ตอนที่ 82 อย่างนี้ต้องลาออก (2)
ไม่เพียงแต่ลู่ฉวินจะมีอาการช็อกแบบนี้ ผู้เฒ่าหงหาวที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งเช่นกัน
จางเซวียนไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนหรอกหรือ
เมื่อครู่ยังพูดไม่ทันจะขาดคำ บอกว่าเพียงแค่ตนป่าวประกาศออกไป ศิษย์ของจางเซวียนทั้งหมดจะต้องแห่กันมาขอเป็นศิษย์ของตนอย่างแน่นอน แล้วนี่มันอะไร ยังไม่ทันจะประกาศอะไรออกไปเลย ศิษย์คนโปรดของตัวเองกลับมาขอลาออกเพื่อไปเป็นศิษย์ของจางเซวียนซะงั้น
แล้วที่สำคัญ… ลาออกไปเพียงเพื่อจะไปเป็น ‘ตัวสำรอง’ ในห้องเรียนของ
จางเซวียน… ยังไม่มีสิทธิ์จะเป็นศิษย์ของเขาเสียด้วยซ้ำ
เป็นเรื่องจริงหรือเนี่ย
ไม่อยากจะเป็นศิษย์เต็มตัวของฉัน แต่อยากจะไปเป็นศิษย์ที่ได้แค่นั่งฟังในห้องเรียนของจางเซวียนเท่านั้น
ลู่ฉวินเริ่มมีอาการกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตึงไปหมดทั้งร่าง เหมือนกำลังจะหน้ามืด
“หวังว่าอาจารย์ลู่จะให้ความอนุเคราะห์ผมด้วย” หวังเหยียนพูดย้ำ
“คุณ…” ลู่ฉวินเห็นท่าทางที่จริงจังของหวังเหยียนก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นๆ ใบหน้าของลู่ฉวินเริ่มมีอาการไม่พอใจ “คุณรู้ไหมว่าจางเซวียนเป็นอาจารย์ที่เคยสอนจนลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกน่ะ แล้วคุณยังจะไปนั่งฟังในห้องเรียนของเขาเนี่ยนะ…”
“ผมรู้ดีครับ” หวังเหยียนพยักหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจใดๆ เมื่อครู่ตอนอยู่ในเจดีย์แห่งความประสงค์ เขากับคนอื่นๆ ล้วนได้เห็นความสามารถของจางเซวียนเต็มสองตา แม้แต่ปู่ของเขายังนับถือจางเซวียนแบบสุดหัวใจ เขาเองก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวอาจารย์จางแบบสุดๆ ตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกัน
ลู่ฉวินเห็นหวังเหยียนยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่นเช่นเดิม เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก ลู่ฉวินกวักมือเรียกศิษย์ของเขาที่อยู่ในบริเวณนั้น
“ช่วยไปเรียกจ้าวเหยียนฟงมาพบผมที”
“คารวะอาจารย์ลู่” ไม่นานจ้าวเหยียนฟงก็มาถึง
“หวังเหยียนจะลาออกจากห้องเรียนของผม เพื่อจะไปนั่งฟังในห้องเรียนของอาจารย์จางเซวียน คุณช่วยบอกหวังเหยียนทีว่าตอนที่คุณฝึกวิชากับอาจารย์
จางเซวียนแล้วผลมันเป็นอย่างไร ช่วยทำให้เขารู้สึกตัวทีว่าการตัดสินใจของเขามันผิดเห็นๆ” ลู่ฉวินสะบัดชายเสื้อ
แต่จ้าวเหยียนฟงไม่พูดอะไร เขาอยู่ๆ ก็คุกเข่าและโขกหัวลงกับพื้น
“นี่… คุณเป็นอะไรไป เมื่อก่อนคุณชอบพูดว่าจางเซวียนทำร้ายคุณอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือ” ลู่ฉวินขมวดคิ้ว
เมื่อก่อนจ้าวเหยียนฟงเคยโดนจางเซวียนทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกมาครั้งหนึ่ง ดังนั้น คำพูดของเขาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ของจางเซวียนจึงฟังดูมีน้ำหนักมากที่สุด แต่ก่อนเขาก็ชอบพูดต่อว่าจางเซวียนอยู่เป็นประจำจนถูกลู่ฉวินสั่งให้หยุดพูด
วันนี้ลู่ฉวินอุตส่าห์ให้โอกาสเขาพูด แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมพูดเสียล่ะ เขามีความในใจอะไรรึ?
“อาจารย์ลู่ คือว่าผม… จริงๆ แล้วก็เหมือนกับหวังเหยียนนั่นแหละ ผมก็อยากจะไปนั่งฟังในห้องของอาจารย์จางเหมือนกัน” เมื่อจ้าวเหยียนฟงตัดสินใจได้แล้ว เขาก็พูดออกมาทันที
“คุณก็อยากจะไปเหมือนกันหรือ!” ลู่ฉวินได้ยินคำพูดของจ้าวเหยียนฟงก็แทบจะช็อกตาย
นี่แกไม่ได้ถูกเจ้าจางเซวียนมันทำจนถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรอกหรือ เมื่อก่อนแกยังเกลียดมันเข้ากระดูกดำอยู่เลยนี่
แกไม่ได้ชอบพูดจาต่อว่ามันอยู่บ่อยๆ หรอกหรือ
แล้วทำไมถึงคิดจะลาออกจากห้องฉันแล้วไปนั่งฟังที่ห้องมันล่ะ
ลู่ฉวินรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
“อาจารย์จางมีบุญคุณกับผมอย่างมาก เมื่อก่อนผมจากเขามาโดยไม่ได้กล่าวลา ในใจรู้สึกผิดต่อเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้อาจารย์ลู่ให้ความอนุเคราะห์ด้วยครับ”
จ้าวเหยียนฟงพูดอย่างนอบน้อม
มีบุญคุณอย่างมากหรือ บุญคุณบ้านแกน่ะสิ ถูกธาตุไฟเข้าแทรกนี่เรียกว่าบุญคุณเรอะ
จากมาโดยไม่ได้กล่าวลาอะไร แกจงใจจะหนีออกมาต่างหากล่ะ
รู้สึกผิดบ้าบออะไร เมื่อก่อนแกด่าว่าเจ้าจางเซวียนอยู่ทุกวัน ฉันไม่เห็นว่าแกจะรู้สึกผิดต่อมันตรงไหน
ลู่ฉวินยิ่งคิดก็ยิ่งจะเป็นบ้า
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกคุณคิดดีแล้ว ผมจะให้พวกคุณทั้งสองลาออกจากห้องผมก็แล้วกัน” ลู่ฉวินหยิบแผ่นหยกสองชิ้นออกมาแล้วหยดเลือดตัวเองลงไปทันที
ลู่ฉวินเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน เขาย่อมมีความภูมิใจในตัวเองสูงมากอยู่แล้ว แต่ศิษย์ของเขากลับมาขอลาออกจากห้องเรียนพร้อมกันทีเดียวสองคน ลู่ฉวินรู้ว่าถึงเหนี่ยวรั้งไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้รีบๆ ปล่อยศิษย์สองคนนั้นไปเลยดีกว่า
“ขอบคุณมากครับอาจารย์” หวังเหยียนและจ้าวเหยียนฟงรีบรับแผ่นหยกจากมือลู่ฉวิน นี่ก็แสดงว่าพวกเขาได้ลาออกจากห้องเรียนของลู่ฉวินเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้พวกคุณไม่ใช่ศิษย์ของผมอีกแล้ว พวกคุณไปได้” ลู่ฉวินโบกมือไล่ทั้งสองด้วยความโกรธ
“ครับ” หวังเหยียนและจ้าวเหยียนฟงก็เดินออกไปทันที
“บัดซบ บัดซบที่สุด” เมื่อลู่ฉวินเห็นทั้งสองเดินจากไปแล้วก็ตะโกนออกมาทันที
เขาเป็นใคร
เขาเป็นถึงอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียนหงเทียน เด็กจำนวนมากต่างแย่งกันมาขอสมัครเป็นศิษย์ของเขา เด็กแต่ละคนจะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันจากเขาเสียก่อน ถึงจะสามารถมาเป็นศิษย์ของเขาได้ ลู่ฉวินเชื่อเสมอว่าในโรงเรียนหงเทียน ไม่มีอาจารย์คนไหนสามารถมาแย่งศิษย์จากเขาอีกแล้ว แต่สุดท้าย…
นี่ไม่ได้แย่งแค่ศิษย์คนเดียวนะ แต่แย่งไปทีเดียวสองคนเลย
แล้วที่สำคัญที่สุดคือ… ถ้าเป็นอาจารย์อย่างหว่างเชาหรือเสิ่นปี้หรูมาแย่งก็คงไม่เป็นไร แต่อาจารย์ที่แย่งศิษย์ของเขาไปคือ… อาจารย์ที่สอบการประเมินผลได้ศูนย์คะแนน อาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียน
การถูกหยามเกียรติแบบนี้ ทำให้ลู่ฉวินแทบจะบ้าตาย
แล้วที่เมื่อครู่ไปรับปากผู้เฒ่าหงหาวว่าจะไปแย่งศิษย์ของจางเซวียนล่ะ ตนยังไม่ทันจะไปแย่งศิษย์ของอีกฝ่ายเลย แต่ศิษย์ของตัวเองกลับถูกอีกฝ่ายแย่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว… ถ้าไม่ใช่เพราะถือว่าตนเป็นคนที่มีฐานะสูงส่งแล้วจำเป็นจะต้องรักษาภาพพจน์ ตนคงเดินทางไปทะเลาะและต่อยตีกับจางเซวียนแล้ว
“จูหง” วัยรุ่นชายอายุราวสิบหกถึงสิบเจ็ด เดินมาทันที
จูหงเป็นศิษย์ที่สอบเข้ามาในโรงเรียนหงเทียนได้เป็นอันดับที่สี่ และเป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของกลุ่มศิษย์ใหม่ที่ลู่ฉวินเพิ่งรับเข้ามาในภาคเรียนนี้ แม้จูหงจะมีอายุเพียงสิบหกปี แต่เขาก็ได้บรรลุเคล็ดวิชาต่างๆ จนกลายเป็นนักรบขั้นสามระดับสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีแนวโน้มที่จะบรรลุเคล็ดวิชาอื่นๆ อีกในเร็วๆ นี้
“คุณไปส่ง ‘สารท้าประลอง’ ให้กับอาจารย์จางเซวียนแทนผมด้วย” ลู่ฉวินกัดฟันพูด
“สารท้าประลองหรือ” ผู้เฒ่าหงหาวเห็นลู่ฉวินตัดสินใจจะเล่นงานจางเซวียนอย่างเปิดเผยแบบนี้ก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน เขาค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง
“นี่คุณคิดจะทำการประลองฝีมือของศิษย์ใหม่อย่างนั้นหรือ…”
“ถูกต้อง เขากล้ามาแย่งศิษย์ของผมไป ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยถูกใครมารังแกแบบนี้มาก่อนเลย” ลู่ฉวินกำหมัดไว้แน่นด้วยความโกรธแค้น
“ในเมื่อกล้าทำกับผมแบบนี้ งั้นก็ต้องกล้ารับการแก้แค้นของผมด้วยเหมือนกัน” เมื่อลู่ฉวินพูดจบก็หยิบกระดาษขึ้นมาพร้อมทั้งเขียนเนื้อหาการท้าประลองลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเขียนเสร็จก็ส่งให้กับจูหง “ส่งสารฉบับนี้ให้กับจางเซวียน บอกเขาว่าในการประลองฝีมือของศิษย์ใหม่ที่ทางโรงเรียนจะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า ผมจะท้าประลอง ‘การประเมินผลอาจารย์’ กับเขา ถามจางเซวียนว่าเขากล้ารับคำท้าผมไหม ถ้าไม่กล้า ก็อย่ามาเล่นสกปรกอะไรแบบนี้อีก” ลู่ฉวินสะบัดชายเสื้อลง
ทุกๆ ปี หลังจากที่โรงเรียนมีการสอบรับศิษย์ใหม่เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกครึ่งเดือนต่อมา ทางโรงเรียนก็จะจัดการประลองฝีมือของศิษย์ใหม่ขึ้น
เป้าหมายของการจัดการประลองนี้คือการทดสอบพรสวรรค์และความก้าวหน้าของเหล่าศิษย์ เป็นการประลองระหว่างศิษย์กับศิษย์
ส่วนการประเมินผลอาจารย์นั้นเป็นการประลองระหว่างอาจารย์กับอาจารย์
การประเมินผลอาจารย์คือการให้อาจารย์ที่ต้องการจะประลองกันนั้น เลือกศิษย์ของพวกเขาออกมาประลองกัน ซึ่งประกอบด้วยการประลองระดับพลังปราณ
วรยุทธ และทักษะทั่วไป เป็นการประลองความสามารถโดยรวมของตัวศิษย์ ซึ่งเป็นการประเมินระดับเทคนิค ความรู้ความสามารถที่ได้รับจากอาจารย์ของพวกเขา
การตัดสินจะใช้ผลของการประเมินของศิษย์เป็นเกณฑ์ในการวัดความสามารถของอาจารย์
การที่ลู่ฉวินตั้งใจจะประลองกับจางเซวียน ในสายตาของคนนอก มันก็เหมือนกับว่าลู่ฉวินตั้งใจจะเหยียบจางเซวียนให้จมลงไปสู่ก้นบึ้งของธรณีไม่มีผิด
“ครับ อาจารย์” จูหงตอบพร้อมกับมองลู่ฉวินด้วยความนับถือ
การประเมินผลอาจารย์นั้นมีผลต่อชื่อเสียงของอาจารย์ที่ถูกประเมินอย่างมาก การประลองในลักษณะนี้ โดยปกติอาจารย์ที่ต้องการจะประลองกับอาจารย์อีกคนหนึ่งมักจะแอบวางแผนเอาไว้ก่อนโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้เพื่อให้มั่นใจว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน แต่ลู่ฉวินกลับส่งสารท้าประลองไปให้กับจางเซวียนแบบไม่มีแผนอะไรในใจเลย ทั้งโรงเรียนมีเพียงลู่ฉวินคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้
สมแล้วที่เป็นบุคคลตัวอย่างของเขา ลู่ฉวินมีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวจริงๆ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ รู้สึกโกรธอะไรก็แสดงออกมาให้เห็นซึ่งๆ หน้าเลย
“คุณไปได้แล้ว” ลู่ฉวินสะบัดมือ
จูหงพยักหน้าแล้วเดินออกไปทันที
“นี่คุณคิดจะทำการประเมินผลอาจารย์จริงหรือ” ผู้เฒ่าหงหาวเดินมาตรงหน้าลู่ฉวินแล้วเอ่ยปากถาม
“ถูกต้อง ผมไม่เพียงแต่จะประลองกับเขา ผมยังจะเดิมพันกับเขาอีกด้วย ถ้าเขาแพ้ ศิษย์ของเขาทุกคนจะต้องกลายมาเป็นศิษย์ของผมทันที” ลู่ฉวินพูดด้วยความโกรธ
ตั้งแต่ที่ลู่ฉวินมาเป็นอาจารย์ ชีวิตและการงานของเขาก็เป็นไปด้วยดีเสมอ จนในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน เดิมทีเขาเองก็คิดจะใช้ประสบการณ์การทำงานที่ไม่เคยมีอุปสรรคใดๆ มาเป็นจุดเรียกความสนใจของเหล่าปรมาจารย์ต่างๆ เพื่อให้ปรมาจารย์เหล่านั้นรับเขาไปเป็นผู้ช่วย ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ได้ในที่สุด
ด้วยเหตุผลนี้ ลู่ฉวินจึงยอมรับจ้าวเหยียนฟงไว้เป็นศิษย์ทั้งๆ ที่ความสามารถของจ้าวเหยียนฟงไม่ได้โดดเด่นอะไร แถมยังถูกธาตุไฟเข้าแทรกอีกต่างหาก ซึ่งอันที่จริง ลู่ฉวินไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับจ้าวเหยียนฟงไว้เลย
ก็เขาเป็นอาจารย์นี่นา ไม่ได้เป็นคนชอบทำบุญสักหน่อย
ทุกๆ ภาคเรียนจะมีศิษย์จำนวนมากมาสมัครเป็นศิษย์ของลู่ฉวิน ถ้าเขาเป็นคนดีจริง เขาก็ต้องรับเด็กทุกคนที่มาสมัครไว้เป็นศิษย์สิ จะเลือกทำไม
ที่ลู่ฉวินทำทั้งหมดก็เพื่อให้ชื่อเสียงของตนโด่งดังมากขึ้น ชื่อเสียงของเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ที่ดีมีเมตตา แต่ตอนนี้ ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าศิษย์ของเขาถูกอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนแย่งไป แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ชื่อเสียงของเขาจะต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน
ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรลู่ฉวินก็ต้องหาทางกู้หน้าของเขากลับมาให้ได้