ตอนที่ 98 เค้าจะสอบอะ…จะสอบ
“อะไรนะ ยังมีวิธีแบบนี้ด้วยหรือ” จางเซวียนรู้สึกตื่นเต้น
การจะปรุงยาขึ้นสักชนิดหนึ่ง ถ้าคนปรุงยาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการปรุงยาโดยตรงมาก่อน ก็จะไม่สามารถปรุงยาได้สำเร็จ เรื่องนี้จางเซวียนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่การประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยานั้น
ไม่เหมือนกัน เขามีหอสมุดเทียบฟ้าในครอบครอง ขอเพียงแค่มีหนังสือเรื่องการปรุงยาที่มากพออยู่ในหัว เขาก็จะสามารถเรียนรู้รายละเอียดของการปรุงยาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
“แม้วิธีนี้จะง่ายมาก แต่คนที่เป็นปรมาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่เลือกทำวิธีนี้หรอก พวกเขามักจะศึกษาการปรุงยาแบบจริงๆ จังๆ มากกว่า” โอวหยางเฉิงเห็นจางเซวียนเริ่มได้ใจ ก็ส่ายหัวแล้วพูดแทรก
“ทำไมหรือครับ” จางเซวียนรู้สึกประหลาดใจ
สามารถกลายเป็นนักปรุงยาได้ด้วยการสอบเพียงแค่ ‘หลักการและทฤษฎีของการปรุงยา’ แล้วทำไมถึงจะไปเสียเวลาในการศึกษาวิธีการปรุงยาอีกล่ะ
“พูดตามตรง ไม่ว่าอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ยอมลงมือปฏิบัติ ก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงเคล็ดวิชาต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะเก่งในหลักการมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยลงมือปรุงยาจริงๆ ก็ยากที่จะรู้ว่าหลักการเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้จริงหรือไม่ คนที่มีเฉพาะความรู้จากในหนังสือจะมาแข่งเรื่องการปรุงยากับคนที่เป็นนักปรุงยาตัวจริง คุณคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะเล่า” โอวหยางเฉิงพูดขึ้น
“คือว่า…” จางเซวียนพยักหน้า
ก็ประมาณสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นรึจะสู้มือคลำ
คำพูดของโอวหยางเฉิงเป็นความจริงทั้งหมดและเป็นคำพูดที่สมเหตุสมผลดี
ทฤษฎีแสง ถ้าไม่มีใครลองเอาไปประยุกต์ใช้หรือลงมือปฏิบัติจริงๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทฤษฎีนั้นถูกต้องจริงๆ การปรุงยาก็เช่นเดียวกัน หากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์อาจจะกลายเป็นหายนะก็ได้
“การประลอง ‘วิวาทะกับเหล่านักปรุงยา’ ที่ผ่านมา มีปรมาจารย์จำนวนมากมายมาลองทำข้อสอบในรูปแบบนี้ ปรมาจารย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถสูงส่งเกินคนทั่วไปหลายสิบเท่า พวกเขามีความรู้ด้านการปรุงยาเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดาย… หลังจากที่พวกเขาลองประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาดู พวกเขาทุกคนต่างสอบตกกันเป็นแถว ในจำนวนปรมาจารย์นับพันจะมีเพียงบางรายเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จจริงๆ” โอวหยางเฉิงถอนใจ
ในจำนวนปรมาจารย์ทั้งหนึ่งพันคนจะมีเพียงห้าคนที่สอบผ่าน อัตราการสอบผ่านมันช่างต่ำจนน่าใจหาย
“ถูกต้อง ทฤษฎีกับการปฏิบัติมันต่างกันราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาจะเป็นวิธีการสอบเป็นนักปรุงยารูปแบบหนึ่ง แต่กลับไม่ค่อยจะมีคนใช้สอบ วิธีการสอบแบบนี้กำลังจะถูกลืม” โอวหยางเฉิงส่ายหัว
ถึงแม้ว่าเนื้อหาของการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาอาจฟังดูง่ายกว่าการสอบปรุงยาอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วมันมีความยากยิ่งกว่าการสอบปรุงยาอยู่หลายเท่าตัวนัก
ไม่มีประสบการณ์ด้านการปรุงยาจริง เพียงรู้จักแค่ทฤษฎี แล้วแบบนี้จะสอบผ่านได้อย่างไร
ถ้าสามารถเล่าทฤษฎีปรุงยาได้อย่างถูกต้อง นั้นก็หมายความว่า ฝีมือการลงมือในเชิงปฏิบัติของเขาจะต้องไม่เลวเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ถ้าจะเอาเข้าจริงๆ การสอบปรุงยาจะง่ายกว่าการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาอย่างมาก
“คนอื่นทำไม่ได้… แต่ผมทำได้นะครับ” จางเซวียนพูดเสียงดังด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆ เขาไม่ได้สนใจโอวหยางเฉิงที่กำลังยืนถอนใจอยู่ด้วยซ้ำ
การวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา สำหรับคนอื่นอาจเป็นเรื่องยาก
แต่สำหรับจางเซวียน มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากจริงๆ
เขามีหอสมุดเทียบฟ้าในครอบครอง สามารถจะแยกแยะข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องของทุกสิ่งได้ สำหรับคนทั่วไป ถ้ารู้เพียงทฤษฎีแต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติจริงก็จะไม่สามารถแยกแยะยาได้อย่างแม่นยำได้ แต่หอสมุดเทียบฟ้าไม่เหมือนกัน เพียงจางเซวียนมองดูแวบเดียว เขาก็สามารถแยกแยะทุกอย่างออกมาได้
ถ้าใช้ความรู้ของหอสมุดเทียบฟ้าไปทำข้อสอบ เขาต้องสอบผ่านแน่นอน
“ในเมื่อมีวิธีสอบแบบนี้ งั้นผมขอตัดสินใจสอบการวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาเพื่อเป็นนักปรุงยาตัวจริงก็แล้วกัน” เมื่อจางเซวียนคิดได้แบบนี้ก็รีบพูดออกไปทันทีโดยไม่ลังเล
“อะไรนะ” โอวหยางเฉิงพูดอะไรไม่ออก อุตส่าห์เกริ่นมาตั้งนาน เป้าหมายก็คือให้จางเซวียนล้มเลิกความคิดที่จะไปเข้าร่วมการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา แต่ที่ไหนได้ กลับทำให้จางเซวียนยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก “คุณรู้ถึงผลลัพธ์ของการสอบไม่ผ่านไหม”
“ผลลัพธ์หรือ”
“ถูกต้อง การประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยานั้น อย่างน้อยต้องใช้นักปรุงยาถึงสิบท่านมาช่วยคุมสอบและช่วยกันให้คำวิพากษ์วิจารณ์ นักปรุงยาจำนวนมากขนาดนี้ แต่ละท่านล้วนเป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่งในสังคม ถ้าไม่มีบทลงโทษสำหรับการทำข้อสอบผิดพลาดเอาเสียเลย แบบนี้ทุกคนก็จะแห่มาสอบกันเป็นแถวน่ะสิ นักปรุงยาทั้งสิบท่านจะต้องเหนื่อยตายแน่ๆ”
โอวหยางเฉิงพูด “ดังนั้น สมาพันธ์จึงกำหนดไว้ว่า ในกรณีที่ศิษย์ของนักปรุงยายื่นขอสอบการวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา ถ้าสอบผ่านก็ดีไป แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน ผู้เข้าสอบจะต้องชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญให้กับนักปรุงยาแต่ละท่านทันที แล้วยังต้องถูกโบยด้วยกระบองสยบเทพอีกหนึ่งร้อยครั้ง พร้อมกับถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการสอบเป็นนักปรุงยาอีกสิบปี”
จางเซวียนรู้สึกพูดอะไรไม่ออก ก็บทลงโทษนี้มันรุนแรงจริงๆ นั่นแหละ
การวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาจะต้องใช้นักปรุงยาอย่างน้อยสิบท่าน ถ้าต้องชดใช้เงินให้ท่านละหนึ่งแสนเหรียญล่ะก็ แบบนี้ก็ต้องจ่ายหนึ่งล้านเหรียญเลยน่ะสิ
เงินจำนวนมากขนาดนี้ สำหรับศิษย์ของนักปรุงยามันเป็นจำนวนเงินที่เกินกว่าจะนึกภาพออกได้ ทั้งชีวิตก็อาจจะหาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
กระบองสยบเทพเป็นบทลงโทษชนิดหนึ่ง มันจะปล่อยพลังออกมาตามระดับพลังปราณของผู้ถูกตี ถ้าถูกโบยด้วยกระบองนี้หนึ่งร้อยทีจริงๆ ต่อให้เป็นจางเซวียนเองในตอนนี้ก็คงจะต้องพิการ ภายในหนึ่งถึงสองเดือนข้างหน้าเขาคงต้องอยู่แต่บนเตียงพยาบาลแน่นอน
ส่วนบทลงโทษที่สาม ในชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีคำว่าสิบปีกี่ครั้งกันเชียว ถ้าถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการสอบสิบปีก็เท่ากับว่าเริ่มปรุงยาช้าไปสิบปี ถ้าจะกลับมาสอบอีกครั้ง น่ากลัวว่าชีวิตนี้คงไม่มีสิทธิ์จะได้เป็นถึงนักปรุงยาแล้วแหละ
“ผลลัพธ์ร้ายแรงมาก แล้วยังยากมากอีกด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมไม่มีใครต้องการจะลองสอบในลักษณะนี้ ตามที่ผมรู้มา อาณาจักรที่อยู่ใกล้เคียงกับอาณาจักรเทียนเซวียนทั้งสิบกว่าอาณาจักร ในระยะเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครกล้าสอบแบบนี้เลย”
โอวหยางเฉิงพูดไปก็เตือนจางเซวียนไป “คุณมีพรสวรรค์ขนาดนี้ ผมว่าค่อยๆ ศึกษาหาความรู้ไปตามขั้นตอนเถอะ การประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาไม่เหมาะกับคุณหรอก”
“ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะลองสอบการวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาดู รบกวนท่านนักปรุงยาโอวหยางเฉิงช่วยจัดการให้ด้วย” จางเซวียนส่ายหัว
จะบ้าหรือ การประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยสามารถทำให้กลายเป็นนักปรุงยาได้ แบบนี้มันก็ต้องลองสอบดูกันหน่อย ไม่ใช่ถูกขู่ก็กลัวจนวิ่งกลับบ้าน
จะให้เขาเรียนรู้วิธีการปรุงยา แล้วเมื่อไรถึงจะได้เป็นนักปรุงยาเหมือนคนอื่นสักทีล่ะ
อย่าว่าแต่จะไม่ทันการเลย ตนยังต้องเสียแรงเสียพลังงานไปอีกมากด้วย
“ช่วยจัดการหรือ นี่คุณ… คิดจะสอบตอนนี้เลยหรือ” โอวหยางเฉิงรู้สึกตกใจ
แกเพิ่งได้เป็นศิษย์ของนักปรุงยา ยังไม่รู้ว่าการปรุงยาคืออะไรเลย จะมาประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาแล้วหรือ นี่ล้อกันเล่นอยู่รึเปล่าเนี่ย
ไม่ได้ล้อเล่นอยู่แล้ว
“ครับ” จางเซวียนพยักหน้า
“คุณ… รู้ไหมว่ประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยานั้นมีเนื้อหาอะไรบาง คุณรู้ไหมว่าจะมีนักปรุงยาแบบไหนมาซักถามปัญหา คุณเพิ่งจะกลายเป็นศิษย์ของนักปรุงยา ยังไม่ทันได้เรียนรู้เรื่องการปรุงยาอย่างจริงๆ จังๆ เลย แล้วจะประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาได้หรือ…” ตู้หม่านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดอะไรไม่ค่อยออก
“ผมสามารถไปอ่านหนังสือในหอสมุดชั้นล่างของสมาพันธ์ได้ไม่ใช่หรือครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ผมจะลองไปหาข้อมูลที่นั่นดู” จางเซวียนอธิบายทันทีที่เห็นทั้งสองเริ่มมีอาการตื่นตกใจ
“ลองไปหาข้อมูล?” โอวหยางเฉิงกับตู้หม่านถึงกับเลือดขึ้นหน้า ท่าทางโงนเงน
แกยังต้องไปอ่านหนังสืออยู่อีกหรือ
แกเพิ่งจะสอบผ่านแล้วได้มาเป็นศิษย์ของนักปรุงยา ยังไม่เคยไปหอสมุดเลยสักครั้ง แต่กลับจะประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา แกแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้กำลังล้อพวกข้าเล่นอยู่
หอสมุดมีหนังสือกว่าแสนเล่ม จะอ่านให้หมดทุกเล่ม อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามถึงห้าปี แกยังไม่เคยเข้าไปอ่านหนังสือมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แกกล้าเกินไปหรือว่าสมองมีปัญหามากเกินไปกันแน่?
“เดี๋ยวผมก็จะเดินไปอ่านหนังสือที่นั่นแล้วครับ วางใจเถอะ ผมไม่ให้เสียเวลาไปเปล่าๆ หรอก ส่วนเรื่องการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา อย่างไรก็ต้องรบกวนให้ท่านทั้งสองช่วยเป็นธุระด้วยนะครับ” จางเซวียนพูดต่อ
“จะเดินไปอ่านหนังสือตอนนี้เลยหรือ…” คนที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกมึนงงไปตามๆ กัน
รู้แล้ว… แกคิดจะอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องสอบห้านาทีใช่ไหม
หนังสือยังไม่ได้อ่าน แต่จะประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาเสียแล้ว
เรื่องโง่ๆ แบบนี้ก็ดันทำลงไปได้ คนแบบนี้สอบผ่านจนกลายเป็นศิษย์ของนักปรุงยาได้อย่างไรกัน
“วางใจเถอะครับ ผมรู้ว่าอะไรคืออะไร ผมจะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจหรอก พวกท่านช่วยจัดการเรื่องการสอบให้ผมหน่อยก็แล้วกัน ผมไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ แล้วเจอกัน” จางเซวียนเห็นทุกคนในห้องต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ก็รีบพูดออกมาทันที
“รู้ว่าอะไรคืออะไร”
“ไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ”
จะบ้าหรือ
แกรู้รึเปล่าว่าเตาปรุงยามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร รู้รึเปล่าว่ายามีลักษณะกลมหรือแบน รู้รึเปล่าว่านักปรุงยาเขาเก็บสมุนไพรกันอย่างไร
แกไม่รู้อะไรสักอย่าง ก็ดันจะไปสอบเป็นนักปรุงยาแล้ว แถมยังจะประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาอีก… แกแน่ใจนะว่ามีความมั่นใจน่ะ
“ก็ได้” เมื่อรู้ว่าห้ามไปก็ไร้ประโยชน์ โอวหยางเฉิงกับตู้หม่านได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหัว “ผมจะจัดการเรื่องสอบให้คุณเดี๋ยวนี้เลย แต่การจะระดมนักปรุงยาจำนวนมากขนาดนี้ มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายค่อยประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาก็แล้วกัน ในระหว่างนี้ ทางที่ดีคุณควรคิดให้ดีๆ ก่อนว่าตัวเองต้องการจะทำอะไรกันแน่ ไม่เช่นนั้น ถ้าเริ่มสอบแล้ว ทุกอย่างก็จะสายเกินแก้”
“ครับ” จางเซวียนพยักหน้าแล้วสะบัดชายเสื้อลง ท่าทางของเขาเหมือนคนที่มีความมั่นใจเต็มร้อย
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะเดินออกจากห้องสอบไปนั้น เขาก็หันมาถาม “เออจริงสิ หอสมุดอยู่ที่ไหนหรือครับ”
“…” โอวหยางเฉิง
“…” ตู้หม่าน
“…” ซุนเทาและจูหวาหัว