ตอนที่ 85 จูหงถูกกระทืบ (2)
นี่เป็นการใช้ลมปราณส่งคลื่นเสียง
“หยวนเทา ใช้กระบวนท่าที่ผมสอนไปเมื่อครู่นะ กระบวนท่าแรกให้ทำกลับกัน เปลี่ยนการโจมตีจากมือซ้ายเป็นมือขวา จากขาซ้ายเป็นขาขวา ส่วนกระบวนท่าสุดท้ายทำเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากหมัดเป็นนิ้ว แล้วโจมตีให้ต่ำลงอีกสามนิ้ว จำเอาไว้ ต้องต่ำลงอีกสามนิ้ว ห้ามเกินและห้ามขาด”
การใช้ลมปราณส่งคลื่นเสียงเป็นเคล็ดวิชาที่นักรบขั้นห้าขึ้นไปถึงจะทำได้
จางเซวียนสามารถใช้วิชานี้ได้ ทำให้หยวนเทารู้สึกตกใจเล็กน้อย ในใจจึงเริ่มจะเชื่อในคำพูดของอาจารย์ขึ้นมาบ้าง
“ลุยเลย เป็นไงเป็นกันล่ะคราวนี้”
หยวนเทาไม่มีเวลาจะคิดอะไรอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีวิธีไหนจะเอาชนะจูหงได้ งั้นก็ใช้วิธีตามที่จางเซวียนสอนมาก็แล้วกัน
สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธทุกคน การที่จะเปลี่ยนการโจมตีจากมือซ้ายไปเป็นมือขวามันเป็นเรื่องที่แสนจะง่ายดาย
เดิมทีหยวนเทาจะต้องใช้มือซ้ายคว้าตัวของจูหง แต่คราวนี้เขาเปลี่ยนไปใช้มือขวาแทน การกระทำเช่นนี้ทำให้จูหงสับสนอย่างมาก เขาสามารถหลบมือของหยวนเทาได้แล้วปล่อยหมัดออกไป แต่คราวนี้หมัดของเขาไม่ได้ถูกหน้าของหยวนเทา เพราะหยวนเทาเปลี่ยนการโจมตีจากซ้ายไปขวา จึงสามารถหลบหมัดของจูหงได้อย่างสบายๆ
“แย่แล้ว มันออกกระบวนท่าที่ตรงข้ามจากปกติ…” จูหงรู้สึกงงกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าของหยวนเทา เขาจึงรีบเอามือมาปิดหน้าเพื่อกันไม่ให้ถูกต่อย
จูหงจำได้ว่ากระบวนท่าที่สาม หยวนเทาจะต้องโจมตีจากด้านบนลงด้านล่าง แต่ในเมื่อทำกลับกัน งั้นมันก็ต้องโจมตีจากด้านล่างขึ้นด้านบนสินะ?
เขาไม่รอช้าปกป้องใบหน้าตัวเองทันที
จูหงเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้อย่างว่องไวมาก แต่น่าเสียดายที่กระบวนท่าสุดท้ายของหยวนเทาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย หมัดของหยวนเทายังคงต่อยลงมาที่ด้านล่าง ซ้ำยังต่ำลงอีกสามนิ้วเสียด้วย
จูหงยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดตรงเอวอย่างมาก ร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว “แย่แล้ว มันเล่นงานตรง…จุดอ่อนของเรา นี่มันรู้จุดอ่อนของเราได้อย่างไรกัน…” จูหงถึงกับหน้าซีด
จุดอ่อนของจูหงอยู่ที่เอว ปกติจูหงจะป้องกันเอวของเขาเอาไว้อย่างดี แต่เมื่อครู่หยวนเทาเล่นงานตรงใบหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนมาป้องกันใบหน้าแทน โดยจูหงไม่รู้เลยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของหยวนเทาอยู่ที่เอวของเขาต่างหาก
จูหงถูกเล่นงานตรงจุดอ่อน ทำให้เขาตัวแข็งไปชั่วขณะเหมือนถูกจี้จุด
“ได้โอกาสล่ะทีนี้”
หยวนเทาเห็นจูหงมีอาการตัวแข็งก็รู้ทันทีว่าเขาได้เล่นงานไปที่จุดอ่อนของจูหงแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างมาก จัดการพุ่งเข้าไปโจมตีจูหงต่อทันทีอย่างไม่รอช้า
นาทีทองแบบนี้ต้องรีบใช้ให้เป็นประโยชน์ กระบวนท่าการโจมตีแบบมั่วซั่วของหยวนเทาที่เดิมทีเข้าไม่ถึงตัวจูหง ตอนนี้สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว หยวนเทารัวทั้งหมัดทั้งเท้าไปที่ร่างของจูหงอย่างไร้ความปรานี จูหงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงจนล้มลงไปกองบนพื้น
ณ ตอนนี้ ความโหดเหี้ยมในตัวหยวนเทาเผยออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นจูหงล้มลงเขาก็ไม่รอช้า หยวนเทานั่งทับลงไปบนลำตัวของจูหงแล้วรัวหมัดลงไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ยั้ง
“นี่แก…”
จูหงเริ่มหายจากอาการชา เขาเห็นร่างอันใหญ่โตของหยวนเทานั่งทับบนลำตัวของตนอยู่ มิหนำซ้ำยังต่อยมาที่ใบหน้าของเขาไม่หยุด จูหงรู้สึกทรมานจนแทบจะกระอักเลือด
เขาเป็นถึงศิษย์เอกของอาจารย์ลู่ฉวิน เป็นศิษย์ที่สอบเข้ามาได้เป็นอันดับที่สี่ของโรงเรียน ตอนนี้กลับถูกศิษย์ที่สอบเข้ามาได้อันดับโหล่นั่งทับแล้วต่อยหน้า
“ไปให้พ้น…” จูหงคิดจะผลักร่างของหยวนเทาออก แต่หยวนเทามีน้ำหนักมากเกินไป ไม่ว่าจูหงจะออกแรงมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายของหยวนเทาขยับเขยื้อนไปได้เลย แถมกำปั้นของหยวนเทาก็แข็งราวกับก้อนหิน ซ้ำยังต่อยรัวลงมาที่ใบหน้าของจูหงแบบไม่หยุดพัก ตอนนี้ใบหน้าของเขาบวมเป่งยิ่งกว่าไข่ห่านเสียอีก ฟันก็ถูกหยวนเทาต่อยจนหักไปหลายซี่แล้ว
“นี่มันเรื่องจริงหรือวะ”
พวกจ้าวหย่าที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ต่างงุนงงไปตามๆ กัน
จูหงมีความสามารถขนาดไหน เมื่อครู่ก็ลองประมือกันดูแล้ว ขนาดพวกเขาเองยังสู้ไม่ได้เลย แล้วหยวนเทาเป็นคนที่มีความสามารถด้อยที่สุดในกลุ่ม แต่กลับเอาชนะจูหงได้
หยวนเทาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
แล้วที่สำคัญ… กระบวนท่าที่อาจารย์สอนให้… มีอานุภาพร้ายแรงจริงๆ ด้วย
“เอาล่ะ หยวนเทา ผมบอกแล้วไง เล่นงานให้เละเทะก็พอ ไม่ต้องเอาให้ตาย” จางเซวียนเห็นว่าหยวนเทากำลังรัวหมัดใส่ใบหน้าของจูหงอย่างบ้าคลั่ง ส่วนจูหงก็ปางตายแล้ว เขาจึงรีบสั่งให้หยวนเทาหยุดทันที
ไม่ว่าอย่างไรจูหงก็เป็นเด็กส่งสารที่ลู่ฉวินส่งมา แค่สั่งสอนให้พอหอมปากหอมคอก็พอ
ถ้าเล่นงานจนจูหงเกิดพิการเข้า เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อีก
ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือผู้เฒ่าคนไหน การจะชี้แนะให้ศิษย์ไปต่อสู้กับคนอื่นนั้น พวกเขาจะต้องใช้เวลานานในการคิดหาวิธีต่างๆ เพราะในสนามต่อสู้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับจางเซวียน เขามีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในหัว เขาสามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะใช้วรยุทธแบบไหนและมีจุดอ่อนอะไรตรงไหนบ้าง เขาจึงสามารถแก้เกมได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้วรยุทธของหยวนเทาจะด้อยกว่าจูหงอยู่มาก แต่เมื่อรู้จุดอ่อนของจูหงแล้ว การที่เขาจะเอาชนะจูหงได้ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรมากมาย
“ครับ อาจารย์” หยวนเทาต่อยไปอีกสองสามทีก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เขาจึงลุก
ณ ตอนนี้ สารรูปของจูหงไม่ต่างอะไรไปจากหัวหมูพะโล้เลย ตาทั้งสองของเขาบวมเป่ง ใบหน้าก็ปูดบวมจนกลายเป็นคนละคนเลย
“แก… เล่นสกปรกนี่นา” จูหงตะเกียกตะกายขึ้นมาแล้วมองไปที่หยวนเทาทันทีพร้อมกับกัดฟันพูด
จูหงคิดว่าหยวนเทาจะต้องจงใจแกล้งทำเป็นอ่อนแอ ไม่รู้วรยุทธอะไรเพื่อทำให้เขาตายใจก่อน แล้วพอเขาตายใจก็มาเอาจริงทีหลัง
บัดซบที่สุด
“เล่นสกปรกหรือ ฉันจะเล่นสกปรกแล้วไง แกจะมาสู้กับฉันอีกสักครั้งก็ได้นะ” หยวนเทากำลังเมามันกับการเล่นงานอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ แล้วจะไปสนใจเรื่องเล่นสกปรกหรือไม่ทำไม เขามองไปที่จูหงด้วยสายตาที่ไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
“นี่แก…” จูหงเห็นหยวนเทาไม่รู้สึกเกรงกลัวตนแม้แต่น้อย จึงไม่กล้าที่จะรับคำท้าของหยวนเทาอีก
เจ้าอ้วนนี่รู้จุดอ่อนของเขา ถ้าเกิดไปสู้กับมันอีกครั้งหนึ่ง ตนคงต้องถูกเล่นงานจุดเดิมอีกอย่างแน่นอน
ขณะที่จูหงกำลังรู้สึกสับสนก็ได้ยินเสียงของจางเซวียนดังขึ้น
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณก็ทำซะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้แล้ว ก็อย่าไปทำอะไรเขาอีกเลย” จางเซวียนพูดด้วยสีหน้าที่เมตตาปรานี
“ถูก…” จูหงได้ยินคำพูดของจางเซวียนก็รู้สึกโล่งอกทันที ขณะที่เขากำลังคิดคำพูดเพื่อจบการต่อสู้ในครั้งนี้ลงอย่างสวยงาม ก็ได้ยินเสียงของจางเซวียนดังขึ้นอีกครั้ง
“เจิ้งหยาง คุณเองก็คงอยากได้เงินรางวัลหนึ่งพันเหรียญด้วยเหมือนกัน… ไปสิ… ไปเอาเลย”
“อะไรนะ” จูหงสะดุ้ง
ไม่ได้จะให้ฉันกลับไปหรอกหรือ แล้วทำไมถึงยังจะให้คนอื่นมาสั่งสอนฉันต่ออีกล่ะ
จูหงช็อกไปชั่วขณะแล้วจ้องไปที่เจิ้งหยางด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม
จะต่อสู้กันอีกครั้งก็ได้
เมื่อครู่เจิ้งหยางเป็นคนแรกที่กระโจนเข้ามาสู้กับเขาแล้วถูกถีบจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น เห็นได้ชัดว่าฝีมือของเจิ้งหยางไม่ได้ดีมากนัก
อีกอย่าง จูหงมีประสบการณ์การต่อสู้กับหยวนเทาเมื่อครู่แล้ว ขอแค่ไม่ให้อีกฝ่ายออกกระบวนท่าทั้งสามก่อนหน้า ชัยชนะก็จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน
อีกอย่าง เมื่อครู่เขาถูกเจ้าหยวนเทาเล่นงานจนหมดรูป ถ้ากลับไปแบบนี้แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้
เมื่อคิดได้แล้ว แม้จะยังคงมีความกังวลอยู่นิดๆ แต่จูหงก็ยังยิ้มแล้วพูดขึ้น “มาเลย”
“ได้สิ” เจิ้งหยางเดินมาตรงหน้าจูหงทันที
ทั้งสองเริ่มประมือกันทันที แต่เจิ้งหยางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่โจมตีจูหงซึ่งๆ หน้าเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว แต่เลือกที่จะโจมตีเข้าที่ด้านข้างแทน
ถ้าเป็นเวลาปกติ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเข้าทางไหน จูหงก็จะสามารถแก้เกมได้หมด แต่เมื่อครู่เขาถูกหยวนเทาเล่นงานอย่างหนัก ร่างกายยังคงมีอาการบาดเจ็บ เจิ้งหยางโจมตีเข้าข้างซ้ายทีข้างขวาทีแบบนี้ จูหงจึงรับมือไม่ถูก
“แน่จริงก็มาสู้กับฉันตรงๆ สิวะ” จูหงตวาด
“อ๋อ…ได้” เจิ้งหยางตอบตกลงแล้วใช้มือซ้ายคว้าร่างของจูหงพร้อมสะบัดตัวหลบไปทางด้านขวา เขาออกกระบวนท่าที่หนึ่ง โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ออกกระบวนท่าที่สองในทางกลับกัน แล้วฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะตั้งตัว ใช้นิ้วแทนกระบี่แล้วทิ่มไปที่เอวของจูหงอย่างแรง
โดนไปอีกดอก…