่รู้ว่าหลิวหยางจะรำคาญและเกลียดชังจางเซวียนมากขนาดไหน

“โรงเรียนหงเทียนเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียน การที่ศิษย์มีความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์น้อยกว่า 10 จุด… เรื่องนี้ถ้าให้คนอื่นมารู้เข้าจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกที่ถูกเล่ากันให้หนาหูไปทั่วแน่” ซั่งปิงหัวเราะอย่างสะใจ “ใช่สิ ลืมไปเลย ชื่อเสียงของแกมันก็เน่าเหม็นอยู่แล้วนี่ จะเน่าเหม็นกว่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก…”

“พอทีพวกคุณ…” เสิ่นปี้หรูเห็นซั่งปิงและเฉาฉงรุมต่อว่าจางเซวียนอย่างหนัก เธอรู้สึกโกรธจึงคิดจะต่อว่าพวกเขาทั้งสองกลับ แต่จางเซวียนที่ถูกต่อว่าอยู่นั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของทั้งสอง คนนั้นเลยสักนิด

จริงๆ แล้วจางเซวียนไม่ได้สนใจกับคำพูดของซั่งปิงและเฉาฉง ตอนนี้ทั้งคู่ยังปากดีได้ แต่พอผลการทดสอบออกมา ดูซิว่าอาการของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร…

“ค่าความเชื่อมั่นของพวกเขาทั้งสอง อย่างนั้นเหรอ” ผู้เฒ่าโม่เสียงได้ยินคำถามของผู้เฒ่าซั่งเฉินก็หยุดคิดสักพักแล้วก็ตอบกลับไป “หลิวหยางเป็นนักเรียนที่เฉาฉงเป็นคนรับเข้ามาตั้งแต่แรก

ดังนั้น ค่าความเชื่อมั่นของหลิวหยางที่มีต่อเฉาฉงน่าจะสูงพอตัว น่าจะอยู่ที่ราว 18-20 จุด ส่วนของจางเซวียน… ถ้าเกิดเขาบังคับหลิวหยางจริง ค่าความเชื่อมั่นที่หลิวหยางมีต่อเขาน่าจะติดลบ”

“ค่าความเชื่อมั่นติดลบรึ งั้นชื่อเสียงของโรงเรียนหงเทียนจะต้องเสื่อมเสียแน่นอน เรื่องนี้ยังไงก็ขอให้ท่านช่วยจัดการให้ด้วยแล้วกัน” ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูด

“มันแน่นอนอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าโม่เสียงตอบทันที “ในฐานะของการเป็นผู้เฒ่าประจำสมาพันธ์คณาจารย์ ผมไม่ยอมให้เรื่องที่น่าอับอายแบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” ถ้าค่าความเชื่อมั่นเป็นตัวเลขติดลบ ก็แสดงว่าจางเซวียนได้บังคับหลิวหยางจริง ผมจะรายงานต่อสมาพันธ์และจะเพิกถอนสิทธิการเป็นอาจารย์ของเขาอย่างไม่รีรอ”

พอได้ยินคำสัญญาของผู้เฒ่าโม่เสียง ผู้เฒ่าซั่งเฉินก็ยิ้มออก เขาหันไปมองตัวเลขของการวัดค่าความเชื่อมั่น “เอาละ มาดูกันเลย ตัวเลขกำลังจะออกแล้ว”

เมื่อบทสนทนาจบ ลูกแก้วคริสตัลที่เปล่งประกายแสงและสั่นไปมาตั้งแต่เมื่อกี้ก็เริ่มสงบลง

ผู้ที่ถูกทดสอบความเชื่อมั่นจะถูกดูดกลืนเข้าไปให้ห้วงแห่งความฝันเพื่อทำการทดสอบความคิดที่อยู่ในใจของเขาจริงๆ ตอนนี้แสงที่เปล่งออกมาจากลูกแก้วคริสตัลเริ่มหมดลงแล้ว แสดงว่าการทดสอบได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ และค่าความเชื่อมั่นก็กำลังจะถูกแสดงผลออกมา

ลูกแก้วคริสตัลด้านซ้ายสั่นขึ้นลงน้อย แล้วก็มีตัวเลขปรากฏขึ้น

“ผลออกมาแล้ว แกแย่แน่…” เฉาฉงเห็นว่าบนผิวของลูกแก้วคริสตัลเริ่มปรากฏตัวเลขขึ้นก็รู้สึกดีใจทันที

คราวนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถรับหลิวหยางกลับมาเป็นศิษย์ของตนเองได้อีกครั้ง เขายังสามารถไล่จางเซวียนออกจากโรงเรียนได้

ก็เท่ากับว่าสามารถทำให้ซั่งปิงพอใจ แบบนี้เบื้องหลังเขาก็จะมีเสาหินที่แข็งแกร่งคอยค้ำจุน วันหลังจะทำอะไรในโรงเรียนก็จะไม่ลำบากแล้ว

หากเป็นแบบนี้ ในไม่ช้า เขาจะต้องได้เลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ระดับสูงแน่นอน

ขณะที่เฉาฉงกำลังรู้สึกดีใจแบบสุดๆ อยู่นั้น ลูกแก้วคริสตัลก็หยุดสั่น แล้วตัวเลขก็ปรากฏขึ้นบนผิวของลูกแก้ว

“ค่าความเชื่อมั่นที่หลิวหยางมีต่อผมต้องสูงกว่า 20 จุดอย่างแน่นอน…”

เมื่อเฉาฉงเห็นตัวเลขที่ปรากฏขึ้นบนลูกแก้วคริสตัลก็ถึงกับช็อกไป เขาพูดอะไรไม่ออกเหมือนถูกบีบคออย่างแรง แทบจะล้มตัวลงกับพื้น “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร”

ตัวเลขที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทำให้ตัวเขาแทบจะเป็นบ้า

มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

หลิวหยางเป็นนักเรียนที่เขารับเข้ามาเองกับมือ ทั้งสองรู้จักกันมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วทำไมค่าความเชื่อมั่นของ

หลิวหยางที่มีต่อเขาถึงได้เป็นแบบนี้

ตัวเลข 10 ที่ปรากฏขึ้นบนลูกแก้วคริสตัลทำให้หัวใจของเฉาฉงแทบจะหยุดเต้น

ค่าความเชื่อมั่นที่หลิวหยางมีต่อเขามีอยู่เพียง 10 จุดเท่านั้นเองเหรอ

ต่ำกว่า 10 จุดหมายถึงการไม่เชื่อมั่น ถึงแม้จะได้ 10 จุด มันก็มีค่าพอๆ กัน

เมื่อกี้เฉาฉงเพิ่งจะชมตัวเองอยู่หยกๆ หาว่าตนเองจะต้องได้เกิน 20 จุดอย่างแน่นอน แต่ผลกลับออกมาเป็นแบบนี้ เฉาฉงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง

“นี่คือที่มาของความมั่นใจของคุณเหรอ”

“ผม…” เฉาฉงช็อกจนแทบจะเป็นลม

ผมอุตส่าห์พาคุณมาจากที่ที่ไกลแสนไกล แล้วก็อยู่กับคุณมา

ตั้งนาน แล้วทำไมความเชื่อมั่นของคุณที่มีต่อผมถึงได้น้อยแบบนี้… นี่คุณเป็นอะไรไปรึ?

เฉาฉงมองไปที่หลิวหยาง เขารู้สึกหดหู่จนแทบจะฆ่าตัวตาย

ความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อผมมันหายไปไหนหมด

ความเชื่อมั่นที่ศิษย์อาจารย์เขามีให้กัน… มันอยู่ที่ไหน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!