Skip to content

Library Of Heaven’s Path 78

ตอนที่ 78 ขอชั่วโมงเดียว

ที่จางเซวียนพูดมาเป็นเรื่องจริง ก่อนที่เขาจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก เขามีปัญหาอย่างที่จางเซวียนพูดทุกอย่าง ทุกครั้งที่เขารวบรวมลมปราณในร่าง เขาก็รู้สึกเหมือนร่างของตัวเองกำลังจะระเบิดออก

ที่ผ่านมา จ้าวเหยียนฟงนึกว่าเรื่องนี้เกิดจากการที่ตัวเขาเองฝึกวรยุทธแบบผิดวิธี แต่เมื่อได้ยินที่จางเซวียนพูด หรือว่า…สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการที่เขามีชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดกันแน่?

ตามการบอกเล่าในตำราต่างๆ โรคชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดนั้นเกิดขึ้นจากการที่เส้นชีพจรใหญ่ถูกกดทับ จึงทำให้ลมปราณในร่างกายไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวก เมื่อฝึกวรยุทธก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา

อาการแบบนี้ จ้าวเหยียนฟงไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือพ่อแม่ของเขา แล้ว…จางเซวียนรู้ได้อย่างไรกัน

เมื่อทุกคนเห็นปฏิกิริยาของจ้าวเหยียนฟงก็ตกใจเป็นอย่างมาก

หรือว่า…ที่จางเซวียนพูดมาทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง

“เลิกพูดจาข้างๆ คูๆ ได้แล้ว ถึงจ้าวเหยียนฟงจะเป็นโรคชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดจริง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการถูกธาตุไฟเข้าแทรกด้วยล่ะ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินตวาด

โรคชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยมาตั้งแต่กำเนิด ไม่มีทางรักษาให้หายได้ คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่จะไม่สามารถฝึกวรยุทธได้

สำหรับจ้าวเหยียนฟง ถึงเขาจะไม่สามารถกลายเป็นยอดฝีมือ แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เขาถึงกับถูกธาตุไฟเข้าแทรกเลยนี่นา

“ไม่เกี่ยวกันตรงไหนมิทราบ” จางเซวียนยิ้ม “ผมถามหน่อย คนที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะมีลักษณะแบบไหน ใครรู้บ้าง”

“การถูกธาตุไฟเข้าแทรก คือการระเบิดลมปราณทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ หรือก็คือกลายเป็นคนบ้านั่นเอง…”

ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก เขามองหน้าจางเซวียนทันที “แกกำลังจะบอกว่า ที่แกจงใจทำให้จ้าวเหยียนฟงถูกธาตุไฟเข้าแทรกก็เพื่อช่วยทำให้จุดชีพจรที่ติดขัดอยู่ของเขาคลายตัวออก แล้วให้ลมปราณในร่างกายของเขาไหลเวียนคล่องขึ้น เป็นการรักษาโรคร้ายที่ติดมากับตัวเขาตั้งแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ”

“นี่จะ… เป็นไปได้อย่างไร” ไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าซั่งเฉินจะคิดได้ คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงต่างก็คิดได้เช่นกัน พวกเขาตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

การถูกธาตุไฟเข้าแทรก ลมปราณในร่างจะไหลออกมาโดยที่เจ้าของร่างไม่อาจควบคุมได้ ในที่สุดก็ระเบิดออกมาเป็นพลังอันมหาศาล แต่…การทำแบบนั้นเรียกว่าการทำให้ตัวเอง ‘เป็นบ้า’ คนที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกส่วนใหญ่มักจะสูญเสียวรยุทธทั้งหมดที่เขาเคยฝึกหรือไม่ก็เสียสติ ดังนั้น ผู้ฝึกวรยุทธจึงมักจะหลีกเลี่ยงการถูกธาตุไฟเข้าแทรก

แล้วที่จางเซวียนทำล่ะ ประยุกต์ใช้การถูกธาตุไฟเข้าแทรกเป็นเครื่องมือในการคลายจุดชีพจรที่ติดขัดอยู่… เป็นเรื่องจริงหรือนี่

ถ้าเป็นเรื่องจริง จางเซวียนก็กล้ามากเกินไปแล้ว แนวความคิดแบบนี้ไม่สอดคล้องกับแนวความคิดของโลกแห่งนักสู้เลย

“ถูกต้อง” จางเซวียนพยักหน้าแล้วมองไปที่จ้าวเหยียนฟง

“ผมถามหน่อย หลังจากที่คุณถูกธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว ตอนฝึกวรยุทธ คุณยังรู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิดอยู่อีกไหม”

“คือว่า…” จ้าวเหยียนฟงรู้สึกสั่นไปทั้งตัว เขาตัวแข็งทื่อ “ไม่… ไม่แล้วครับ”

เมื่อก่อนทุกครั้งตอนฝึกวรยุทธ เขาจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เหมือนตัวเองกำลังจะระเบิด แต่หลังจากที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรก ทุกครั้งที่ฝึกวิชา เขากลับก็ไม่รู้สึกทรมานเหมือนแต่ก่อนอีก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขานึกว่าเป็นเพราะอาจารย์ลู่ฉวินสอนดี ทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรขณะฝึกวิชา แต่จริงๆ แล้ว… เป็นแบบนี้เองหรือ

“การถูกธาตุไฟเข้าแทรก ลมปราณในร่างจะไหลออกไปในทุกทิศทุกทาง กลายเป็นพลังปราณที่มีอำนาจทำลายล้างสูงมาก แม้จะไม่สามารถขจัดการแก้เส้นชีพจรที่ติดขัดได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถทำให้ลมปราณไหลเวียนได้สะดวกขึ้น ครั้งก่อนที่ผมจงใจทำให้คุณถูกธาตุไฟเข้าแทรก สาเหตุก็เพราะต้องการจะรักษาอาการบาดเจ็บในตัวคุณอย่างไรล่ะ แต่ก็ยังมีขั้นตอนการรักษาอีกหลายขั้นตอนที่ผมจะทำให้คุณ มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ทำให้วรยุทธของคุณสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แต่ต่อมาคุณกลับหนีผมไปโดยไม่บอกกล่าว แถมยังคิดเป็นศัตรูกับผมอีกด้วย”

พอจางเซวียนพูดถึงประโยคนี้ก็ส่ายหัวแล้วถอนใจ สีหน้าของเขาเหมือนกับคนที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย

หลังจากที่จ้าวเหยียนฟงฟื้นจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกก็ไม่เคยไปเหยียบพื้นห้องเรียนของจางเซวียนอีกเลย แล้วยังประกาศตัวเป็นศัตรูกับจางเซวียนต่อหน้าคนทุกคน แถมยังเล่าเรื่องเสียๆ หายๆ ของจางเซวียนให้ทุกคนได้รับรู้อีกต่างหาก

ทุกคนในห้องเห็นท่าทางของจางเซวียนก็รู้ทันทีว่าที่ผ่านมาจางเซวียนต้องทนทุกข์และเก็บความเศร้าใจไว้มากแค่ไหน แล้วยังต้องมาถูกคนอื่นกดดัน ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ จะอธิบายให้คนอื่นฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อ

“แกพูดจาส่งเดช มันจะเป็นไปได้อย่างไร อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง แกแค่บอกให้จ้าวเหยียนฟงรู้ว่าแกกำลังจะทำอะไร แค่นี้เขาก็ไม่ต้องหนีไปแล้ว” ผู้เฒ่าซั่งเฉินกัดฟันพูด

“ถ้าถูกร่างกายมนุษย์ควบคุมอยู่ มันก็จะไม่เรียกว่าธาตุไฟเข้าแทรกแล้วสิ ถ้าผมบอกจ้าวเหยียนฟงให้รู้ตัวก่อน แล้วเขาจะยอมทำตามหรือ” จางเซวียนสะบัดชายเสื้อ

คนที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะต้องไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ถ้าคนคนนั้นรู้ว่าตนกำลังจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก เขาก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา แล้วก็จะต้องพยายามควบคุมร่างกายตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ถ้าเป็นแบบนั้นการรักษาก็จะทำได้ยาก

“ถึงแกจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะสามารถคล้ายจุดชีพจรที่ถูกสะกดเอาไว้ได้ เรื่องนี้ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด” ผู้เฒ่าซั่งเฉินคิดสักพักก็ตวาดเสียงดัง

“ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันพิสดารเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร” จางเซวียนหันไปมองจ้าวเหยียนฟง “เมื่อครู่ผมตรวจดูแล้ว ตอนนี้คุณเป็นนักรบขั้นหนึ่งระดับสูงสุด และคุณก็ใกล้จะบรรลุไปเป็นนักรบขั้นสองในอีกไม่ช้า ตามการฝึกทั่วไป คุณคิดว่าตนเองจะกลายเป็นนักรบขั้นสองเมื่อไหร่”

“อาจารย์ลู่เคยบอกว่า ถ้าผมขยันฝึกซ้อม ภายในครึ่งปีผมจะต้องได้เป็นนักรบขั้นสองแน่นอน” แม้จ้าวเหยียนฟงจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของจางเซวียนสักเท่าไร แต่เขาก็รู้สึกเริ่มนับถือในตัวของจางเซวียนขึ้นมาเหมือนกัน เขาจึงตอบคำถามของจางเซวียนอย่างตั้งใจ

ผู้เฒ่าโม่และเจ้าบ้านหวังหงพยักหน้าพร้อมกัน

เมื่อครู่ตอนจ้าวเหยียนฟงแสดงฝีมือ พวกเขาทุกคนล้วนเห็นกับตาว่าอาจารย์ลู่ฉวินเป็นคนที่เก่งกาจน่าดู จ้าวเหยียนฟงเป็นเพียงเด็กธรรมดา แต่ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี อาจารย์ลู่ฉวินสามารถทำให้วรยุทธของเขาก้าวกระโดดไปได้ มันเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ

“โอ๊ย… ไม่ต้องถึงครึ่งปีหรอก ผมสามารถทำให้คุณกลายเป็นนักรบขั้นสองได้ภายในหนึ่งชั่วโมง” จางเซวียนมองไปที่จ้าวเหยียนฟง

“หนึ่งชั่วโมง… ห่ะ! มันจะเป็นไปได้อย่างไร”

“ภายในระยะเวลาครึ่งปี เขาจะเป็นนักรบขั้นสองได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย แล้วคุณมาบอกว่าแค่หนึ่งชั่วโมง นี่มัน…” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของจางเซวียนก็พากันตกใจยกใหญ่

การฝึกวิชาไม่ใช่การกินข้าวกินน้ำ จะมาเลื่อนขั้นกันง่ายๆ ได้หรือ ต้องค่อยๆ เดินหน้าไปทีละก้าวสิถึงจะถูก

จ้าวเหยียนฟงเป็นนักรบขั้นหนึ่งระดับสูงสุดก็จริง แต่ถ้าไม่สามารถควบคุมลมปราณได้ เขาก็ไม่สามารถจะเป็นนักรบขั้นสองได้หรอก

การฝึกวรยุทธจะต้องใช้เวลายาวนานกว่านี้… ในช่วงเวลาอันสั้นผู้ฝึกจะไม่สามารถบรรลุอะไรได้เลย แต่เมื่อครู่จางเซวียนกลับบอกว่าแค่หนึ่งชั่วโมงก็สามารถทำให้เขากลายเป็นนักรบขั้นสองได้แล้ว นี่มัน…

ถึงจะคุยโม้ แต่ก็ไม่ควรจะโม้อะไรที่มันเกินตัวมากขนาดนี้

เดี๋ยวก็ถูกฟ้าผ่าตายหรอก

“ทำไม ไม่เชื่อหรือ” จางเซวียนไม่สนใจปฏิกิริยาของคนรอบข้าง จ้องไปที่

จ้าวเหยียนฟง

“ผม…” จ้าวเหยียนฟงเริ่มลังเล

แม้เขาจะเชื่อว่าจางเซวียนช่วยขจัดจุดชีพจรที่ติดขัดอยู่ของเขาจนหมดไปแล้วก็จริง แต่จะทำให้เขากลายเป็นนักรบขั้นสองภายในหนึ่งชั่วโมง…

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย

ถ้าภายในหนึ่งชั่วโมง เขาสามารถก้าวไปเป็นนักรบขั้นสองได้จริง แบบนี้อาจารย์จางคนนี้ก็เก่งเกินไปแล้ว งั้นเรื่องที่เขาจงใจทำให้ตนถูกธาตุไฟเข้าแทรกเพื่อรักษาอาการชีพจรติดขัดก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

อีกอย่าง อาจารย์ที่มีความสามารถขนาดทำให้ตนก้าวไปเป็นนักรบอีกขั้นได้ในเวลาเพียงแป๊บเดียว อาจารย์ระดับนี้จะมาโกหกเพื่ออะไร

เมื่อจ้าวเหยียนฟงคิดได้ คนอื่นก็คิดได้เหมือนกัน ทุกคนต่างมองไปที่จางเซวียน

“ไม่เชื่อใช่ไหม ไม่เป็นไร ผมไม่โทษคุณหรอก ก็คุณเคยเชื่อคำพูดผมจนถูกธาตุไฟเข้าแทรกนี่นา” จางเซวียนโบกมือไปมา “แต่ถ้าคุณทิ้งโอกาสนี้ไป คุณก็จะต้องเสียเวลาอีกครึ่งปีในการก้าวไปเป็นนักรบขั้นสองหรือไม่ก็นานกว่านั้น คุณคิดให้ดีนะ จะเอาอย่างไร”

“คือว่า…” จ้าวเหยียนฟงได้แต่ยืนอยู่กับที่ กำหมัดแน่น เวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดออกมา “อาจารย์จาง ผมอยากจะลองดู”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!