ตอนที่ 123 : สงครามผู้วิเศษ
เถาวัลย์สีดำเลื้อยพาดทั่วสวนดอกไม้เน่าเปื่อยนอกหน้าต่างบ้าน สายน้ำซึ่งเคยเชี่ยวกรากเริ่มไหลเอื่อยในความเร็วช้าลง พื้นผิวของมันส่องสะท้อนแสงดวงดารายามค่ำคืน สร้างความสว่างเล็กๆ แก่อาคารโดยรอบ
บรรยากาศกำลังเงียบงัน คล้ายกับเฝ้ารอการมาถึงของรัตติกาลมืดมิด
ทริสซี่ สาวสวยอ่อนละมุนผู้มีรูปร่างธรรมดาไม่หวือหวา ละสายตาจากกระจกเงาและเดินไปยังราวผ้าข้างตู้ เสื้อคลุมดำยาวถึงพื้นคล้ายนักบวชถูกหยิบสวมพร้อมผ้าคลุมหัวสีเดียวกันกลมกลืน
เครื่องแต่งกายแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวก้มหน้าติดกระดุมพลางรัดเข็มขัดแน่นถนัดทะมัดทะแมง ทริสซี่ดึงผ้าคลุมหัวขึ้น เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น ‘นักลอบสังหาร’ โดยสมบูรณ์
สาวสวยหน้ากลมเลื่อนมือขวาขึ้นมาลูบใบหน้าหนึ่งหน รูปโฉมพลันพร่ามัวไม่ชัดเจน ยากระบุตัวตนว่าบุคคลภายใต้ผ้าคลุมศีรษะคือใคร
ถัดมา ทริสซี่หยิบผงปริศนาระยิบระยับหนึ่งกำมือโปรยใส่ร่างกายตัวเองถ้วนทั่ว ปากพึมพำคาถาบางชนิดพลางหลับตาเพ่งสมาธิ
ทันใดนั้น ร่างหล่อนพลันเลือนหายทีละนิด จนกระทั่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมรอบข้างโดยสมบูรณ์ คล้ายกับมีใครนำยางลบมาถูออก
หลังจากอำพรางตัวด้วยเวทมนตร์ ทริสซี่ลอบเดินออกจากห้องน้ำอย่างเงียบงัน ตรงไปยังห้องฝั่งตรงข้ามและเลื่อนเปิดบานหน้าต่าง
เพียงกระโจนแผ่วเบา หล่อนนำพาร่างกายโปร่งใสของวางบนวงกบหน้าต่าง สายตากวาดมองลานหญ้าดำมืดด้านล่าง จนกระทั่งเหลือบเห็นบางสิ่งบนรั้วโลหะ
นักเก็บซากศพ ฟราย กำลังลอบปีนรั้วเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบระมัดระวัง
ทริสซี่สูดลมหายใจลึก ทิ้งตัวลงด้านล่างในลักษณะร่อน คลับคล้ายขนนกปลิวลอยสัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวล ปราศจากสุ้มเสียงใดให้ผู้บุกรุกหยั่งถึง
หลังจากข้ามรั้วสำเร็จ ฟรายในเสื้อกันลมสีดำกวาดตามองรอบตัว สองมือกุมลูกโม่สั่งทำพิเศษแน่นขนัด เป้าหมายที่มันกำลังมองหาคือวิญญาณอาฆาตซึ่งอาจหลงเหลือและเป็นอันตรายต่อพวกพ้องตน
สำหรับฟราย มันสามารถมองเห็นตัวตนเหล่านั้นด้วยตาเปล่า ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเนตรวิญญาณให้เป็นภาระร่างกาย
ทริสซี่ในสภาพอำพรางตัว ลอบอ้อมเข้าด้านหลังฟรายเงียบงัน แน่นอนว่าผู้เก็บซากศพย่อมมิอาจตระหนักถึงตัวตนนักลอบสังหาร
เพียงพริบตา มีดแหลมคมฉาบสีดำปรากฏในมือทริสซี่อย่างไร้ปี่ไร้ขลุ่ย
ฉึก!
คมมีดปักใส่แผ่นหลังฟรายแม่นยำแลเงียบเชียบ
ทันใดนั้น ภาพการมองเห็นทริสซี่พลันแตกละเอียดคล้ายเศษกระจก ราวกับเหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งหมดเป็นเพียงมายา
เมื่อตระหนักได้อีกที จิตของเธอยังคงนั่งบนวงกบหน้าต่างชั้นสองในสภาพอำพรางล่องหน สายตากวาดมองลานหญ้าและรั้วโลหะด้านล่าง
เว้นแต่หนนี้ ด้านนอกรั้วเหล็กไม่เพียงปรากฏร่างผู้เก็บซากศพฟราย แต่ยังมีนักกวีเลียวนาร์ด·มิเชลซึ่งกำลังยกปืนเล็งมาทางบานหน้าต่างที่เธอนั่ง รวมถึงดันน์·สมิท หัวหน้าหน่วยเหยี่ยวราตรีซึ่งกำลังหลับตาลงและใช้ปลายนิ้วกดหว่างคิ้ว มวลอากาศรอบตัวดันน์·สมิทกำลังกระเพื่อมเลือนรางชนิดมองเห็นด้วยตาเปล่า
นัยน์ตาทริสซี่พลันหดลีบ เธอตระหนักทันทีว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นภาพความฝัน
ตนถูกสะกดให้หลับใหลโดยไม่ทันรู้ตัว!
ปัง! ปัง! ปัง!
เลียวนาร์ดและฟรายยิงรวมกันสองคนสามนัด กลุ่มกระสุนปราบมารแหวกอากาศทะลวงร่างทริสซี่ผู้เพิ่งตื่นจากการหลับใหล
เพล้ง!
ผลอำพรางเสื่อมคลาย กายาของหญิงสาวถูกเปิดเผย แต่ในลักษณะแตกกระจายเป็นเศษกระจกเงินชิ้นเล็กชิ้นน้อย มิใช่เนื้อหนังมนุษย์
ภายในบ้าน หลังจากทริสซี่ใช้พลัง ‘สลับตำแหน่ง’ ของนักลอบสังหาร เธอหันหลังและรีบวิ่งไปตามทางเดินเตรียมลงไปยังชั้นหนึ่ง
ฟ้าว!
สายลมเย็นเฉียบพัดหมุนวนอย่างเกรี้ยวกราดทั่วชั้นหนึ่งของตัวบ้านตลอดเวลา เย็นยะเยียบถึงขนาดสามารถแช่แข็งมนุษย์ธรรมดาทั้งเป็น ภาพมองเห็นของทริสซี่ปรากฏร่างโปร่งแสงของวิญญาณไร้ชีวิตจำนวนมากเวียนวนชุกชุมทั่วมุมห้อง
หญิงสาวสูญเสียมนตร์อำพรางไปแล้ว อุณหภูมิร่างกายคลายลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเดินผ่านกลุ่มวิญญาณปริมาณมหาศาล ทริสซี่มิอาจระงับอาการสั่นระริกของร่างกาย
จำต้องกัดฟันฝืนเดินไปให้ถึงแท่นบูชา
แท่นบูชามีลักษณะคล้ายโต๊ะกลม ใจกลางเป็นเทวรูปขนาดเล็กถูกแกะสลักด้วยกระดูก
เทวรูปหญิงสาว
ขนาดประมาณศีรษะบุรุษโตเต็มวัย บนใบหน้าปราศจากรายละเอียดปลีกย่อย ปรากฏเพียงดวงตางดงามของสตรีเลอโฉม
เส้นผมงอกยาวถึงส้นเท้า แต่ละเส้นมีลักษณะค่อนข้างหนา คล้ายกับอสรพิษหรือหนวดหมึกก็มิปาน
ปลายสุดของทุกเส้นจะปรากฏดวงตาหนึ่งข้างเสมอ บ้างกำลังหลับ บ้างกำลังลืม
รอบเทวรูปมีหุ่นกระบอกวางเรียงรายจำนวนมาก งานฝีมือแต่ละหุ่นค่อนข้างหยาบ คล้ายกับไม่เน้นสวยงาม แต่เน้นใช้งานในฐานะตัวแทน บนหุ่นมีชื่อและข้อมูลบางส่วนสลักอยู่ ตัวอย่างเช่น จอยซ์·ไมเยอร์
บนแท่นบูชามีเทียนไขจำนวนสามเล่มกำลังส่องแสงเหลืองนวลสงบนิ่ง ทั้งที่รอบห้องมีสายลมเกรี้ยวกราดพัดผ่านตลอดเวลา
ทริสซี่ก้มศีรษะให้เทวรูป ปากขยับพึมพำบทคาถา จากนั้น เธอรีบผลักกลุ่มหุ่นกระบอกจนกระจัดกระจาย ดับเทียนสามเล่มและยกเทวรูปขึ้นมากอดรัดแน่นถนัด
ฟ้าว!
สายลมพลันกระโชกรุนแรงยิ่งกว่าเก่า บานหน้าต่างรอบชั้นหนึ่งของบ้านเริ่มสั่นสะเทือนโครมครามคล้ายกลับมิอาจรองรับโทสะ
กึก กึก กึก กึก!
เปรี้ยะ!
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
เศษกระจกปลิวว่อนตามแรงลมลอยกระจายทั่วห้อง
ฟรายลอบเข้าบ้านสำเร็จจากประตูอีกฝั่ง เมื่อเห็นฉากตรงหน้า มันไม่ผลีผลามรุกล้ำเข้าเขตพิธีกรรมอย่างขาดปัญญา
แม้จะแผ่บรรยากาศรอบตัวเย็นชาเสมอ แต่ยามนี้ ร่างฟรายกำลังสั่นระริกหยุดไม่อยู่ คล้ายกับโลหิตในกายเริ่มจับตัวเป็นก้อนแข็ง ทุกการกระทำเชื่องช้าลงฉับพลัน
ทันใดนั้น ส้นเท้าฟรายมีอันชะงักงัน คล้ายกับถูกบางสิ่งมองไม่เห็นยื้อยุดฉุดรั้ง
ไอเย็นแผ่ทั่วทุกส่วนร่างกาย ในฐานะผู้วิเศษลำดับเก้า มันควรถูกแช่แข็งทั้งเป็นในพริบตา แต่สิ่งนี้คงเป็นข้อยกเว้นเฉพาะเส้นทางผู้เก็บซากศพซึ่งมีภูมิต้านทานความเย็นเข้าขั้นโดดเด่น
ฟรายเล็งปากกระบอกลูกโม่ไปยังส้นเท้าตนพร้อมกับเหนี่ยวไก คล้ายกับมองเห็นว่าสิ่งที่กำลังพันธนาการข้อเท้าคืออะไร
ปัง!
กระสุนปราบมารสีเงินพุ่งกระแทกพื้นพร้อมกับเสียงโหยหวนแหบพร่า ร่างโปร่งใสพลันสลาย ฟรายได้รับอิสระกลับคืนมา
ขณะเดียวกัน ดันน์·สมิทที่หวังกระโจนเข้าทางหน้าต่างชั้นสองเพราะไม่ต้องการปะทะกับแท่นบูชาโดยตรง มีอันต้องร่างกายแข็งทื่อเมื่อถูกสายลมเย็นยะเยียบปะทะร่างก่อนจะได้ส่งแรงกระโดด
ฟ้าว!
ม่านสีดำซึ่งกำลังสะบัดพัดกระพือพึบพับ ปลิวลอยออกนอกบ้านพร้อมกับพยายามห่อหุ้มร่างกายส่วนบนของดันน์·สมิท ประหนึ่งปากอสูรร้ายหมายกลืนกินเหยื่อลงคอ
ศีรษะดันน์ถูกรัดแน่นโดยผ้าม่านมีชีวิต ลำตัวท่อนบนบุรุษวัยกลางคนคล้ายกับกำลังสวมชุดคลุมรัดรูป
ดันน์ซึ่งใกล้ขาดอากาศหายใจ ใช้ฝ่าเท้าสองข้างกระทืบพื้นเสียงดังพร้อมกับบิดเอวด้วยพละกำลังดุจดังช้างสาร แม้แต่อำนาจชั่วร้ายยังต้องพ่ายแพ้แก่ผู้ไร้หลับยามค่ำคืน
ดันน์กระชากผ้าม่านออกจากศีรษะและเหวี่ยงกระแทกพื้นสุดแรง
ปัง!
มันหันไปยิงผ้าม่านใกล้ตัวอีกผืนด้วยกระสุนปราบมาร ยังยั้งมิให้เกิดการโจมตีในลักษณะเดียวกัน
ผ้าม่านแสนเกรี้ยวกราดพลันชะงักงัน เลือดสีแดงสดกระฉูดออกจากความว่างเปล่า
ฟ้าว!
บนสวนดอกไม้เหี่ยวเฉา เลียวนาร์ด·มิเชลซึ่งพยายามขับขานบทกวีหลับใหล ถูกสายลมเย็นอัดแน่นด้วยกลิ่นอายความตายเข้มข้นพัดผ่านร่างจนเย็นยะเยียบมิอาจขยับเขยื้อน ฟันซี่หน้าของมันแตกหัก ส่งผลให้ยากจะเปล่งบทกวีชัดถ้อยชัดคำ
เถาวัลย์ดำเลื้อยรัดพันแข้งขาและลำคอเลียวนาร์ดจนมิอาจขยับเขยื้อนเข้าใกล้บานหน้าต่าง ท่ามกลางความมืดและแรงลม เงาดำปริศนาขยับวูบวาบ ก่อนจะมีบางสิ่งพุ่งใส่เลียวนาร์ดด้วยความเร็วสูงลิบ
เนื่องจากถูกไอเย็นกัดกิน นักกวีเที่ยงคืนเลียวนาร์ดจึงสูญเสียความเร็วและมิอาจยิงตอบโต้เงาดำปริศนาทันท่วงที มันตัดสินใจขยับไหล่โยกหลบพร้อมกับใช้ท่อนแขนปกป้องอวัยวะสำคัญไว้
ฉึก!
เงาดำกระแทกใส่ท่อนแขนซ้ายอย่างจัง แง่งหนามลึกลับทิ่มแทงผิวหนังของนักกวีเที่ยงคืน เลียวนาร์ด·มิเชลจนเกิดบาดแผลเป็นทางยาว
ตัวตนแท้จริงของเงาดำดังกล่าวคือดอกไม้แดงสดคล้ายกุหลาบ แต่นักกวีหนุ่มมิอาจทราบความเป็นมาเป็นไป
เมื่อเห็นบุปผาแดงก่ำกำลังเปียกชุ่มเลือดของตน เลียวนาร์ดกัดฟันขว้างมันทิ้งด้วยสีหน้าปวดแปลบ
ปัง!
มันลั่นไกปืนยิงใส่เถาวัลย์ดำที่พันธนาการแข้งขาลำคอ โลหิตแดงฉานไหลซึมจากพืชทมิฬซึ่งไม่สมควรมีชีวิตตั้งแต่แรก
จากนั้น มันสับขาวิ่งเต็มเหนี่ยว กระโจนลอดผ่านบานหน้าต่างเข้าไปในตัวบ้านชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัย เมื่อกวาดสายตามองหนึ่งรอบ มันพบแท่นบูชาตั้งอยู่ด้านหลังจุดที่กระโดดผ่านเข้ามา
เถาวัลย์หนามไม่ไล่ตามต่อ พวกมันรีบหดตัวกลับประหนึ่งกำลังหวาดกลัวบางสิ่งที่มองไม่เห็นภายในบ้าน
อาศัยความชุลมุนวุ่นวายจากการทำลายแท่นบูชา ทริสซี่ใช้เวทมนตร์อำพรางตัวฉาบทับใส่เรือนร่าง ลักษณะโปร่งใสยากสัมผัสถึง
แม้แต่เนตรวิญญาณของเหยี่ยวราตรีก็มิอาจตรวจพบเวทมนตร์ล่องหนสมบูรณ์แบบของนักลอบสังหาร หญิงสาวหนีรอดจากการล้อมโจมตีง่ายดาย เธอปรากฏตัวอีกครั้งในจุดอับสายตาซึ่งเหยี่ยวราตรีทั้งสามมองไม่เห็น
ทริสซี่ทำการแบมือขวาออก ทันใดนั้น สายลมที่มองไม่เห็นพลันพัดพาดอกไม้ชุ่มเลือดเลียวนาร์ดลอยหล่นบนฝ่ามือ
ด้วยดอกไม้แดงในมือ ทริสซี่กระโจนข้ามรั้วคล่องแคล่ว ก่อนจะหนีไปในทิศทางแม่น้ำทัสซอค
เลียวนาร์ดที่เพิ่งเข้ามาในตัวบ้าน พลันเหลียวมองทางแม่น้ำ คล้ายกับสัมผัสสิ่งผิดปรกติจากจุดดังกล่าว
สีหน้านักกวีเที่ยงคืนดำมืดฉับพลัน มันรีบถกแขนเสื้อขึ้นและสำรวจบาดแผลซึ่งเกิดจากหนามบุปผาแดง
ด้วยพลังพิเศษของผู้ไร้หลับ บาดแผลสมานตัวรวดเร็วและเลือดหยุดไหล โลหิตสีดำจับตัวแข็งเป็นก้อนนูนขึ้นเหนือปากแผล
เลียวนาร์ดเริ่มตึงเครียด มันกัดฟันดึงเล็บนิ้วชี้มือซ้ายออกด้วยสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
อย่างไรก็ตาม เลียวนาร์ดไม่หยุดมือจนกระทั่งเล็บนิ้วชี้หลุดออกตามความตั้งใจ ปากรีบพึมพำบทคาถาเสียงค่อย พร้อมกับใช้เล็บที่เพิ่งถอนออก ขูดก้อนเลือดนูนบนปากแผล
เมื่อเล็บชุ่มเริ่มด้วยเลือดดำสนิท นักกวีเที่ยงคืนรีบดึงกระจุกผมออกจากหนังหัวตัวเองสองสามเส้น จากนั้นมัดพันเส้นผมรอบเล็บจนแน่นถนัด
…
เลียบแม่น้ำทัสซอค ทริสซี่เริ่มลดความเร็วฝีก้าว สายตาชำเลืองบุปผาแดงในมือ
หญิงสาวรีบก้มหน้าท่องคาถาเพื่อเสกเปลวเพลิงมายาสีดำสนิทบนฝ่ามือซ้าย
เพลิงมายาดังกล่าวแผดเผาบุปผาแดงจนมอดไหม้เหลือเพียงซากขี้เถ้า
ถัดมา ทริสซี่กระโจนลงแม่น้ำพร้อมกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ดรีบขว้างเล็บที่พันด้วยเส้นผมลงพื้นบริเวณมุมห้อง สายตาจดจ้องมองตามไม่กะพริบ จนกระทั่งเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้เส้นผมและเล็บ กลายเป็นเศษขี้เถ้าพร้อมส่งกลิ่นเหม็นเจือจาง
เลียวนาร์ดถอนหายใจยาวสุดปอด มันเดินไปหาดันน์และฟรายซึ่งกำลังรีบทำลายแท่นบูชาด้วยสีหน้าตึงเครียด
“คนร้ายหนีไปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างน้อยพวกเราก็บรรลุเป้าหมายหลัก ยับยั้งพิธีกรรมชั่วร้ายซึ่งอาจเป็นภัยต่อทิงเก็น”
ดันน์ถอนหายใจผิดหวังขณะเหลือบมองหุ่นกระบอกบนโต๊ะกลม
“เธอระมัดระวังตัวมาก แถมยังทรงพลัง”
“สัมผัสถึงการลอบจู่โจมของพวกเราได้ทันท่วงที ไม่อย่างนั้นผลคงออกมาตรงข้าม…”
“ผมมั่นใจ อย่างน้อยหล่อนก็ต้องเป็นผู้วิเศษลำดับเจ็ดขึ้นไป”
“ส่งสัญญาณบอกไคลน์ ให้เขาช่วยตรวจสอบจุดเกิดเหตุ”
จากการเข้าฝันของตน ดันน์ทราบเพียงคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้วิเศษเพศหญิง
……………………