Skip to content

Library Of Heaven’s Path 70

ตอนที่ 70 สงสัย

อะไรนะ!

ไม่รับหรือ นี่พูดจริงรึเปล่า!

ทั้งซั่งปิง เฉาฉง และเสิ่นปี้หรูต่างเอามือกุมหัวตัวเอง พวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังมึนงง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมา

หวังเทาเป็นใคร เขาติดอันดับหนึ่งในสิบของศิษย์อัจฉริยะแห่งโรงเรียนหงเทียนเชียวนะ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์คนไหนก็อยากแย่งตัวเขามาเป็นศิษย์ทั้งนั้น ผู้เฒ่าซั่งเฉินใช้อำนาจของการเป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษาจึงสามารถแย่งตัวหวังเทามาได้…

มีศิษย์อัจฉริยะแบบนี้ บวกกับคำขอร้องของเจ้าบ้านตระกูลหวังอีก… แต่มันดันมาปฏิเสธเอาได้

ซั่งปิงและเฉาฉงต่างก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยจะสะดวก

เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะด่าเจ้าจางเซวียนว่าหาศิษย์ไม่ได้ แต่สุดท้าย… เจ้าบ้านตระกูลหวังกลับพาลูกชายมาสมัครเป็นศิษย์ของจางเซวียนด้วยตัวเองเลย ที่บ้าไปกว่านั้นคือ… จางเซวียนกลับไม่ยอมรับ

“โอ๊ย… หัวใจ โอ๊ย… ตับไตไส้พุงของฉันมันสะเทือนไปหมดแล้ว…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินทำท่าจะกระอักเลือด ตัวของเขาสั่นไปมาเหมือนจะล้ม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันไม่มีเหตุผลเลย

ฉันเป็นถึงผู้เฒ่าประจำโรงเรียน เป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา พวกแกจะมาขอลาออกจากห้องเรียนของฉันแล้วไปสมัครเป็นศิษย์ของอาจารย์ระดับหางแถวก็ไม่เป็นไร แต่เจ้านั่นกลับ…ไม่รับ!

ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกถูกฉีกหน้าเต็มๆ เขาอับอายจนอยากจะมุดดินหนีไปอยู่อีกฟากหนึ่งของโลกแล้วกบดาน

ขายหน้าจริงๆ

ขายหน้าไปทั้งวงศ์ตระกูลเลย

ผู้เฒ่าโม่เสียงที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกช็อกมากเช่นกัน

เมื่อครู่เขาเองก็มองจางเซวียนเปลี่ยนไป มาถึงตอนนี้ เขารู้ทันทีว่าจะต้องประเมินจางเซวียนใหม่อีกครั้ง

“ไม่รับ…” ใบหน้าของหวังหงเริ่มแดงด้วยความอับอาย เขาจึงรีบหันไปมองหน้าหวังเทาทันที

“ท่านอาจารย์จางเซวียนโปรดรับผมไว้ด้วยเถิด” หวังเทารีบก้าวออกมาพร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าจางเซวียนแล้วกล่าวขอร้องด้วยความจริงใจ

แต่ก่อนเขารู้สึกดูถูกจางเซวียน แต่พอมาเห็นว่าจางเซวียนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของน้องสาวจนหายดีได้ และยังทำให้พลังปราณของเธอเพิ่มสูงขึ้น บวกกับการที่เมื่อวานจางเซวียนใช้สองนิ้วรับคมดาบของเขาไว้ได้ ตอนนี้หวังเทาจึงรู้สึกนับถือจางเซวียนจากใจจริง

“ก็บอกว่าไม่รับ” จางเซวียนโบกมือปฏิเสธ

เมื่อศิษย์สามารถเลือกอาจารย์ได้ อาจารย์ก็สามารถเลือกศิษย์ได้เหมือนกัน เจ้าหวังเทาคนนี้ วันก่อนเพิ่งจะบุกเข้ามาในห้องเรียนของเขาอย่างไม่ให้เกียรติ

มิหนำซ้ำยังใช้กำลังกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ คนนิสัยแบบนี้ หากไม่มีผลประโยชน์คงไม่มากราบเขาและอ้อนวอนหรอก แล้วแบบนี้ เขาจะยอมรับหวังเทามาเป็นศิษย์ได้อย่างไร

ขนาดจ้าวหย่าเอง ตอนแรกเธอเพียงแค่เดินมาซักถามจางเซวียนไม่กี่ประโยค ถูกเขาทำโทษให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำ แต่เธอก็ยังทำ

การเป็นอาจารย์ หากไม่มีจุดยืนก็จะถูกศิษย์ดูถูกเอาได้

“ผมรู้ว่าผมเป็นคนวู่วาม เคยเสียมารยาทกับอาจารย์ ขอให้ท่านโปรดอภัยให้ผมด้วย เป็นเพราะผมอายุยังน้อยด้อยปัญญา ไม่รู้จักสัมมาคารวะ ขอท่านได้โปรดอย่าถือสาผมเลย” หวังเทารู้ดีว่าทำไมจางเซวียนถึงตอบปฏิเสธ เขาจึงรีบกล่าวต่อทันที

อาจารย์เป็นผู้สูงส่ง แต่เขากลับคว้าดาบเข้ามาหมายจะมาฟันอาจารย์ อาจารย์ไม่ได้เล่นงานเขากลับก็บุญมากแล้ว ตอนนี้คิดจะมาขอเป็นศิษย์แล้วถูกปฏิเสธ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“ถูกต้อง เมื่อก่อนลูกชายผมไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เลยไปล่วงเกินท่านอาจารย์ ขอท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย…” เจ้าบ้านหวังหงรีบเสริมคำพูดทันที

“ท่านเจ้าบ้านหวังไม่ต้องพูดต่อแล้ว สาเหตุที่เจ้าจางเซวียนไม่ยอมรับหวังเทาเป็นศิษย์ ผมว่าไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้หรอก” ในจังหวะนั้นเอง ก็มีคำพูดที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์แทรกขึ้น

มองไปที่ต้นเสียงก็เห็นเฉาฉง ผู้ที่เพิ่งจะพ่ายแพ้การทดสอบความประสงค์ของศิษย์ไปหยกๆ

ถ้าเป็นเมื่อครู่ อิทธิพลของผู้เฒ่าซั่งเฉินยังพอจะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากการถูกลงโทษได้ หรือสามารถใช้วิธีอื่นๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ตอนนี้ ขนาดเจ้าบ้านตระกูลหวังยังต้องมาขอร้องจางเซวียน เห็นทีว่าบทลงโทษของการแพ้การประลองคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว

ในเมื่อเป็นแบบนี้ มีแต่ตายกับตาย เฉาฉงเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก

“อะไรนะ” เมื่อได้ยินเสียงคนอื่นพูดแทรก หวังหงจึงมีสีหน้าไม่พอใจ

“จางเซวียนคนนี้เป็นเพียงนักรบขั้นสาม แต่คุณชายน้อยหวังเทาเป็นนักรบขั้นสี่ ความสามารถของจางเซวียนยังสู้คุณชายน้อยหวังเทาไม่ได้เลย แล้วเขาจะเอาอะไรไปสอนล่ะ ฮ่าๆๆ ที่เขาไม่ยอมรับคุณชายน้อยเป็นศิษย์ ก็เพราะรู้ตัวว่าตนเองความสามารถไม่พอ” เฉาฉงกล่าวเปิดโปงจางเซวียนด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์

“ถูกต้อง ความสามารถของเขายังเทียบไม่ได้กับคุณชายน้อยเลย แล้วจะรับคุณชายน้อยมาเป็นศิษย์ได้อย่างไร” ซั่งปิงเรียกสติกลับคืนมาได้ก็รีบพูดเสริมทันที

“ขอให้ท่านเจ้าบ้านหวังคิดดูอีกที ลาออกจากห้องเรียนของผมนั้นไม่เป็นไรหรอก แต่จะให้คุณชายน้อยหวังเทาคารวะอาจารย์ที่มีความสามารถด้อยกว่าตัวเอง ผมกลัวว่าจะเกิดปัญญาขึ้นในอนาคตนะ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินกะพริบตาแล้วพูดบ้าง

ถูกต้อง จางเซวียนเป็นแค่นักรบขั้นสาม เรื่องนี้คนทั่วทั้งโรงเรียนก็รู้กันดี คนที่เป็นนักรบขั้นสี่กลับจะไปคารวะแล้วขอให้เขาเป็นอาจารย์ เรื่องแบบนี้แค่คิดก็ตลกแล้ว

“คือ…” ความคิดของเจ้าบ้านหวังหงเกิดสะดุดลงเล็กน้อย

เขาเพียงได้ยินจากปากของหวังหยิ่งว่าจางเซวียนเป็นอาจารย์ที่เก่งกาจ แต่ก็ไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของอีกฝ่ายเลยสักนิด

ส่วนที่หวังเทาเคยลงมือกับจางเซวียน เรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งจะรู้

ถ้าสิ่งที่พวกซั่งปิงพูดเป็นความจริง อาจารย์จางเป็นเพียงนักรบขั้นสาม ความสามารถแค่นี้คงไม่สามารถสอนอะไรให้กับหวังเทาได้ การสอนเคล็ดวิชาต่างๆ ตัวอาจารย์เองต้องเป็นผู้ที่เคยฝึกเคล็ดวิชานั้นแล้วประสบความสำเร็จ ถึงจะสามารถถ่ายทอดวิชาให้แก่ศิษย์ได้ ถ้าตัวอาจารย์เองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปถ่ายทอดอะไรให้กับศิษย์ล่ะ

หลักการง่ายๆ เหมือนข้อสอบข้อหนึ่ง ถ้าตัวอาจารย์เองยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปสอนศิษย์

อาจารย์จะต้องรู้ลึกถึงองค์ความรู้ต่างๆ ก่อนที่จะถ่ายทอดต่อ ไม่อย่างนั้น ถึงจะมีเคล็ดวิชาที่ดีเยี่ยมแค่ไหน ก็จะกลายเป็นเพียงตัวอักษรธรรมดา ไม่สามารถใช้งานอะไรได้เลย

“จางเซวียน ถึงแกคิดจะสอนคุณชายน้อย แต่คนอย่างแกจะมีความสามารถพอรึ ถ้ารู้ว่าไม่มีความสามารถพอก็เลิกทำเป็นอวดเก่งได้แล้ว เป็นแค่นักรบขั้นสาม ถ้าจะหลอกศิษย์ใหม่ก็ยังพอได้ แต่สำหรับศิษย์เก่า แกหลอกพวกเขาไม่ได้หรอก” เฉาฉงเห็นจางเซวียนไม่ตอบโต้ จึงรู้สึกดีใจแล้วพูดโจมตีต่อทันที

“ถูกต้อง ท่านเจ้าบ้านหวัง ที่อาจารย์เฉาพูดมามีเหตุผล ตัวจางเซวียนเองยังไม่สามารถก้าวไปเป็นนักรบขั้นสี่ได้เลย ก็ไม่แปลกที่จะไม่สามารถสอนคุณชายน้อยได้” ผู้เฒ่าซั่งเฉินเรียกความมั่นใจกลับมา เขาพูดไปพร้อมกับลูบเคราไป

“ไม่จริง พวกท่านพูดไม่ถูก” หวังเทาเห็นคนอื่นรุมหัวเราะเยาะจางเซวียนก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เขายืนขึ้นแล้วพูดทันที “ใครบอกว่าความสามารถของอาจารย์จางสู้ผมไม่ได้ เมื่อวานผมเผลอไปลงมือกับอาจารย์จางเข้า ผมฟันดาบลงไปอย่างเต็มกำลัง อาจารย์จางใช้เพียงสองนิ้วก็สามารถรับดาบของผมได้แล้ว ถ้าเขาเป็นเพียงนักรบขั้นสามจริง เขาจะทำแบบนี้ได้อย่างไร”

“ใช้สองนิ้วรับดาบหรือ คุณชายน้อย ถ้าคิดจะให้เกียรติเจ้าจางเซวียน ก็ช่วยพูดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยได้ไหม” เฉาฉงหัวเราะ “คุณเป็นนักรบขั้นสี่ ลมปราณมีความแข็งแกร่งถึงเจ็ดร้อยกิโลกรัม บวกกับความไวและน้ำหนักของดาบ ถ้าคุณฟันลงไปอย่างเต็มแรง ต่อให้เป็นนักรบขั้นหก คิดจะรับดาบของคุณด้วยมือเปล่ายังเป็นเรื่องยาก แล้วจางเซวียนจะใช้แค่นิ้วสองนิ้วเนี่ยนะ… นี่คุณคงไม่ได้จะพูดว่า อาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนของโรงเรียนเรามีความสามารถเท่ากับผู้เฒ่าประจำโรงเรียนใช่ไหม”

แม้ว่าดาบจะมีน้ำหนักเบา แต่ถ้าถูกใช้โดยนักรบขั้นสี่ บวกกับความเร็วในการฟันไปอย่างตรงจุด ก็จะเกิดเป็นพลังมหาศาล ต่อให้เป็นนักรบขั้นหกเองก็ยากที่จะรับมือไหว แล้วหวังเทามาบอกว่าอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนสามารถทำแบบนั้นได้ มันช่างน่าตลกจริงๆ

“ผมเองก็เห็นเหมือนกัน อาจารย์ใช้เพียงสองนิ้วรับดาบจริงๆ” หลิวหยางรีบพูดเสริม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนในห้องเรียนต่างได้เห็นเต็มสองตา การรับดาบด้วยนิ้วสองนิ้ว เป็นเรื่องจริงไม่มีผิดเพี้ยน

ทว่าหลิวหยางมีความเชื่อมั่นในตัวจางเซวียนสูง ถ้าเขาไม่พูดก็ยังดีหน่อย แต่พอเขาพูดออกมา กลับทำให้คนอื่นต่างก็ยิ่งคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหก

“ท่านเจ้าบ้านหวังหง ท่านเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง” ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดขึ้นโดยไม่สนใจในคำพูดของหวังเทาและหลิวหยางแม้แต่น้อย “ท่านว่าคนที่ยังไม่ได้เป็นนักรบขั้นหกจะสามารถรับดาบด้วยสองนิ้วได้ไหมล่ะ”

“คือ…” เจ้าบ้านหวังหงหยุดชะงัก

การใช้สองนิ้วรับดาบของหวังเทาที่เป็นถึงนักรบขั้นสี่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากจางเซวียนจะเป็นนักรบขั้นที่สูงไปกว่านั้น แม้ว่าจางเซวียนจะสามารถสอนความรู้ด้านทฤษฎีได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยอายุของเขา เขาจะเป็นถึงนักรบขั้นหกได้อย่างไร

ตัวหวังหงเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่เกินคาดมากเกินไปจริงๆ

“หวังเทา ผมรู้ว่าคุณอยากจะคารวะจางเซวียนเป็นอาจารย์ จึงจงใจสร้างเรื่องเพื่อทำให้จางเซวียนดูดี แต่ทุกอย่างมันก็ต้องมีขีดจำกัด ถ้าผิดจากความเป็นจริงมากเกินไป… มันก็จะดู ‘ไม่ค่อยดี’ เสียมากกว่า” ผู้เฒ่าซั่งเฉินเห็นหวังหงพูดไม่ออก จึงสะบัดมือพร้อมกับพูดต่อทันที ขณะที่ผู้เฒ่าซั่งเฉินกำลังคิดคำพูดเพื่อแสดงให้เห็นว่าจางเซวียนไม่ได้เก่งกาจอะไรนั้น ก็ได้ยินเสียงของอาจารย์รักษาการณ์ดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่านผู้เฒ่าซั่ง”

“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

ไม่เห็นรึไงว่าฉันกำลังแสดงความเก่งกาจอยู่ ช่างไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ

“ข้างนอกมีคนขอเข้าพบอาจารย์จางเซวียนครับ…” อาจารย์รักษาการณ์ตอบกลับทันที

“มาพบจางเซวียน ใครกัน” วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เดี๋ยวคนนี้ก็มา เดี๋ยวคนนั้นก็มา

“องค์รัชทายาทของเจินหนานอ๋อง… ท่านอ๋องน้อยไป๋ซวินครับ!” อาจารย์รักษาการณ์ตอบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!