ตอนที่ 67 คนตระกูลหวังมาแล้ว
ความนับถือจากใจแบบนี้เกิดขึ้นจากใจจริง ไม่สามารถเสแสร้งได้
สายตาที่เลื่อมใสในตัวของอาจารย์ที่มองดูแล้วสุดแสนจะบริสุทธิ์แบบนี้ เป็นความเลื่อมใสจากใจจริงแน่นอน ผู้เฒ่าโม่เสียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่าหลิวหยางนับถือและเลื่อมใสจางเซวียน ลูกแก้วคริสตัลไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
“หุบปาก!” เมื่อรู้แบบนี้แล้วผู้เฒ่าโม่เสียงจึงมองซั่งปิงและเฉาฉงด้วยสายตาเย็นชา “หินถามใจสามารถทดสอบความประสงค์ที่อยู่ในใจของคนๆ หนึ่งได้ ความยุติธรรมของผลการทดสอบเป็นที่ประจักษ์กันไปทั่ว ไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน หินถามใจก้อนนี้ไม่มีทางเสียอย่างแน่นอน ถ้ายังจะมาพูดจาส่งเดชอีก ผมจะไล่พวกคุณออกจากโรงเรียนแห่งนี้ทันที”
“ผม…” เมื่อซั่งปิงและเฉาฉงเห็นว่าผู้เฒ่าโม่เสียงโกรธจัดก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
“คุณ… คุณทำได้อย่างไรกัน” เสิ่นปี้หรูที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นตัวเลขค่าความเชื่อมั่นก็ตกใจไปเหมือนกัน
ค่าความเชื่อมั่น 64 จุด ต่อให้เป็นอาจารย์ระดับสูงของโรงเรียนหงเทียนที่เคยสอนนักเรียนมาเป็นเวลานานก็ไม่สามารถได้รับความเชื่อมั่นจากศิษย์มากขนาดนี้ ชายหนุ่มคนนี้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาตั้งแต่เมื่อวาน คิดไม่ถึงว่า วันนี้เขาจะทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
มิน่าเล่า เขาถึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับการทดสอบครั้งนี้เลย ที่จริงเขาก็รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่แรกแล้ว
“ในเมื่อผมเป็นฝ่ายชนะ งั้นพวกเราก็มาทำตามที่พวกเราตกลงกันไว้ดีกว่า เพิกถอนสิทธิของความเป็นอาจารย์ของอาจารย์เฉาซะ แล้วโบยด้วยกระบองสยบเทพอีก 100 ที” จางเซวียนมองไปที่ผู้เฒ่าโม่เสียง
ในเมื่องคิดจะมาเล่นงานคนอื่น ก็ต้องเตรียมใจถูกสั่งสอนด้วยบทลงโทษจากสิ่งที่ตนเองตั้งขึ้นด้วยสิ จางเซวียนเป็นคนยุคใหม่ที่ทันสมัย แล้วเขาจะยอมให้คนยุคเก่าอย่างเฉาฉงมารังแกแบบนี้ได้อย่างไร
“คือว่า…” ใบหน้าของผู้เฒ่าซั่งเฉินเริ่มบูดบึ้ง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่เขาจัดทำขึ้นเพื่อแก้แค้นให้กับหลานชาย สุดท้ายช่วยแก้แค้นไม่ได้ กลับถูกจางเซวียนแก้เกมกลับ เขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย
ผู้เฒ่าซั่งเฉินคิดสักพักก็พูดขึ้น “การทำบุญทำทานเป็นเรื่องที่ดี อาจารย์จาง ในเมื่อคุณเองก็ชนะแล้ว เดี๋ยวผมจะให้อาจารย์เฉาเขามาขอโทษคุณ ส่วนเรื่องการลงโทษอะไรนั้น ก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ”
“ให้มันแล้วไปอย่างนั้นรึ ถ้าผมเป็นฝ่ายแพ้ คาดว่าผู้เฒ่าซั่งเฉินคงจะไม่พูดแบบนี้แน่นอน” จางเซวียนขมวดคิ้ว ถ้าผู้แพ้ในวันนี้คือเขา ชัดเจนว่าผู้เฒ่าซั่งเฉินคนนี้จะต้องเล่นงานเขาอย่างหนัก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ไล่เขาออก แต่ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ ผู้เฒ่าซั่งเฉินกลับมาบอกว่าให้เลิกแล้วกันไป… จะโลกสวยไปรึเปล่า
“บังอาจ!” ใบหน้าของผู้เฒ่าซั่งเฉินเริ่มเคร่งเครียดอีกครั้ง “จะพูดอะไรอย่าลืมดูฐานะตัวเองด้วย เป็นแค่อาจารย์ระดับปลายแถว ไม่รู้ทำไมถึงได้โชคดีขนาดทำให้ค่าความเชื่อมั่นของศิษย์เพิ่มสูงขึ้นได้ นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญ ถ้าเก่งจริงก็ทำให้ฝีมือของพวกเขาทุกคนดีขึ้นแล้วคอยมาพูด ได้ความเชื่อมั่นจากศิษย์เพียงคนเดียว จะเก่งอะไรตรงไหนกัน”
“ถูกต้อง เจ้าจางเซวียนคนนี้มีมนต์ดำติดตัวมาด้วยกระมัง ค่าความเชื่อมั่นสูงแล้วมีประโยชน์อะไร ถ้าฉันเดาไม่ผิด ศิษย์คนเก่าของแกที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกก็คงจะเชื่อมั่นในตัวแกมากเกินไปจนกลายเป็นแบบนั้น ทำให้กลายเป็นบาดแผลในใจตลอดชาติ” เฉาฉงได้ยินเสียงตวาดของผู้เฒ่าซั่งเฉินจึงได้สติกลับมา เขาสมทบกับผู้เฒ่าซั่งเฉินแล้วต่อว่าจางเซวียนทันที
ค่าความเชื่อมั่นเป็นเพียงมาตรฐานที่ใช้วัดขีดความสามารถของอาจารย์คนหนึ่งๆ มันไม่สามารถบอกได้ถึงความสามารถที่แท้จริงของอาจารย์คนนั้น การแสดงถึงความสามารถของอาจารย์คนหนึ่งก็คือการทำให้วรยุทธของศิษย์ได้รับการพัฒนาต่างหากล่ะ
ทำให้ศิษย์เชื่อมั่นในตัวเองเหมือนกับเชื่อมั่นในตัวบิดามารดา แล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่สามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับศิษย์ได้ อย่างไรก็เป็นอาจารย์ที่ไร้ความสามารถอยู่วันยังค่ำ
“ธาตุไฟเข้าแทรกเลยหรือครับ” ผู้เฒ่าโม่เสียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“ท่านผู้เฒ่าโม่เสียงอาจจะยังไม่รู้เรื่อง จางเซวียนเคยสอนศิษย์ของเขาจนธาตุไฟเข้าแทรก เพราะเรื่องนี้ ทำให้ไม่มีนักเรียนคนไหนยอมมาเป็นศิษย์ของเขาอีก เลยทำให้ผลสอบประเมินผลของเขาเป็นศูนย์” เฉาฉงพูดด้วยใบหน้าที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์ “เมื่อกี้หลิวหยางเชื่อมั่นในตัวเขามากขนาดนี้ ผมคิดว่าเขาต้องใช้มนต์ดำอะไรสักอย่างกับหลิวหยางอย่างแน่นอน ไม่งั้นอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนอย่างเขาจะทำให้ศิษย์ที่เพิ่งรู้จักเพียงสองวัน มีความเชื่อมั่นในตัวเขาเกิน 60 จุดได้อย่างไรกันครับ”
“มันก็…” ที่เฉาฉงพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุ
เมื่อก่อนเคยมีอาจารย์คนหนึ่งถึงกับใช้มนต์ดำกับศิษย์ของตัวเองเพื่อสอบเป็นอาจารย์ระดับสูง มนต์ดำที่ใช้มีฤทธิ์คล้ายกับยานอนหลับหรือยาชา ทำให้สติสัมปชัญญะของศิษย์ผู้นั้นเกิดความผิดพลาด ไม่ว่าอาจารย์คนนั้นจะทำออะไร ศิษย์ก็จะเชื่อมั่นในตัวอาจารย์แล้วคล้อยตามไปเสียหมด
วิธีแบบนี้จะมีผลเพียงช่วยขณะ พอมนต์ดำหมดฤทธิ์ เนื้อเยื่อส่วนใหญ่ในสมองของนักเรียนคนนั้นจะถูกทำลาย
หรือว่า… เจ้าจางเซวียนก็ใช้วิชามนต์ดำแบบนี้เหมือนกัน
ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็แสดงว่าจางเซวียนไม่ได้สนใจถึงความปลอดภัยของตัวนักเรียนเลย เขาไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ที่สุดจะแย่ แต่ยังเป็นฆาตกรอีกด้วย
“การเป็นอาจารย์จะต้องคำนึงถึงเรื่องการศึกษาเป็นหลักจึงจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักเรียน แต่ไม่มีความรู้จะถ่ายทอดให้กับศิษย์ แบบนี้ก็จะเป็นการทำให้ศิษย์เสียเวลาไปเปล่าๆ เพราะอย่างนั้น นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนจึงไม่มีใครต้องการจะเป็นศิษย์ของเขา ไม่เชื่อมั่นในตัวเขา แม้ว่าภาคเรียนนี้จะดีกว่าภาคเรียนอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็มีศิษย์เพียงแค่ 5 คนเท่านั้นยอมสมัครกับเขา” ซั่งปิงพูดแทรกแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น
“มีศิษย์เพียงแค่ 5 คน เป็นตัวเลขที่น้อยเกินไปจริงๆ” ผู้เฒ่าโม่เสียงพยักหน้า
“ผมมีศิษย์น้อยแล้วทำไม ไม่ต้องสนใจว่าผมสอนเก่งไหม ที่นี่คือเจดีย์แห่งความประสงค์ ผมพาศิษย์ของผมมาเพื่อทดสอบความประสงค์ของเขา มีการเดิมพันกัน แล้วผมเป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายแพ้ย่อมต้องถูกลงโทษ ทำไม… คิดจะโกงกันหรือไง”
จางเซวียนท้วงติง
จะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ ฝ่ายแพ้ย่อมต้องถูกลงโทษ
“บังอาจ สิทธิของความเป็นอาจารย์จะมาถูกเพิกถอนง่ายๆ เพราะการเดิมพันได้อย่างไร แบบนี้ก็กลายเป็นการเล่นเกมแบบเด็กๆ แล้วสิ นับตั้งแต่ปีที่แล้วที่อาจารย์เฉาเข้ามาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนของเรา เขาได้สร้างผลงานอันโดดเด่นเต็มไปหมด เขาสอนจนศิษย์คนหนึ่งได้เป็นนักรบระดับสอง ขั้นกลางได้ ทำให้มีนักเรียนจำนวนมากย้ายมาเรียนที่โรงเรียนของเรา ต่างก็อยากจะมาเป็นศิษย์ของเขา ส่วนคุณ อาจารย์คนเดียวในประวัติศาสตร์ร้อยปีของโรงเรียนที่ได้คะแนนสอบประเมินผลเป็นศูนย์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาส่งเดชที่นี่” ผู้เฒ่าซั่งเฉินสะบัดชายเสื้อ
“เอาล่ะ เรื่องการไล่ออก ให้เป็นโมฆะไปก่อน เมื่อไหร่ที่คุณสามารถสอนให้ศิษย์กลายเป็นนักรบระดับสอง ขั้นกลางได้ แล้วสามารถรับศิษย์ได้จำนวนมากๆ แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่”
“ผู้เฒ่าซั่งเฉิน นี่ท่าน…” เสิ่นปี้หรูได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซั่งเฉินก็ขมวดคิ้วทันที
ที่จริงแล้วเธอก็ไม่คิดจะพูดอะไรมาก แต่เธอคาดไม่ถึงว่าซั่งเฉินที่เป็นถึงผู้เฒ่าประจำโรงเรียนจะมาปกป้องคนผิดอย่างเฉาฉงแบบนี้ เธอรู้สึกโมโห
ถ้าไม่เดิมพันก็ไม่เป็นไร แต่ในเมื่อเดิมพันแล้ว พอแพ้ก็ต้องยอมรับสิ
กล้าพอที่จะมาประลอง แต่พอแพ้กลับจะชักดาบ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
“อาจารย์เสิ่น ที่ปู่ของผมพูดน่ะถูกแล้ว ยังไงซะเฉาฉงก็เป็นอาจารย์ที่โด่งดังของโรงเรียนเรา ถ้าต้องมาถูกไล่ออกเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่อง อีกอย่าง การไล่คนเก่งๆ แบบเฉาฉงออก ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป มันจะทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหาย…” ซั่งปิงพูดไปหัวเราะไป
“พูดจาเอาแต่ได้” เสิ่นปี้หรูโกรธจนหน้าแดง “เหมือนกับที่จางเซวียนพูดไว้ไม่มีผิด ถ้าเขาเป็นฝ่ายแพ้ แล้วพวกคุณจะปล่อยเขาไปไหม”
“เจ้านั่นเป็นตัวอะไรกัน จะมาเทียบกับอาจารย์เฉาได้อย่างไร เจ้านั่นสามารถทำให้ศิษย์ของมันเป็นนักรบระดับสองได้ไหมล่ะ มันสามารถดึงดูดให้นักเรียนอื่นๆ เลือกที่จะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนของเราได้ไหมล่ะ…” ซั่งปิงยิ้ม
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของซั่งปิง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”
ผู้เฒ่าซั่งเฉินขมวดคิ้ว ประตูได้ถูกเปิดออกโดยอาจารย์โจว
“ผู้เฒ่าซั่ง ข้างนอกมีคนขอเข้าพบครับ เป็นเจ้าบ้านหวังหงและพ่อบ้านแห่งบ้านตระกูลหวังครับ” อาจารย์โจวรายงาน
“เจ้าบ้านหวังหงเหรอ รีบเชิญเข้ามาเลย” ผู้เฒ่าซั่งเฉินได้ยินว่าเจ้าบ้านหวังหงมาที่นี่ด้วยตัวเองก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความยินดี
อาณาจักรเทียนเซวียนเป็นอาณาจักรที่ค่อนข้างจะวุ่นวาย สามารถขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเทียนเซวียนได้ ความแข็งแกร่งของรากฐานของตระกูลหวังเป็นเช่นไร ไม่ต้องบอกก็รู้
หรืออาจพูดได้ว่า ตำแหน่งของเจ้าบ้านหวังหงเทียบเท่ากับรองอธิการบดีของโรงเรียนหงเทียนเลยก็ว่าได้
คนระดับนี้พาพ่อบ้านมาเยี่ยมคารวะตน นับเป็นเรื่องที่มีเกียรติอย่าง ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป หน้าตาในสังคมของผู้เฒ่าซั่งเฉินต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก