Skip to content

Library Of Heaven’s Path 71

ตอนที่ 71 อ๋องน้อยไป๋ที่ฮึกเหิม

“ท่านอ๋องน้อยไป๋ซวินหรือ” ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ไป๋ซวินคนนี้แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็เป็นยอดฝีมือที่นับเป็นหนึ่งในอัจฉริยะทั้งปวง เขาเพิ่งจะอายุได้สิบเจ็ดปีแต่เป็นถึงนักรบขั้นห้าระดับสูงสุด ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเซวียน

ฮ่องเต้เซินจุยเคยกล่าวเกี่ยวกับไป๋ซวินเอาไว้ว่า เขาอาจจะสามารถเป็นนักรบขั้นหก – พี่เชวี่ยที่มีอายุน้อยที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียนก็เป็นได้

เจินหนานอ๋องต้องนำเหล่าทหารรักษาชายแดนทางใต้ ไม่ได้พักอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นตั้งแต่ยังเล็ก ท่านอ๋องน้อยผู้นี้จึงไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนหงเทียน แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับสอบเข้าโรงเรียนเป่ยอู่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าได้

โรงเรียนเป่ยอู่เป็นโรงเรียนชื่อดังที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ระดับปรมาจารย์ขั้นหนึ่งดาว ผู้ที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ล้วนเป็นศิษย์ระดับหัวกะทิ

ช่วงนี้เจินหนานอ๋องเดินทางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไป๋ซวินจึงถือโอกาสตามมาที่เมืองหลวงด้วย แต่เขามาที่โรงเรียนหงเทียนทำไมล่ะ… มาหาจางเซวียนงั้นหรือ…

คนหนึ่งเป็นอาจารย์ระดับปลายแถว ส่วนอีกคนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ เป็นบุตรชายคนเดียวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่… ทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย

ไม่มีความเป็นไปได้ที่ทั้งคู่จะรู้จักกัน ฐานะทางสังคมมันต่างชั้นกันเกินไป

“รีบเชิญเข้ามา” ผู้เฒ่าซั่งเฉินไม่รู้ถึงสาเหตุที่ไป๋ซวินมาขอพบ แต่ก็ไม่กล้าชักช้า เขารีบกวักมือให้แล้วออกคำสั่งไปยังอาจารย์รักษาการทันที

ไม่นานก็เห็นชายชุดขาวเดินเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้ ด้านหลังของเขามีทหารสวมชุดเกราะและอาวุธครบมือเดินตามมาด้วย สายตาของเขาสุดแสนจะเยือกเย็น

แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะอายุไม่มาก แต่ร่างของเขาก็แผ่ลมปราณที่แข็งแกร่งออกมาตลอดเวลา เขาเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้า ทำให้คนรอบข้างรู้สึกยำเกรง

ไป๋ซวินเป็นนักรบขั้นห้าเช่นเดียวกับซั่งปิงและเสิ่นปี้หรู แต่พลังปราณของเขากลับดูแข็งแกร่งกว่าของทั้งสองอย่างเทียบไม่ติด

“คารวะท่านอ๋องน้อย…” ซั่งเฉิน หวังหง และคนอื่นๆ ต่างรีบลุกขึ้นทำความเคารพ แม้ว่าตระกูลหวังจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเทียนเซวียน แต่เมื่อเทียบกับอิทธิพลของเจินหนานอ๋องแล้ว อย่างไรก็เทียบไม่ได้

ใครก็ตามที่มีกองทัพอยู่ในมือ เขาผู้นั้นจะมีอำนาจเสมอ

“ท่านปรมาจารย์จาง ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย…” ไป๋ซวินโบกมือทักทายแบบขอไปทีให้กับผู้เฒ่าซั่งเฉินและคนอื่นๆ แล้วหันมามองจางเซวียนที่ตนรู้จัก เขาก้าวมาตรงหน้าของจางเซวียนอย่างนอบน้อม

“คุณมาที่นี่ทำไม” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ลู่เฉินจะสั่งให้ไป๋ซวินมาขอคำชี้แนะและพยายามหาวิชาความรู้จากเขา แต่ไป๋ซวินก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของปรมาจารย์ลู่เฉินมากขนาดนั้นก็ได้ ขนาดเดินทางมาขอคำชี้แนะด้วยตนเองในวันต่อมา

“หลังจากที่บิดาของผมเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้เสร็จ ท่านก็จะรีบเดินทางออกจากเมืองหลวงทันที เพราะฉะนั้นผมเลยต้องรีบมาศึกษาวิชาความรู้จากท่านปรมาจารย์เสียก่อน อยากจะให้ท่านช่วยชี้แนะน่ะครับ” ไป๋ซวินอธิบาย

“ท่านปรมาจารย์อย่างนั้นหรือ?”

“ท่านอ๋องน้อยรู้จักกับเขาได้อย่างไร แถมยังดูสนิทสนมกันมากอีกด้วย แล้วทำไมถึงไม่เรียกเขาว่าอาจารย์แต่กลับเรียกว่าปรมาจารย์เสียล่ะ”

เมื่อรู้ว่าไป๋ซวินเจาะจงมาหาจางเซวียน แถมยังดูเหมือนจะสนิทกันมาก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน

นี่มันอะไรกัน

พวกเขารู้จักกันจริงๆ ด้วย…

แล้วจางเซวียนไม่ได้เป็นแค่อาจารย์หรอกหรือ แล้วที่เรียกว่าปรมาจารย์มันหมายความว่าอย่างไร

ที่สำคัญคือท่าทางของจางเซวียนตอนที่พบกับท่านอ๋องน้อย เขาไม่เห็นหรือว่าทั้งผู้เฒ่าซั่งเฉินและเจ้าบ้านหวังต่างก็รีบก้มหัวโค้งคำนับ ไม่ก้มโค้งไม่ว่าซ้ำยังขมวดคิ้วใส่อีก แกจะขมวดคิ้วไปหาสวรรค์วิมานที่ไหน แกไปกินดีหมีมาจากไหนถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้

“บังอาจ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินทนไม่ไหว เขาเดินไปตรงหน้าจางเซวียนโดยเร็ว

“จางเซวียน ทำไมคุณพูดแบบนี้กับท่านอ๋องน้อยล่ะ แถมยังไม่รีบโค้งคารวะอีก เป็นอาจารย์แท้ๆ แต่กลับไม่รู้จักมารยาท น่าอับอายจริงๆ”

พอผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดจบก็รีบหันไปมองไป๋ซวินทันที “ท่านอ๋องน้อยอย่าโมโหไปเลย เจ้าจางเซวียนคนนี้วรยุทธต่ำต้อย แถมยังไม่ค่อยจะฉลาด เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้จักมารยาท…”

ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดยังไม่ทันจะจบประโยคก็สังเกตเห็นว่าไป๋ซวินเริ่มจะขมวดคิ้ว สีหน้าของไป๋ซวินแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับสิงโตที่กำลังโกรธจัด

“แกล่ะเป็นตัวอะไรมาจากไหน รีบไสหัวไปซะ ท่านปรมาจารย์จางเซวียนมีอาวุโสเทียบเท่ากับท่านปู่ของข้า แกมาพูดแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร อยากตายนักรึ”

“ท่านปู่อย่างนั้นรึ” ทุกคนที่ได้ยินถึงกับล้มทั้งยืน

นี่มันอะไรกัน นับถือกันเป็นปู่เลยหรือเนี่ย?

บิดาแท้ๆ ของไป๋ซวินคือเจินหนานอ๋อง มีศักดิ์เทียบเท่ากับฮ่องเต้เซินจุย…

ไป๋ซวินพูดว่าจางเซวียนมีอาวุโสเทียบเท่ากับปู่ของเขา นั่นก็หมายความว่า

จางเซวียนมีอาวุโสสูงกว่าองค์ฮ่องเต้เสียอีกน่ะสิ

ผู้เฒ่าซั่งเฉินที่เมื่อครู่ยังวางมาดทำเป็นใหญ่โต ตอนนี้กลับตัวสั่นไปหมด

นี่มันอะไรกัน

มีอะไรที่เขาไม่รู้รึ?

โดยเฉพาะซั่งปิงและเฉาฉง ทั้งสองเหมือนกับคนที่ใกล้จะสติแตก เส้นผมของพวกเขาชี้ฟูและมีอาการตาค้างเป็นระยะๆ

แม้แต่ผู้เฒ่าโม่เสียงที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็รู้สึกตกใจจนลืมปิดปากไปชั่วขณะ

“ถูกต้อง ท่านปู่จางเซวียนเป็นปรมาจารย์ด้านงานศิลปะ ด้านวรยุทธก็สูงกว่าตัวข้าอย่างมาก แต่แกกลับตวาดท่านว่าบังอาจ ว่าวรยุทธท่านต่ำต้อย นี่แกอยากตายมากเลยใช่ไหม หรืออยากจะหาผู้ท้าประลองวรยุทธด้วย ไป๋หยาง…ออกมา”

ไป๋ซวินโบกมือเรียก

“ข้าน้อยรับบัญชา” ชายวัยกลางคนที่อยู่หลังแถวขานรับทันที

“ตบปากมัน” ไป๋ซวินสั่งการ

“ขอรับ”

หนุ่มใหญ่ออกมาจากแถวแล้วก้าวไปข้างหน้า รังสีอำมหิตรุนแรงจากร่างเขาแพร่กระจายออก เหมือนดั่งยมบาลก้าวออกมาจากแดนนรก

แม้ว่าหนุ่มใหญ่ผู้นี้จะเป็นนักรบขั้นหกเช่นเดียวกับผู้เฒ่าซั่งเฉิน แต่พลังปราณในตัวเขากลับแข็งแกร่งกว่าของผู้เฒ่าซั่งเฉินอย่างมาก

“ทหารหลวงนี่นา” ทุกคนในห้องต่างตกตะลึง

ทหารที่มีพลังปราณแข็งแกร่งขนาดนี้ จะต้องเคยผ่านการฝึกที่ทารุณเหนือกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะรับได้ ทหารเหล่านี้จะเรียกว่าทหารหลวง ซึ่งทหารหลวงทุกนายล้วนมีฝีมือสูงส่งเกินบรรยาย

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในห้วงแห่งความตะลึง ทหารหลวงคนนั้นได้เดินมาถึงหน้าผู้เฒ่าซั่งเฉินแล้ว เขาไม่รอช้ายกมือขึ้นแล้วตบไปที่ปากของผู้เฒ่าซั่งเฉินอย่างแรง

เสียงตบดังสนั่น ผู้เฒ่าซั่งเฉินเองยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็ถูกฝ่ามือตบไปที่ปากอย่างจัง แรงตบทำให้ฟันนับสิบซี่ของเขาหลุดร่วงพร้อมกับกองเลือด

“นี่…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินที่เพิ่งถูกตบรู้สึกโกรธจัด

เขาเป็นถึงผู้เฒ่าประจำโรงเรียนหงเทียนและเป็นนักรบขั้นหก แต่กลับมาถูกคนอื่นเล่นงานซึ่งๆ หน้า…

แต่ถึงจะโกรธอย่างไรเขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคนที่สั่งการคือ

ไป๋ซวิน บุตรแห่งเจินหนานอ๋อง ถ้าตนลงมือกับไป๋ซวิน เจินหนานอ๋องจะต้องยกกองทัพมาฆ่าล้างตระกูลเขาแน่

เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น

เมื่อก่อนเคยมีคนของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง เป็นตระกูลที่ใหญ่พอๆ กับตระกูลหวัง เข้าไปหาเรื่องไป๋ซวิน แถมยังลงมือจนไป๋ซวินได้รับบาดเจ็บ เรื่องไปถึงหูของ

เจินหนานอ๋อง เจินหนานอ๋องโกรธจัดจึงส่งกองทัพไปฆ่าล้างคนทุกคนของตระกูลนั้นทันที สุดท้ายแม้แต่ฮ่องเต้เซินจุยก็ไม่กล้าพูดอะไร แถมยังแต่งตั้งให้ไป๋ซวินเป็นอ๋องน้อยอีก

ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าไป๋ซวินจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลของเจินหนานอ๋อง เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นอ๋องน้อยหรอก

“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าจางเซวียนคนเดียว…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาไม่กล้าสบตากับไป๋ซวิน แต่หันไปจ้องหน้าจางเซวียนด้วยความเกลียดชังแทน

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านี่ มีหรือที่เขาจะต้องมาตกอับถึงขนาดนี้

“ทำไม ไม่พอใจหรือไง” ไป๋ซวินเห็นผู้เฒ่าซั่งเฉินท่าทางไม่พอใจ จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น

“ข้าน้อยไม่กล้า” ผู้เฒ่าซั่งเฉินกัดฟันแล้วตอบกลับ

“ไม่กล้าก็ดี ฉันจะบอกแกเอาไว้ เรื่องนี้ฉันตั้งใจจะช่วยแกหรอกนะ ถ้าท่านปู่จางเซวียนลงมือเองล่ะก็ แกนั่นแหละจะแหลกคามือเขาเสียเอง” ไป๋ซวินพูดจบก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขาถึงกับตัวสั่น

ที่ไป๋ซวินพูดออกไปเป็นความจริง พลังปราณของจางเซวียนอยู่ที่ระดับสี่สิบ ที่สำคัญก็คือเขายังไม่สามารถควบคุมพลังปราณทั้งหมดเอาไว้ได้ แค่จางเซวียนสะบัดมือเบาๆ อีกฝ่ายก็อาจจะตายคาที่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!